Paracetamol Season I
เขียนโดย POPENGL
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.35 น.
แก้ไขเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2563 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) Episode 2.1 – เปิดเทอม Pt.1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันแรกแห่งการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้เริ่มขึ้น และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่สี่หนุ่มพาราเซตามอล และห้าสาวแองเจิ้ลฟอร์ซ ต้องแยกย้ายกันเป็นครั้งแรกในชีวิต ถึงแม้ว่าห้าสาวแองเจิ้ลฟอร์ซจะได้ลิ้มรสความห่างไกลกันบ้างแล้ว จากเหตุการณ์ที่เอ มือกลองสาวหุ่นนางแบบต้องไปเรียนต่อต่างประเทศก็ตาม
ท้องถนนในยามเช้าช่างแออัดไปด้วยยวดยานพาหนะเป็นจำนวนมาก จนการจราจรแทบจะเคลื่อนตัวไม่ได้ แต่สำหรับชีวิตของสามหนุ่มพาราเซตามอลกับอีกสี่สาวแองเจิ้ลฟอร์ซที่มีรถยนต์ส่วนตัว ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ใช้ยานพาหนะคู่ใจในการเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยของตัวเอง แต่เมื่อต้องมาเจอกับขบวนรถติดเป็นแพแบบนี้ ทำให้พวกเขาและเธอหงุดหงิดอยู่ในใจไม่น้อย…
รถเชฟวี่สีดำของโบ๊ทตอนนี้ยังคงไม่ได้ขยับไปไหน ยังคงจอดติดอยู่ตรงทางลงจากทางด่วนตรงที่จะไปอโศก เด็กหนุ่มทั้งสองที่ในตอนนี้อยู่ในเสื้อผ้าชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยมหมดทั้งตัวต่างคนต่างอิริยาบถ นิ้วมือหนาๆ เคาะพวงมาลัยรถไปตามจังหวะเสียงเพลงที่เปิดขับกล่อมมาตลอดทาง แต่คิ้วดกหนาเข้มราวกับพรมกลับขมวดพันกันยุ่ง แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเมื่อยานพาหนะส่วนตัวแทบจะไม่ขยับแม้แต่น้อย ขณะที่ชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ได้ตกอยู่ในนิทราเป็นที่เรียบร้อย…
“เฮ้ย… ทำไมรถแม่งติดจังวะ เปิดเทอมวันแรกกูก็ไปสายแล้วเหรอวะเนี่ย”
เสียงบ่นลอดไรฟันของชายหนุ่มดังแว่วขึ้นมาเบาๆ มือหนาๆ เริ่มกำพวงมาลัยแน่นขึ้น สายตาคมกริบที่จับจ้องไปยังทางข้างหน้าที่ตอนนี้ยวดยานคันหน้าไม่สามารถขยับไปได้แม้แต่นิดเดียว…
………………………………………………………………………….
แก้มควบรถเก๋ง BMW 520d สีดำคู่ใจเดินทางมุ่งสู่รั้วมหา’ลัยเป็นครั้งแรก นิ้วมือเล็กๆ กดไปบนแป้นชิฟท์เกียร์บนพวงมาลัยอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน รอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากอวบอิ่มเรียวเล็กผุดขึ้นตลอดเวลา กับเสียงเพลงโฟล์คป๊อปใสๆ ที่เปิดขับกล่อมกับเครื่องเสียงในรถเบาๆ จนมาถึงตรงแยกหนึ่งที่จะมุ่งออกรังสิต และนั่นต้องเจอกับมหกรรมรถติดจนได้… เสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่เคยร้องคำรามดังลั่นตามคันเร่งภายใต้อุ้งเท้าเล็กๆ ของหญิงสาวในตอนนี้ได้แต่ครางเบาๆ เท่านั้น
หญิงสาวร่างบอบบางในชุดนักศึกษาปี 1 ยังคงอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาถึงแม้ว่าตอนนี้รถจะติดอยู่จนเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม
‘ไม่รู้ป่านนี้โบ๊ทจะถึงมหา’ลัยยังน้า.,.’
