ริมฝั่งทะเลฝัน

-

เขียนโดย น้ำไนล์

วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) หัวใจที่ไหวเอน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                   วันเวลาเคลื่อนไหลไปตามกระแสกาล หมุนผ่านอย่างไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคน…ที่บ้านไม้สีขาวยังคงปกคลุมด้วยเมฆหมอกแห่งความหม่นมัว สายลมแห่งความเศร้ายังคงพัดอ้อยอิ่งไม่จางหาย…เย็นนี้ทั้งวินแทนและนัทต่างช่วยกันจัดโต๊ะเก้าอี้เพื่อเตรียมเปิดร้านในตอนค่ำ ท่าทีซึมเศร้าของแทนและอาการเหม่อลอยของนัททำให้วินรู้สึกหนักใจอยู่ไม่น้อย เขาเพียงแต่ลอบมองเพื่อนทั้งสองอยู่ไม่ห่างและได้แต่หวังว่าอีกไม่นานบ้านไม้สีขาวหลังนี้จะกลับมาครึกครื้นเหมือนเดิมอีก

                   “เฮ้ย…เค้าว่าไอ้นักดนตรีร้านนี้มันเจ๋งว่ะ กูล่ะอยากเห็นหน้ามันหน่อยโว้ย”

                   เสียงเอะอะดังมาจากหน้าร้าน วิน นัท แทน หันไปมองทางที่มาของเสียง กลุ่มวัยรุ่นชาย 5 คน อายุประมาณเดียวกับพวกเขากำลังเดินวางมาดเข้ามา หนึ่งในนั้นหันหน้ามามองแทนพร้อมเอามือชี้หน้าเขา

                   “มึงแน่มากใช่มั๊ยที่กล้ามาจีบแฟนกู”

                   “เฮ้ยนี่มันอะไรกัน” วินเดินเข้ามาหาคนที่กำลังพูดอยู่ แต่ถูกหนึ่งในกลุ่มนั้นเดินเข้ามาขวางเอาไว้

                   “ก็ไม่มีอะไรหรอกพวก แค่อยากมาดูหน้าไอ้พวกไม่เจียมกะลาหัวน่ะ ถุย นักร้องกระจอกๆอย่างมึงเนี่ยนะคิดมาจีบแฟนกู หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างนะโว้ย”

                   “ถ้าคิดจะมาหาเรื่องแถวนี้พวกแกกลับไปซะเถอะ” วินพูดใส่หน้ากลุ่มพวกนั้น ในขณะที่แทนยืนกำหมัดด้วยความโกรธจัด

                   “มึงคิดว่ามึงแน่เหรอถึงกล้าไล่กู เฮ้ยจัดการสั่งสอนให้บทเรียนมันหน่อยโว้ยทีหลังจะได้รู้ว่าไม่ควรมาทำให้กูเสียอารมณ์”

                   แล้วการตะลุมบอนก็เริ่มขึ้น นัทที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยวินกับแทนซึ่งตอนนี้ถูกวัยรุ่นกลุ่มนั้นรุมซ้อมทั้งคู่ นัทวิ่งเข้าไปผลักคนที่กำลังต่อยแทนอยู่ แต่กลับถูกมันเหวี่ยงออมาจนเซถลาไปชนกับเหลี่ยมโต๊ะ นัทเอามือกุมหัวซึ่งมีเลือดไหลซึมออกมาก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าไปกระโดดถีบคนที่กระทืบวินอยู่จนมันกระเด็นลงไปนั่งก้นกระแทกกับพื้น  ไม่นานมันก็ลุกขึ้นมามองนัทตาเขียวด้วยความโกรธ และพุ่งกำปั้นไปทีใบหน้าของนัทเต็มแรง

