ริมฝั่งทะเลฝัน
-
เขียนโดย น้ำไนล์
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
17.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) กรุ่นกลิ่นความเศร้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ลมทะเลยามเช้าหอบเอากลิ่นไอหอมสดชื่นพัดผ่านเข้ามาตรงริมระเบียง นัทกางมือออกสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก้มหน้าก้มตาเขียนบทกวีต่อไป
“เฮ้ยนัท กินปาท่องโก๋ดิ” วินชูถุงปาท่องโก๋ที่ซื้อติดมือมาระหว่างที่ไปวิ่งออกกำลังกายให้นัท
“ขอบใจ เช้าๆเรายังไม่หิว แกไปวิ่งรอบหาดมาล่ะสิ”
“ไม่ถึงรอบหาดหรอกแค่โค้งหาดทางด้านโน้นน่ะ เฮ้อ สดชื่น” วินทำท่าบิดขี้เกียจ
“เออ…ไอ้แทนกลับมารึยัง” วินหันไปถามนัท
“หึ...ยังไม่เห็นเงามันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” นัทส่ายหน้าแล้วก้มเขียนหนังสือต่อไป
“เอ มันไปไหนของมันนะ แล้วนั่นแกทำอะไรอยู่” วินถามเมื่อเห็นนัทนั่งเขียนอะไรยุกยิกอยู่
“ไม่มีอะไรเขียนบทกวีเล่นๆน่ะ”
“บทกวีเหรอ โหนัท แกอารมณ์ละเอียดอ่อนยังกะคนมีความรักแน่ะ”
“เฮ้ยบ้า ความรักอะไร เราก็เขียนของเราไปเรื่อยแหละ” นัทปฏิเสธหลบสายตาวินทั้งที่หัวใจเต้นแรง
“โอ้ย…ทามมายโลกหมุนเร็ววะ บานดายทามมายเลื่อนไปมาวะเนี่ย”
เสียงเอะอะดังมาจากหน้าบ้านตามด้วยเสียงข้าวของแตกกระจายและเสียงหกล้มโครมใหญ่ที่ตรงบันได จนนัทและวินต้องรีบวิ่งลงมาดูจึงพบว่าแทนกำลังนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงขั้นบันได
“อ้าว…อะไรของมันวะเนี่ย…เฮ้ย แทน แทน” วินและนัทช่วยกันพยุงร่างของแทนให้ลุกขึ้นแล้วประคองพาเข้าไปนอนตรงเก้าอี้ตัวยาวในบ้าน
“ทำไมมันเมาทิ้งร่างอย่างนี้ว้า” นัทบ่นอุบขณะที่ช่วยวินจัดแจงหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของแทน
“ทำไมเค้าต้องหลอกเราด้วย…เค้าเห็นความรักของเราเป็นอะไร” แทนพร่ำเพ้ออย่างคนไร้สติ พิษเหล้าทำให้เขาเมามาย
“สงสัยมันจะอกหัก…โธ่ไอ้แทนเอ๊ย” วินถอนหายใจในสภาพของเพื่อน
“โอ้ย…หนักหัวเป็นบ้าเลย” แทนลืมตาขึ้นมาสลึมสลือเห็นเพื่อนทั้งสองกำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่
“อัวะ..อ้วก..” แทนทำท่าโก่งคอจะอาเจียน
“เฮ้ยๆไอ้แทนกลืนไปก่อนอย่าเพิ่งปล่อยออกมา…” วินรีบห้ามแล้วพยุงร่างของแทนไปเข้าห้องน้ำ แทนอ้วกจนหมดแรงเดินโซเซออกมาล้มตัวลงนอนบนเก้าอี้จนหลับไป
“เฮ้อ ท่าทางมันจะอาการหนักนะเนี่ยถึงขั้นไร้สติอย่างนี้” วินส่ายหน้าเบาๆไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมเพชแทนกันแน่
