ริมฝั่งทะเลฝัน
-
เขียนโดย น้ำไนล์
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
17.28K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) นางฟ้าในดวงตาฝัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ มอเตอร์ไซค์คันนั้นส่งเสียงครางดังห่างออกไปจนลับโค้งชายหาด ฟ้ามองส่งนัทด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกแปลกๆบางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจฟ้าอย่างไม่รู้สาเหตุเป็นความรู้สึกใหม่ๆบางประการที่ทำให้หัวใจสดชื่น คลายเหงา มีชีวิตชีวาขึ้นจากเดิม
รถเก๋งสีแดงขับมาจอดตรงหน้าบ้านฟ้าหันไปมอง ชายหนุ่มผิวขาวก้าวลงมาจากรถรอยยิ้มบางๆแต้มบนใบหน้า
“ไงจ๊ะ วันนี้ฟ้าเก็บร้านเร็วเหรอเอกไปแล้วไม่เจอ” เอกเดินโอบไหล่ฟ้าเข้ามาในบ้านแล้วหยุดนั่งตรงเก้าอี้ริมระเบียง
“ค่ะ…เอกทานข้าวมารึยังเดี๋ยวฟ้าจัดให้เอามั๊ย”
“เรียบร้อยตั้งแต่ตอนเลิกประชุมแล้วล่ะ”
“งั้นกาแฟหน่อยนะ”
“ดีจ๊ะ” ฟ้าเดินเข้าไปในบ้านไม่นานก็กลับออกมาพร้อมแก้วกาแฟหอมกรุ่น เอกเอนหลังนอนกับพนักพิงหลับตานิ่งใบหน้าเครียด ฟ้าใช้สองมือค่อยๆนวดตรงขมับเบาๆ
“งานยุ่งหรือจ๊ะ” ฟ้าถาม เอกพยักหน้ารับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ฟ้าอยากให้เอกพักผ่อนบ้าง…ช่วงนี้เอกโหมงานหนักเกินไปรู้มั๊ย เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ” ฟ้าพูดในน้ำเสียงนั้นมีแววตัดพ้อเล็กน้อย เอกลืมตาขึ้นค่อยๆยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ
“คงอีกพักเดียวเท่านั้นแหละ เอกขอเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัวก่อน คุณพ่อกำลังเร่งโรงแรมที่กรุงเทพฯอยู่…เอกก็มาหาฟ้าทุกวันแล้วนี่จ๊ะ” ประโยคหลังนั้นคล้ายจะหันมาปลอบใจฟ้า
“งั้นเราลงไปเดินเล่นริมหาดดีมั๊ยเอกจะได้คลายเครียด” เอกก้มลงมองดูนาฬิกานิดหนึ่งก่อนที่จะหันมาบอกฟ้า
“คงไม่ได้จ๊ะ…เดี๋ยวเอกต้องกลับไปบังกะโล วันนี้สั่งให้คนมาตกแต่งส่วนหน้าใหม่ คงต้องไปดูสักหน่อย…เอกไปก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เอกจะมาหาอีก” เอกเดินออกจากบ้านไปที่รถฟ้ามองตามด้วยสายตาซึมโศก
ดวงอาทิตย์ลับหายไปในผืนน้ำนานแล้ว ฟ้านั่งทอดถอนลมหายใจอยู่ที่ริมระเบียง…ความพึงพอใจในความเงียบสงบที่ริมทะเลแห่งนี้เริ่มถูกความเงียบเหงาจู่โจมคุกคาม ความอ้างว้างเริ่มก่อตัวลึกๆในจิตใจ
สามสี่ปีที่ผ่านมาหลังจากที่ฟ้าตัดสินใจลาออกจากงานที่มาอยู่ที่ริมทะเลแห่งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าฟ้าคิดถึงพ่อกับแม่ ฟ้าใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่ายสงบเงียบ มีความสุขกับการเขียนรูป และการเปิดร้านหนังสือเช่า เป็นความง่ายงามที่ฟ้าพึงพอใจ ช่วงเวลานั้นฟ้าได้รู้จักกับเอกชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบังกะโลแถบริมทะเลที่นี่ ความสุภาพของเอกและการดูแลเอาใจใส่ที่ทำให้ฟ้ารู้สึกว่าฟ้ามิได้อยู่เพียงลำพังคนเดียว ทำให้ทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกัน ระยะเวลาที่ผ่านมาเอกยังคงสม่ำเสมอในความรู้สึกของฟ้า เป็นสิ่งที่ฟ้าคุ้นชินราวกับเข็มนาฬิกาที่ยังคงหมุนวนในรอบวงเดิมๆ จนบัดนี้ฟ้าเริ่มไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเหล่านั้นยังคงทำให้ฟ้าอบอุ่นเป็นสุข หรือมันได้เริ่มจืดจางจนกลายเป็นความชาชินกันแน่
โมงยามนี้ความเงียบเหงา โดดเดี่ยวห่มคลุมหัวใจจนหม่นหมอง ภาพของใครบางคนติดอยู่ในครุ่นคำนึง…เส้นผมยาวระบ่าสะบัดพลิ้วในสายลม ดวงตาคมซึ้งทอดมองพร้อมรอยยิ้มโชว์เขี้ยวสวยมีเสน่ห์…ฟ้าหลับตาลงด้วยความรู้สึกที่สับสนอยู่ภายใน
…………………………………………..
