ริมฝั่งทะเลฝัน
-
เขียนโดย น้ำไนล์
วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.56 น.
14 ตอน
2 วิจารณ์
17.27K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 19.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) เสียงเต้นของหัวใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “เฮ้ยอะไรวะเนี่ย” นัทส่งเสียงเอะอะเมื่อเปิดประตูห้องนอนออกมายืนอยู่กลางบ้านเมื่อวินเปิดประตูออกมาดูก็ต้องหัวเราะขำกลิ้งกับภาพของแทน
“ฮ่า…ฮ่า...ไอ้แทนหมดสภาพถึงขนาดนี้เลยหรือวะ…เฮ้ยแทนลุก…ลุก” วินเดินเข้าไปปลุกแทนที่นอนแผ่หราสองขาเหยียดเต็มที่อยู่ตรงกลางบ้าน
“เฮ้ย ตื่น เข้าไปนอนในห้องไอ้แทนตื่น”
“ฮื่อ….”เสียงแทนงัวเงียไม่ได้สติ
“วะเมายังกะหมาแถมยังปลุกยากชิบเป๋ง” วินบ่นอุบอิบ
“เอาน้ำสาดมันเลยดีมั๊ย” นัทออกความคิดเห็น
“เออดีๆ…ฮึม…จะสาดให้ร้องเอ๋งเลยมึง”
นัทถือขันน้ำมาในมือแล้วสาดไปที่หน้าของแทนโครมใหญ่ทำให้แทนสะดุ้งตื่นร้องเอะอะโวยวาย
“โว้ย…อะไรวะเนี่ย ทำอะไรของแกวะไอ้นัทไอ้วินคนกำลังฝันหวานแท้ๆดูดิเปียกหมดแล้ว” แทนโวยวายไปพร้อมกับลูบหน้าตาที่เปียกซ่กทั้งนัทและวินยืนหัวเราะอย่างสะใจ
“เออ…ขำกันเข้าไปโรคจิตหรือไงวะถึงได้ชอบแกล้งคนน่ะ”
“นี่ไอ้แทนแกมานอนทำหอกอะไรตรงนี้ทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง” นัทถาม
“อ๊ะๆ…หรือว่าเมื่อคืนหมดแรงจนถึงขนาดคลานเข้าห้องไม่ไหว” ว่าแล้วทั้งนัทและวินก็พร้อมใจกันประสานเสียงหัวเราะดังลั่น
“อะไรๆ” แทนทำกลบเกลื่อนในท่าที
“ก็แม่กุหลาบแดงของแกไงเมื่อคืนเราเห็นนะ…พี่แทนคะ พี่แทนขาหนูปลื้มพี่แทนม้ากมากค่ะ” วินบีบเสียงเล็กลงเลียนแบบสาวน้อยในประโยคที่หยอกล้อแทน
“แล้วเมื่อคืนแกพาน้องเค้าไปปลื้มถึงไหนล่ะถึงได้กลับมาหมดสภาพอย่างนี้” นัทเข้าไปตบบ่าหยอกเย้าแทน
“ไง…พวกแกอิจฉาล่ะซี…ช่วยไม่ได้เว้ยมันเป็นเรื่องของคนหล่อ” แทนยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนด้วยท่าทียียวน
“เฮ้อ…ง่วงว่ะเมื่อคืนเสียพลังงานไปเยอะ…ต้องไปนอนเอาแรงก่อน” ว่าแล้วก็เดินงัวเงียสะเปะสะปะเข้าห้องไปปล่อยให้นัทและวินยืนอมยิ้มเพราะคุ้นชินกับท่าทางแบบนี้ของแทน
“เออนี่วินเย็นนี้แกจะไปไหนหรือเปล่า” นัทหันมาถามวิน
“เปล่านี่มีอะไรเหรอ”
“จะใช้มอ’ไซค์หน่อย…กะว่าจะเอาหนังสือไปคืนพี่ฟ้า”
………………………………………….