“แกดูมันหน่อยนะนัท เราต้องออกไปธุระข้างนอก”
“เออ ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวเราดูมันให้เอง” นัทบอกแล้วหันมามองแทนที่เมามายจนหลับไป
……………………………………………………………
ขณะที่นัทนั่งเขียนหนังสืออยู่หน้าบ้านนั้นเสียงไอของแทนก็ดังมาจากข้างในนัทวางปากกาแล้วรีบเดินเข้าไปดูแทน พบว่าแทนกำลังนั่งเอามือบีบขมับตัวเองด้วยสีหน้าที่อิดโรย
“ไงล่ะแก”
“แย่ว่ะ” แทนบอกเบาๆ
“ไม่แย่ได้ไงล่ะหมดสภาพซะขนาดนี้…นึกครึ้มอะไรขึ้นมาล่ะถึงได้ซดเหล้าจนเมามาย”
“ก็แค่อยากรู้ว่าเหล้ามันจะทำร้ายเราได้มากขนาดไหน” เสียงแทนดูเครียดๆนัทค่อยๆนั่งลงข้างๆแทน เพิ่งสังเกตรอยหม่นหมองของใบหน้านั้น
“เราทำอะไรผิดล่ะนัทเค้าถึงทำร้ายเราอย่างนี้” แทนซบหน้าลงบนฝ่ามือ นัทรู้ว่ายามนี้หัวใจของแทนคงกำลังเจ็บร้าว
“เค้าบอกว่าเราไม่เป็นอย่างที่เค้าวาดหวังไว้ นอกจากความรักแล้วเค้าจะหวังอะไรจากเราอีกล่ะนัท เรารักเค้ามันยังไม่มากพอเหรอนัท หรือว่าเค้าไม่เคยรักเราเลยแล้วทำไมเค้าต้องหลอกเราด้วยล่ะ”
ตลอดเวลานัทได้แต่นั่งฟังแทนเงียบๆดวงตาของแทนมันเศร้าเกินกว่าที่นัทจะหาถ้อยคำใดๆมาปลอบได้ นัทตบบ่าแทนเบาๆร่วมเจ็บปวดไปกับความรู้สึกของแทนด้วย แทนลุกขึ้นยืนและเดินเข้าห้องไป นัทมองตามด้วยสายตาห่วงใย
“แทน แกใจเย็นๆนะ…ไม่นานมันก็จะผ่านไป”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนัทเราแค่จะเจ็บซะให้พอ…แล้วมันก็จะหายไป” แทนบอกก่อนที่จะปิดประตูฝังตัวเองอยู่ในห้องเงียบเชียบ ไม่นานนักเสียงกระซิกสะอื้นแผ่วก็ล่องลอยมา
นัทถอนหายใจเศร้าเมื่อตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วในส่วนลึกของหัวใจแทนก็ร่ำหาความอบอุ่นมาเติมเต็มช่องว่างที่มันขาดหายไป แทนก็ไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆที่แสวงหาความรักมาทำให้ชีวิตเขาสมบูรณ์ขึ้น
ตอนบ่ายนัทขี่มอเตอร์ไซค์ไปหานัทที่ร้าน ก่อนที่จะถึงซุ้มที่ฟ้าขายของอยู่นั้นนัทสังเกตเห็นรถเก๋งคันสีแดงจอดอยู่ริมถนนใกล้กับซุ้มของฟ้า นัทจำได้ว่าเป็นรถของเอก นัทจอดมอเตอร์ไซค์แถวบริเวณนั้น ภาพของหนุ่มสาวสองคนสองคนที่ที่นัทมองเห็นกำลังนั่งพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่ นัทมองภาพนั้นอยู่นานรู้สึกแปลบปลาบที่ตรงหัวใจ กลิ่นความเศร้าล่องลอยมากับลมทะเลหอบเอาเม็ดน้ำตาบางหยดมาเอ่อคลอในดวงตาของนัท นัทรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปจากที่ตรงนั้นโดยเร็วก่อนที่ความอ่อนแอจะทำร้ายหัวใจมากไปกว่านี้….
…………………………………………………………….