ดึกนี้…หลังจากที่ร้านฝั่งฝันเก็บร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว แทนนั่งเกากีต้าร์หลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์อยู่ตรงระเบียงด้านหน้า นัทเดินออกมาจากในบ้านหยุดมองภาพนั้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“แทนคืนนี้แกไม่ไปส่งแม่กุหลลาบแดงของแกหรือไง…ทุกทีเห็นเลิกงานแล้วต้องออกไปกับเค้าทุกคืน”
“โอ้ยไม่ได้หรอกคืนนี้พ่อเค้ากลับมาบ้านขืนไปส่งมีหวังหัวแตก”
“พ่อจริงๆ…หรือพ่อทูนหัวกันแน่ว้า…” นัทกระเซ้าเย้าแหย่
“อ้าวไอ้นัท…ไอ้นี่หาเรื่อง คนนี้น่ะเราจริงจังนะโว้ย” แทนทำท่าขึงขัง
“ก็เห็นแกจริงจังมาตั้งหลายคนแล้วนี่”
“มันไม่เหมือนกัน…เฮ้อ เวลาที่เราเจอใครสักคนที่เค้าเข้าใจเราในสิ่งที่เราเป็นน่ะมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากรู้มั๊ยนัท…เราไม่รู้หรอกว่าความรักมันมีรูปแบบของมันยังไง เรารู้แต่ว่าถ้ามันเกิดขึ้นกับใครแล้ว หัวใจของเค้าจะอ่อนโยนและเป็นสุข” แทนหลับตาพริ้มเกากีร์ตาร์ด้วยท่วงทำนองอ่อนหวาน
“อย่างที่แกเป็นอยู่ตอนนี้ใช่มั๊ย” แทนไม่ตอบคำถามนั้นแต่ความสุขฉาบฉายอยู่บนใบหน้าของเขา
นัทเดินมาหลบอยู่อีกมุมหนึ่งเงียบๆเพราะไม่อยากรบกวนเวลาแห่งความสุขใจของแทน เสียงกีต้าร์พลิ้วผสานกับกับเสียงร้องหวานนุ่มดังแว่วมากับสายลมขับกล่อมค่ำคืนให้ดูอ่อนโยน
“แสงจันทร์กระจ่างส่องนำทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชรป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง แสงจันทร์นวลใยข้าจ่อมจมอยู่ในภวังค์เรไรเสียงไพรแว่วดังยิ่งฟังยิ่งเหงาจับใจ คิดถึง”
ลมทะเลยามดึกหนาวเสียจนนัทต้องเอามือกอดอกเม็ดดาวระยิบบนราวฟ้าทำให้นัทคิดถึงดวงตาของใครบางคนดวงตาอ่อนหวานทอดมองมาด้วยกระแสแห่งความอบอุ่น…นัทยืนยิ้มให้กับผืนฟ้าอาจเป็นไปได้ว่าเวลานี้ยามนี้หัวใจของนัทนั้นอ่อนโยนและเป็นสุข
“คิดถึงนางฟ้าอรชรป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง”
ป่านนี้ใครคนนั้นคงจะนอนหลับใหลอยู่ในค่ำคืนที่อ่อนหวานเช่นนี้
“โอ้โห อะไรกันเนี่ย…” วินเพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำ เดินออกมายังหน้าระเบียงหันมามองทั้งนัทและแทนที่อยู่กันคนละมุม
“คนนึงก็ร้องเพลงหวานซึ้ง…อีกคนก็ยืนยิ้มกับผืนฟ้าท่าทางจะอินเลิฟนะเนี่ย”
“ไม่ใช่เราหรอกวิน…โน่นไอ้แทนโน่นมันกำลังฝันหวานถึงแม่กุหลาบแดงอยู่”
“แกกำลังอินเลิฟครั้งที่สองร้อยยี่สิบอยู่เหรอวะแทน” วินหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