                   “เฮ้ย อย่ารังแกผู้หญิงนะ” เสียงแทนร้องตะโกนบอกพวกมัน

                   “แหม สุภาพบุรุษนักนะมึง นี่แน่ะเอาตีนกูไปกินซะ” แทนลงไปนอนกองกับพื้นอีกครั้งด้วยแรงฝ่าเท้าของพวกมัน

                   “เฮ้ย พอเว้ย นี่แค่สั่งสอนนะ อย่าให้กูรู้อีกนะว่ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับแฟนกู ไม่งั้นกูฆ่ามึงแน่” แล้วพวกมันก็พากันยกทัพกลับไป ทิ้งให้ทั้งสามร่างนอนกองอยู่กับพื้นพร้อมด้วยรอยแผลที่บอบช้ำ แทนกำหมัดแน่นทั้งเจ็บทั้งแค้นด้วยความโกรธ บาดแผลทางร่างกายคงไม่เทาไหร่ แต่หัวใจเจ็บช้ำเสียยิ่งกว่าโดนกระทืบ

…………………………………………………….

                   ตอนเช้าแทนนอนจับไข้ด้วยพิษบาดแผลไข้ขึ้นสูงจนนัทต้องคอยเช็ดตัวให้อยู่ตลอด  นัทมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว บาดแผลภายนอกมีเพียงรอยฟกช้ำแผลบนศรีษะมีเลือดไหลซิบจากรอยถลอก ส่วนวินมีรอยช้ำจากการถูกต่อยและปวดตามร่างกายตรงที่โดนกระแทกแรงๆทั้งจากหมัดและฝ่าเท้าแต่อาการไม่หนักเท่าแทนเพราะเป้าหมายหลักในการเล่นงานของพวกมันคือแทน

                   นัทออกมายืนอยู่ตรงหน้าระเบียงหลังจากที่เช็ดตัวให้แทนเสร็จแล้ว วินเดินกะโผลกกะเผลกขึ้นบันไดมา

                   “แทนเป็นไงบ้างล่ะ” วินถามอาการแทนจากนัท

                   “ก็ยังมีไข้อยู่ ให้กินยาเรียบร้อยแล้ว…แล้วข้างหน้าเป็นยังไงบ้าง” นัทหมายถึงส่วนหน้าของร้านเพราะรู้ว่าวินไปเดินสำรวจความเสียหายมา

                   “โต๊ะพังไป 3-4 ตัว เก้าอี้ขาหักเกือบหมด ตรงบาร์น้ำโคมไฟแตก รั้วพังไปแถบนึง” วินนั่งลงถอนหายใจแรงๆ นัทเอื้อมมือไปแตะบ่าเพื่อนเบาๆ

                   “ไม่เป็นไรหรอก เราจัดการได้” วินยิ้มบางๆให้นัท

                   “พักผ่อนบ้างนะวิน…แกเองก็เจ็บมากเหมือนกัน”

                   “อือ…แกก็เหมือนกันดูแลตัวเองด้วย และก็ดูไอ้แทนมันด้วยนะ ช่วงนี้เราอาจยุ่งๆ” วินหันมาบอกนัทก่อนที่จะลุกเดินเข้าไปในบ้าน

                   แสงแดดเริ่มจัดจ้าขึ้นตามดวงอาทิตย์ที่ลอยตัวขึ้นสูงจากผืนน้ำ กลิ่นลมทะเลลอยมาบางๆนัทระบายลมหายใจช้าๆ รอยหนักๆในหัวใจยังไม่จางหาย

                   ตอนบ่ายแก่ๆวินออกไปทำธุระข้างนอกนัทเข้าใจว่าวินคงออกไปหาเงินมาซ่อมร้าน เสียงแทนไอแค่กๆดังมาจากในห้องนัทจึงรีบเข้าไปดูอาการ

                   “เป็นไงบ้างแก” นัทถามเมื่อเห็นแทนรู้สึกตัว แทนพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งแต่ยังรู้สึกแปลบอยู่ตามตัวทำให้ลุกไม่ขึ้น