ที่ตรงม้านั่งหน้าซุ้มฟ้ากำลังนั่งถอนหายใจเบื่อหน่ายอยู่กับเรื่องที่เอกมาบอกว่าจะพาฟ้าไปงานเลี้ยงที่โรงแรมด้วยคืนนี้
“ฟ้าไม่ไปไม่ได้เหรอเอก งานแบบนี้ฟ้าไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่”
“ไม่ได้หรอกฟ้า เอกรับปากผู้ใหญ่ไว้แล้วว่าจะพาฟ้าไปด้วย”
“เอกก็รู้ว่าฟ้าไม่ชอบอะไรแบบนั้น ฟ้าไม่อยากเข้าไปอึดอัดทำตัวไม่ถูก” ฟ้าเบือนสายตาไปยังผืนทะเลระบายลมหายใจช้าๆ
“เอกรู้แต่ก็อยากให้ฟ้าฝึกเอาไว้บ้าง ต่อไปถ้าเราแต่งงานกันสิ่งเหล่านี้มันก็จำเป็นนะ เราต้องคบหาคนในสังคมพวกนี้เอาไว้เพราะมันมีผลต่อธุรกิจของเรา แล้วเอกก็อยากให้ฟ้าออกงานคู่กับเอกด้วย”
เอกอธิบายเสียงเครียดใบหน้าจริงจัง เขาทำราวกับว่าฟ้าเป็นเด็กที่เขาต้องดูแลคุ้มครอง คอยแนะนำให้ฟ้าทำและเป็นในสิ่งที่เขาคิดว่ามันถูกและดีแล้ว ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเอกรู้สึกเสมอว่าฟ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน บอบบาง เป็นดอกไม้ที่เขาต้องถนอมเป็นพิเศษ เขาจึงคอยดูแลฟ้าอยู่ไม่ห่าง
“เอาล่ะ เดี๋ยวทุ่มตรงเอกมารับ ฟ้าแต่งตัวไว้นะ” เอกกล่าวสรุปตัดบทอย่างง่ายๆก่อนที่จะลุกเดินจากไป ฟ้ามองตามรถเก๋งคันสีแดงด้วยความรู้สึกชืดชาในหัวใจแววตาของเอกไม่เหลือร่องรอยความอบอุ่นให้ฟ้าได้สัมผัส ทุกสิ่งคล้ายเป็นหน้าที่ที่ฟ้าต้องทำขณะอยู่กับเอก
ฟ้าหลับตานิ่ง ลมทะเลพัดพรูสะบัดเส้นผมปลิวสยาย ไอหนาวบางอย่างเกาะกุมเข้าสู่หัวใจ…แปลกที่หัวใจกลับคิดถึงแววตาของใครอีกคนที่แม้ยามเศร้าก็ทอดมองมาอย่างหวานโศก ยามหัวเราะร่าก็มีประกายคมระยิบเหมือนเม็ดดาวและแม้ยามอ่อนหวานดวงตาคู่นั้นก็จะฉายแววออดอ้อนอ่อนโยน เสียงเรียก ‘พี่ฟ้า’ ยามที่เผลอละเมอออกมาในคืนนั้น ลึกซึ้งอย่างที่ฟ้าไม่เคยรู้สึกมาก่อน ภาพใบหน้าขาวเรียวแต้มพรายหยดน้ำตายามที่โผเข้าสู่อ้อมกอดของฟ้ายังคงติดอยู่ในความรู้สึก….แปลกที่หัวใจกลับวูบไหวได้ง่ายดายแม้เพียงรู้จักไม่นาน แต่แววตาที่นัทมองฟ้าแต่ละครั้งนั้นกลับจ้องลึกลงสู่หัวใจ เหมือนเรียกร้อง โหยหา เหมือนมีกระแสบางอย่างที่สื่อถึงสายใยอ่อนโยนในหัวใจของนัทที่มีต่อฟ้า
ฟ้าสะบัดหน้าไล่ความคิดที่สับสนออกไปแต่ความหม่นมัวยังไม่จางหายไปจากใจ หัวใจส่วนหนึ่งถูกปลุกให้ตื่นด้วยเงาของใครบางคน แต่อีกส่วนหนึ่งกลับย้ำเตือนให้ตระหนักถึงความเป็นจริง
……………………………………………………..