“เอา…เอาเข้าไป…ไอ้วินคนนี้เราจริงจังนะโว้ยแกน่ะไม่เข้าใจคนมีความรักหรอกนะพ่อเสือยิ้มยาก” แทนค่อนขอดและมองค้อนวินจนวินอดหัวเราะไม่ได้
“เออ…เออ…เราเข้าใจแกก็ได้ ไอ้ความรักนี่นะยามมันเป็นสุขอะไรๆก็ดูสวยงามเสียทั้งนั้นยังไงแกก็ระวังพิษของมันด้วยก็แล้วกันนะเพราะมันอาจทำให้แกกระอักเลือดได้” วินเดินมาตบบ่าแทนเบาๆก่อนที่จะนั่งลงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรามีเรื่องมาปรึกษาพวกแกน่ะ…คือมีลูกค้าเค้ามาจ้างให้ร้านเราสร้างบรรยากาศในการขอแฟนแต่งงานให้หน่อย…เค้ากะเซอร์ไพรส์แฟนน่ะ”
“ขอแต่งงาน” ทั้งนัทและแทนอุทานมาพร้อมกัน
“โหโรแมนติกซ้า…แล้วจะทำยังไงล่ะ”นัทถาม
“ไม่ยาก…ไม่ยาก…เรื่องแบบนี้เราถนัด” แทนวางท่าทีเอาการเอางานแล้วเริ่มอธิบายให้เพื่อนฟัง
“การขอแต่งงานมันต้องอยู่ในบรรยากาศที่โรแมนติก เพลงเพราะๆดอกไม้สวยๆอืม...ต้องดอกกุหลาบนะดอกกุหลาบแดงเอาซักเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกนะถึงจะโรแมนติก”
“ไม่เว่อร์ไปเหรอวะไอ้แทนเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกน่ะ…เก้าดอกก็พอแล้วมั้ง” วินท้วงติง
“โธ่…ไอ้วิน…ขอแต่งงานนะไม่ได้เอาไปบูชาพระ ผู้หญิงน่ะเค้าชอบอะไรที่หรูเลิศ ทำให้เค้ารู้สึกพิเศษ…ขอแต่งงานทั้งทีนะเว้ย…เอางี้เรื่องบรรยากาศน่ะเราจัดการเอง ส่วนเรื่องกุหลาบ…นัทแกช่วยจัดการนะแกเป็นผู้หญิงเหมาะกว่า”
“เอางี้สินัท…ลองไปขอร้องให้พี่ฟ้าช่วยดีมั๊ย…เพราะพี่ฟ้าเค้าถนัดเรื่องดอกไม้พวกนี้” วินแนะนำนัทยิ้มรับอย่างพอใจ
“ได้…เดี๋ยวเราไปขอร้องพี่ฟ้าดู” นัทรับคำอย่างมั่นเหมาะดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงฟ้า
“เอองั้นตกลงตามนี้นะ…เราจะเข้านอนแล้วพวกแกจะนอนกันหรือยัง”วินหันไปถามเพื่อน
“เราก็จะไปเหมือนกัน…ปล่อยให้ไอ้แทนมันครวญเพลงถึงแม่กุหลาบแดงอยู่ที่นี่เถอะ” นัทเดินตามหลังวินเข้าไปในบ้านเสียงเพลงของแทนดังหวานแว่วอยู่ในสายลมยามดึก
“….เดินทางกลางเถื่อนกลางหมู่เดือนและหมู่ดาวแหงนมองฟ้าดั่งมองหาเงาของเยาวมาลย์อยู่ในสายลมผู้ใดซ่อนเจ้าน้ำค้างเหน็บหนาวหรือขื่นขมน้ำตาหยดหยดทุกข์ระทมพร่างพรมอยู่ในสายตาหวั่นไหว…”
รถเก๋งสีแดงขับมาจอดตรงหน้าบ้านฟ้าหันไปมอง ชายหนุ่มผิวขาวก้าวลงมาจากรถรอยยิ้มบางๆแต้มบนใบหน้า
“ไงจ๊ะ วันนี้ฟ้าเก็บร้านเร็วเหรอเอกไปแล้วไม่เจอ” เอกเดินโอบไหล่ฟ้าเข้ามาในบ้านแล้วหยุดนั่งตรงเก้าอี้ริมระเบียง
“ค่ะ…เอกทานข้าวมารึยังเดี๋ยวฟ้าจัดให้เอามั๊ย”
“เรียบร้อยตั้งแต่ตอนเลิกประชุมแล้วล่ะ”
“งั้นกาแฟหน่อยนะ”