                   “เอ้าๆระวังหน่อยสิ โดนกระทืบนะโว้ยไม่ใช่วิ่งหกล้ม” นัทบ่นพลางเข้าไปช่วยพยุงแทนให้นั่งพิงขอบเตียง

                   “เป็นไงบ้าง” คราวนี้เสียงอ่อนโยนจนแทนอมยิ้ม

                   “เออ ยังไม่ตาย” แทนกระแทกเสียงหนักๆ

                   “ยังปากดีอีก ไม่ตายก็เกือบล่ะ ดูสิช้ำไปทั้งตัวแบบนี้”

                   “แผลข้างนอกไม่เท่าไหร่หรอกนัท แต่ข้างในนี่สิ” แทนขบกรามกำหมัดแน่น ความเจ็บปวดทะลักล้นอยู่ในอก นัทกุมมือแทนไว้เบาๆถ่ายทอดกำลังใจไปให้เพื่อน

                   “เข้มแข็งนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป เรารู้ว่าแกทำได้แทน” แทนหันมาสบตานัท ม่านน้ำตาบางๆหลั่งสายมาจากดวงตาของเขา นัทมองภาพนั้นอย่างสะท้อนใจ เออหนอ…ความรัก ทำร้ายคนได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ

                   หลังจากที่เช็ดตัวและให้แทนกินยาจนหลับไปแล้ว นัทเดินออกมาตรงระเบียงด้านหน้า หันไปมองตรงมุมที่มีงานเปเปอร์มาเช่ประดิษฐ์เป็นตุ๊กตา แจกันดอกไม้ และกล่องใส่ของกระจุกกระจิก ที่วางเรียงรายกันอยู่  นัทเดินไปถือมันไว้ในมือ สายตาทอดมองไปยังอีกโค้งหาดครุ่นคำนึงถึงอะไรบางอย่างเพียงไม่นานนาทีนัทก็ฉวยงานเหล่านั้นเดินลงจากบ้านไป

……………………………………………………….

                   เสียงรถมอเตอร์ไซค์ชะลอคันเร่งลงและดับสนิทเมื่อถึงหน้าบ้านริมหาดหลังนั้น นัทจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ตรงใต้ร่มไม้ ค่อยๆเดินไปตรงรั้วประตูหน้าบ้านชะแง้แลหาใครบางคน เมื่อเห็นเงาไหวๆอยู่ตรงหน้าบ้านนัทยิ้มออกมาแล้วจึงเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน

                   ร่างบางๆในชุดกระโปรงยาวพลิ้วสีน้ำตาลเข้มตัดกับเสื้อกล้ามสีขาว ผมหยิกยาวถูกรวบไว้หลวมๆ กำลังก้มหน้าก้มตาจัดดอกไม้ในแจกัน ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มเล็กๆเมื่อมองดูผลงานของตน นัทยืนมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆอุ่นลึกๆในใจ รอยอ่อนโยนของผู้หญิงตรงหน้า ตราตรึงเป็นภาพที่งดงามเสมอสำหรับนัท

                   “อ้าวนัท…มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่…ทำไมมาเงียบๆ”ฟ้าร้องถามอย่างแปลกใจเมื่อหันมาเห็นนัทยืนยิ้มอยู่ข้างๆ รอยยิ้มโศกที่เจนตาคุ้นชิน รอยยิ้มและรอยตาที่ห่างหายไปหลายวันจนฟ้าแอบกระวนกระวายใจด้วยอาการคิดถึง

                   “แล้วนี่หน้าตาไปโดนอะไรมาทำไมถึงช้ำไปหมดแบบนี้” ฟ้ารีบถลามาหานัทเมื่อมองเห็นรอยช้ำบนใบหน้าและรอยแผลบริเวณหน้าผาก นัทยืนยิ้มนิ่งมองหน้านัทให้สมกับความคิดถึง รอยอุ่นๆจากฝ่ามือเล็กๆลูบไล้อยู่บนใบหน้านัทอย่างอ่อนโยนและห่วงใย