บ่ายนี้ตรงซุ้มขายของหน้าหาดผู้คนเริ่มหนาตาขึ้น นักท่องเที่ยวหลายคนเดินดูของขายตามซุ้มต่างๆ ที่ซุ้มของฟ้ามีนักท่องเที่ยวมายืนดูภาพวาดอยู่ประปรายบ้างก็เข้าไปเลือกหนังสืออ่านในร้านหรือไม่ก็เช่าไปนอนอ่านที่เก้าอี้ริมหาด ฟ้ากำลังง่วนอยู่กับงานคอยดูแลลูกค้าอยู่ในร้านกระทั่งลูกค้าเริ่มเบาบางลงฟ้าจึงออกมานั่งรับลมทะเลที่เก้าอี้หน้าซุ้ม
ผืนทะเลทอดตัวกว้างไกลสุดตาระลอกคลื่นทยอยกันพลิ้วตัวเข้าสู่ฝั่งคล้ายเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำอย่างไม่เบื่อหน่าย อ้อมกอดของผืนทรายยังคงอ้าโอบแรงถั่งโถมของเกลียวคลื่นอย่างมั่นคง ฟ้าเฝ้ามองท้องทะเลตรงหน้าอย่างคุ้นเคยภาพเดิมๆฉากเดิมๆที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกวันแต่ในความคงเดิมนั้นมันมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่เสมอ ฟ้าชอบเฝ้ามองรายละเอียดที่ไม่เคยซ้ำกันเลยแม้แต่วันเดียว
เกลียวคลื่นไม่เคยซ้ำจังหวะขณะที่มันม้วนตัวเข้าสู่ฝั่ง ท้องฟ้าไม่เคยซ้ำเฉดสีทั้งยามฉายแสงหรือยามอ่อนแรงลง แม้แต่สายลมที่พัดไหวท่วงทำนองหนักเบาก็ไม่เหมือนกัน รายละเอียดเหล่านี้คือเสน่ห์ที่สวยงามเป็นเสน่ห์ที่ซ่อนลึกอยู่ในธรรมชาติและมีพลังมากพอที่ชวนให้หลงใหล เช่นเดียวกับมนุษย์ที่แอบซุกเอาความอ่อนไหวและอารมณ์อันเปราะบางเอาไว้ภายในฟ้าชอบที่จะสัมผัสกับอารมณ์เหล่านี้เพราะมันอ่อนหวานและงดงาม
“คุณน้าขา…คุณน้าขา” เสียงเล็กๆทำให้ฟ้าต้องหันหน้ามามองเด็กหญิงตัวเล็กตาโต ผมหยิกนั้นถูกผูกไว้สองข้างกำลังยืนเกาะแขนฟ้าอยู่
“อะไรเหรอจ๊ะ…หนูน้อย”
“หนูอยากได้ภาพวาดค่ะ…สวย” หนูน้อยร้องบอกฟ้าพร้อมกับชี้มือไปที่ภาพวาด ฟ้ายิ้มเอ็นดูในความไร้เดียงสา
“อยากได้หรือจ๊ะ เอาอย่างนี้เดี๋ยวน้าวาดให้ใหม่ดีมั๊ย” หนูน้อยยิ้มร่าฟ้าหันมาเตรียมอุปกรณ์วาดภาพและเริ่มลงมือสเกตต์หน้าของเด็กหญิงซึ่งฟ้าให้เธอนั่งยิ้มอยู่ตรงเก้าอี้ไม่นานนักภาพวาดก็เป็นเค้าโครงขึ้นมาเป็นรูปหน้าของเด็กหญิงผมหยิกยิ้มแป้นตาโตฟ้าวาดรายละเอียดเพิ่มเล็กน้อยเพียงไม่นานภาพนั้นก็เสร็จ
“ภาพใครเอ่ย” ฟ้าถามและคลี่ภาพวาดให้เด็กหญิงดู
“ภาพหนูค่ะ…สวย” เด็กหญิงยิ้มกว้างดีใจ
“อ่ะ…น้าให้เก็บไว้ดีๆนะ” ฟ้าส่งภาพวาดให้เด็กหญิงตัวน้อย เธอรับมาไว้มองภาพวาดแล้วยิ้มอย่างถูกใจ
“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงย่อตัวไหว้แล้ววิ่งหน้าเริ่ดไปยังชายหาดฟ้าหัวเราะเบาๆให้กับเด็กหญิงผู้ไร้เดียงสา เส้นผมหยิกยาวนั้นสะบัดพลิ้วตามแรงลมกระโปรงตัวยาวไหวลู่แดดยามบ่ายสะท้อนประกายส่องเสี้ยวหน้าของฟ้าให้เปล่งปลั่ง ตรงข้างซุ้มมีใครคนหนึ่งยืนมองภาพนั้นอย่างชื่นตาด้วยหัวใจที่อบอุ่น
……………………………………….
