มนตร์หงส์ NC 18+
10.0
เขียนโดย WiwaWriter
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.02 น.
13 บท
0 วิจารณ์
24.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) บุพเพสันนิวาสมักส่งคนในฝันมาแบบไม่คาดคิด
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ@“หา! ป้าเมี้ยนเป็นลมเหรอ” กันต์กรตกใจหลังทราบเรื่องจากแม่บ้าน
หญิงสูงวัยยิ้มรับน้อยๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร
“แล้วทำไมป้าไม่บอกผม แล้วนี่ยังมาทำข้าวเย็นทำไม ทำไมไม่พักผ่อนก่อน” ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนขณะจับแขนแม่บ้านอย่างเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”
“ป้าไม่เป็นไรมากหรอก คุณกร ป้าอายุปูนนี้แล้ว มันก็ต้องมีลมจับมีล้มกันบ้าง”
แต่กันต์กรไม่ค่อยสบายใจนัก ป้าเมี้ยนเปรียบเหมือนแม่อีกคน เขาไม่อยากให้นางเป็นอะไรไป นี่คงเป็นเพราะนางอาจทำงานหนักเกินไป ชายหนุ่มจึงคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้แม่บ้าน แม้จะไม่มั่นใจนักว่านางจะเห็นด้วย
“ป้า ผมจ้างคนเพิ่มก็ได้นะ”
“อย่านะคุณกร” แม่บ้านรีบคัดค้าน “ป้าไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องงานบ้านงานเรือนของป้า หากคุณกรจะเอาคนอื่นมาทำ อย่าหวังว่าจะทำได้อย่างป้า”
เป็นอย่างที่เขาคิด ป้าเมี้ยนไม่เคยยอมให้ใครเข้ามาช่วยงานในบ้านหลังนี้เหมือนเคย
“งั้นผมจะพาป้าไปหาหมอนะ”
“วุ้ย ไม่ไปหรอกค่ะ ป้าไม่ได้เป็นอะไรมาก กินยาสองสามเม็ดก็หายแล้ว”
กันต์กรยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างหนักใจ คนแก่ให้อย่างไรก็ดื้อดึงเหมือนกันเสียหมด เขาตักชิมกับข้าวฝีมือป้าเมี้ยนที่วางตรงหน้า ซึ่งมันก็ยังคงความอร่อยไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย
“ว่าไปแล้วก็คิดถึงนังหนูคนนั้นจริงๆ” จู่ๆ หญิงสูงวัยก็เอ่ยขึ้น ขณะยกแก้วน้ำมาให้กันต์กร
“ใครเหรอป้า”
“ก็หนูนิภิศาที่เข้ามาช่วยป้าตอนเป็นลมไง” ป้าเมี้ยนเล่าพร้อมดวงตาเป็นประกาย “คนอะไร ทั้งสวยทั้งใจดี ป้าก็นึกว่าป้าตายไปแล้วขึ้นสวรรค์ไปเจอนางฟ้าแล้วซะอีก”
“ยิ่งพูดผมก็ยิ่งเป็นห่วงป้าจนกินข้าวไม่ลงแล้ว” กันต์กรวางช้อนอย่างหมดอารมณ์
“ขอโทษค่ะ ไม่พูดเรื่องป้า แต่คุยเรื่องหนูนิภิศาก็ได้ แต่เธอสวยเหมือนนางฟ้าจริงๆ นะคะ”
กันต์กรส่ายหน้าอย่างขบขัน
“นางฟ้าเลยเหรอป้า”
ป้าเมี้ยนประสานมือแล้วพยักหน้ายิ้มๆ
“นางฟ้า นางสวรรค์ยังอายเชียวละ แต่ว่าแต่งชุดแปลกๆ ไปหน่อยอย่างกับจะไปเล่นลิเก”
“นางเอกลิเกมั้งป้า แต่งหน้าจัดๆ ก็สวยหมดแหละ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไร้เครื่องสำอางค่ะ” ป้าเมี้ยนทำหน้างอนใส่คนพูดกวน
“โหยป้า เครื่องสำอางสมัยนี้เนียนจะตาย”
