Paracetamol Season I
1.0
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.35 น.
7 chapter
0 วิจารณ์
9,619 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Episode 2.2 – เปิดเทอม Pt.2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “เฮ้อ ถึงสักทีนะ”
โบ๊ทถอนหายใจยาวพลางยิงรีโมตไปยังยานพาหนะคู่ใจ ขณะเดียวกัน บอยยังคงขยี้ตาที่ยังคงลืมไม่ขึ้นอยู่หลังจากที่ได้นอนหลับในรถจนเต็มอิ่มมานาน แต่แล้ว ความน่าตื่นตาตื่นใจของรั้วมหาวิทยาลัยก็ทำให้ทั้งสองหนุ่มต่างตื่นเต้นและตกตะลึงไม่ต่างกัน เพราะทุกอย่างในตอนนี้กลายเป็นของใหม่หมด และในตอนนี้เพื่อนๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าทั้งสี่คน เหลือเพียงสองคนเท่านั้น เนื่องจากอีกสองต่างแยกย้ายกันไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ
“โอ้โห แม่งใหญ่ว่ะ”
“เออว่ะ แล้วแบบนี้พวกเราจะหลงไหมวะเนี่ย”
“เออนั่นสิวะมึง ไอ้โบ๊ท มึงช่วยกูอ่านป้ายละกัน เดี๋ยวก็เจอแหละว่ะ”
ทั้งสองหนุ่มเดินเข้ามาถึงใต้ตึกของภาควิชา ที่ในตอนนี้จอแจไปด้วยบรรดาเพื่อนนักศึกษาด้วยกันจนเต็มไปหมด
“ไอ้โบ๊ทๆ นั่นภาคเราเปล่าวะ”
“น่าจะใช่แหละมั้ง ลองเข้าไปถามดูสิวะมึง”
พูดแล้วรีบเดินตรงรี่เข้าไปยังกลุ่มนักศึกษาที่นั่งรวมตัวอยู่บริเวณนั้น และแล้ว ทั้งสองหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ ก็ทำให้เพื่อนนักศึกษาหญิงต่างพากันหันมามองอย่างพร้อมเพรียงกันอย่างตกตะลึง แม้แต่เพื่อนนักศึกษาชายทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ก็ยังต้องหันมามอง ในมุมที่ต่างความรู้สึกต่างอารมณ์กันไป
“อู้หู สองคนนั้นหล่อขั้นเทพเลยอ่ะ”
“คนนึงก็หล่อแบบน่ารัก คนนึงก็หล่อยังกับนักร้องเกาหลีแน่ะ อ๊าย ละลายไปหมดแล้วอ่ะ”
“โห ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าภาคเราจะมีคนหล่อมาเรียนตั้งสองคนแน่ะ”
สาวๆ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันต่างส่งสายตามองผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างชื่นชม เท่านั้นยังไม่พอ ประดาสาวประเภทสองทั้งหลายต่างจ้องมองทั้งสองราวกับจะเขมือบให้ได้ในพริบตา แต่ในสายตาของรุ่นพี่ปีสองบางคนกลับไม่คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะฝ่ายชาย ที่กลับรู้สึกว่า ผู้มาใหม่สองคนนี้กำลังทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาพวกเขาอยู่…
“น้องสองคนนั้นเป็นน้องใหม่ภาคดุริยางคศาสตร์ใช่ไหม”
เสียงห้าวหาญของรุ่นพี่ปีสองคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา ทำเอาทั้งสองหนุ่มที่กำลังยืนงงอยู่กับบรรยากาศถึงกับสะดุ้งโหยงพร้อมกันทั้งคู่
((ชะ…ใช่ครับ))
“งั้นมานั่งรวมกันตรงนี้เลย”
ชายร่างใหญ่กับใบหน้าที่ดูเข้มขึงขังกล่าวขึ้นพร้อมกับชี้มือไปทางกลุ่มนักศึกษาร่วมภาคที่นั่งรวมตัวกันอยู่ ทั้งสองต่างค่อยๆ ค้อมตัวลงแสดงการขอบคุณก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปนั่ง ขณะเดียวกัน กลุ่มนักศึกษาหญิงที่เมื่อสักครู่ยังหันมาซุบซิบเรื่องของทั้งสองคนนี้ต่างเขยิบตัวให้ทั้งสองเข้ามานั่งด้วยกัน
“พวกนายมานั่งด้วยกันนะ”
โบ๊ทยิ้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าตอบ แต่ว่าบอยกลับหย่อนตัวลงนั่งหน้าตาเฉย เท่านั้นยังไม่พอ กลับทำหน้าทะเล้นติดตลกให้เห็นอีก แต่นั่นทำให้กลุ่มสาวๆ ยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก
“พวกนายชื่ออะไรกันเหรอ”
“อ๋อ เราชื่อโบ๊ท”
“เราชื่อบอย”
ทั้งสองต่างพร้อมใจกันตอบเมื่อได้เห็นแววตาและท่าทางอันเป็นมิตรของคนที่เพิ่งยิงคำถาม และยิ่งคนถามเป็นสาวสวยอีก ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองไม่ลังเลที่จะผูกมิตรด้วยแม้แต่น้อย ฝ่ายสาวเจ้ายิ้มขึ้นมาหลังจากที่ทั้งสองตอบคำถามของตัวเองไปแล้ว