ฉันรู้เส้นทางของเรานั้นต้องจบตรงที่ทางแยกสักทาง
รู้ว่าคงยากที่จะไปไกลเกินกว่าหวัง จะทำเท่าไหร่ก็คงไมดี
ฉันรู้แต่ยังไม่เคยคิดว่าต้องจบ ต้องจากกันเร็วเท่านี้
ฉันแค่อยากรั้งเธอนานๆ..นานเกินกว่านี้
แต่ว่าวันนี้ได้เพียงรับมัน
เสียงทุ้มนุ่มของแทนโศกครวญอย่างหวานแว่ว ไปตามท่วงทำนองอ้อยสร้อยของบทเพลง เสียงกีตาร์พลิ้วไหวราวกับจะหลั่งน้ำตาในความมืดเงียบของค่ำคืน แทนโยกตัวไปมาช้าๆดวงหน้าเหม่อนิ่ง ดวงตาซ่อนรอยช้ำ…นัทนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้านเฝ้ามองแทนอยู่ห่างๆ ในยามผิดหวังใบหน้าที่เคยเริงร่าของแทนกลับมีแต่ร่องรอยของความทุกข์เศร้า…เออหนอความรักเปลี่ยนแปลงคนเราได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
นัททอดสายตาเหม่อไปยังเวิ้งฟ้ากว้าง รอยยิ้มหวานของฟ้าเหมือนแต้มระบายอยู่ในสายลมที่พัดไหว แปลบปลาบในหัวใจทุกครั้งเมื่อคิดถึงและตระหนักถึงความเป็นจริง
ไม่ผิดสักคนแค่ฉันและเธอไม่ใช่ ไม่ผิดที่เราต่างต้องแยกไป
ไม่ผิดที่ทางแยกนี้ถึงก่อนเราตั้งใจ
แต่จะอย่างไรก็ยังต้องจบ…
แทนจบบทเพลงด้วยที่โศกซึ้งก่อนที่จะพรมนิ้วบนสายกีตาร์เพื่อขึ้นทำนองเพลงใหม่ นัทลุกขึ้นเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างช้าๆ ด้วยว่านาทีนี้กลิ่นความเศร้าที่แทนบรรเลงอยู่ลอยคว้างอยู่ในอากาศแทรกซึมอยู่ในกลิ่นไอของลมทะเล มันเป็นกลิ่นความเศร้าที่บีบรัดหัวใจของนัทให้วาบลึกหน่วงหนักอยู่ข้างใน ริ้วน้ำตาหยดสายมาอย่างช้าๆ…เหงาทั้งที่ในหัวใจมีใครบางคนให้คิดถึง
“นัทไม่ได้อยู่คนเดียวนะ อย่างน้อยก็มีพี่คนหนึ่งที่เป็นห่วงนัท” ใบหน้าหวานลอยอยู่ในห้วงคำนึง
“นัทคิดถึงพี่ฟ้าจัง” เสียงรำพึงแผ่วเบาฝากผ่านไปกับสายลมถึงคนที่อยู่อีกฝั่งโค้งหาด…แม้รู้ดีว่าในความเป็นจริงหนทางแห่งความรู้สึกที่นัทมีต่อฟ้านั้นมันคงมีจุดจบตรงทางแยกที่ไหนสักแห่ง มันคงมีเหตุผลของความเป็นไปไม่ได้รออยู่เบื้องหน้า…แต่เมื่อนัทรู้สึกไปแล้ว…รักไปแล้ว…ก็ยอมอิ่มเอมทั้งทุกข์และสุขในความรักนี้
“…ไม่ผิดสักคนแค่ฉันและเธอไม่ใช่…”
แว่วเสียงเพลงของแทนล่องลอยผ่านมาเหมือนกลิ่นความเศร้าที่ฝังทับอยู่ในใจของนัทมิจางหาย
“เฮ้ยนัท กินปาท่องโก๋ดิ” วินชูถุงปาท่องโก๋ที่ซื้อติดมือมาระหว่างที่ไปวิ่งออกกำลังกายให้นัท