“งามไร้ที่ติจริงๆ ค่ะคุณกร ถ้าไม่เชื่อ คราวหน้าถ้าเจออีกป้าจะถ่ายรูปมาฝาก”
“อ้าว ถ้าสวยขนาดนั้นจริงๆ ผมก็ชักอยากเห็นนางฟ้าของป้าแล้วสิ” กันต์กรพูดติดตลกก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ ขณะเดียวกันป้าเมี้ยนก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนกับเจอคนถูกใจ แต่จู่ๆ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นซึมๆ เหมือนถูกดึงสู่ห้วงแห่งอดีต
“ตั้งแต่คุณท่านกับคุณผู้หญิงจากไป เราก็มีกันแค่นี้แหละนะ”
กันต์กรตักข้าวช้าลงก่อนจะเคี้ยวช้าๆ อย่างครุ่นคิด ส่วนป้าเมี้ยนที่รู้ตัวว่ากำลังทำให้บรรยากาศเสียรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่
“อุ๊ย ป้าขอโทษที คุณกรรีบทานเถอะค่ะ ป้าเมี้ยนนี่ปากไม่ดูเวล่ำเวลาจริงๆ” ว่าแล้วแม่บ้านสูงวัยก็รีบก้าวอาดๆ กลับเข้าไปในครัว
ปล่อยให้กันต์กรนั่งคิดเรื่องที่นางพูดทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว ก็อย่างที่ป้าเมี้ยนพูด พ่อแม่ของเขาจากไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกตอนบินไปอเมริกา แต่ก็ยังฝากลูกสองคนไว้กับคุณหญิงทรงศรี แม่ของโรเบิร์ตกับสุทัตตาให้เลี้ยงต่อ โชคดีที่ท่านกับสามีเอ็นดูเด็กกาฝากทั้งสองเหมือนลูก ถึงขนาดไว้วางใจยกตำแหน่งรองประธานบริษัทสาขาประเทศไทยให้กันต์กร จนถึงตอนนี้พวกท่านก็ยังไม่เคยละทิ้งสองพี่น้องกำพร้า
แต่บางครั้งกันต์กรก็ปฏิเสธความหวังดีของพวกเขา เช่นเรื่องการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ถึงแม้จะต้องเสียโอกาสไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่เสียใจเพราะเขาคิดว่ามันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง เรียนที่ไหนก็ไม่ต่างกัน อยู่ที่การดำเนินชีวิตมากกว่า เพราะสิ่งสำคัญกว่าอื่นใดในตอนนั้นและแม้กระทั่งตอนนี้ คือ น้องสาว ซึ่งเขาไม่มีทางทิ้งเธอไปไหนแน่นอน
‘ยูเป็นลูกของเราเถอะ’
น้ำเสียงทุ้มหนักแน่นแต่อ่อนโยนของคุณไรอัลดังขึ้นในหัว แต่กันต์กรก็ไม่อาจรับความเมตตาที่สูงส่งแบบนั้นได้ เขารู้สึกต้อยต่ำเกินไปหากจะให้คุณไรอัลรับเป็นบุตรบุญธรรม กันต์กรจึงปฏิเสธความหวังดีของผู้ที่เปรียบเหมือนพ่อคนที่สองไป แต่แท้จริงแล้วเขาอยากให้สกุล ‘ภักดีดำรง’ ของพ่อคงความบริสุทธิ์ทั้งในนามและชีวิตจริงมากกว่า อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ หากต้องกลายเป็นลูกบุญธรรมของมหาเศรษฐี เขาคงต้องรู้สึกไม่ดีต่อวงศ์ตระกูลเป็นแน่
เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำให้คนที่อยู่ในภวังค์สะดุ้ง ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ ชื่อหมอสมชัยปรากฏหราอยู่ กันต์กรรีบใช้นิ้วโป้งแตะหน้าจอโทรศัพท์แบบสัมผัสก่อนจะยกขึ้นแนบหูแล้วพูด
“ไง ไอ้ชัย”