“จ้า เค้าชื่อเชอรีนนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับผม”
มือหนาๆ ยื่นไปจับมือเล็กๆ ของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำเอาเชอรีนถึงกับออกอาการตกใจและแปลกใจเล็กน้อย แต่ยังคงรักษามารยาทไว้ได้
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ คริๆ”
แต่ในระหว่างที่บรรยากาศของมิตรภาพใหม่ๆ กำลังจะไปได้ดีนั้น กลับมีเสียงอันไม่พึงประสงค์จากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่ปีสองดังสนั่นขึ้นจนทุกคนต้องหันไปมองพร้อมๆ กันอย่างไม่เข้าใจ
{{เฮ้ย ไอ้หล่อสองคนนั้น คุยอะไรวะ}}
“!?!”
………………………………………………………………….
ขณะเดียวกัน ในรั้วมหาวิทยาลัยเหลือง-แดง
บรรยากาศในประเพณี “รับเพื่อนใหม่” ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นไปอย่างอบอุ่น ไม่มีแม้กระทั่งนักศึกษาปี 2 3 4 ที่ออกมาแสดงตัวว่าเป็น “รุ่นพี่” ให้เห็น บรรดานักศึกษาปี 1 ต่างได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากบรรดาเพื่อนรุ่นเก่าในรั้วของคณะสังคมและมานุษยวิทยา รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้มาใหม่ปรากฏขึ้นเป็นระยะๆ ตลอดเวลาในช่วงการแนะนำตัวเพื่อนใหม่ในครั้งนี้ และสำหรับภาควิชามานุษยวิทยารุ่นนี้ มีเหตุการณ์ให้ฮือฮาเป็นพิเศษในหมู่นักศึกษาด้วยกันในเมื่อ…
“สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวมานุษยวิทยาทุกคน หนูชื่อแก้มนะคะ หนูมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภาควิชามานุษยวิทยากับเพื่อนๆ ทุกคน ยังไงแก้มขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
เสียงใสๆ ของหญิงสาวกล่าวแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ทุกคน หลังจากนั้นร่างระหงเดินกลับเข้ามานั่งในที่ของตัวเองท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนใหม่ทุกๆ คน และในระหว่างนั้น เพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับสาวเจ้าได้หันมาทักทายแนะนำตัวกับสาวเจ้าอีกครั้งหนึ่ง จนเกิดเป็นความโกลาหลเล็กๆ ขึ้นมา แต่แล้ว เพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เริ่มปรามเพื่อนคนอื่นๆ ที่กรูเข้ามารุมล้อมแก้มเต็มไปหมด และเมื่อเหตุการณ์สงบลงได้ ผู้ที่เพิ่งถูกรุมล้อมไปเมื่อสักพักก็ถือโอกาสกล่าวขอบคุณคนที่เพิ่งช่วยปราบม็อบแฟนเพลงไปเมื่อก่อนหน้านี้
หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในลุคส์สวยเฉี่ยวทันสมัย กับผมยาวสลวยสีแดงเพลิง หันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร พร้อมกับแนะนำตัวให้แก้มได้รู้จักอีกครั้งหนึ่ง
“เค้าชื่อแอนนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ”
“จ้า ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันจ้า”
แก้มเอ่ยปากตอบเพื่อนใหม่ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรไม่ต่างกัน พวงแก้มอวบอิ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมากับความรู้สึกดีใจที่มีเพื่อนในรั้วมหาวิทยาลัยคนแรก แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก
“แก้ม เค้าขอลายเซ็นเธอหน่อยสิ”
“อืมๆ แต่ไว้ตอนพักก่อนละกันน้า เดี๋ยวก็วุ่นวายแบบเมื่อกี้อีก”
แก้มตอบปฏิเสธอย่างนิ่มนวล พร้อมกับรอยยิ้มเหยียดที่ริมฝีปากอวบอิ่ม กับแววตาเป็นประกายอ้อนวอนไปยังเพื่อนสาวเป็นเชิงปรามเล็กๆ ขณะที่ผู้ที่เพิ่งปรามคนอื่นแล้วมาขอซะเองถึงกับออกอาการหน้าเห่อกับคำขอร้องของเพื่อนใหม่คนนี้
…………………………………………………………………..