                   “เกิดอะไรขึ้นคะ บอกพี่ซิ”

                   “ว่าไงคะไปโดนอะไรมา” น้ำเสียงนั้นแสดงความห่วงใยอย่างมาก หยดน้ำเล็กๆเกาะอยู่ตรงปลายตาของนัท ทั้งอบอุ่นและตื้นตันจนนัทโผเข้ากอดร่างเล็กๆนั้นไว้ ฟ้าตกใจกับอาการนั้นค่อยๆเอามือลูบผมนัทเบาๆ

                   “นัทคิดถึงพี่ฟ้าจังเลย” นัทสบตาฟ้าแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย

                   “ตอนที่ไม่ได้เจอกัน พี่ฟ้าคิดถึงนัทบ้างมั๊ย” น้ำเสียงทอดลงอ่อนโยนจนหัวใจของฟ้าวูบไหว แววตาของนัททั้งเว้าวอนออดอ้อนจนฟ้ารู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า

                   “ก็…ค่ะ” ฟ้าพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะแกล้งมองไปทางอื่น

                   นัทยิ้มอย่างดีใจมองแก้มแดงระเรื่อของฟ้าแล้วใช้ปลายจมูกจรดลงบนแก้มเนียนนุ่มนั้นอย่างอ่อนโยน

                   “ดีใจจัง” นัทกระซิบเบาๆที่ริมใบหู

                   “แล้วว่าไงคะ ยังไม่ได้บอกพี่เลยว่าหน้าตาเนื้อตัวไปโดนอะไรมาทำไมถึงช้ำไปหมดแบบนี้” ฟ้ากลบเกลื่อนอาการเขินโดยการหันมาถามคำถามกับนัทแล้วลากนัทไปนั่งตรงเก้าอี้ นัทมองฟ้ายิ้มๆแล้วจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

                   “ตายจริงแล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า”

                   “วินกับนัทไม่เป็นอะไรมากแต่แทนสิหนักสุด”

                   “แล้วร้านล่ะเสียหายมากมั๊ย”

                   “ก็พอสมควร ตอนนี้วินกำลังดูอยู่”

                   “มีอะไรให้พี่ช่วยได้ก็บอกนะ” น้ำเสียงอาทรห่วงใย นัทยิ้มแล้วพยักหน้าประจบ

                   “มีสิมี มีมากด้วย” นัทออดอ้อนเหมือนเด็กเล็กๆจนฟ้ายิ้มอ่อนใจกับท่าทีนั้น

                   “อะไรอีกล่ะเรา” ว่าพลางเอามือโยกหัวนัทเบาๆนัทรีบจับมือเล็กๆของฟ้ามาแนบไว้ที่แก้ม

                   “ทำแผลให้นัทหน่อยนะ…นัทเจ็บ” ประกายตาวิบวับแฝงรอยซุกซนบนใบหน้าทำให้ฟ้าทั้งขำและเอ็นดู ฟ้าลุกหายเข้าไปในบ้านไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกล่องเครื่องมือทำแผล ฟ้านั่งลงข้างๆนัท ค่อยๆบีบยาเนื้อครีมขาวลงบนปลายนิ้ว แตะเบาๆบริเวณรอยช้ำบนใบหน้านัทและลูบไล้ไปทั่วอย่างเบามือ นัทมองหน้าฟ้าใบหน้าหวานฉาบรอยอ่อนโยนละมุนละไมไปทั่ว นัทรู้สึกอุ่นๆที่ใจ

                   “เสร็จแล้วจ้ะ เลิกมองหน้าพี่ได้แล้ว” ฟ้าบอกอย่างเขินๆก้มลงเก็บอุปกรณ์ใส่กล่อง นัทกุมมือฟ้าเอาไว้