“หมออโรมาขอลาออกว่ะ”
“อ้าว ทำไม” กันต์กรถามอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
กันต์กรขบคิดครู่หนึ่ง
“หรือว่าจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น”
“คนไหนวะ” เหมือนเพื่อนหมอจะยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล กันต์กรจึงจัดแจงเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ จนอีกฝ่ายถึงบางอ้อในที่สุด
“เอ็งจำผู้หญิงที่เราช่วยจากไอ้ลูกนักการเมืองบ้ากามในผับได้มั้ย ข้าว่าเธอต้องเป็นเมียหมออโรแน่ว่ะ เผอิญเธอกับหมออโรไปมีเรื่องกันในห้องยายยา ข้าก็เลยจัดให้ฉาดใหญ่ แต่ยายนั่นทำหน้าตาเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย”
“เอ่อ ดูเหมือนเอ็งจะเป็นเดือดเป็นร้อนกว่าหมออโรอีกนะ”
กันต์กรสะดุ้ง หายลืมตัว บางทีเขาก็ปากพล่อยและจริงจังออกนอกเรื่องไปหน่อย แต่ก็ยังแก้ตัวต่อได้
“โธ่ ก็มาโวยวายในห้องพักน้องข้าจนน้องสาวข้าช็อก”
“เอาน่า คงไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก แต่น่าเสียดาย หมออโรเป็นหมอที่เก่ง เก่งกว่าข้าซะอีก เขาอาจดูแลยายยาได้ดีกว่าข้า”
เสียงหายใจหนักๆ ของเพื่อนยากลอดออกมาจากหูโทรศัพท์ ทำให้กันต์กรรู้ว่าสมชัยคงจะหนักใจกับเรื่องนี้ แต่เขาจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหมออโรต้องการไป ก็สมควรแล้วกับเรื่องไร้มารยาทที่เกิดขึ้น แต่หากมองกลับกัน คนเป็นพี่อย่างเขาก็อดห่วงเรื่องการรักษาของน้องสาวไม่ได้
“แล้วยายยาว่าไงบ้าง”
“ยายยายังไม่รู้เรื่องนี้”
“เออ ดี อย่าให้มันรู้แล้วกัน ไม่งั้นคงนั่งน้ำตาตกใน” กันต์กรแขวะเล่นๆ
“แต่แปลกนะ เรื่องแค่นี้ถึงขั้นลาออกเลยเรอะ ผอ. โรง’บาลก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย”
“ช่างเขาปะไร”
“ข้าก็ต้องมาดูแลน้องเอ็งอยู่เหมือนเดิมแหละทีนี้ แต่ก็นะ ตั้งแต่หมอนั่นย้ายเข้ามาได้ไม่กี่วัน ยายยาก็มีอาการดีขึ้น คุยได้ลุกยืนได้อย่างน่าประหลาด ข้าก็ไม่รู้ว่าหมออโรไปรักษาอีท่าไหนถึงทำให้ยายยาอาการดีขึ้น ขนาดข้าทำงานมาหลายปีก็ยังทำได้ไม่เท่าเขาเลย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” กันต์กรขมวดคิ้วและพยายามคิดแย้ง แต่ที่ผ่านมากันติยาก็อาการดีขึ้นผิดหูผิดตาจริงๆ หากให้หมออโรรักษาเธอต่อไปเรื่อยๆ บางทีน้องสาวเขาอาจจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง คิดได้อย่างนั้นแล้วกันต์กรก็รีบลืมเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแล้วถามถึงเบอร์โทร.ของหมอหนุ่มผู้นั้น
“ไม่มีว่ะ หมออโรเห็นบอกว่าไม่ใช้มือถือ แปลกคนจริงๆ สงสัยกลัวพวกพยาบาลไปขายขนมจีบ แล้วนี่เอ็งจะเอาเบอร์หมอเขาไปทำไม”
“ข้าว่าหากหมอทำให้ยายยาดีขึ้นจริง ข้าว่าจะขอร้องให้เขาอยู่ต่อ เพียงแต่อย่าให้เมียเขามากวนน้องข้าก็พอ”