ย้อนเวลากลับไปราวๆ แปดโมงเศษ ณ ลานตึกเพชร ม.กรุงเทพ
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ที่ฉันขับรถไม่ระวังเอง ไม่เป็นอะไรมากนะคะ”
หญิงสาวเจ้าของรถเก๋งสีแดงเพลิงกล่าวขอโทษต้นกับลูกตาลทันที หลังจากที่เกือบจะขับรถชนคนต้อนรับวันเปิดเทอมเสียแล้ว
“อ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมกับแฟนไม่เป็นอะไรเลยครับ”
“ค่ะ ฉันก็ไม่เป็นอะไรเช่นกันค่ะ”
ทั้งสองต่างพร้อมใจกันตอบผู้ที่มาขอโทษพร้อมๆ กัน พลางใช้สายตาพิจารณาด้วยกันทั้งคู่ เมื่อเห็นหญิงสาวร่างสูงใหญ่อวบอัด กับผมยาวตรงสลวยสีดำสนิทขับเน้นให้ผิวขาวละเอียดโดดเด่นขึ้น ใบหน้าคมเข้มแบบไทยแท้ที่กำลังทำสีหน้าแสดงอาการขอโทษให้เห็น แต่สายตาของชายหนุ่มหน้าตี๋กลับสะดุดตรงที่เนินอกอันใหญ่โตของคู่กรณีที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“นายต้น”
เสียงใสๆ ดังลอดไรฟันออกมาเบาๆ พลางส่งสายตาคาดโทษใส่แฟนหนุ่มที่กำลังยืนตกตะลึงกับขนาดหน้าอกของคู่กรณีที่อยู่ตรงหน้า พลันยื่นมือเล็กๆ ไปบิดเข้าที่สะโพกสอบของแฟนหนุ่มอย่างแรง
“โอย…”
“ค่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ”
หญิงสาวคู่กรณีกล่าวขอโทษอีกครั้งหนึ่ง แต่ในขณะที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถเก๋งสีแดงเพลิงนั้น…
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะคะ”
คนที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถต้องหันกลับมาอีกครั้ง และต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของคู่กรณีทั้งสองที่กำลังยิ้มให้ กับสายตาที่ดูอ่อนโยนเป็นมิตร
“ไหนๆ แล้ว เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะคะ ฉันชื่อลูกตาลค่ะ”
“ผม ต้นครับ”
ใบหน้าคมเข้มของหญิงสาวถึงกับแสดงสีหน้างุนงงกับท่าทีของคู่กรณีทั้งสอง ด้วยไม่คิดว่าจะจบลงด้วยดีเช่นนี้ กลีบปากเรียวสวยอวบอิ่มของเจ้าตัวยังคงสั่นกระเพื่อมเบาๆ อยู่ตลอด ก่อนจะหลุดคำแนะนำตัวออกไป
“ฉันชื่อปุ๊กลุ๊กค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ทุกอย่างจบลงด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และระหว่างนั้นปุ๊กลุ๊กที่เพิ่งได้เพื่อนใหม่ถึงสองคนรวดถือโอกาสเอ่ยถามขึ้นมา
“ให้ฉันขับรถไปส่งแล้วกันค่ะ ว่าแต่คุณต้นกับลูกตาลจะไปคณะไหนเหรอคะ”
“ผมนิเทศครับ”
“ฉันมนุษยศาสตร์ค่ะ”
ปุ๊กลุ๊กถึงกับทำตาลุกวาวเมื่อรู้ว่าเพื่อนใหม่หนึ่งในสองเรียนอยู่คณะเดียวกับตัวเอง หลังจากนั้นหญิงสาวรีบทำท่ากุลีกุจอเชิญชวนให้ทั้งสองนั่งรถเก๋งของเจ้าตัวไปด้วยกัน ทางฝ่ายต้นและลูกตาลไม่ลังเลที่จะตอบรับคำเชิญโดยไม่ปฏิเสธ ‘แหม อยู่ดีๆ มีคนขับรถไปส่งให้ถึงที่ ไม่คว้าไว้ก็โง่แล้วล่ะ’ ทั้งสองแอบต่อในใจลึกๆ