“ขอบใจ เช้าๆเรายังไม่หิว แกไปวิ่งรอบหาดมาล่ะสิ”
“ไม่ถึงรอบหาดหรอกแค่โค้งหาดทางด้านโน้นน่ะ เฮ้อ สดชื่น” วินทำท่าบิดขี้เกียจ
“เออ…ไอ้แทนกลับมารึยัง” วินหันไปถามนัท
“หึ...ยังไม่เห็นเงามันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” นัทส่ายหน้าแล้วก้มเขียนหนังสือต่อไป
“เอ มันไปไหนของมันนะ แล้วนั่นแกทำอะไรอยู่” วินถามเมื่อเห็นนัทนั่งเขียนอะไรยุกยิกอยู่
“ไม่มีอะไรเขียนบทกวีเล่นๆน่ะ”
“บทกวีเหรอ โหนัท แกอารมณ์ละเอียดอ่อนยังกะคนมีความรักแน่ะ”
“เฮ้ยบ้า ความรักอะไร เราก็เขียนของเราไปเรื่อยแหละ” นัทปฏิเสธหลบสายตาวินทั้งที่หัวใจเต้นแรง
“โอ้ย…ทามมายโลกหมุนเร็ววะ บานดายทามมายเลื่อนไปมาวะเนี่ย”
เสียงเอะอะดังมาจากหน้าบ้านตามด้วยเสียงข้าวของแตกกระจายและเสียงหกล้มโครมใหญ่ที่ตรงบันได จนนัทและวินต้องรีบวิ่งลงมาดูจึงพบว่าแทนกำลังนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงขั้นบันได
“อ้าว…อะไรของมันวะเนี่ย…เฮ้ย แทน แทน” วินและนัทช่วยกันพยุงร่างของแทนให้ลุกขึ้นแล้วประคองพาเข้าไปนอนตรงเก้าอี้ตัวยาวในบ้าน
“ทำไมมันเมาทิ้งร่างอย่างนี้ว้า” นัทบ่นอุบขณะที่ช่วยวินจัดแจงหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวของแทน
“ทำไมเค้าต้องหลอกเราด้วย…เค้าเห็นความรักของเราเป็นอะไร” แทนพร่ำเพ้ออย่างคนไร้สติ พิษเหล้าทำให้เขาเมามาย
“สงสัยมันจะอกหัก…โธ่ไอ้แทนเอ๊ย” วินถอนหายใจในสภาพของเพื่อน
“โอ้ย…หนักหัวเป็นบ้าเลย” แทนลืมตาขึ้นมาสลึมสลือเห็นเพื่อนทั้งสองกำลังเช็ดตัวให้เขาอยู่
“อัวะ..อ้วก..” แทนทำท่าโก่งคอจะอาเจียน
“เฮ้ยๆไอ้แทนกลืนไปก่อนอย่าเพิ่งปล่อยออกมา…” วินรีบห้ามแล้วพยุงร่างของแทนไปเข้าห้องน้ำ แทนอ้วกจนหมดแรงเดินโซเซออกมาล้มตัวลงนอนบนเก้าอี้จนหลับไป
“เฮ้อ ท่าทางมันจะอาการหนักนะเนี่ยถึงขั้นไร้สติอย่างนี้” วินส่ายหน้าเบาๆไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมเพชแทนกันแน่
“แกดูมันหน่อยนะนัท เราต้องออกไปธุระข้างนอก”
“เออ ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวเราดูมันให้เอง” นัทบอกแล้วหันมามองแทนที่เมามายจนหลับไป
……………………………………………………………