“อืม เอาอย่างนี้ เอ็งลองไปที่บ้านพักแพทย์สิ แต่รีบหน่อยนะ เพราะหมออโรจะย้ายออกในไม่กี่วันนี้แล้ว”
กันต์กรอ้าปากค้างอย่างตกใจ
“ทำไมเร็วแบบนี้วะ”
“ข้าก็ไม่รู้ว่ะ เอ้อ เอาแบบนี้ เดี๋ยวข้าจะลองโทร.ไปที่บ้านพักเขาก่อนละกัน”
“ไม่เป็นไร” กันต์กรขัดเสียงเข้ม “ข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังวางสายโทรศัพท์กันต์กรรีบละมือจากมื้อเย็น ก่อนจะขับรถมุ่งไปที่โรงพยาบาล
@รถเก๋งคันหรูจอดเทียบหน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตบ้านพักแพทย์และแฟลตของบุคลากรในโรงพยาบาล ชายหนุ่มมองบ้านเลขที่ มั่นใจว่าใช่ตัวเดียวกับที่จดมาจากสมชัย มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากในบ้าน คาดว่าหมออโรยังไม่ย้ายออก ชายหนุ่มจึงก้าวลงจากรถแล้วมุ่งไปเคาะประตูเรียก
ไม่มีเสียงหมออโรมาเปิดประตู แต่กันต์กรกลับได้ยินเสียงบางอย่างในบ้านหลังนั้น เหมือนเป็นเสียงร้องแต่ก็ได้ยินเพียงแว่วๆ ชายหนุ่มเคาะประตูนับสิบครั้งได้ แต่ก็ไร้วี่แววเจ้าของบ้าน หากไม่ได้เจอกันวันนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้พบหมออโรอีก กันต์กรจึงถือวิสาสะหมุนลูกบิดประตูที่ไม่ได้ล็อก ก่อนถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านแล้วก้าวเข้าไปอย่างเงียบๆ
ชั้นล่างเป็นโถงว่างเปล่า ไม่มีเครื่องใช้อะไรเลยนอกจากถังน้ำดื่มกับไม้ประดับแขวนผนัง กันต์กรนึกสงสัยว่าอโรจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร หรือหมอหนุ่มจะย้ายออกไปแล้ว แต่หากย้ายออกจริงแล้วทำไมไฟนีออนยังเปิดอยู่ และทันใดนั้นเสียงครวญครางก็เหมือนจะดังชัดขึ้น
“หมออโร คุณอยู่ที่นี่มั้ย”
กันต์กรร้องเรียกขณะเดียวกันก็เงี่ยหูฟังหาต้นเสียงด้วย ครู่หนึ่งเขาจึงมั่นใจว่าดังมาจากด้านบน หรือจะเป็นหมออโร ชายหนุ่มรีบก้าวขึ้นบันได ก่อนผลักประตูห้องเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นคือร่างชายหนุ่มไม่ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าห่มคลุมตัวนอนขดอยู่ ข้างกายมีขนนกสีเทากระจายเกลื่อนกลาด
“หมออโร” กันต์กรเรียกอย่างตกใจก่อนจะนั่งลงข้างๆ “คุณเป็นอะไร”
อโรคาเงยหน้าสั่นๆ ขึ้นมองกันต์กร สีหน้าของเขาอ่อนล้าขณะที่แววตาฉายความประหลาดใจ
“นี่คุณ มาที่นี่ได้ยังไง คุณกันต์กร”
“ผมมาหาคุณนั่นแหละ จะมาคุยเรื่องยายยา” กันต์กรรีบตอบ แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องห่วงอาการของหมอหนุ่มมากกว่า “ไม่สบายแบบนี้ทำไมไม่…”
กันต์กรไม่พูดต่อ คงจะน่าตลกไม่เบาหากถามว่าทำไมไม่ไปหาหมอ เพราะอย่างไรคนที่นอนซมอยู่ก็เป็นหมอที่น่าจะดูแลตัวเองได้
“ผมไม่สบายนิดหน่อย” อโรคาตอบเสียงสั่นพร่า
“ให้ผมช่วยอะไรมั้ย”
“ผมแค่หมดแรงชั่วคราวน่ะครับ”
“เดี๋ยวผมไปตามคนมาช่วยดีกว่า” ทันทีที่ผู้หวังดีจะลุก ก็ถูกอีกฝ่ายห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอก ผมดูแลตัวเองได้”
กันต์กรถอนหายใจ เขาชักฉุนที่เจอคนดื้อๆ แบบนี้
“ตกลงคุณจะให้ผมช่วยมั้ย”
“ขอน้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขา” อโรคาเอ่ยอย่างแผ่วเบา “น้ำแร่”
“หา!! น้ำแร่เนี่ยนะ” กันต์กรหันไปถามอย่างแปลกใจ
อโรคาพยักหน้าย้ำคำ
ภารกิจหนักจึงหล่นใส่หัวกันต์กรในทันที หรือหมอคนนี้จะป่วยจนเพี้ยนเลยนึกอยากดื่มน้ำแร่ แต่ที่ยากคือจะไปหาน้ำแร่จากเทือกเขามาจากไหน ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างสังเวช เจ้าตัวเป็นหมอแท้ๆ ไม่ดูแลตัวเองเลย แล้วจะมีหน้าไปดูแลกันติยาได้อย่างไร แต่เพื่อน้องสาวแล้วกันต์กรก็ไม่อยากให้หมออโรเป็นอะไรไปในตอนนี้ ต้องซื้อใจหมอหน้าจืดไว้ก่อนเพื่อให้เขาเปลี่ยนใจอยู่รักษากันติยาต่อ
“งั้นรอผมแป๊บนึง”
กันต์กรกลับลงมายืนอยู่หน้าบ้านแล้วครุ่นคิดว่าจะไปหาน้ำแร่จากไหน แต่พอเห็นป้ายไฟของมินิมาร์ตที่อยู่ไม่ไกลจึงพบกับทางออก
หลังจากได้น้ำแร่มาเขาก็รีบนำมันขึ้นไปให้หมออโร ขณะที่หมอหนุ่มมองขวดน้ำอย่างแปลกใจ
“น้ำแร่ใช่มั้ย”
กันต์กรพยักหน้าเร็วๆ ส่วนหมออโรทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเขย่าขวด
“เปิดยังไง”
กันต์กรทำหน้าเซ็งเพราะเห็นหมอคนนี้ชักเพี้ยนไปใหญ่ ทำอย่างกับคนไม่เคยกินน้ำขวดมาก่อน เขาอาสาเปิดฝาแล้วยื่นขวดให้ อโรคารีบดื่มน้ำแร่จนเกลี้ยงก่อนจะค่อยๆ เอนตัวลงนอนพร้อมกับบอกกันต์กร
“ขอบคุณครับ แต่คุณไปนั่งรอผมข้างล่างก่อน”
กันต์กรทำหน้างงๆ จะให้เขาไปนั่งรอตรงไหนวะ เก้าอี้ก็ไม่มีสักตัว แต่ก็ดีกว่าต้องทนดูภาพอุจาดตาของหมออโร พอลงมาแล้วกันต์กรก็ยืนพิงกับผนัง ก่อนจะมองไปรอบตัวอย่างพินิจอีกครั้ง สภาพบ้านและการอยู่กินอย่างกับผู้ยากไร้ นี่น่ะหรือหมอจบจากต่างประเทศ ทำไมในบ้านโล่งโจ้งแบบนี้ หรือเขาอาจจะเป็นคนไม่ชอบอยู่ติดบ้าน
ปล่อยให้กันต์กรวิเคราะห์วิถีชีวิตของอโรคาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเจ้าตัวก็ลงบันไดมาในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงสีเทา ใบหน้าดูผุดผ่องขึ้นมากกว่าเมื่อกี้ลิบลับ ท่าทางก็ดูปราดเปรียวอย่างน่าประหลาดใจจนกันต์กรอดถามไม่ได้
“ดีขึ้นแล้วเหรอครับ”
“ครับ หายดีแล้วครับ” อโรคาตอบซื่อๆ “น้ำแร่รสชาติดีแต่ไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่ ขอบคุณคุณกรมากครับ”
กันต์กรอยากจะถามอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น ทั้งเรื่องประวัติส่วนตัวของหมออโร แต่ตอนนี้เขาต้องเอาเรื่องกันติยาเป็นหลักก่อน
“ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยด้วย”
อโรคายิ้มน้อยๆ แล้วย้อนถามอย่างรู้ดี
“เรื่องน้องกันติยาใช่มั้ย”
“ใช่” กันต์กรพยักหน้า “พูดอย่างเปิดอกเลยนะ ผมไม่อยากให้คุณลาออกไปตอนนี้ ตั้งแต่มีคุณ ยายยาก็อาการดีวันดีคืน เอาอย่างนี้ หากที่อื่นให้เงินคุณดีกว่า ผมให้คุณอีกเท่าตัวก็ได้ ขอแค่ให้คุณดูแลยายยาต่อ”
“ขอโทษนะคุณกันต์กร” อโรคาขัดทันควัน “ผมคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก”
กันต์กรกำลังจะอ้าปากพูด แต่อีกฝ่ายชิงตัดหน้าเสียก่อน
“ที่ผมไปไม่ใช่เรื่องเงินหรอกครับ”
หากไม่ใช่เรื่องเงินก็คงเป็นเรื่องที่ต้องหนีอะไรบางอย่าง กันต์กรจึงขอร้องต่อแต่ก็วางมาดอยู่ในที
“จะมีปัญหาส่วนตัวอะไร ผมไม่รู้หรอกนะครับ แต่ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ก่อน”
“เรื่องอาการของกันติยาไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะมาดูอาการให้บ่อยๆ ละกัน”
คนขอร้องชักเริ่มฉุน เขาส่งสายตาพิฆาตไปให้หมออโรก่อนจะถามเสียงเข้ม
“คุณมีเรื่องอะไรกันแน่ หมออโร หรือจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น”
อโรคาถึงกับหน้าถอดสี
“ผมเข้าใจคุณนะ เวลาแบบว่าคนที่คุณไม่ได้รักแล้วมาตามตอแย” กันต์กรรู้สึกร้อนวูบเสียเองเมื่อยิงคำถามนี้ออกไป
“ว่าอะไรนะครับ” แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้างง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ อย่าถือสาเลย” กันต์กรผ่อนอารมณ์ลงและหันหน้าไปทางอื่น
“มีอะไรก็พูดมาสิครับ” อโรคาเป็นฝ่ายย้อนถามบ้าง
ชายหนุ่มคมเข้มชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหมออโร หากแต่ก็เกี่ยวข้องกับการรักษาของกันติยาเหมือนกัน ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจถามไปเพราะเห็นแก่ชีวิตของน้องสาว
“ผู้หญิงของคุณมาตามคุณกลับไปใช่มั้ย”
“ผู้หญิงของผม คุณหมายความว่ายังไง”
จะเชื่อว่ามันซื่อดีไหมเนี่ย! กันต์กรคิดในใจ พูดขนาดนี้แล้วหมอหน้าจืดนี่น่าจะรู้ได้แล้วว่าเขาหมายความว่าอย่างไร หรือต้องให้เขาอธิบายอะไรอีก
“ผมหมายถึง เขาเป็นแฟนคุณเหรอ”
“แฟน” อโรคานิ่วหน้าอย่างกับไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน “ผมไม่รู้”
“หรือเป็นกิ๊กล่ะ” กันต์กรไม่คิดว่าตัวเองจะหลุดปากพูดแบบนี้ไป จะทำไงได้ก็ใจมันสั่ง
“ขอโทษนะครับคุณกร ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย” อโรคาทำหน้าซื่อได้สมกับหน้าจืดๆ จนกันต์กรชักเริ่มยัวะ
“นี่คุณเป็นหมอจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย ผมหมายความว่าคุณกับผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่รักกันใช่มั้ย”
อโรคาทำหน้าตกใจก่อนจะปฏิเสธ “ไม่ใช่นะครับ”
“ผมเคยได้ยินเธอพูดว่าเธอมาตามตัวคุณ”
“คือ...ผม...ผม...” อโรคาพูดไม่ออก
กันต์กรจึงหมดความอดทนกับชายหนุ่มที่ใจป๊อดคนนี้