“อ้าวนัท” ฟ้าหันหน้ากลับมามองเห็นนัทยืนยิ้มอยู่ข้างๆซุ้ม
“นัทเอาหนังสือมาคืนพี่ฟ้า” นัทถือหนังสือในมือเดินเข้ามายื่นให้ฟ้า
“อ่านจบแล้วเหรอ” ฟ้าถามนัทอมยิ้มบางๆแทนคำตอบ
“พี่กำลังจะเก็บของแล้วล่ะ”
“อ้าววันนี้พี่ฟ้าไม่ขายแล้วเหรอ” นัทเลิกคิ้วถามอย่างประหลาดใจ
“จ๊ะวันนี้อยากกลับบ้านเร็ว”
“เดี๋ยวนัทช่วยนะ”
นัทช่วยฟ้ายกภาพวาดเข้าไปเก็บในซุ้มดูแลจัดวางหนังสือในชั้นให้เข้าที่แล้วจึงดูแลความเรียบร้อยรอบๆซุ้มเพียงไม่นานนัทและฟ้าก็จัดการเปิดประตูใส่กุญแจซุ้มจนเสร็จเรียบร้อย
“พี่ฟ้าจะกลับยังไง” นัทถามด้วยความเป็นห่วง
“บ้านพี่อยู่ไม่ไกลหรอกเดินไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว…ไปด้วยกันมั๊ย” นัทยิ้มรับคำชวนนั้น
“นัทเอามอ’ไซค์มาเดี๋ยวนัทจะไปส่งพี่ฟ้าเอง”
ฟ้านั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของนัทซึ่งขี่เลียบถนนริมหาดเพียงไม่นานก็มาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้สีขาว
“บ้านพี่ฟ้าสวยจัง” นัทชม
“ไปเข้าไปในบ้านก่อน” ฟ้าเดินนำหน้านัทเข้าไปในบริเวณบ้านตรงระเบียงด้านหน้าหันสู่ทะเลมีโต๊ะรับแขกเล็กๆวางอยู่พร้อมม้านั่งเตี้ยๆสองตัวบนโต๊ะมีปะการังรูปคล้ายเปลือกหอยวางโชว์อยู่ นัทนั่งลงที่ม้านั่งส่วนฟ้าเดินเข้าไปในบ้านไม่นานก็ถือน้ำหวานสีแดงพร้อมถาดขนมคุ๊กกี้มาวางตรงหน้านัทนัทขอบคุณด้วยรอยยิ้มและหันมองบรรยากาศโดยรอบมุมชายหาดทางด้านนี้เป็นด้านที่สงบไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวบ้านที่อยู่แถบนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงดังนั้นจึงมองเห็นเรือประมงหลายลำจอดเรียงรายอยู่ ไกลจากทะเลออกไปมองเห็นหมู่เกาะอยู่ลิบๆ นัทปรายตามองมุมหนึ่งของระเบียงเห็นบอนไซหลายต้นปลูกอยู่ในกระถางวางประดับอยู่อย่างสวยงาม
“พี่ฟ้าชอบเลี้ยงบอนไซด้วยเหรอ” ฟ้ายิ้มเดินไปที่กระถางบอนไซใช้ปลายนิ้วลูบไล้อย่างแผ่วเบาดวงตาหม่นลงเล็กน้อย
“ของพ่อกับแม่น่ะ…เมื่อก่อนพ่อกับแม่เค้าชอบบอนไซมากสรรหามาเลี้ยงไว้หลายต้นประคบประหงมซะอย่างดี เดี๋ยวนี้ท่าน…ไม่อยู่…พี่ก็ต้องดูแลแทน” ดวงตาคู่นั้นหันมายิ้มกับนัทแต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าๆ
“แล้วเค้าไปไหนซะล่ะ” นัทถามอย่างใคร่รู้
“ท่านเสียแล้ว….ทั้งคู่…มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ” ฟ้ายืนพิงขอบระเบียงสายตามองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าคล้ายครุ่นคำนึงถึงบางสิ่งบางอย่าง
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่พี่รักมาก ทุกๆปิดเทอมเราจะมาพักผ่อนกันที่นี่สามคนพ่อแม่ลูก หลังจากท่านเสียพี่ก็ต้องเรียนต่อที่กรุงเทพฯให้จบทำงานได้พักหนึ่งก็มาอยู่ที่นี่…ความทรงจำของที่นี่สวยงามเสียจนพี่ไม่อยากทิ้งไป”