รถเก๋งคันสีแดงเพลิงที่ขับโดยปุ๊กลุ๊กเคลื่อนตัวมาจนถึงหน้าคณะนิเทศศาสตร์ และต้นไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณและหันไปบอกลากับแฟนสาวที่นั่งอยู่เบาะหน้าด้วยวิธียื่นจมูกโด่งเป็นสันกดลงไปยังพวงแก้มของหญิงสาว และหลังจากที่ส่งชายหนุ่มหน้าตี๋เสร็จแล้ว…
“ว่าไปคุณลูกตาลกับแฟนก็หวานกันดีนะคะ แหะๆ”
“ก็นิดนึงแหละค่ะ ปกติฉันกับต้นกัดกันบ่อยจะตาย ตั้งแต่คบกันมาไม่มีวันไหนที่จะไม่กัดกันเลยค่ะ คริๆ”
ทั้งสองสาวต่างหัวร่อต่อกระซิกด้วยกันไปตลอดทาง ด้วยความรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่แรกเจอของทั้งคู่ จึงไม่น่าแปลกที่ทั้งสองจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที! จนกระทั่งรถเก๋งสีแดงเพลิงคันงามเคลื่อนตัวมาถึงที่หมาย
“ถึงแล้วจ้า”
ทั้งสองสาวพากันเดินลงจากรถเก๋งคันงาม ก่อนที่ปุ๊กลุ๊กจะหันไปยิงรีโมตล็อกรถ และพากันเดินมุ่งหน้าไปยังตึกหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ท่ามกลางบรรดาเพื่อนนักศึกษาเป็นจำนวนมาก
โบ๊ทถอนหายใจยาวพลางยิงรีโมตไปยังยานพาหนะคู่ใจ ขณะเดียวกัน บอยยังคงขยี้ตาที่ยังคงลืมไม่ขึ้นอยู่หลังจากที่ได้นอนหลับในรถจนเต็มอิ่มมานาน แต่แล้ว ความน่าตื่นตาตื่นใจของรั้วมหาวิทยาลัยก็ทำให้ทั้งสองหนุ่มต่างตื่นเต้นและตกตะลึงไม่ต่างกัน เพราะทุกอย่างในตอนนี้กลายเป็นของใหม่หมด และในตอนนี้เพื่อนๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าทั้งสี่คน เหลือเพียงสองคนเท่านั้น เนื่องจากอีกสองต่างแยกย้ายกันไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ
“โอ้โห แม่งใหญ่ว่ะ”
“เออว่ะ แล้วแบบนี้พวกเราจะหลงไหมวะเนี่ย”
“เออนั่นสิวะมึง ไอ้โบ๊ท มึงช่วยกูอ่านป้ายละกัน เดี๋ยวก็เจอแหละว่ะ”
ทั้งสองหนุ่มเดินเข้ามาถึงใต้ตึกของภาควิชา ที่ในตอนนี้จอแจไปด้วยบรรดาเพื่อนนักศึกษาด้วยกันจนเต็มไปหมด
“ไอ้โบ๊ทๆ นั่นภาคเราเปล่าวะ”
“น่าจะใช่แหละมั้ง ลองเข้าไปถามดูสิวะมึง”
พูดแล้วรีบเดินตรงรี่เข้าไปยังกลุ่มนักศึกษาที่นั่งรวมตัวอยู่บริเวณนั้น และแล้ว ทั้งสองหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่ ก็ทำให้เพื่อนนักศึกษาหญิงต่างพากันหันมามองอย่างพร้อมเพรียงกันอย่างตกตะลึง แม้แต่เพื่อนนักศึกษาชายทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ก็ยังต้องหันมามอง ในมุมที่ต่างความรู้สึกต่างอารมณ์กันไป
“อู้หู สองคนนั้นหล่อขั้นเทพเลยอ่ะ”
“คนนึงก็หล่อแบบน่ารัก คนนึงก็หล่อยังกับนักร้องเกาหลีแน่ะ อ๊าย ละลายไปหมดแล้วอ่ะ”