“ดีจ๊ะ” ฟ้าเดินเข้าไปในบ้านไม่นานก็กลับออกมาพร้อมแก้วกาแฟหอมกรุ่น เอกเอนหลังนอนกับพนักพิงหลับตานิ่งใบหน้าเครียด ฟ้าใช้สองมือค่อยๆนวดตรงขมับเบาๆ
“งานยุ่งหรือจ๊ะ” ฟ้าถาม เอกพยักหน้ารับทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“ฟ้าอยากให้เอกพักผ่อนบ้าง…ช่วงนี้เอกโหมงานหนักเกินไปรู้มั๊ย เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ” ฟ้าพูดในน้ำเสียงนั้นมีแววตัดพ้อเล็กน้อย เอกลืมตาขึ้นค่อยๆยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ
“คงอีกพักเดียวเท่านั้นแหละ เอกขอเคลียร์ทุกอย่างให้ลงตัวก่อน คุณพ่อกำลังเร่งโรงแรมที่กรุงเทพฯอยู่…เอกก็มาหาฟ้าทุกวันแล้วนี่จ๊ะ” ประโยคหลังนั้นคล้ายจะหันมาปลอบใจฟ้า
“งั้นเราลงไปเดินเล่นริมหาดดีมั๊ยเอกจะได้คลายเครียด” เอกก้มลงมองดูนาฬิกานิดหนึ่งก่อนที่จะหันมาบอกฟ้า
“คงไม่ได้จ๊ะ…เดี๋ยวเอกต้องกลับไปบังกะโล วันนี้สั่งให้คนมาตกแต่งส่วนหน้าใหม่ คงต้องไปดูสักหน่อย…เอกไปก่อนนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เอกจะมาหาอีก” เอกเดินออกจากบ้านไปที่รถฟ้ามองตามด้วยสายตาซึมโศก
ดวงอาทิตย์ลับหายไปในผืนน้ำนานแล้ว ฟ้านั่งทอดถอนลมหายใจอยู่ที่ริมระเบียง…ความพึงพอใจในความเงียบสงบที่ริมทะเลแห่งนี้เริ่มถูกความเงียบเหงาจู่โจมคุกคาม ความอ้างว้างเริ่มก่อตัวลึกๆในจิตใจ
สามสี่ปีที่ผ่านมาหลังจากที่ฟ้าตัดสินใจลาออกจากงานที่มาอยู่ที่ริมทะเลแห่งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่าฟ้าคิดถึงพ่อกับแม่ ฟ้าใช้ชีวิตอยู่กับความเรียบง่ายสงบเงียบ มีความสุขกับการเขียนรูป และการเปิดร้านหนังสือเช่า เป็นความง่ายงามที่ฟ้าพึงพอใจ ช่วงเวลานั้นฟ้าได้รู้จักกับเอกชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบังกะโลแถบริมทะเลที่นี่ ความสุภาพของเอกและการดูแลเอาใจใส่ที่ทำให้ฟ้ารู้สึกว่าฟ้ามิได้อยู่เพียงลำพังคนเดียว ทำให้ทั้งคู่ตกลงคบหาดูใจกัน ระยะเวลาที่ผ่านมาเอกยังคงสม่ำเสมอในความรู้สึกของฟ้า เป็นสิ่งที่ฟ้าคุ้นชินราวกับเข็มนาฬิกาที่ยังคงหมุนวนในรอบวงเดิมๆ จนบัดนี้ฟ้าเริ่มไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเหล่านั้นยังคงทำให้ฟ้าอบอุ่นเป็นสุข หรือมันได้เริ่มจืดจางจนกลายเป็นความชาชินกันแน่
โมงยามนี้ความเงียบเหงา โดดเดี่ยวห่มคลุมหัวใจจนหม่นหมอง ภาพของใครบางคนติดอยู่ในครุ่นคำนึง…เส้นผมยาวระบ่าสะบัดพลิ้วในสายลม ดวงตาคมซึ้งทอดมองพร้อมรอยยิ้มโชว์เขี้ยวสวยมีเสน่ห์…ฟ้าหลับตาลงด้วยความรู้สึกที่สับสนอยู่ภายใน
…………………………………………..