                   “ขอบคุณนะพี่ฟ้า นัทหายเจ็บแล้ว” รอยยิ้มประจบของเด็กขี้อ้อนทำให้หัวใจฟ้าไหวยวบอีกครั้ง

                   “จ้ะ นัทกินข้าวรึยังเย็นมากแล้วกินกับพี่ที่นี่นะ” ฟ้าชวน นัทพยักหน้ายิ้มรับ ฟ้าขอตัวเข้าไปในครัวเพื่อทำกับข้าว นัทจะตามเข้าไปช่วยแต่ฟ้าบอกให้นั่งพักอยู่ตรงนี้ เสียงกุกกักดังแว่วมาจากในครัวนัทนั่งอมยิ้มมองเข้าไปในบ้านสลับกับการทอดสายตามองเวิ้งทะเล อาทิตย์ทอดวงรำไรอยู่ตรงเส้นขอบฟ้าลมทะเลสะบัดเส้นผมปลิวสไวยามเมื่อนัทแหงนหน้า ดวงตาอ่อนละมุนแต้มรอยยิ้มแห่งความสุข นัทรู้สึกถึงความสุขสงบ หัวใจไม่กระวนกระวายร่ำร้อง ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวราวกับยืนอยู่กลางทะเลกว้างเฉกเช่นที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ๆฟ้า หัวใจที่แล้งร้าวได้ถูกเติมเต็มเต้นไหวอย่างมีชีวิตชีวา

                   ไม่นานนักกับข้าวอร่อยยวนใจก็วางอยู่ตรงหน้านัท มื้อนี้ฟ้าทำกับข้าวอย่างง่ายๆ มีไข่เจียวเหลืองนุ่มน่ากิน ผัดผักรวม และแกงจืดหมูสับ ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดนัททั้งนั้น

                   “โห นัทจะกินให้ท้องแตกเลย” นัทพูดอย่างหมายมั่นปั้นมือ หันไปมองฟ้าซึ่งซึ่งส่งสายตาค้อนๆมาให้อย่างหมั่นไส้

                   “ปี๊นๆๆๆ…” เสียงแตรรถดังมาจากหน้าบ้านทั้งฟ้าและนัทต่างหยุดชะงักหันไปมองที่มาของเสียง รถคันสีแดงจอดนิ่งอยู่หน้าประตูรั้ว นัทจำได้ดีว่าเป็นรถของเอก ดวงตาเศร้าๆหันมามองฟ้าใบหน้าหม่นลงจนฟ้ารู้สึกใจหาย

                   เอกลงจากรถเปิดประตูรั้วเดินก้าวยาวๆมาจนถึงบนบ้านเขาฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นฟ้าและนัท

                   “หวัดดีครับสาวๆ กำลังจะทานข้าวกันเหรอ” เอกทักทายพร้อมเดินเข้าไปโอบหลังฟ้าเบาๆ

                   “มานานแล้วเหรอนัท” เขาหันมาถามนัทซึ่งยืนมองภาพตรงหน้านิ่งรู้สึกเบาหวิวในอกเหมือนหัวใจหลุดหาย

                   “นัทเอาของมาฝากพี่ฟ้าขาย กำลังจะกลับแล้วล่ะ” รอยยิ้มที่ส่งให้เอกนั้นนัทรู้ตัวว่ามันช่างแห้งแล้งเหลือเกิน ชั่วแวบที่นัทหันไปมองหน้าฟ้า ดวงตาหวานคู่นั้นกำลังสับสน ว้าวุ่น จนนัทสัมผัสได้

                   “อ้าวไม่ทานข้าวก่อนเหรออะไรกันพอพี่มาก็จะกลับเลย”

                   “คือนัทเพิ่งนึกได้ว่าทิ้งแทนให้อยู่คนเดียวนานแล้ว ขอกลับไปดูแทนก่อน พวกพี่ทานกันเถอะ”