สาวเจ้ากำลังคิดถึงแฟนหนุ่มที่เปิดเทอมวันแรกในวันนี้เช่นเดียวกัน แต่ด้วยว่ามหาวิทยาลัยของแฟนหนุ่มอยู่ไกลถึงย่านอโศก และยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นด้วยรู้ว่าย่านนั้นรถติดอย่างกับอะไรดี สีหน้าที่เคยแจ่มใสเริ่มกลับมากังวลอีกครั้ง ระหว่างที่เจ้าตัวตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความคิดอยู่นั้น…
[[ปิ๊น…]]
สาวเจ้าถึงกับสะดุ้งโหยงขึ้นหลุดจากภวังค์แห่งความคิด รีบเชนจ์เกียร์ออกจากเกียร์ว่างและพายานพาหนะคู่ใจออกตัวทันทีหลังจากที่ไฟเขียวผ่านไปได้สักพักหนึ่ง
…………………………………………………………………
เด็กสาวร่างเล็กกับชุดนิสิตจุฬาฯ ปี 1 ลงจากสถานีรถไฟฟ้าสามย่าน และรีบมุ่งไปยังรั้วมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของไทยทันทีที่มีเวลาเอื้ออำนวย วันนี้สาวเจ้าตัดสินใจที่จะไม่ขับรถยนต์ส่วนตัวมาเรียนเนื่องจากรู้พิษสงของการจราจรในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านนี้เป็นอย่างดี จนเวลาผ่านไปสักพัก คนตัวเล็กได้เดินทางมาถึงเขตรั้วมหาวิทยาลัยท่ามกลางสายตาของเพื่อนนิสิตหลายๆ คนที่ต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน ด้วยว่าสาวเจ้าเป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีหญิงล้วนที่โด่งดังทุกหน้าปัดวิทยุในตอนนี้
“อืม คณะนิเทศอยู่ไหนน้า”
หญิงสาวบ่นพึมพำพลางเงยหน้ามองหาตึกคณะของตัวเอง ท่ามกลางเพื่อนนิสิตจำนวนมากที่เดินขวักไขว่กันไปหมด อีกทั้งยังมีตึกสูงใหญ่เรียงรายเป็นจำนวนมาก สลับกับเสียงเชียร์ของรุ่นพี่กับการรับรุ่นน้องนิสิตปีหนึ่งดังเซ็งแซ่ไปหมด แต่แล้ว ทันใดนั้น จู่ๆ มีเพื่อนนิสิตหญิงต่างคณะสองคนเดินเข้ามาหาพร้อมกับ…
“เธอๆ ใช่โบ แองเจิ้ลฟอร์ซรึเปล่า”
คนตัวเล็กถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอการจู่โจมระยะประชิดเช่นนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้ว ตัวเองไม่ใช่คนหยิ่งยโสหรือว่าไม่ชอบการเข้าถึงเนื้อถึงตัวก็ตาม
“ชะ…ใช่ค่า”
เสียงหวานสั่นเครือเล็กๆ กับใบหน้าเหวอๆ ของเจ้าตัว และทันใดนั้น เพื่อนนิสิตทั้งสองสาวรีบยื่นแผ่นซีดีออกมาพร้อมกับปากกาเมจิกสีกากเพชรออกมาให้ พร้อมกับ…
“งั้นขอลายเซ็นหน่อยนะคะ พวกเราติดตามผลงานมาตั้งแต่แรกแล้วค่ะ”
คนตัวเล็กเริ่มเกิดอาการลังเล และยิ่งหันไปมองรอบๆ ที่ในตอนนี้เพื่อนนิสิตตั้งแต่รุ่นเดียวกันจนถึงรุ่นพี่ต่างหันมามองจนเป็นตาเดียวกัน และยิ่งมีคนมาขอลายเซ็นในระยะประชิดแบบนี้… แววตาคู่สวยทอดมองไปรอบๆ ระหว่างแฟนเพลงทั้งสองกับเพื่อนนิสิตที่ต่างหันมามองสาวเจ้าเป็นตาเดียวกันอย่างเลิ่กลั่ก แต่ด้วยสปิริตแล้ว… สาวเจ้ารับปากกาและแผ่นซีดีจากทั้งสองและบรรจงเซ็นลายเซ็นให้ ก่อนจะส่งคืนให้พร้อมกับส่งยิ้มอันอ่อนโยนให้กับแฟนเพลงทั้งสอง
“งั้นโบขอตัวก่อนนะคะ จะรีบไปคณะอ่ะค่ะ”
ร่างระหงรีบวิ่งออกจากที่นั้นทันทีท่ามกลางสายตาของเพื่อนนิสิตคนอื่นๆ ในใจตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากจะต้องไปถึงคณะให้เร็วที่สุดเท่านั้น!