ดึกนี้…หลังจากที่ร้านฝั่งฝันเก็บร้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว แทนนั่งเกากีต้าร์หลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์อยู่ตรงระเบียงด้านหน้า นัทเดินออกมาจากในบ้านหยุดมองภาพนั้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“แทนคืนนี้แกไม่ไปส่งแม่กุหลลาบแดงของแกหรือไง…ทุกทีเห็นเลิกงานแล้วต้องออกไปกับเค้าทุกคืน”
“โอ้ยไม่ได้หรอกคืนนี้พ่อเค้ากลับมาบ้านขืนไปส่งมีหวังหัวแตก”
“พ่อจริงๆ…หรือพ่อทูนหัวกันแน่ว้า…” นัทกระเซ้าเย้าแหย่
“อ้าวไอ้นัท…ไอ้นี่หาเรื่อง คนนี้น่ะเราจริงจังนะโว้ย” แทนทำท่าขึงขัง
“ก็เห็นแกจริงจังมาตั้งหลายคนแล้วนี่”
“มันไม่เหมือนกัน…เฮ้อ เวลาที่เราเจอใครสักคนที่เค้าเข้าใจเราในสิ่งที่เราเป็นน่ะมันเป็นความรู้สึกที่ดีมากรู้มั๊ยนัท…เราไม่รู้หรอกว่าความรักมันมีรูปแบบของมันยังไง เรารู้แต่ว่าถ้ามันเกิดขึ้นกับใครแล้ว หัวใจของเค้าจะอ่อนโยนและเป็นสุข” แทนหลับตาพริ้มเกากีร์ตาร์ด้วยท่วงทำนองอ่อนหวาน
“อย่างที่แกเป็นอยู่ตอนนี้ใช่มั๊ย” แทนไม่ตอบคำถามนั้นแต่ความสุขฉาบฉายอยู่บนใบหน้าของเขา
นัทเดินมาหลบอยู่อีกมุมหนึ่งเงียบๆเพราะไม่อยากรบกวนเวลาแห่งความสุขใจของแทน เสียงกีต้าร์พลิ้วผสานกับกับเสียงร้องหวานนุ่มดังแว่วมากับสายลมขับกล่อมค่ำคืนให้ดูอ่อนโยน
“แสงจันทร์กระจ่างส่องนำทางสัญจร คิดถึงนางฟ้าอรชรป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง แสงจันทร์นวลใยข้าจ่อมจมอยู่ในภวังค์เรไรเสียงไพรแว่วดังยิ่งฟังยิ่งเหงาจับใจ คิดถึง”
ลมทะเลยามดึกหนาวเสียจนนัทต้องเอามือกอดอกเม็ดดาวระยิบบนราวฟ้าทำให้นัทคิดถึงดวงตาของใครบางคนดวงตาอ่อนหวานทอดมองมาด้วยกระแสแห่งความอบอุ่น…นัทยืนยิ้มให้กับผืนฟ้าอาจเป็นไปได้ว่าเวลานี้ยามนี้หัวใจของนัทนั้นอ่อนโยนและเป็นสุข
“คิดถึงนางฟ้าอรชรป่านนี้นางนอนหลับแล้วหรือยัง”
ป่านนี้ใครคนนั้นคงจะนอนหลับใหลอยู่ในค่ำคืนที่อ่อนหวานเช่นนี้
“โอ้โห อะไรกันเนี่ย…” วินเพิ่งเสร็จจากการอาบน้ำ เดินออกมายังหน้าระเบียงหันมามองทั้งนัทและแทนที่อยู่กันคนละมุม
“คนนึงก็ร้องเพลงหวานซึ้ง…อีกคนก็ยืนยิ้มกับผืนฟ้าท่าทางจะอินเลิฟนะเนี่ย”
“ไม่ใช่เราหรอกวิน…โน่นไอ้แทนโน่นมันกำลังฝันหวานถึงแม่กุหลาบแดงอยู่”