                   “จริงสิ เมื่อกี๊พี่เจอวินในตลาดน่ะ วินเล่าให้ฟังหมดแล้วยังไงช่วงนี้ก็ระวังตัวหน่อยนะนัท” นัทยิ้มบางๆพยักหน้ารับเบาๆ

                   “นัทกลับก่อนนะ” รอยเสียงหม่นจนฟ้าจับความรู้สึกนัทได้ นัทยิ้มให้ฟ้านิดหนึ่งก่อนจะเดินออกจากบ้านไปฟ้ามองตามร่างนั้นจนลับตา เสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แผดร้องขึ้นแล้วค่อยลากเสียงยาวไปตามทางถนน ความสุขสดชื่นเมื่อครู่นี้ค่อยๆเลือนหายไปจากฟ้าเหมือนเสียงมอเตอร์ไซค์ที่แผ่วจางลง

……………………………………………………….

                   “เอกต้องไปกรุงเทพสักอาทิตย์นะ มีงานด่วนเข้ามาต้องรีบไปดู ฟ้าอยู่คนเดียวได้นะ” เอกหันมาบอกฟ้าขณะที่เดินออกจากประตูรั้วเพื่อขึ้นรถโดยฟ้าเดินตามมาส่ง

                   “ฟ้าอยู่ได้เอกไปทำงานเถอะไม่ต้องห่วงหรอก”ฟ้ายิ้มตอบเนือยๆ

                   “หลังๆมานี้ฟ้าดูซึมๆไปนะมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า หรือน้อยใจที่เอกไม่มีเวลาให้” เอกดึงฟ้ามากอดแนบอก

                   “อย่าคิดมากเลยนะ เอกทำงานเพื่ออนาคตของเรา เสร็จจากงานนี้แล้วเอกจะจัดการเรื่องงานแต่งงานของเรานะ”

                   เอกจูบหน้าผากฟ้าเบาๆมองคนรักอย่างอ่อนโยน สัมผัสนั้นช่างชืดชาในความรู้สึกของฟ้าเหลือเกิน มันเยียบเย็นเหมือนน้ำค้างที่แตะผ่านผิวเนื้อแล้วเลือนหาย ฟ้ายิ้มให้เอกก่อนที่เขาจะขึ้นรถและขับจากไป

                   ฟ้าถอนใจเบาๆนึกไม่ชอบความรู้สึกของตนเองในตอนนี้เลย ฟ้าควรดีใจไม่ใช่หรือที่เอกพูดถึงการแต่งงานไม่ใช่รู้สึกใจหายอย่างที่เป็นอยู่ ควรอบอุ่นกับอ้อมกอดและรอยจูบของเขาไม่ใช่หวนคิดถึงรอยสัมผัสของใครอีกคน ฟ้าเดินกลับเข้าบ้านช้าๆ ร่องรอยของกับข้าวที่ฟ้านั่งทานกับเอกเมื่อครู่นี้ยังวางตั้งอยู่บนโต๊ะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ใครบางคนบอกว่าจะกินให้ท้องแตกเลยแต่กลับไม่ได้แตะอะไรสักอย่าง ดวงตาหม่นๆของคนที่เดินหันหลังกลับไปบีบหัวใจของฟ้าจนอยากวิ่งไปเอื้อมมือลูบไล้ลบรอยหมองให้หมดไป

                   มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอแน่นะ เกิดอะไรขึ้นกับหัวใจที่เคยสงบนิ่งทำไมตอนนี้มันถึงเต้นเร่าได้ผิดจังหวะถึงขนาดนี้นะ ทำไมถึงได้รู้สึกวูบไหวได้มากมายเมื่อเจอนัท สิ่งใดหนอที่ดึงดูดหัวใจของเธอให้ไหวเอนได้ถึงเพียงนี้ ฟ้าได้แต่รำพึงอยู่ในใจทอดถอนลมหายใจอย่างสับสน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา