RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
78) เรื่องใหญ่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“สำหรับผมแล้วจัมพ์จะทำหรือไม่นั้นผมไม่สนใจหรอกนะ ผมแค่อยากรู้ว่าหากจัมพ์ทำจริงและทำเพราะอะไรหรือถ้าจัมพ์ไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วทำไมจัมพ์ถึงยอมให้ถูกจับมาอยู่ที่นี่ได้ แสดงว่าจัมพ์จะต้องมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่ที่ไม่สามารถพูดออกมาได้”ไค กล่าว เมื่อจัมพ์ได้ยินคำพูดที่ออกจากปากเพื่อนของเค้า จัมพ์ก็หัวเราะร่าออกมาจนเสียงดังลั่นจนโจเซฟเองยังตกใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าขอโทษนะโจเซฟที่ทำให้ตกใจ”จัมพ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือไปลูบที่หัวของโจเซฟอย่างเบามือ
“แล้วจัมพ์ให้ผมมาที่นี่เพราะอะไรหรือครับ จะให้ผมช่วยอะไรก็บอกมาได้เลยนะ”ไคเอ่ย
“เรื่องให้ช่วยอะไรน่ะ ข้าก็คงไม่มีหรอกเพียงแต่ว่าข้าอยากให้แกรู้ความจริงเท่านั้น แต่ข้าอยากให้แกสัญญากับข้าก่อนว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครโดยเด็ดขาดแม้แต่ลุงเคนก็เถอะ รับปากข้าจะได้มั้ย”จัมพ์
“ได้ผมสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”ไคกล่าวพร้อมด้วยแววตาที่จริงจัง จัมพ์เองก็มองดูแววตาของเพื่อนรักแล้วจึงค่อยค่อยนั่งลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด
“เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงเพราะว่าข้าได้รับปากกับคนคนหนึ่งเอาไว้เช่นกันว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้กับใครฟัง คนคนนั้นก็คือ นัสโกฟิว ยังไงล่ะ”จัมพ์
“นัสโกฟิว มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือครับ”ไค
“ไม่เกี่ยวอะไรมากหรอก เพียงแต่ว่าวันหนึ่งข้าก็ได้ฝึกวิชาดาบของข้าอยู่เหมือนเดิมทุกวัน แต่จริงจริงแล้วภายในจิตใจของข้า ก็ยังคงนึกถึงเรื่องของการประลองครั้งนั้นอยู่ตลอดเวลา ความอัดอั้นตันใจจนแทบจะระเบิดออกมาข้าเลยตัดสินใจไปขอท้าประลองอีกครั้งกับหมอนั่น แต่คราวนี้ข้ากับเจ้าหมอนั่นได้ต่อสู้กันด้วยพลังที่แท้จริงจากพลังของอักขระ ซึ่งพวกข้าทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่ามันผิดกฏแต่จะเรียกได้ว่าต่อสู้กันถึงขั้นเอาเป็นเอาตายก็คงจะไม่ใช่ เหมือนกับว่าข้ากับเจ้าหมอนั่นช่วยกันฝึกฝีมือของแต่ละฝ่ายเสียมากกว่า ที่จะเป็นการต่อสู้เพื่อผลแพ้ชนะ เราจึงนัดเจอกันทุกคืนเพื่อฝึกวิชาร่วมกัน บางครั้งบางทีอาจจะพลาดได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ก็แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น ไคแกรู้มั้ยไอ้หมอนั่นมันเก่งมากเลยนะ เวลาที่ข้าต่อสู้กับมันเหมือนกับว่า ทุกย่างก้าวทุกการกระทำดูอันตรายไปหมด ข้าจะประมาทไม่ได้เลย”จัมพ์ เล่าไปพร้อมกับทำท่าทางและสีหน้าเหมือนกับว่าเค้ามีความสุขมากที่ได้ต่อสู้กับนัสโกฟิว คล้ายกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นโปรดก็ไม่ปาน
“ถึงว่าสิ บางวันผมเห็นจัมพ์ตอนกลับมาที่ห้องคล้ายกับว่าถูกใครทำร้ายมา ที่จริงเป็นบาดแผลจากการฝึกนี่เอง แล้วตอนสู้กันใครชนะเหรอ”ไค สอบถามต่อ แต่ทางจัมพ์ได้แต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไรเลย
“ข้าเคยชนะเจ้าหมอนั้นสองครั้ง”จัมพ์กล่าว พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะภูมิใจ
“สุดยอดไปเลยจัมพ์ต้องให้ได้อย่างนี่สิ”ไคแสดงท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อได้ยินคำตอบจากเพื่อนของเค้า
“ตอนที่ข้าเอาชนะหมอนั่นได้นะ เป็นเพราะว่าข้าเก่งขึ้นหรือหมอนั่นออมมือให้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ตอนที่เราประลองกันนั้นมันแตกต่างจากที่ข้ากับหมอนั่นเคยสู้กันตอนแรกมาก มาช่วงหลังหลังข้าสามารถมองการโจมตีของหมอนั่นได้หมด ตอนที่ข้าชนะหมอนั่นได้ข้ารู้สึกดีจริงจริง”จัมพ์เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เค้าเล่าไปยิ้มไปอย่างมีความสุข จนไคเองก็อดที่จะยิ้มร่วมกับจัมพ์ไปด้วยไม่ได้
“แสดงว่าการฝึกวิชาดาบอย่างหนักของจัมพ์ มันได้แสดงผลออกมาแล้วนะสิ”ไค
“ข้าเองก็คิดแบบนั้น แต่ถ้าไม่ใช่เพราะนัสโกฟิวข้าเองก็คงมาไม่ถึงจุดนี้ได้”จัมพ์กล่าว แต่เมื่อจัมพ์พูดจบเค้าก็นิ่งเงียบไป
“จัมพ์ นายโอเคนะ”ไคถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนของเค้าเพราะเค้าสังเกตเห็นท่าทีของจัมพ์ที่เปลี่ยนไป
“ข้าโอเค เพียงแต่ข้าเสียดายข้าคงไม่มีโอกาสที่จะได้ประลองกับหมอนั่นอีกแล้ว เพราะดันมาเกิดเรื่องบ้าบ้าแบบนี้ขึ้นมาเสียก่อน”จัมพ์
“เรื่องที่เกิดขึ้นจัมพ์ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ หากจัมพ์ไม่ได้เป็นคนทำไม่นานก็คงได้ออกไปจากที่นี่ อีกอย่างตอนนี้พวกลุงเคนก็หาทางช่วยจัมพ์อยู่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ อันที่จริงแล้วถ้าหากเราขอความช่วยเหลือจากนัสโกฟิวให้มาเป็นพยานยืนยันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ไม่แน่จัมพ์อาจจะได้ออกไปเลย ผมว่าเราน่าจะไปขอให้เค้าช่วยนะครับ”ไคกล่าว
“ไม่ได้นะ”จัมพ์ตะหวาดเสียงดังจนไคเองยังตกใจ
“เรื่องนี้นัสโกฟิวไม่เกี่ยวอย่าเอาเรื่องของข้าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้คนอื่นอีกแล้ว อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับใครโดยเด็ดขาดนะ สัญญากับข้าสิไค สัญญาสิ”จัมพ์กล่าวด้วยสีหน้าอ้อนวอนขอร้องไค เมื่อไคเห็นดังนั้นจึงรับปากว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ แล้วผมจะช่วยจัมพ์ออกไปได้ยังไง”ไคกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าและเบาลง
“ไม่เอาน่าเพื่อนเรื่องแบบนี้ข้าชินซะแล้ว การที่ถูกเข้าใจผิดมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตข้าแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า”จัมพ์กล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา แต่ไคเองก็มองออกว่าจัมพ์แกล้งหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเค้าเอง ส่วนทางด้านของไคก็รู้สึกเป็นห่วงเพื่อนรักของเค้าอย่างจับใจ
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงลูกกุญแจไขประตูก็ดังขึ้น เมื่อประตูเหล็กทางด้านหลังห้องกระจกถูกเปิดออก ลุงเคนก็เดินก้าวเข้ามาภายในห้องลุงเคนได้ยืนมองสำรวจภายในห้องและมองดูคนทั้งสองที่นั่งนิ่งเงียบโดยไม่มีใครพูดจาใดใดเลยทั้งสิ้น ลุงเคนจึงส่งยิ้มจนเห็นฟันขาวให้กับทั้งสองคน
“ทั้งสองคนคงได้พูดคุยกันแล้วสินะ”ลุงเคนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับจ้องมองมาทางไค
“ครับ”ไคตอบ พร้อมกับลุกยืนขึ้น