“โห ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าภาคเราจะมีคนหล่อมาเรียนตั้งสองคนแน่ะ”
สาวๆ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันต่างส่งสายตามองผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างชื่นชม เท่านั้นยังไม่พอ ประดาสาวประเภทสองทั้งหลายต่างจ้องมองทั้งสองราวกับจะเขมือบให้ได้ในพริบตา แต่ในสายตาของรุ่นพี่ปีสองบางคนกลับไม่คิดเช่นนั้น โดยเฉพาะฝ่ายชาย ที่กลับรู้สึกว่า ผู้มาใหม่สองคนนี้กำลังทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาพวกเขาอยู่…
“น้องสองคนนั้นเป็นน้องใหม่ภาคดุริยางคศาสตร์ใช่ไหม”
เสียงห้าวหาญของรุ่นพี่ปีสองคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา ทำเอาทั้งสองหนุ่มที่กำลังยืนงงอยู่กับบรรยากาศถึงกับสะดุ้งโหยงพร้อมกันทั้งคู่
((ชะ…ใช่ครับ))
“งั้นมานั่งรวมกันตรงนี้เลย”
ชายร่างใหญ่กับใบหน้าที่ดูเข้มขึงขังกล่าวขึ้นพร้อมกับชี้มือไปทางกลุ่มนักศึกษาร่วมภาคที่นั่งรวมตัวกันอยู่ ทั้งสองต่างค่อยๆ ค้อมตัวลงแสดงการขอบคุณก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปนั่ง ขณะเดียวกัน กลุ่มนักศึกษาหญิงที่เมื่อสักครู่ยังหันมาซุบซิบเรื่องของทั้งสองคนนี้ต่างเขยิบตัวให้ทั้งสองเข้ามานั่งด้วยกัน
“พวกนายมานั่งด้วยกันนะ”
โบ๊ทยิ้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าตอบ แต่ว่าบอยกลับหย่อนตัวลงนั่งหน้าตาเฉย เท่านั้นยังไม่พอ กลับทำหน้าทะเล้นติดตลกให้เห็นอีก แต่นั่นทำให้กลุ่มสาวๆ ยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก
“พวกนายชื่ออะไรกันเหรอ”
“อ๋อ เราชื่อโบ๊ท”
“เราชื่อบอย”
ทั้งสองต่างพร้อมใจกันตอบเมื่อได้เห็นแววตาและท่าทางอันเป็นมิตรของคนที่เพิ่งยิงคำถาม และยิ่งคนถามเป็นสาวสวยอีก ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองไม่ลังเลที่จะผูกมิตรด้วยแม้แต่น้อย ฝ่ายสาวเจ้ายิ้มขึ้นมาหลังจากที่ทั้งสองตอบคำถามของตัวเองไปแล้ว
“จ้า เค้าชื่อเชอรีนนะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับผม”
มือหนาๆ ยื่นไปจับมือเล็กๆ ของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำเอาเชอรีนถึงกับออกอาการตกใจและแปลกใจเล็กน้อย แต่ยังคงรักษามารยาทไว้ได้
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ คริๆ”
แต่ในระหว่างที่บรรยากาศของมิตรภาพใหม่ๆ กำลังจะไปได้ดีนั้น กลับมีเสียงอันไม่พึงประสงค์จากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นรุ่นพี่ปีสองดังสนั่นขึ้นจนทุกคนต้องหันไปมองพร้อมๆ กันอย่างไม่เข้าใจ
{{เฮ้ย ไอ้หล่อสองคนนั้น คุยอะไรวะ}}
“!?!”
………………………………………………………………….
ขณะเดียวกัน ในรั้วมหาวิทยาลัยเหลือง-แดง
บรรยากาศในประเพณี “รับเพื่อนใหม่” ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นไปอย่างอบอุ่น ไม่มีแม้กระทั่งนักศึกษาปี 2 3 4 ที่ออกมาแสดงตัวว่าเป็น “รุ่นพี่” ให้เห็น บรรดานักศึกษาปี 1 ต่างได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากบรรดาเพื่อนรุ่นเก่าในรั้วของคณะสังคมและมานุษยวิทยา รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของผู้มาใหม่ปรากฏขึ้นเป็นระยะๆ ตลอดเวลาในช่วงการแนะนำตัวเพื่อนใหม่ในครั้งนี้ และสำหรับภาควิชามานุษยวิทยารุ่นนี้ มีเหตุการณ์ให้ฮือฮาเป็นพิเศษในหมู่นักศึกษาด้วยกันในเมื่อ…
“สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ชาวมานุษยวิทยาทุกคน หนูชื่อแก้มนะคะ หนูมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของภาควิชามานุษยวิทยากับเพื่อนๆ ทุกคน ยังไงแก้มขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
เสียงใสๆ ของหญิงสาวกล่าวแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ทุกคน หลังจากนั้นร่างระหงเดินกลับเข้ามานั่งในที่ของตัวเองท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนใหม่ทุกๆ คน และในระหว่างนั้น เพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับสาวเจ้าได้หันมาทักทายแนะนำตัวกับสาวเจ้าอีกครั้งหนึ่ง จนเกิดเป็นความโกลาหลเล็กๆ ขึ้นมา แต่แล้ว เพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เริ่มปรามเพื่อนคนอื่นๆ ที่กรูเข้ามารุมล้อมแก้มเต็มไปหมด และเมื่อเหตุการณ์สงบลงได้ ผู้ที่เพิ่งถูกรุมล้อมไปเมื่อสักพักก็ถือโอกาสกล่าวขอบคุณคนที่เพิ่งช่วยปราบม็อบแฟนเพลงไปเมื่อก่อนหน้านี้
หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในลุคส์สวยเฉี่ยวทันสมัย กับผมยาวสลวยสีแดงเพลิง หันมายิ้มให้อย่างเป็นมิตร พร้อมกับแนะนำตัวให้แก้มได้รู้จักอีกครั้งหนึ่ง
“เค้าชื่อแอนนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ”
“จ้า ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันจ้า”
แก้มเอ่ยปากตอบเพื่อนใหม่ด้วยท่าทางที่เป็นมิตรไม่ต่างกัน พวงแก้มอวบอิ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมากับความรู้สึกดีใจที่มีเพื่อนในรั้วมหาวิทยาลัยคนแรก แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก
“แก้ม เค้าขอลายเซ็นเธอหน่อยสิ”
“อืมๆ แต่ไว้ตอนพักก่อนละกันน้า เดี๋ยวก็วุ่นวายแบบเมื่อกี้อีก”
แก้มตอบปฏิเสธอย่างนิ่มนวล พร้อมกับรอยยิ้มเหยียดที่ริมฝีปากอวบอิ่ม กับแววตาเป็นประกายอ้อนวอนไปยังเพื่อนสาวเป็นเชิงปรามเล็กๆ ขณะที่ผู้ที่เพิ่งปรามคนอื่นแล้วมาขอซะเองถึงกับออกอาการหน้าเห่อกับคำขอร้องของเพื่อนใหม่คนนี้
…………………………………………………………………..
ย้อนเวลากลับไปราวๆ แปดโมงเศษ ณ ลานตึกเพชร ม.กรุงเทพ
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ที่ฉันขับรถไม่ระวังเอง ไม่เป็นอะไรมากนะคะ”
หญิงสาวเจ้าของรถเก๋งสีแดงเพลิงกล่าวขอโทษต้นกับลูกตาลทันที หลังจากที่เกือบจะขับรถชนคนต้อนรับวันเปิดเทอมเสียแล้ว
“อ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมกับแฟนไม่เป็นอะไรเลยครับ”
“ค่ะ ฉันก็ไม่เป็นอะไรเช่นกันค่ะ”