“พี่ฟ้าโชคดีที่ยังมีความทรงจำดีๆเก็บไว้…ไม่เหมือนนัท” ประโยคนั้นแผ่วเบาคล้ายรำพึงกับตัวเองฟ้าเดินมานั่งใกล้ๆนัทดวงตาห่วงใยมองอย่างอ่อนโยน
“ทำไมเหรอ…เกิดอะไรขึ้นกับนัทล่ะ”
“แม่นัทเสียตั้งแต่นัทเด็กๆแล้วล่ะ…แต่นัทจำทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ได้หมดเลยนะทั้งยามแม่ยิ้มและยามแม่ร้องไห้ รอยยิ้มของแม่สวยนะ…สวยเหมือนรอยยิ้มของพี่ฟ้า” ชั่วขณะนั้นนัทสบสายตามองฟ้าด้วยประกายตาที่ลึกซึ้ง
“เพียงแต่เวลานั้นนัทยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแม่บ้าง” นัทลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงโรยสายตานิ่งยังเวิ้งฟ้าไกล
“สำหรับพ่อนัทไม่เรียกว่าความรักหรอกนะ…ความทรงจำที่มีต่อเค้ามันเจ็บปวดทั้งนั้น พอแม่จากไปพ่อเปลี่ยนผู้หญิงไม่เคยซ้ำจนนัทร้สึกว่านัทเป็นส่วนเกินในชีวิตของพ่อเราไม่เคยผูกพันกันเลยด้วยซ้ำ นัทจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่พ่อกอดนัทนั้นเมื่อไหร่…แต่ช่างมันเถอะนัทชินกับความรู้สึกนี้แล้วล่ะ ตอนนี้พ่อเค้าคงมีความสุขกับครอบครัวใหม่ของเค้าแล้วล่ะ” สายตาของนัทเจ็บปวดไปกับทุกถ้อยคำที่หลั่งไหลฟ้าเดินมาหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างๆลูบหลังนัทเบาๆถ่ายทอดกระแสอบอุ่นปลอบโยน
“ลืมมันเถอะนัท…บางสิ่งบางอย่างถ้าฝังใจแล้วมันเจ็บก็อย่าไปจำมันเลย” น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลนัก นัทหันมามองหน้าฟ้าสองสายตาประสานกันจนฟ้าต้องรีบถอนสายตาออกมา
“เอ่อ นัทคงหิวแล้วล่ะเดี๋ยวพี่ไปเตรียมอาหารเย็นในครัวก่อน…เดี๋ยวเย็นนี้ทานข้าวด้วยกัน”
“ให้นัทช่วยนะ”
นัทเดินตามหลังฟ้าเข้าไปในส่วนครัวของบ้านฟ้าหยิบผักหมูไข่และเครื่องปรุงบางอย่างออกมาจากตู้เย็นนัทยืนมองท่าทางคล่องแคล่วนั้นอยู่ใกล้ๆ
“ไหนทำอะไรได้บ้างล่ะเรา” ฟ้าหันไปถามนัท
“โอ้ยได้หลายอย่างเลยแหละพี่ฟ้าเดี๋ยวนัทจะแสดงฝีมือให้ดู ทั้งข้าวผัดผัดข้าวไข่ทอดทอดไข่ยำปลากระป๋องหรือปลากระป๋องทรงเครื่อง พี่ฟ้าอยากกินอะไรล่ะ” ฟ้าหัวเราะกับรายการอาหารที่นัทแจกแจง
“แหม…แต่ละอย่างยากๆทั้งนั้น เอ้า…เอาผักไปล้างดีกว่านะง่ายดี” ฟ้าส่งผักให้นัทไปล้างที่อ่าง
“พี่ฟ้ารู้ม๊ย ในบรรดาพวกเราแทนมันทำกับข้าวเก่งสุดเลยนะ…ส่วนวินหุงข้าวแต่ละครั้งต้องลุ้นว่าสุกหรือดิบหรือบางทีมันก็มีโปรโมชั่นมาให้หม้อเดียวมีครบทั้งสุกไหม้ดิบ…ส่วนนัทไม่ทำอะไรมีหน้าที่ดูกับกินอย่างเดียว”
“ท่าทางวินนัทแทนคงสนิทกันมากนะ”
“ก็อยู่แก๊งค์เดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วล่ะพี่ฟ้าเรามีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกันเลยจูนกันง่าย…เวลาพวกเรารวมตัวกันทีอาจารย์งี้ปวดหัวทุกที”