“งั้นเราไปกับเถอะ”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับชักชวนให้ไคออกมาจากห้องขังกระจกและปล่อยให้จัมพ์อยู่ในห้องนั้นเพียงลำพังเช่นเดิม
และเมื่อทั้งลุงเคนและไคออกมาจากห้องนั้นแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดประตูห้องขัง ไคได้หันไปจ้องมองดูเพื่อนของเค้าอีกครั้ง ไครับรู้ถึงสีหน้าและแววตาแห่งความสิ้นหวังจากดวงตาของจัมพ์ แต่เค้าเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรเพื่อนของเค้าได้เลย ถ้าหากเป็นไปได้ไคเองก็อยากจะขอเข้าไปอยู่ในห้องนั้นเป็นเพื่อนจัมพ์เสียด้วยซ้ำไป พอประตูปิดลงจนสนิทไคมองออกไปตรงบริเวณทางเดินด้านหลังห้องขังก็พบว่า เจ้าหน้าที่โตโต้และเจ้าหน้าที่วากัซได้มายืนรอคอยเค้าอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองเห็นไค เจ้าหน้าที่วากัซก็สอบถามไคทันที
“ไค ได้คุยกับจัมพ์แล้วใช่มั้ยจัมพ์บอกอะไรเจ้าบ้าง”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“จัมพ์บอกครับ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจัมพ์ไม่ได้เป็นคนทำครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด”ไคตอบ
“เรื่องที่จัมพ์ไม่ได้ทำนั้นพวกเราเองก็คิดเช่นนั้น แต่ที่อยากรู้คือว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วจัมพ์ไปทำอะไรที่นั่น”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น
“คือว่า เรื่องนั้นผมบอกไม่ได้จริงจริงครับ”ไคกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าเจ้าเองก็รู้งั้นรึว่าจัมพ์ไปทำอะไรแถวนั้น”ลุงเคนที่ยืนอยู่ข้างข้างเอ่ยขึ้น พร้อมกับเอามือมาแตะที่บ่าของไคเบาเบา
“ครับ จัมพ์เล่าถึงสิ่งที่เค้าต้องไปพัวพันกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ผมรับปากกับจัมพ์เอาไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องสิ่งที่เค้าทำกับใครโดยเด็ดขาดผมขอโทษทุกคนด้วยนะครับ ที่ไม่สามารถบอกกับทุกคนได้”ไคกล่าว เมื่อทั้งสามคนที่ยืนอยู่ได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่นิ่งเงียบไปกับคำตอบที่ได้รับ
“นี่พวกเจ้ารู้มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กเล็กนะถ้าหากเจ้าไม่ยอมบอกความจริงมา เจ้าอาจจะตกเป็นผู้ร่วมกระทำผิดไปด้วยนะเจ้ารู้ตัวมั้ย”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“เรื่องนั้นผมเข้าใจดีครับ แต่ผมได้รับปากกับจัมพ์เอาไว้แล้วผมจำเป็นต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้ครับ”ไคกล่าว
“ให้ตายเถอะให้มันได้อย่างนี้สิน่า สรุปแล้วที่เอาตัวเจ้ามาที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือรูปคดีเลยซักนิด”เจ้าหน้าที่วากัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้รับมากนัก
หลังจากที่เจ้าหน้าที่โตโต้ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมในการสืบสวนของคดีนี้ยืนฟังอยู่ ก็ได้เดินมายืนใกล้ใกล้กับไค พร้อมกับจ้องมองดูไคและโจเซฟที่อยู่ในอ้อมแขน
“ไค เจ้ารู้มั้ยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเจ้ารู้รึเปล่าว่าตอนนี้จัมพ์ได้ไปเกี่ยวข้องกับคดีร้ายแรงขนาดไหน”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มและต่ำ
“เท่าที่ผมรู้ก็แค่คดีทำลายกำแพงไม่ใช่เหรอครับ ก็เมื่อวานเจ้าหน้าที่วากัซบอกผม”ไค