……………………………………………………….
อีกด้านหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน รถเบนซ์ CLS 250 CDi สีดำคันงามเคลื่อนตัวเข้ามาจอดยังลานจอดรถของคณะรัฐศาสตร์ หลังจากเสียงเครื่องยนต์ดีเซลดับลง หญิงสาววัยสิบแปดต้นๆ เดินก้าวไปยังตึกคณะอย่างเนิบๆ ท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยเสียงเพลงและเสียงโห่ฮาของรุ่นพี่สิงห์ดำที่ดังกระหึ่มไปหมด และเมื่อสาวเจ้าเดินเข้าไปสมทบกับนิสิตปี 1 ที่นั่งรวมกลุ่มอยู่ภายในโถงใต้ตึกใหญ่ และระหว่างที่นิสิตรุ่นพี่เช็คชื่อน้องใหม่อยู่นั้น…
“เอ่อ ชื่อน้องอิ๋ว ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่า”
รุ่นพี่ปีสองคนหนึ่งเดินเข้ามาถามพลางเช็คชื่อไปด้วย แต่เมื่อนิสิตปีสองคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาปะทะกับใบหน้าสวยหวานที่ดูเฉิ่มๆ ของสาวเจ้าเข้า และแล้ว เพื่อนนิสิตปี 1 ที่เหลือร่วมเฉียดๆ ร้อยกว่าชีวิตก็ต้องหันมามองหน้าสาวเจ้าเป็นตาเดียวกัน
“เอ่อ… น้องอิ๋วแองเจิ้ลฟอร์ซใช่ไหมครับ”
“???”
สาวเจ้าถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อทุกคนต่างหันมามองเป็นตาเดียวกัน ทุกสายตาต่างจับจ้องมายังหญิงสาวอย่างคุ้นหน้าคุ้นตา ก่อนจะเกิดมหกรรมการขอลายเซ็นขึ้น แต่ว่า…
“เอ่อ พี่ๆ เพื่อนๆ คะ ไว้ช่วงพักอิ๋วสัญญาเลยว่าจะแจกลายเซ็นให้กับทุกคนนะคะ”
ได้ผล เหตุการณ์ม็อบแฟนเพลงเริ่มสงบลงได้ แต่เสียงซุบซิบในหมู่นิสิตปี 1 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องด้วยไม่คิดว่าจะมีศิลปินเข้ามาอยู่ในรั้วสิงห์ดำด้วย ขณะที่คนที่เพิ่งถูกล้อมได้แต่แอบกระซิบในใจเบาๆ
‘ฮู้ พอเป็นคนดังนี่วางตัวลำบากจริงๆ เลย ห่วงแต่ยัยโบ ไม่รู้จะเจออะไรมากกว่านี้ไหมนะ’
……………………………………………………………………………………..
บนรถเมล์สายที่จะมุ่งตรงไปยังคลองหลวงที่ตอนนี้แออัดเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ชายหนุ่มหน้าตี๋กับผมรองทรงสั้นในชุดนักศึกษาปี 1 เต็มยศ กับหญิงสาวร่างบอบบางสมส่วนในชุดนักศึกษาหญิง นั่งอยู่ตรงเบาะคู่บริเวณใกล้ๆ กับประตู ท่ามกลางสภาพการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนน
หญิงสาวเริ่มมีท่าทีเบื่อหน่ายกับจราจรอันติดขัดพลางก้มหน้าดูนาฬิกาข้อมือไปเป็นระยะๆ ด้วยอาการกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย ผิดกับชายหนุ่มหน้าตี๋ที่ยังคงใจเย็นกับสถานการณ์ในตอนนี้
“ลูกตาล ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ยังไงก็ทัน”
มือเรียวหนาของชายหนุ่มเอื้อมไปสัมผัสข้อมือเล็กๆ อันอ่อนนุ่มของแฟนสาว แต่ว่าใบหน้าขาวหมวยของสาวเจ้ายังคงงอง้ำอยู่ด้วยอาการหงุดหงิด ดวงตาคู่สวยปรายตามาทางแฟนหนุ่มหน้าตี๋เพียงแค่หางตาก่อนจะหันกลับไปดูนาฬิกาข้อมืออีกรอบหนึ่ง สาวเจ้าค่อยๆ กัดริมฝีปากตัวเองพลางจ้องเขม็งไปยังนาฬิกาข้อมือ แต่ยานพาหนะที่ทั้งสองนั่งอยู่ยังไม่ขยับไปไหน
“นายต้น ช่วยเลิกใจเย็นสักห้านาทีได้ไหม ถ้าไปสายขึ้นมาจะว่าไงล่ะหืม”
ลูกตาลแหวใส่แฟนหนุ่มที่ยังคงทำหน้าทะเล้นอยู่ตลอดเวลาที่หันมามอง ‘คนบ้าอะไร ตลกได้ตลอดเวลาไม่ดูกาลเทศะบ้างเลย ชิ’ ลูกตาลต่อให้ในใจ
“เฮ้ย พูดแบบนี้ได้ไงล่ะ นี่เพิ่งเจ็ดโมงสี่สิบเองนะ กว่าจะเข้าก็นู่น เก้าโมง นี่ก็พ้นแยกรังสิตมาแล้ว อีกแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว”
ชายหนุ่มพูดติดตลก พลางยกนิ้วโป้งขวาเกลี่ยลูบไล้ไปบนพวงแก้มเนียนนุ่มของสาวเจ้าอย่างอ่อนโยน ขณะที่คนถูกลูบปรายตามองหน้าแฟนหนุ่มอย่างขุ่นเคืองเล็กๆ แต่ความรู้สึกวาบหวิวในใจกลับมีมากกว่าเมื่อนิ้วมือหนาๆ ลูบไล้ไปทั่วใบหน้าใสๆ ทำให้เจ้าตัวเริ่มใจเย็นลงมาได้บ้าง จนกลีบปากเรียวเล็กค่อยๆ ผุดยิ้มขึ้น
“แน่ะๆ ยิ้มได้แล้วสิตัวเอง ฮิๆ”
“อะไรๆ นายต้น พูดอะไรหืม…”
“ฮ่าๆ แหม หน้าแดงเลยนะ”
ได้ทีชี้หน้าพร้อมทำท่าล้อเลียนแฟนสาวทันทีที่ได้เห็น ขณะที่คนถูกล้อถึงกับหน้าแดงราวกับตำลึงสุก
“คนบ้า”
มือเล็กๆ ฟาดเข้าที่ท่อนแขนแกร่ง ทั้งโกรธทั้งอายในเวลาเดียวกัน ยานพาหนะที่ทั้งสองนั่งมากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่าวรวดเร็ว เสียงหัวเราะคิกคักกับท่าทางหยอกล้อเล่นกันของทั้งสองทำเอาคนอื่นๆ ต้องหันมามองเป็นระยะๆ ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป แต่ทั้งสองกลับไม่สนใจสิ่งรอบข้างและยังคงหยอกล้อกันต่อไปเรื่อยๆ
“ไป ถึงแล้วนะนายต้น”
สาวเจ้าหันมาบอกพลางคลี่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ชายหนุ่มหน้าตี๋ลุกขึ้นเดินนำหน้าแฟนสาวลงจากรถเมล์ ก่อนทั้งสองจะพากันเดินเข้าสู่สถานที่ที่อยู่ตรงหน้า
อาคารรูปทรงเพชรหลังใหญ่โตโอ่อ่าตั้งประจันหน้าทั้งสองท่ามกลางบรรยากาศอันคึกคัก เต็มไปด้วยเพื่อนนักศึกษารุ่นเดียวกัน ไปจนถึงรุ่นพี่ปี 2 3 4 รวมถึงกลุ่มอาจารย์และเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยที่กำลังเดินทางเข้ามา เสียงยวดยานพาหนะส่วนตัววิ่งสวนกันเต็มไปหมด
ทั้งสองพากันเดินกุมมือไปด้วยกัน พลันเงยหน้ามองตึกรูปทรงเพชรอันโอ่อ่าอลังการอย่างตื่นตะลึง ท่ามกลางอากาศอันเย็นสบายไม่มีแสงแดดรุนแรงมากนัก แต่ทันใดนั้น… จู่ๆ รถเก๋ง Chevrolet Cruze สีแดงเพลิงกลับวิ่งโฉบเข้ามา แต่ด้วยสายตาอันเฉียบคมของต้นเหลือบไปเห็นวัตถุสีแดงเพลิงที่กำลังวิ่งมุ่งหน้ามายังแฟนสาวที่เดินตกลงไปบนพื้นถนน จึงไม่รอช้ารีบคว้าข้อมือกระชากร่างบางของสาวเจ้าให้ขึ้นมาทันที
“ลูกตาล ระวัง!!!”
“อ๊าย”
ร่างอรชรลอยหวือขึ้นตามแรงดึงของแฟนหนุ่ม จนทั้งสองกระเด็นขึ้นมานอนกองบนสนามหญ้าด้วยกัน และจังหวะนั้น ใบหน้าขาวกระจ่างใสของลูกตาลชนเข้ากับใบหน้าตี๋ๆ ของต้นอย่างจัง กลีบปากเรียวบางกดลงบนปากหยักได้รูปของชายหนุ่มทันทีที่ล้มลง
[[อุ๊บ!]]
กลีบปากเรียวเล็กของหญิงสาวรู้สึกได้ถึงไออุ่น แต่แล้วสาวเจ้าก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อพบว่าสิ่งของอุ่นๆ ที่ว่านั้นก็คือปากหยักได้รูปของแฟนหนุ่มที่ในตอนนี้ทำสีหน้าตกใจไม่ต่างกันมากนัก สาวเจ้ารีบผละออกจากใบหน้าของแฟนหนุ่ม ก่อนจะค่อยๆ ประคองตัวให้ลุกขึ้นยืนขึ้นได้ ทางด้านต้นใช้แขนอันแข็งแรงพยุงตัวขึ้นมาได้ในเวลาต่อมา
“ลูกตาลเป็นอะไรไหม”
ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางรีบเข้าไปสำรวจร่างระหงของหญิงสาว พร้อมกับใช้มือหนาๆ ปัดเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามเสื้อและกระโปรงไปด้วย
“เค้าไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่ตัวนายเหอะ เป็นอะไรไหม”
สาวเจ้าตอบและย้อนถามแฟนหนุ่มขึ้นมาด้วยท่าทางเป็นห่วง กับความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าที่ผุดขึ้นมา และเหตุการณ์นั่น อยู่ในสายตาของเจ้าของรถเก๋งสีแดงเพลิง ที่กำลังจะลงมาขอโทษอยู่ตลอดทุกช่วง ทุกตอน…
………………………………………………………..
รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาจอดในช่องจอดรถท่ามกลางรถยนต์จำนวนมากที่จอดเรียงรายอยู่ เมื่อเสียงเครื่องยนต์ดับลง ร่างผอมสูงสมส่วนในชุดนักศึกษาปี 1 ก็ก้าวลงมาจากรถเก๋งคันนั้น และเดินมุ่งตรงไปยังตึกคณะนิเทศศาสตร์อันใหญ่โตโอ่อ่าที่ตั้งอยู่ตรงหน้า…
ชายหนุ่มเดินไปพลางทอดมองบรรยากาศรอบๆ ตัวที่เต็มไปด้วยเพื่อนนักศึกษาเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด จนเมื่อเข้าไปถึงบริเวณโถงใต้ตึกเท่านั้น สายตาทุกคู่ของเพื่อนนักศึกษาและรุ่นพี่ทั้งชายหญิงต่างหันมาจับจ้องเป็นตาเดียวกัน บางคนถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงกับหน้าตาของผู้เข้ามาใหม่ บางคนแอบหันไปซุบซิบกันอยู่ตลอดเวลาที่เขาเดินผ่าน…
“นายคนนั้นเป็นใครอ่ะแก หล่อจังเลย”
“ฮู้ มีคนหล่อเข้ามาที่คณะเราอีกแล้ว”
“ต๊ายตาย ว่านายยศเพื่อนพวกเราก็หล่อแล้วนะ แต่ดูน้องปี 1 คนนี้สิ หล่อกว่าเยอะเลยล่ะตัว”
มิวหันไปมองรอบๆ ด้วยอาการงงๆ แต่ยังรักษามารยาทด้วยการยิ้มตอบให้กับทุกคนที่หันมายิ้มให้ แต่ในใจลึกๆ แล้ว…
‘พวกรุ่นพี่มองกูทำไมวะเนี่ย หน้ากูก็ไม่ได้หล่ออะไรเลยนะเว้ย’
บรรยากาศภายในห้องโถงใต้ตึกคณะที่ถูกตกแต่งในแบบหรูหราสไตล์โมเดิร์นที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนเป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาปี 1 มาพร้อมกับกระเป๋าสะพายขนาดพอดีตัวเดินขึ้นลิฟต์มุ่งไปยังภาควิชาที่ตัวเองลงเรียนอยู่ จนเวลาผ่านไปไม่นานนัก…
“เอ่อ ที่นี่ภาควิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ”
“สวัสดีครับพี่ๆ ผมอยู่ภาควิชานี้ครับ”
ชายหนุ่มพนมมือไหว้นักศึกษารุ่นพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างรีบร้อน ขณะเดียวกัน รุ่นพี่อีกคนหนึ่งยื่นป้ายชื่อพร้อมกับปากกาเมจิกให้
“อืมงั้นน้องเขียนชื่อและแขวนป้ายชื่อนี้เลยครับ”
ผู้มาใหม่รับป้ายชื่อและปากกาเมจิกมาและบรรจงเขียนชื่อเล่นของตัวเองก่อนจะแขวนป้ายชื่อและเข้าไปนั่งรวมกับเพื่อนนักศึกษาร่วมรุ่น และการปรากฏตัวของมิวครั้งนี้ ทำให้บรรดาสาวๆ ต่างหันมามองจนแทบจะเป็นตาเดียวกัน
“นายๆ มานั่งนี่ก็ได้นะ”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยพอเป็นมารยาทก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งตามคำเชื้อเชิญ แต่ในใจลึกๆ กลับคิดถึงเพื่อนๆ ที่เหลืออีกสามคนที่ตอนนี้ต่างแยกย้ายกันไปเรียนต่างมหา’ลัยขึ้นมา
‘เฮ้อ ป่านนี้ไอ้โบ๊ท ไอ้ต้น ไอ้บอย เป็นไงบ้างนะ ถ้าพวกมึงมาเจออย่างกูจะเป็นไงบ้างนะ’
ความคิดยังแล่นอยู่ในหัวท่ามกลางบรรยากาศอันจ๊อกแจ๊กจอแจไปด้วยเพื่อนนักศึกษาร่วมภาคทั้งชายและหญิง แต่สักพักหนึ่ง เจ้าตัวเกิดความคิดที่จะสานสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย จึงถือวิสาสะชวนเพื่อนนักศึกษาหญิงคนนั้นคุยด้วยเป็นคนแรก
“เธอ ชื่ออะไรเหรอ”
หญิงสาววัยสิบเจ็ดต้นๆ กับรูปลักษณ์สวยเฉี่ยวสมวัย ผมยาวสลวยถูกย้อมเป็นสีแดงเพลิง รูปร่างผอมเพรียวสมส่วนได้รูป กับใบหน้าสวยหวานเจือเปรี้ยวนิดๆ หันมาส่งรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะตอบคำถามแรก
“เค้าชื่อขิงนะ”
“เรามิวนะ”
“จ้า ยินดีที่ได้รู้จักน้านายมิว”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
ทั้งสองต่างยื่นมือมาจับมือเช็คแฮนด์กันตามธรรมเนียมฝรั่ง มือใหญ่กว่ากุมมือเล็กของหญิงสาวไว้อย่างหลวมๆ พอเป็นมารยาท และยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจของหญิงสาว ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ แต่ยังมีเพื่อนอีกเยอะ ที่พร้อมจะทำความรู้จักกับเขา แต่หลังจากนั้นทั้งสองต่างไม่พูดอะไรมากนอกจากเสียงหัวเราะแก้เขินเท่านั้น…
……………………………………………..