ขณะที่นัทนั่งเขียนหนังสืออยู่หน้าบ้านนั้นเสียงไอของแทนก็ดังมาจากข้างในนัทวางปากกาแล้วรีบเดินเข้าไปดูแทน พบว่าแทนกำลังนั่งเอามือบีบขมับตัวเองด้วยสีหน้าที่อิดโรย
“ไงล่ะแก”
“แย่ว่ะ” แทนบอกเบาๆ
“ไม่แย่ได้ไงล่ะหมดสภาพซะขนาดนี้…นึกครึ้มอะไรขึ้นมาล่ะถึงได้ซดเหล้าจนเมามาย”
“ก็แค่อยากรู้ว่าเหล้ามันจะทำร้ายเราได้มากขนาดไหน” เสียงแทนดูเครียดๆนัทค่อยๆนั่งลงข้างๆแทน เพิ่งสังเกตรอยหม่นหมองของใบหน้านั้น
“เราทำอะไรผิดล่ะนัทเค้าถึงทำร้ายเราอย่างนี้” แทนซบหน้าลงบนฝ่ามือ นัทรู้ว่ายามนี้หัวใจของแทนคงกำลังเจ็บร้าว
“เค้าบอกว่าเราไม่เป็นอย่างที่เค้าวาดหวังไว้ นอกจากความรักแล้วเค้าจะหวังอะไรจากเราอีกล่ะนัท เรารักเค้ามันยังไม่มากพอเหรอนัท หรือว่าเค้าไม่เคยรักเราเลยแล้วทำไมเค้าต้องหลอกเราด้วยล่ะ”
ตลอดเวลานัทได้แต่นั่งฟังแทนเงียบๆดวงตาของแทนมันเศร้าเกินกว่าที่นัทจะหาถ้อยคำใดๆมาปลอบได้ นัทตบบ่าแทนเบาๆร่วมเจ็บปวดไปกับความรู้สึกของแทนด้วย แทนลุกขึ้นยืนและเดินเข้าห้องไป นัทมองตามด้วยสายตาห่วงใย
“แทน แกใจเย็นๆนะ…ไม่นานมันก็จะผ่านไป”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนัทเราแค่จะเจ็บซะให้พอ…แล้วมันก็จะหายไป” แทนบอกก่อนที่จะปิดประตูฝังตัวเองอยู่ในห้องเงียบเชียบ ไม่นานนักเสียงกระซิกสะอื้นแผ่วก็ล่องลอยมา
นัทถอนหายใจเศร้าเมื่อตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วในส่วนลึกของหัวใจแทนก็ร่ำหาความอบอุ่นมาเติมเต็มช่องว่างที่มันขาดหายไป แทนก็ไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆที่แสวงหาความรักมาทำให้ชีวิตเขาสมบูรณ์ขึ้น
ตอนบ่ายนัทขี่มอเตอร์ไซค์ไปหานัทที่ร้าน ก่อนที่จะถึงซุ้มที่ฟ้าขายของอยู่นั้นนัทสังเกตเห็นรถเก๋งคันสีแดงจอดอยู่ริมถนนใกล้กับซุ้มของฟ้า นัทจำได้ว่าเป็นรถของเอก นัทจอดมอเตอร์ไซค์แถวบริเวณนั้น ภาพของหนุ่มสาวสองคนสองคนที่ที่นัทมองเห็นกำลังนั่งพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่ นัทมองภาพนั้นอยู่นานรู้สึกแปลบปลาบที่ตรงหัวใจ กลิ่นความเศร้าล่องลอยมากับลมทะเลหอบเอาเม็ดน้ำตาบางหยดมาเอ่อคลอในดวงตาของนัท นัทรีบขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปจากที่ตรงนั้นโดยเร็วก่อนที่ความอ่อนแอจะทำร้ายหัวใจมากไปกว่านี้….
…………………………………………………………….