“ในตอนแรกมันน่าจะเป็นแค่คดีทำลายกำแพงนะสิ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วทางหน่วยของเราได้รับรายงานมาว่าเกิดเหตุคดีฆาตกรรมขึ้น ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับหินอักขระซึ่งที่เกิดเหตุก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าขอโทษนะโจเซฟที่ทำให้ตกใจ”จัมพ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเอามือไปลูบที่หัวของโจเซฟอย่างเบามือ
“แล้วจัมพ์ให้ผมมาที่นี่เพราะอะไรหรือครับ จะให้ผมช่วยอะไรก็บอกมาได้เลยนะ”ไคเอ่ย
“เรื่องให้ช่วยอะไรน่ะ ข้าก็คงไม่มีหรอกเพียงแต่ว่าข้าอยากให้แกรู้ความจริงเท่านั้น แต่ข้าอยากให้แกสัญญากับข้าก่อนว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครโดยเด็ดขาดแม้แต่ลุงเคนก็เถอะ รับปากข้าจะได้มั้ย”จัมพ์
“ได้ผมสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”ไคกล่าวพร้อมด้วยแววตาที่จริงจัง จัมพ์เองก็มองดูแววตาของเพื่อนรักแล้วจึงค่อยค่อยนั่งลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด
“เรื่องมันก็ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงเพราะว่าข้าได้รับปากกับคนคนหนึ่งเอาไว้เช่นกันว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้กับใครฟัง คนคนนั้นก็คือ นัสโกฟิว ยังไงล่ะ”จัมพ์
“นัสโกฟิว มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยหรือครับ”ไค
“ไม่เกี่ยวอะไรมากหรอก เพียงแต่ว่าวันหนึ่งข้าก็ได้ฝึกวิชาดาบของข้าอยู่เหมือนเดิมทุกวัน แต่จริงจริงแล้วภายในจิตใจของข้า ก็ยังคงนึกถึงเรื่องของการประลองครั้งนั้นอยู่ตลอดเวลา ความอัดอั้นตันใจจนแทบจะระเบิดออกมาข้าเลยตัดสินใจไปขอท้าประลองอีกครั้งกับหมอนั่น แต่คราวนี้ข้ากับเจ้าหมอนั่นได้ต่อสู้กันด้วยพลังที่แท้จริงจากพลังของอักขระ ซึ่งพวกข้าทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่ามันผิดกฏแต่จะเรียกได้ว่าต่อสู้กันถึงขั้นเอาเป็นเอาตายก็คงจะไม่ใช่ เหมือนกับว่าข้ากับเจ้าหมอนั่นช่วยกันฝึกฝีมือของแต่ละฝ่ายเสียมากกว่า ที่จะเป็นการต่อสู้เพื่อผลแพ้ชนะ เราจึงนัดเจอกันทุกคืนเพื่อฝึกวิชาร่วมกัน บางครั้งบางทีอาจจะพลาดได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ก็แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น ไคแกรู้มั้ยไอ้หมอนั่นมันเก่งมากเลยนะ เวลาที่ข้าต่อสู้กับมันเหมือนกับว่า ทุกย่างก้าวทุกการกระทำดูอันตรายไปหมด ข้าจะประมาทไม่ได้เลย”จัมพ์ เล่าไปพร้อมกับทำท่าทางและสีหน้าเหมือนกับว่าเค้ามีความสุขมากที่ได้ต่อสู้กับนัสโกฟิว คล้ายกับเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นโปรดก็ไม่ปาน
“ถึงว่าสิ บางวันผมเห็นจัมพ์ตอนกลับมาที่ห้องคล้ายกับว่าถูกใครทำร้ายมา ที่จริงเป็นบาดแผลจากการฝึกนี่เอง แล้วตอนสู้กันใครชนะเหรอ”ไค สอบถามต่อ แต่ทางจัมพ์ได้แต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งโดยไม่พูดอะไรเลย
“ข้าเคยชนะเจ้าหมอนั้นสองครั้ง”จัมพ์กล่าว พร้อมกับรอยยิ้มที่แสนจะภูมิใจ
“สุดยอดไปเลยจัมพ์ต้องให้ได้อย่างนี่สิ”ไคแสดงท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าเมื่อได้ยินคำตอบจากเพื่อนของเค้า