“แกกำลังอินเลิฟครั้งที่สองร้อยยี่สิบอยู่เหรอวะแทน” วินหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม
“เอา…เอาเข้าไป…ไอ้วินคนนี้เราจริงจังนะโว้ยแกน่ะไม่เข้าใจคนมีความรักหรอกนะพ่อเสือยิ้มยาก” แทนค่อนขอดและมองค้อนวินจนวินอดหัวเราะไม่ได้
“เออ…เออ…เราเข้าใจแกก็ได้ ไอ้ความรักนี่นะยามมันเป็นสุขอะไรๆก็ดูสวยงามเสียทั้งนั้นยังไงแกก็ระวังพิษของมันด้วยก็แล้วกันนะเพราะมันอาจทำให้แกกระอักเลือดได้” วินเดินมาตบบ่าแทนเบาๆก่อนที่จะนั่งลงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เรามีเรื่องมาปรึกษาพวกแกน่ะ…คือมีลูกค้าเค้ามาจ้างให้ร้านเราสร้างบรรยากาศในการขอแฟนแต่งงานให้หน่อย…เค้ากะเซอร์ไพรส์แฟนน่ะ”
“ขอแต่งงาน” ทั้งนัทและแทนอุทานมาพร้อมกัน
“โหโรแมนติกซ้า…แล้วจะทำยังไงล่ะ”นัทถาม
“ไม่ยาก…ไม่ยาก…เรื่องแบบนี้เราถนัด” แทนวางท่าทีเอาการเอางานแล้วเริ่มอธิบายให้เพื่อนฟัง
“การขอแต่งงานมันต้องอยู่ในบรรยากาศที่โรแมนติก เพลงเพราะๆดอกไม้สวยๆอืม...ต้องดอกกุหลาบนะดอกกุหลาบแดงเอาซักเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกนะถึงจะโรแมนติก”
“ไม่เว่อร์ไปเหรอวะไอ้แทนเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกน่ะ…เก้าดอกก็พอแล้วมั้ง” วินท้วงติง
“โธ่…ไอ้วิน…ขอแต่งงานนะไม่ได้เอาไปบูชาพระ ผู้หญิงน่ะเค้าชอบอะไรที่หรูเลิศ ทำให้เค้ารู้สึกพิเศษ…ขอแต่งงานทั้งทีนะเว้ย…เอางี้เรื่องบรรยากาศน่ะเราจัดการเอง ส่วนเรื่องกุหลาบ…นัทแกช่วยจัดการนะแกเป็นผู้หญิงเหมาะกว่า”
“เอางี้สินัท…ลองไปขอร้องให้พี่ฟ้าช่วยดีมั๊ย…เพราะพี่ฟ้าเค้าถนัดเรื่องดอกไม้พวกนี้” วินแนะนำนัทยิ้มรับอย่างพอใจ
“ได้…เดี๋ยวเราไปขอร้องพี่ฟ้าดู” นัทรับคำอย่างมั่นเหมาะดวงตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงฟ้า
“เอองั้นตกลงตามนี้นะ…เราจะเข้านอนแล้วพวกแกจะนอนกันหรือยัง”วินหันไปถามเพื่อน
“เราก็จะไปเหมือนกัน…ปล่อยให้ไอ้แทนมันครวญเพลงถึงแม่กุหลาบแดงอยู่ที่นี่เถอะ” นัทเดินตามหลังวินเข้าไปในบ้านเสียงเพลงของแทนดังหวานแว่วอยู่ในสายลมยามดึก
“….เดินทางกลางเถื่อนกลางหมู่เดือนและหมู่ดาวแหงนมองฟ้าดั่งมองหาเงาของเยาวมาลย์อยู่ในสายลมผู้ใดซ่อนเจ้าน้ำค้างเหน็บหนาวหรือขื่นขมน้ำตาหยดหยดทุกข์ระทมพร่างพรมอยู่ในสายตาหวั่นไหว…”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