อีกด้านหนึ่ง ณ วิทยาลัยดนตรี
ร่างสูงใหญ่อรชรของหญิงสาววัยเฉียดสิบแปดในชุดนักศึกษาหญิงเต็มยศ ทอดมองไปรอบๆ ตึกวิทยาลัยดนตรีอันโอ่อ่าอลังการ กับเสียงซ้อมดนตรีที่ดังกระหึ่มไปทั่วอาคารยิ่งทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก สาวเจ้าเดินเข้าไปภายในอาคารอย่างมั่นอกมั่นใจ ปากอวบอิ่มเผยอยิ้มน้อยๆ พร้อมๆ กับทอดแววตาคู่สวยมองไปรอบๆ บริเวณนั้น พลางมองหาภาควิชาการแสดงเอกวอยซ์ที่เจ้าตัวลงเรียนไว้ และแล้ว ร่างอรชรได้พาตัวเองไปยังป้ายประกาศชื่อภาควิชาที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ไม่ไกลนัก และบริเวณนั้น เพื่อนนักศึกษาทั้งรุ่นพี่และรุ่นเดียวกันต่างนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ สาวเจ้ารีบเร่งฝีเท้าสุดแรงเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด จนกระทั่ง…
“ขอโทษค่ะ หนูมาช้าไปหน่อย”
หญิงสาวร่างอวบกล่าวขอโทษกับกลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่อยู่ตรงหน้าทั้งๆ ที่ออกอาการหอบอยู่ แต่เสียงหัวเราะของเพื่อนนักศึกษาในกลุ่มดังสนั่นไปทั่ว พลันมีเพื่อนนักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
“นี่เธอ ไม่ดูเวลาเลยเหรอไง นี่เพิ่งแปดโมงครึ่งเองนะ เขาเข้ากันเก้าโมงจ้า”
สาวเจ้าถึงกับออกอาการเหวอเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนนักศึกษาภาคเดียวกัน ใบหน้างามพริ้งแดงเปล่งปลั่งขึ้นมาทันที
“งั้นน้องเข้ามานั่งก่อนเลยครับ เอ่อ ไม่ทราบว่าน้องชื่ออะไรเหรอครับ”
“ชื่อลูกแก้วค่ะ”
ชายหนุ่มได้ฟังคำตอบพลางก้มหน้าลงไปเขียนชื่อของผู้มาใหม่บนแผ่นกระดาษร้อยเชือก ก่อนจะส่งมาให้กับนักศึกษาน้องใหม่พร้อมกับกล่าวกำชับเล็กน้อย
“โอเค.ครับ ยังไงน้องลูกแก้วแขวนป้ายนี้เลยนะครับ”
“ค่ะพี่”
บรรดาเพื่อนนักศึกษาชั้นปี 1 ด้วยกันต่างเข้ามาทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ทันทีที่ได้เจอ ในระหว่างที่สาวเจ้ากำลังเพลิดเพลินกับการได้เจอเพื่อนใหม่ แต่ในใจลึกๆ กลับอดนึกเป็นห่วงแฟนหนุ่มที่ตอนนี้เรียนอยู่ต่างมหาวิทยาลัยไม่ได้
‘นายบอยจะเป็นไงบ้างนะ หวังว่านายคงจะได้เจอเพื่อนใหม่ดีๆ อย่างที่เค้าเจอบ้างนะ’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