ฟ้าหัวเราะกับท่าทางของนัทซึ่งบัดนี้รอยยิ้มละไมแต้มอยู่ทั้งใบหน้าและดวงตาของนัท ท่าทีเริงร่านั้นไม่เหลือเค้าแห่งอารมณ์หม่นเศร้าในดวงหน้า นัทผู้ซึ่งยามโศกก็เศร้าสะท้านไปถึงหัวใจของฟ้ายามอารมณ์ดีก็ทำให้ฟ้ายิ้มหัวสดใสไปด้วย
“เอาล่ะเรียบร้อย” ฟ้าบอกนัทหลังจากที่แกงจืดในหม้อสุกแล้ว
“เอ้า…นัทยกออกไปได้นั่งข้างนอกดีกว่านะลมเย็นดี”
นัทยกกับข้าวสองสามอย่างไปวางบนโต๊ะรับแขกริมระเบียง จากนั้นทั้งนัทและฟ้าก็ลงมือทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยเฉพาะนัทที่พอทานเสร็จแล้วถึงกับเอามือลูบท้องอย่างอิ่มเต็มที่
“โอย…นัทไม่เคยกินข้าวที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่มาก่อนเลยนะเนี่ย”
“เกินไปแล้วจ๊ะ”
“จริงๆนะ...พี่ฟ้าไม่เชื่อนัทเหรอ” ทั้งน้ำเสียงและดวงตาคมซึ้งนั้นทอดมองมาอย่างออดอ้อนจนฟ้ารู้สึกไหววูบ
“พี่ฟ้าจะว่าอะไรมั๊ย…ถ้านัทจะขอมาหาพี่ฟ้าอีก”
“พี่จะว่าอะไรล่ะ…ตามใจนัทสิจ๊ะ” รอยยิ้มหวานนั้นทำให้หัวใจของนัทอิ่มเอมและเป็นสุข
“ฮ่า…ฮ่า...ไอ้แทนหมดสภาพถึงขนาดนี้เลยหรือวะ…เฮ้ยแทนลุก…ลุก” วินเดินเข้าไปปลุกแทนที่นอนแผ่หราสองขาเหยียดเต็มที่อยู่ตรงกลางบ้าน
“เฮ้ย ตื่น เข้าไปนอนในห้องไอ้แทนตื่น”
“ฮื่อ….”เสียงแทนงัวเงียไม่ได้สติ
“วะเมายังกะหมาแถมยังปลุกยากชิบเป๋ง” วินบ่นอุบอิบ
“เอาน้ำสาดมันเลยดีมั๊ย” นัทออกความคิดเห็น
“เออดีๆ…ฮึม…จะสาดให้ร้องเอ๋งเลยมึง”
นัทถือขันน้ำมาในมือแล้วสาดไปที่หน้าของแทนโครมใหญ่ทำให้แทนสะดุ้งตื่นร้องเอะอะโวยวาย
“โว้ย…อะไรวะเนี่ย ทำอะไรของแกวะไอ้นัทไอ้วินคนกำลังฝันหวานแท้ๆดูดิเปียกหมดแล้ว” แทนโวยวายไปพร้อมกับลูบหน้าตาที่เปียกซ่กทั้งนัทและวินยืนหัวเราะอย่างสะใจ
“เออ…ขำกันเข้าไปโรคจิตหรือไงวะถึงได้ชอบแกล้งคนน่ะ”
“นี่ไอ้แทนแกมานอนทำหอกอะไรตรงนี้ทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง” นัทถาม
“อ๊ะๆ…หรือว่าเมื่อคืนหมดแรงจนถึงขนาดคลานเข้าห้องไม่ไหว” ว่าแล้วทั้งนัทและวินก็พร้อมใจกันประสานเสียงหัวเราะดังลั่น
“อะไรๆ” แทนทำกลบเกลื่อนในท่าที
“ก็แม่กุหลาบแดงของแกไงเมื่อคืนเราเห็นนะ…พี่แทนคะ พี่แทนขาหนูปลื้มพี่แทนม้ากมากค่ะ” วินบีบเสียงเล็กลงเลียนแบบสาวน้อยในประโยคที่หยอกล้อแทน
“แล้วเมื่อคืนแกพาน้องเค้าไปปลื้มถึงไหนล่ะถึงได้กลับมาหมดสภาพอย่างนี้” นัทเข้าไปตบบ่าหยอกเย้าแทน
“ไง…พวกแกอิจฉาล่ะซี…ช่วยไม่ได้เว้ยมันเป็นเรื่องของคนหล่อ” แทนยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนด้วยท่าทียียวน
“เฮ้อ…ง่วงว่ะเมื่อคืนเสียพลังงานไปเยอะ…ต้องไปนอนเอาแรงก่อน” ว่าแล้วก็เดินงัวเงียสะเปะสะปะเข้าห้องไปปล่อยให้นัทและวินยืนอมยิ้มเพราะคุ้นชินกับท่าทางแบบนี้ของแทน
“เออนี่วินเย็นนี้แกจะไปไหนหรือเปล่า” นัทหันมาถามวิน
“เปล่านี่มีอะไรเหรอ”
“จะใช้มอ’ไซค์หน่อย…กะว่าจะเอาหนังสือไปคืนพี่ฟ้า”
………………………………………….