ที่ตรงม้านั่งหน้าซุ้มฟ้ากำลังนั่งถอนหายใจเบื่อหน่ายอยู่กับเรื่องที่เอกมาบอกว่าจะพาฟ้าไปงานเลี้ยงที่โรงแรมด้วยคืนนี้
“ฟ้าไม่ไปไม่ได้เหรอเอก งานแบบนี้ฟ้าไม่ค่อยถนัดสักเท่าไหร่”
“ไม่ได้หรอกฟ้า เอกรับปากผู้ใหญ่ไว้แล้วว่าจะพาฟ้าไปด้วย”
“เอกก็รู้ว่าฟ้าไม่ชอบอะไรแบบนั้น ฟ้าไม่อยากเข้าไปอึดอัดทำตัวไม่ถูก” ฟ้าเบือนสายตาไปยังผืนทะเลระบายลมหายใจช้าๆ
“เอกรู้แต่ก็อยากให้ฟ้าฝึกเอาไว้บ้าง ต่อไปถ้าเราแต่งงานกันสิ่งเหล่านี้มันก็จำเป็นนะ เราต้องคบหาคนในสังคมพวกนี้เอาไว้เพราะมันมีผลต่อธุรกิจของเรา แล้วเอกก็อยากให้ฟ้าออกงานคู่กับเอกด้วย”
เอกอธิบายเสียงเครียดใบหน้าจริงจัง เขาทำราวกับว่าฟ้าเป็นเด็กที่เขาต้องดูแลคุ้มครอง คอยแนะนำให้ฟ้าทำและเป็นในสิ่งที่เขาคิดว่ามันถูกและดีแล้ว ตลอดเวลาที่รู้จักกันมาเอกรู้สึกเสมอว่าฟ้าเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน บอบบาง เป็นดอกไม้ที่เขาต้องถนอมเป็นพิเศษ เขาจึงคอยดูแลฟ้าอยู่ไม่ห่าง
“เอาล่ะ เดี๋ยวทุ่มตรงเอกมารับ ฟ้าแต่งตัวไว้นะ” เอกกล่าวสรุปตัดบทอย่างง่ายๆก่อนที่จะลุกเดินจากไป ฟ้ามองตามรถเก๋งคันสีแดงด้วยความรู้สึกชืดชาในหัวใจแววตาของเอกไม่เหลือร่องรอยความอบอุ่นให้ฟ้าได้สัมผัส ทุกสิ่งคล้ายเป็นหน้าที่ที่ฟ้าต้องทำขณะอยู่กับเอก
ฟ้าหลับตานิ่ง ลมทะเลพัดพรูสะบัดเส้นผมปลิวสยาย ไอหนาวบางอย่างเกาะกุมเข้าสู่หัวใจ…แปลกที่หัวใจกลับคิดถึงแววตาของใครอีกคนที่แม้ยามเศร้าก็ทอดมองมาอย่างหวานโศก ยามหัวเราะร่าก็มีประกายคมระยิบเหมือนเม็ดดาวและแม้ยามอ่อนหวานดวงตาคู่นั้นก็จะฉายแววออดอ้อนอ่อนโยน เสียงเรียก ‘พี่ฟ้า’ ยามที่เผลอละเมอออกมาในคืนนั้น ลึกซึ้งอย่างที่ฟ้าไม่เคยรู้สึกมาก่อน ภาพใบหน้าขาวเรียวแต้มพรายหยดน้ำตายามที่โผเข้าสู่อ้อมกอดของฟ้ายังคงติดอยู่ในความรู้สึก….แปลกที่หัวใจกลับวูบไหวได้ง่ายดายแม้เพียงรู้จักไม่นาน แต่แววตาที่นัทมองฟ้าแต่ละครั้งนั้นกลับจ้องลึกลงสู่หัวใจ เหมือนเรียกร้อง โหยหา เหมือนมีกระแสบางอย่างที่สื่อถึงสายใยอ่อนโยนในหัวใจของนัทที่มีต่อฟ้า
ฟ้าสะบัดหน้าไล่ความคิดที่สับสนออกไปแต่ความหม่นมัวยังไม่จางหายไปจากใจ หัวใจส่วนหนึ่งถูกปลุกให้ตื่นด้วยเงาของใครบางคน แต่อีกส่วนหนึ่งกลับย้ำเตือนให้ตระหนักถึงความเป็นจริง
……………………………………………………..