ทั้งสองต่างพร้อมใจกันตอบผู้ที่มาขอโทษพร้อมๆ กัน พลางใช้สายตาพิจารณาด้วยกันทั้งคู่ เมื่อเห็นหญิงสาวร่างสูงใหญ่อวบอัด กับผมยาวตรงสลวยสีดำสนิทขับเน้นให้ผิวขาวละเอียดโดดเด่นขึ้น ใบหน้าคมเข้มแบบไทยแท้ที่กำลังทำสีหน้าแสดงอาการขอโทษให้เห็น แต่สายตาของชายหนุ่มหน้าตี๋กลับสะดุดตรงที่เนินอกอันใหญ่โตของคู่กรณีที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“นายต้น”
เสียงใสๆ ดังลอดไรฟันออกมาเบาๆ พลางส่งสายตาคาดโทษใส่แฟนหนุ่มที่กำลังยืนตกตะลึงกับขนาดหน้าอกของคู่กรณีที่อยู่ตรงหน้า พลันยื่นมือเล็กๆ ไปบิดเข้าที่สะโพกสอบของแฟนหนุ่มอย่างแรง
“โอย…”
“ค่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ ขอโทษจริงๆ นะคะ”
หญิงสาวคู่กรณีกล่าวขอโทษอีกครั้งหนึ่ง แต่ในขณะที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถเก๋งสีแดงเพลิงนั้น…
“เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะคะ”
คนที่กำลังจะเดินกลับไปที่รถต้องหันกลับมาอีกครั้ง และต้องแปลกใจเมื่อเห็นสีหน้าของคู่กรณีทั้งสองที่กำลังยิ้มให้ กับสายตาที่ดูอ่อนโยนเป็นมิตร
“ไหนๆ แล้ว เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะคะ ฉันชื่อลูกตาลค่ะ”
“ผม ต้นครับ”
ใบหน้าคมเข้มของหญิงสาวถึงกับแสดงสีหน้างุนงงกับท่าทีของคู่กรณีทั้งสอง ด้วยไม่คิดว่าจะจบลงด้วยดีเช่นนี้ กลีบปากเรียวสวยอวบอิ่มของเจ้าตัวยังคงสั่นกระเพื่อมเบาๆ อยู่ตลอด ก่อนจะหลุดคำแนะนำตัวออกไป
“ฉันชื่อปุ๊กลุ๊กค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ทุกอย่างจบลงด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ และระหว่างนั้นปุ๊กลุ๊กที่เพิ่งได้เพื่อนใหม่ถึงสองคนรวดถือโอกาสเอ่ยถามขึ้นมา
“ให้ฉันขับรถไปส่งแล้วกันค่ะ ว่าแต่คุณต้นกับลูกตาลจะไปคณะไหนเหรอคะ”
“ผมนิเทศครับ”
“ฉันมนุษยศาสตร์ค่ะ”
ปุ๊กลุ๊กถึงกับทำตาลุกวาวเมื่อรู้ว่าเพื่อนใหม่หนึ่งในสองเรียนอยู่คณะเดียวกับตัวเอง หลังจากนั้นหญิงสาวรีบทำท่ากุลีกุจอเชิญชวนให้ทั้งสองนั่งรถเก๋งของเจ้าตัวไปด้วยกัน ทางฝ่ายต้นและลูกตาลไม่ลังเลที่จะตอบรับคำเชิญโดยไม่ปฏิเสธ ‘แหม อยู่ดีๆ มีคนขับรถไปส่งให้ถึงที่ ไม่คว้าไว้ก็โง่แล้วล่ะ’ ทั้งสองแอบต่อในใจลึกๆ
รถเก๋งคันสีแดงเพลิงที่ขับโดยปุ๊กลุ๊กเคลื่อนตัวมาจนถึงหน้าคณะนิเทศศาสตร์ และต้นไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณและหันไปบอกลากับแฟนสาวที่นั่งอยู่เบาะหน้าด้วยวิธียื่นจมูกโด่งเป็นสันกดลงไปยังพวงแก้มของหญิงสาว และหลังจากที่ส่งชายหนุ่มหน้าตี๋เสร็จแล้ว…
“ว่าไปคุณลูกตาลกับแฟนก็หวานกันดีนะคะ แหะๆ”
“ก็นิดนึงแหละค่ะ ปกติฉันกับต้นกัดกันบ่อยจะตาย ตั้งแต่คบกันมาไม่มีวันไหนที่จะไม่กัดกันเลยค่ะ คริๆ”
ทั้งสองสาวต่างหัวร่อต่อกระซิกด้วยกันไปตลอดทาง ด้วยความรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่แรกเจอของทั้งคู่ จึงไม่น่าแปลกที่ทั้งสองจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที! จนกระทั่งรถเก๋งสีแดงเพลิงคันงามเคลื่อนตัวมาถึงที่หมาย
“ถึงแล้วจ้า”
ทั้งสองสาวพากันเดินลงจากรถเก๋งคันงาม ก่อนที่ปุ๊กลุ๊กจะหันไปยิงรีโมตล็อกรถ และพากันเดินมุ่งหน้าไปยังตึกหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ท่ามกลางบรรดาเพื่อนนักศึกษาเป็นจำนวนมาก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