บ่ายนี้ตรงซุ้มขายของหน้าหาดผู้คนเริ่มหนาตาขึ้น นักท่องเที่ยวหลายคนเดินดูของขายตามซุ้มต่างๆ ที่ซุ้มของฟ้ามีนักท่องเที่ยวมายืนดูภาพวาดอยู่ประปรายบ้างก็เข้าไปเลือกหนังสืออ่านในร้านหรือไม่ก็เช่าไปนอนอ่านที่เก้าอี้ริมหาด ฟ้ากำลังง่วนอยู่กับงานคอยดูแลลูกค้าอยู่ในร้านกระทั่งลูกค้าเริ่มเบาบางลงฟ้าจึงออกมานั่งรับลมทะเลที่เก้าอี้หน้าซุ้ม
ผืนทะเลทอดตัวกว้างไกลสุดตาระลอกคลื่นทยอยกันพลิ้วตัวเข้าสู่ฝั่งคล้ายเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำอย่างไม่เบื่อหน่าย อ้อมกอดของผืนทรายยังคงอ้าโอบแรงถั่งโถมของเกลียวคลื่นอย่างมั่นคง ฟ้าเฝ้ามองท้องทะเลตรงหน้าอย่างคุ้นเคยภาพเดิมๆฉากเดิมๆที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาอยู่ทุกวันแต่ในความคงเดิมนั้นมันมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่เสมอ ฟ้าชอบเฝ้ามองรายละเอียดที่ไม่เคยซ้ำกันเลยแม้แต่วันเดียว
เกลียวคลื่นไม่เคยซ้ำจังหวะขณะที่มันม้วนตัวเข้าสู่ฝั่ง ท้องฟ้าไม่เคยซ้ำเฉดสีทั้งยามฉายแสงหรือยามอ่อนแรงลง แม้แต่สายลมที่พัดไหวท่วงทำนองหนักเบาก็ไม่เหมือนกัน รายละเอียดเหล่านี้คือเสน่ห์ที่สวยงามเป็นเสน่ห์ที่ซ่อนลึกอยู่ในธรรมชาติและมีพลังมากพอที่ชวนให้หลงใหล เช่นเดียวกับมนุษย์ที่แอบซุกเอาความอ่อนไหวและอารมณ์อันเปราะบางเอาไว้ภายในฟ้าชอบที่จะสัมผัสกับอารมณ์เหล่านี้เพราะมันอ่อนหวานและงดงาม
“คุณน้าขา…คุณน้าขา” เสียงเล็กๆทำให้ฟ้าต้องหันหน้ามามองเด็กหญิงตัวเล็กตาโต ผมหยิกนั้นถูกผูกไว้สองข้างกำลังยืนเกาะแขนฟ้าอยู่
“อะไรเหรอจ๊ะ…หนูน้อย”
“หนูอยากได้ภาพวาดค่ะ…สวย” หนูน้อยร้องบอกฟ้าพร้อมกับชี้มือไปที่ภาพวาด ฟ้ายิ้มเอ็นดูในความไร้เดียงสา
“อยากได้หรือจ๊ะ เอาอย่างนี้เดี๋ยวน้าวาดให้ใหม่ดีมั๊ย” หนูน้อยยิ้มร่าฟ้าหันมาเตรียมอุปกรณ์วาดภาพและเริ่มลงมือสเกตต์หน้าของเด็กหญิงซึ่งฟ้าให้เธอนั่งยิ้มอยู่ตรงเก้าอี้ไม่นานนักภาพวาดก็เป็นเค้าโครงขึ้นมาเป็นรูปหน้าของเด็กหญิงผมหยิกยิ้มแป้นตาโตฟ้าวาดรายละเอียดเพิ่มเล็กน้อยเพียงไม่นานภาพนั้นก็เสร็จ
“ภาพใครเอ่ย” ฟ้าถามและคลี่ภาพวาดให้เด็กหญิงดู
“ภาพหนูค่ะ…สวย” เด็กหญิงยิ้มกว้างดีใจ
“อ่ะ…น้าให้เก็บไว้ดีๆนะ” ฟ้าส่งภาพวาดให้เด็กหญิงตัวน้อย เธอรับมาไว้มองภาพวาดแล้วยิ้มอย่างถูกใจ
“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงย่อตัวไหว้แล้ววิ่งหน้าเริ่ดไปยังชายหาดฟ้าหัวเราะเบาๆให้กับเด็กหญิงผู้ไร้เดียงสา เส้นผมหยิกยาวนั้นสะบัดพลิ้วตามแรงลมกระโปรงตัวยาวไหวลู่แดดยามบ่ายสะท้อนประกายส่องเสี้ยวหน้าของฟ้าให้เปล่งปลั่ง ตรงข้างซุ้มมีใครคนหนึ่งยืนมองภาพนั้นอย่างชื่นตาด้วยหัวใจที่อบอุ่น
……………………………………….