ฉันรู้เส้นทางของเรานั้นต้องจบตรงที่ทางแยกสักทาง
รู้ว่าคงยากที่จะไปไกลเกินกว่าหวัง จะทำเท่าไหร่ก็คงไมดี
ฉันรู้แต่ยังไม่เคยคิดว่าต้องจบ ต้องจากกันเร็วเท่านี้
ฉันแค่อยากรั้งเธอนานๆ..นานเกินกว่านี้
แต่ว่าวันนี้ได้เพียงรับมัน
เสียงทุ้มนุ่มของแทนโศกครวญอย่างหวานแว่ว ไปตามท่วงทำนองอ้อยสร้อยของบทเพลง เสียงกีตาร์พลิ้วไหวราวกับจะหลั่งน้ำตาในความมืดเงียบของค่ำคืน แทนโยกตัวไปมาช้าๆดวงหน้าเหม่อนิ่ง ดวงตาซ่อนรอยช้ำ…นัทนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของร้านเฝ้ามองแทนอยู่ห่างๆ ในยามผิดหวังใบหน้าที่เคยเริงร่าของแทนกลับมีแต่ร่องรอยของความทุกข์เศร้า…เออหนอความรักเปลี่ยนแปลงคนเราได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
นัททอดสายตาเหม่อไปยังเวิ้งฟ้ากว้าง รอยยิ้มหวานของฟ้าเหมือนแต้มระบายอยู่ในสายลมที่พัดไหว แปลบปลาบในหัวใจทุกครั้งเมื่อคิดถึงและตระหนักถึงความเป็นจริง
ไม่ผิดสักคนแค่ฉันและเธอไม่ใช่ ไม่ผิดที่เราต่างต้องแยกไป
ไม่ผิดที่ทางแยกนี้ถึงก่อนเราตั้งใจ
แต่จะอย่างไรก็ยังต้องจบ…
แทนจบบทเพลงด้วยที่โศกซึ้งก่อนที่จะพรมนิ้วบนสายกีตาร์เพื่อขึ้นทำนองเพลงใหม่ นัทลุกขึ้นเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างช้าๆ ด้วยว่านาทีนี้กลิ่นความเศร้าที่แทนบรรเลงอยู่ลอยคว้างอยู่ในอากาศแทรกซึมอยู่ในกลิ่นไอของลมทะเล มันเป็นกลิ่นความเศร้าที่บีบรัดหัวใจของนัทให้วาบลึกหน่วงหนักอยู่ข้างใน ริ้วน้ำตาหยดสายมาอย่างช้าๆ…เหงาทั้งที่ในหัวใจมีใครบางคนให้คิดถึง
“นัทไม่ได้อยู่คนเดียวนะ อย่างน้อยก็มีพี่คนหนึ่งที่เป็นห่วงนัท” ใบหน้าหวานลอยอยู่ในห้วงคำนึง
“นัทคิดถึงพี่ฟ้าจัง” เสียงรำพึงแผ่วเบาฝากผ่านไปกับสายลมถึงคนที่อยู่อีกฝั่งโค้งหาด…แม้รู้ดีว่าในความเป็นจริงหนทางแห่งความรู้สึกที่นัทมีต่อฟ้านั้นมันคงมีจุดจบตรงทางแยกที่ไหนสักแห่ง มันคงมีเหตุผลของความเป็นไปไม่ได้รออยู่เบื้องหน้า…แต่เมื่อนัทรู้สึกไปแล้ว…รักไปแล้ว…ก็ยอมอิ่มเอมทั้งทุกข์และสุขในความรักนี้
“…ไม่ผิดสักคนแค่ฉันและเธอไม่ใช่…”
แว่วเสียงเพลงของแทนล่องลอยผ่านมาเหมือนกลิ่นความเศร้าที่ฝังทับอยู่ในใจของนัทมิจางหาย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