“ตอนที่ข้าเอาชนะหมอนั่นได้นะ เป็นเพราะว่าข้าเก่งขึ้นหรือหมอนั่นออมมือให้รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ตอนที่เราประลองกันนั้นมันแตกต่างจากที่ข้ากับหมอนั่นเคยสู้กันตอนแรกมาก มาช่วงหลังหลังข้าสามารถมองการโจมตีของหมอนั่นได้หมด ตอนที่ข้าชนะหมอนั่นได้ข้ารู้สึกดีจริงจริง”จัมพ์เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เค้าเล่าไปยิ้มไปอย่างมีความสุข จนไคเองก็อดที่จะยิ้มร่วมกับจัมพ์ไปด้วยไม่ได้
“แสดงว่าการฝึกวิชาดาบอย่างหนักของจัมพ์ มันได้แสดงผลออกมาแล้วนะสิ”ไค
“ข้าเองก็คิดแบบนั้น แต่ถ้าไม่ใช่เพราะนัสโกฟิวข้าเองก็คงมาไม่ถึงจุดนี้ได้”จัมพ์กล่าว แต่เมื่อจัมพ์พูดจบเค้าก็นิ่งเงียบไป
“จัมพ์ นายโอเคนะ”ไคถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนของเค้าเพราะเค้าสังเกตเห็นท่าทีของจัมพ์ที่เปลี่ยนไป
“ข้าโอเค เพียงแต่ข้าเสียดายข้าคงไม่มีโอกาสที่จะได้ประลองกับหมอนั่นอีกแล้ว เพราะดันมาเกิดเรื่องบ้าบ้าแบบนี้ขึ้นมาเสียก่อน”จัมพ์
“เรื่องที่เกิดขึ้นจัมพ์ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะ หากจัมพ์ไม่ได้เป็นคนทำไม่นานก็คงได้ออกไปจากที่นี่ อีกอย่างตอนนี้พวกลุงเคนก็หาทางช่วยจัมพ์อยู่ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะ อันที่จริงแล้วถ้าหากเราขอความช่วยเหลือจากนัสโกฟิวให้มาเป็นพยานยืนยันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ไม่แน่จัมพ์อาจจะได้ออกไปเลย ผมว่าเราน่าจะไปขอให้เค้าช่วยนะครับ”ไคกล่าว
“ไม่ได้นะ”จัมพ์ตะหวาดเสียงดังจนไคเองยังตกใจ
“เรื่องนี้นัสโกฟิวไม่เกี่ยวอย่าเอาเรื่องของข้าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย ข้าไม่อยากสร้างปัญหาให้คนอื่นอีกแล้ว อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับใครโดยเด็ดขาดนะ สัญญากับข้าสิไค สัญญาสิ”จัมพ์กล่าวด้วยสีหน้าอ้อนวอนขอร้องไค เมื่อไคเห็นดังนั้นจึงรับปากว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดีล่ะ แล้วผมจะช่วยจัมพ์ออกไปได้ยังไง”ไคกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าและเบาลง
“ไม่เอาน่าเพื่อนเรื่องแบบนี้ข้าชินซะแล้ว การที่ถูกเข้าใจผิดมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตข้าแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า”จัมพ์กล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา แต่ไคเองก็มองออกว่าจัมพ์แกล้งหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเค้าเอง ส่วนทางด้านของไคก็รู้สึกเป็นห่วงเพื่อนรักของเค้าอย่างจับใจ
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูพร้อมเสียงลูกกุญแจไขประตูก็ดังขึ้น เมื่อประตูเหล็กทางด้านหลังห้องกระจกถูกเปิดออก ลุงเคนก็เดินก้าวเข้ามาภายในห้องลุงเคนได้ยืนมองสำรวจภายในห้องและมองดูคนทั้งสองที่นั่งนิ่งเงียบโดยไม่มีใครพูดจาใดใดเลยทั้งสิ้น ลุงเคนจึงส่งยิ้มจนเห็นฟันขาวให้กับทั้งสองคน
“ทั้งสองคนคงได้พูดคุยกันแล้วสินะ”ลุงเคนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับจ้องมองมาทางไค
“ครับ”ไคตอบ พร้อมกับลุกยืนขึ้น
“งั้นเราไปกับเถอะ”ลุงเคนกล่าวพร้อมกับชักชวนให้ไคออกมาจากห้องขังกระจกและปล่อยให้จัมพ์อยู่ในห้องนั้นเพียงลำพังเช่นเดิม