“อ้าวนัท” ฟ้าหันหน้ากลับมามองเห็นนัทยืนยิ้มอยู่ข้างๆซุ้ม
“นัทเอาหนังสือมาคืนพี่ฟ้า” นัทถือหนังสือในมือเดินเข้ามายื่นให้ฟ้า
“อ่านจบแล้วเหรอ” ฟ้าถามนัทอมยิ้มบางๆแทนคำตอบ
“พี่กำลังจะเก็บของแล้วล่ะ”
“อ้าววันนี้พี่ฟ้าไม่ขายแล้วเหรอ” นัทเลิกคิ้วถามอย่างประหลาดใจ
“จ๊ะวันนี้อยากกลับบ้านเร็ว”
“เดี๋ยวนัทช่วยนะ”
นัทช่วยฟ้ายกภาพวาดเข้าไปเก็บในซุ้มดูแลจัดวางหนังสือในชั้นให้เข้าที่แล้วจึงดูแลความเรียบร้อยรอบๆซุ้มเพียงไม่นานนัทและฟ้าก็จัดการเปิดประตูใส่กุญแจซุ้มจนเสร็จเรียบร้อย
“พี่ฟ้าจะกลับยังไง” นัทถามด้วยความเป็นห่วง
“บ้านพี่อยู่ไม่ไกลหรอกเดินไปแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว…ไปด้วยกันมั๊ย” นัทยิ้มรับคำชวนนั้น
“นัทเอามอ’ไซค์มาเดี๋ยวนัทจะไปส่งพี่ฟ้าเอง”
ฟ้านั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของนัทซึ่งขี่เลียบถนนริมหาดเพียงไม่นานก็มาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านไม้สีขาว
“บ้านพี่ฟ้าสวยจัง” นัทชม
“ไปเข้าไปในบ้านก่อน” ฟ้าเดินนำหน้านัทเข้าไปในบริเวณบ้านตรงระเบียงด้านหน้าหันสู่ทะเลมีโต๊ะรับแขกเล็กๆวางอยู่พร้อมม้านั่งเตี้ยๆสองตัวบนโต๊ะมีปะการังรูปคล้ายเปลือกหอยวางโชว์อยู่ นัทนั่งลงที่ม้านั่งส่วนฟ้าเดินเข้าไปในบ้านไม่นานก็ถือน้ำหวานสีแดงพร้อมถาดขนมคุ๊กกี้มาวางตรงหน้านัทนัทขอบคุณด้วยรอยยิ้มและหันมองบรรยากาศโดยรอบมุมชายหาดทางด้านนี้เป็นด้านที่สงบไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวชาวบ้านที่อยู่แถบนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงดังนั้นจึงมองเห็นเรือประมงหลายลำจอดเรียงรายอยู่ ไกลจากทะเลออกไปมองเห็นหมู่เกาะอยู่ลิบๆ นัทปรายตามองมุมหนึ่งของระเบียงเห็นบอนไซหลายต้นปลูกอยู่ในกระถางวางประดับอยู่อย่างสวยงาม
“พี่ฟ้าชอบเลี้ยงบอนไซด้วยเหรอ” ฟ้ายิ้มเดินไปที่กระถางบอนไซใช้ปลายนิ้วลูบไล้อย่างแผ่วเบาดวงตาหม่นลงเล็กน้อย
“ของพ่อกับแม่น่ะ…เมื่อก่อนพ่อกับแม่เค้าชอบบอนไซมากสรรหามาเลี้ยงไว้หลายต้นประคบประหงมซะอย่างดี เดี๋ยวนี้ท่าน…ไม่อยู่…พี่ก็ต้องดูแลแทน” ดวงตาคู่นั้นหันมายิ้มกับนัทแต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าๆ
“แล้วเค้าไปไหนซะล่ะ” นัทถามอย่างใคร่รู้
“ท่านเสียแล้ว….ทั้งคู่…มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ” ฟ้ายืนพิงขอบระเบียงสายตามองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าคล้ายครุ่นคำนึงถึงบางสิ่งบางอย่าง
“บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่พ่อกับแม่พี่รักมาก ทุกๆปิดเทอมเราจะมาพักผ่อนกันที่นี่สามคนพ่อแม่ลูก หลังจากท่านเสียพี่ก็ต้องเรียนต่อที่กรุงเทพฯให้จบทำงานได้พักหนึ่งก็มาอยู่ที่นี่…ความทรงจำของที่นี่สวยงามเสียจนพี่ไม่อยากทิ้งไป”
“พี่ฟ้าโชคดีที่ยังมีความทรงจำดีๆเก็บไว้…ไม่เหมือนนัท” ประโยคนั้นแผ่วเบาคล้ายรำพึงกับตัวเองฟ้าเดินมานั่งใกล้ๆนัทดวงตาห่วงใยมองอย่างอ่อนโยน
“ทำไมเหรอ…เกิดอะไรขึ้นกับนัทล่ะ”
“แม่นัทเสียตั้งแต่นัทเด็กๆแล้วล่ะ…แต่นัทจำทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ได้หมดเลยนะทั้งยามแม่ยิ้มและยามแม่ร้องไห้ รอยยิ้มของแม่สวยนะ…สวยเหมือนรอยยิ้มของพี่ฟ้า” ชั่วขณะนั้นนัทสบสายตามองฟ้าด้วยประกายตาที่ลึกซึ้ง