และเมื่อทั้งลุงเคนและไคออกมาจากห้องนั้นแล้ว ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดประตูห้องขัง ไคได้หันไปจ้องมองดูเพื่อนของเค้าอีกครั้ง ไครับรู้ถึงสีหน้าและแววตาแห่งความสิ้นหวังจากดวงตาของจัมพ์ แต่เค้าเองก็รู้ดีว่าไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรเพื่อนของเค้าได้เลย ถ้าหากเป็นไปได้ไคเองก็อยากจะขอเข้าไปอยู่ในห้องนั้นเป็นเพื่อนจัมพ์เสียด้วยซ้ำไป พอประตูปิดลงจนสนิทไคมองออกไปตรงบริเวณทางเดินด้านหลังห้องขังก็พบว่า เจ้าหน้าที่โตโต้และเจ้าหน้าที่วากัซได้มายืนรอคอยเค้าอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองเห็นไค เจ้าหน้าที่วากัซก็สอบถามไคทันที
“ไค ได้คุยกับจัมพ์แล้วใช่มั้ยจัมพ์บอกอะไรเจ้าบ้าง”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“จัมพ์บอกครับ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นจัมพ์ไม่ได้เป็นคนทำครับ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด”ไคตอบ
“เรื่องที่จัมพ์ไม่ได้ทำนั้นพวกเราเองก็คิดเช่นนั้น แต่ที่อยากรู้คือว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วจัมพ์ไปทำอะไรที่นั่น”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น
“คือว่า เรื่องนั้นผมบอกไม่ได้จริงจริงครับ”ไคกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าเจ้าเองก็รู้งั้นรึว่าจัมพ์ไปทำอะไรแถวนั้น”ลุงเคนที่ยืนอยู่ข้างข้างเอ่ยขึ้น พร้อมกับเอามือมาแตะที่บ่าของไคเบาเบา
“ครับ จัมพ์เล่าถึงสิ่งที่เค้าต้องไปพัวพันกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ผมรับปากกับจัมพ์เอาไว้ว่าจะไม่บอกเรื่องสิ่งที่เค้าทำกับใครโดยเด็ดขาดผมขอโทษทุกคนด้วยนะครับ ที่ไม่สามารถบอกกับทุกคนได้”ไคกล่าว เมื่อทั้งสามคนที่ยืนอยู่ได้ฟังดังนั้นก็ได้แต่นิ่งเงียบไปกับคำตอบที่ได้รับ
“นี่พวกเจ้ารู้มั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เรื่องเล็กเล็กนะถ้าหากเจ้าไม่ยอมบอกความจริงมา เจ้าอาจจะตกเป็นผู้ร่วมกระทำผิดไปด้วยนะเจ้ารู้ตัวมั้ย”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
“เรื่องนั้นผมเข้าใจดีครับ แต่ผมได้รับปากกับจัมพ์เอาไว้แล้วผมจำเป็นต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้ครับ”ไคกล่าว
“ให้ตายเถอะให้มันได้อย่างนี้สิน่า สรุปแล้วที่เอาตัวเจ้ามาที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ไม่ได้มีส่วนช่วยเหลือรูปคดีเลยซักนิด”เจ้าหน้าที่วากัวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้รับมากนัก
หลังจากที่เจ้าหน้าที่โตโต้ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมในการสืบสวนของคดีนี้ยืนฟังอยู่ ก็ได้เดินมายืนใกล้ใกล้กับไค พร้อมกับจ้องมองดูไคและโจเซฟที่อยู่ในอ้อมแขน
“ไค เจ้ารู้มั้ยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเจ้ารู้รึเปล่าว่าตอนนี้จัมพ์ได้ไปเกี่ยวข้องกับคดีร้ายแรงขนาดไหน”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มและต่ำ
“เท่าที่ผมรู้ก็แค่คดีทำลายกำแพงไม่ใช่เหรอครับ ก็เมื่อวานเจ้าหน้าที่วากัซบอกผม”ไค
“ในตอนแรกมันน่าจะเป็นแค่คดีทำลายกำแพงนะสิ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วทางหน่วยของเราได้รับรายงานมาว่าเกิดเหตุคดีฆาตกรรมขึ้น ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับหินอักขระซึ่งที่เกิดเหตุก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ด้วย”เจ้าหน้าที่วากัซกล่าว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