“เพียงแต่เวลานั้นนัทยังไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับแม่บ้าง” นัทลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงโรยสายตานิ่งยังเวิ้งฟ้าไกล
“สำหรับพ่อนัทไม่เรียกว่าความรักหรอกนะ…ความทรงจำที่มีต่อเค้ามันเจ็บปวดทั้งนั้น พอแม่จากไปพ่อเปลี่ยนผู้หญิงไม่เคยซ้ำจนนัทร้สึกว่านัทเป็นส่วนเกินในชีวิตของพ่อเราไม่เคยผูกพันกันเลยด้วยซ้ำ นัทจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่พ่อกอดนัทนั้นเมื่อไหร่…แต่ช่างมันเถอะนัทชินกับความรู้สึกนี้แล้วล่ะ ตอนนี้พ่อเค้าคงมีความสุขกับครอบครัวใหม่ของเค้าแล้วล่ะ” สายตาของนัทเจ็บปวดไปกับทุกถ้อยคำที่หลั่งไหลฟ้าเดินมาหยุดยืนนิ่งอยู่ข้างๆลูบหลังนัทเบาๆถ่ายทอดกระแสอบอุ่นปลอบโยน
“ลืมมันเถอะนัท…บางสิ่งบางอย่างถ้าฝังใจแล้วมันเจ็บก็อย่าไปจำมันเลย” น้ำเสียงนั้นนุ่มนวลนัก นัทหันมามองหน้าฟ้าสองสายตาประสานกันจนฟ้าต้องรีบถอนสายตาออกมา
“เอ่อ นัทคงหิวแล้วล่ะเดี๋ยวพี่ไปเตรียมอาหารเย็นในครัวก่อน…เดี๋ยวเย็นนี้ทานข้าวด้วยกัน”
“ให้นัทช่วยนะ”
นัทเดินตามหลังฟ้าเข้าไปในส่วนครัวของบ้านฟ้าหยิบผักหมูไข่และเครื่องปรุงบางอย่างออกมาจากตู้เย็นนัทยืนมองท่าทางคล่องแคล่วนั้นอยู่ใกล้ๆ
“ไหนทำอะไรได้บ้างล่ะเรา” ฟ้าหันไปถามนัท
“โอ้ยได้หลายอย่างเลยแหละพี่ฟ้าเดี๋ยวนัทจะแสดงฝีมือให้ดู ทั้งข้าวผัดผัดข้าวไข่ทอดทอดไข่ยำปลากระป๋องหรือปลากระป๋องทรงเครื่อง พี่ฟ้าอยากกินอะไรล่ะ” ฟ้าหัวเราะกับรายการอาหารที่นัทแจกแจง
“แหม…แต่ละอย่างยากๆทั้งนั้น เอ้า…เอาผักไปล้างดีกว่านะง่ายดี” ฟ้าส่งผักให้นัทไปล้างที่อ่าง
“พี่ฟ้ารู้ม๊ย ในบรรดาพวกเราแทนมันทำกับข้าวเก่งสุดเลยนะ…ส่วนวินหุงข้าวแต่ละครั้งต้องลุ้นว่าสุกหรือดิบหรือบางทีมันก็มีโปรโมชั่นมาให้หม้อเดียวมีครบทั้งสุกไหม้ดิบ…ส่วนนัทไม่ทำอะไรมีหน้าที่ดูกับกินอย่างเดียว”
“ท่าทางวินนัทแทนคงสนิทกันมากนะ”
“ก็อยู่แก๊งค์เดียวกันตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วล่ะพี่ฟ้าเรามีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกันเลยจูนกันง่าย…เวลาพวกเรารวมตัวกันทีอาจารย์งี้ปวดหัวทุกที”
ฟ้าหัวเราะกับท่าทางของนัทซึ่งบัดนี้รอยยิ้มละไมแต้มอยู่ทั้งใบหน้าและดวงตาของนัท ท่าทีเริงร่านั้นไม่เหลือเค้าแห่งอารมณ์หม่นเศร้าในดวงหน้า นัทผู้ซึ่งยามโศกก็เศร้าสะท้านไปถึงหัวใจของฟ้ายามอารมณ์ดีก็ทำให้ฟ้ายิ้มหัวสดใสไปด้วย
“เอาล่ะเรียบร้อย” ฟ้าบอกนัทหลังจากที่แกงจืดในหม้อสุกแล้ว
“เอ้า…นัทยกออกไปได้นั่งข้างนอกดีกว่านะลมเย็นดี”
นัทยกกับข้าวสองสามอย่างไปวางบนโต๊ะรับแขกริมระเบียง จากนั้นทั้งนัทและฟ้าก็ลงมือทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยเฉพาะนัทที่พอทานเสร็จแล้วถึงกับเอามือลูบท้องอย่างอิ่มเต็มที่
“โอย…นัทไม่เคยกินข้าวที่ไหนอร่อยเท่าที่นี่มาก่อนเลยนะเนี่ย”
“เกินไปแล้วจ๊ะ”
“จริงๆนะ...พี่ฟ้าไม่เชื่อนัทเหรอ” ทั้งน้ำเสียงและดวงตาคมซึ้งนั้นทอดมองมาอย่างออดอ้อนจนฟ้ารู้สึกไหววูบ
“พี่ฟ้าจะว่าอะไรมั๊ย…ถ้านัทจะขอมาหาพี่ฟ้าอีก”
“พี่จะว่าอะไรล่ะ…ตามใจนัทสิจ๊ะ” รอยยิ้มหวานนั้นทำให้หัวใจของนัทอิ่มเอมและเป็นสุข
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