“ช่างคุณเถอะ ตกลงคุณต้องการอะไรเพื่อแลกกับการดูแลกันติยาต่อ”
อโรคาทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะให้คำตอบ
“ผมไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตอนนี้ผมยังอยู่ที่นี่”
“ทำไม” กันต์กรทวนถามเสียงอ่อน
“ขอไม่ตอบนะครับ” อโรคาว่าพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ถึงผมจะไม่ทำงานที่นี่ แต่ผมสัญญาว่าจะดูแลกันติยาต่อ”
“อ้าว ถ้าคุณไม่อยู่ที่โรงพยาบาลนี้แล้ว คุณจะรักษากันติยาได้ยังไง” กันต์กรถามอย่างแปลกใจ
“ผมมีวิธีของผม”
กันต์กรถอนหายใจเบาๆ
“คุณต้องการกวนสมองผมหรือไงเนี่ย งั้นไม่เป็นไร ผมไม่รบกวนคุณแล้ว” ชายหนุ่มว่าอย่างเด็ดขาด “ผมจะให้หมอชัยดูแลน้องสาวผมเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะดูแลน้องสาวคุณเอง”
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้กันต์กรต้องนิ่งมองหมอหนุ่มอยู่นาน เห็นใบหน้ามุ่งมั่นของอโรก็ชักทำให้เขาใจอ่อน จนคิดเลยเถิดไปว่าอโรคิดอะไรกับกันติยาเกินหมอกับคนไข้หรือเปล่า แต่ช่างเถอะ หากอีกฝ่ายมีวิธีที่จะดูแลกันติยาได้จริง ชายหนุ่มก็ไม่ขัดข้อง กันต์กรไม่ได้เอ่ยปากตกลงอะไรกับหมออโรอีกเพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว เขาควรจะขอตัวกลับสักที
หลังจากที่เดินมาถึงรถ อโรคาก็กล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้
“ขอบคุณนะครับ สำหรับน้ำแร่”
“ไม่เป็นไร”
กันต์กรพูดห้วนๆ ก่อนจะขับรถออกมาจากเขตบ้านพักหลังโรงพยาบาล จู่ๆ เขาก็คิดถึงภาพที่เห็นในห้องนอนของหมออโร
ขนนกสีเทา!
ชายหนุ่มพยายามคิดอยู่หลายนาทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้แก่เรื่องนี้ได้ สุดท้ายก็ต้องสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นขนเป็ดที่อยู่ในหมอนก็ได้
@กันต์กรแวะรับสุทัตตาไปทานมื้อเย็นก่อนจะกลับเข้าบ้านเพื่อไปดูป้าเมี้ยนว่าเป็นอย่างไรบ้าง แม่บ้านสูงวัยยังแข็งแรงเช่นเดิม สอบถามแล้วก็ไม่มีท่าทีจะล้มเจ็บอีก จึงทำให้ชายหนุ่มหายห่วงได้บ้าง
“ป้ายังกระโดดขึ้นรถเมล์ได้อยู่น่า” ป้าเมี้ยนพูดติดตลก แต่คนฟังกลับทำหน้าบึ้ง
“แต่ยังไงก็เป็นห่วงนะ” กันต์กรโอบกอดหญิงสูงวัยร่างอวบจากด้านหลัง ตัวนิ่มและอบอุ่นทำให้เขารู้สึกสบายใจ
“เป็นลมอีกก็ดีนะ จะได้เจอนางฟ้าอีก”
“เลิกคุยกันเลยป้า” กันต์กรคลายอ้อมกอดอย่างงอนๆ
“โธ่ ป้าก็ล้อเล่นน่า” ป้าเมี้ยนยิ้มแก้มตุ่ย “คุณกรไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป๊ ป้าจะเอาผ้าไปซักให้”
กันต์กรพยักหน้ายิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ชายหนุ่มเข้ามาในห้องแล้วฮัมเพลงเบาๆ พลางหยิบของในกระเป๋ากางเกงไปวางที่โต๊ะหน้ากระจก นึกครึ้มอกครึ้มใจว่าหากลงไปว่ายน้ำตอนกลางคืนจะเป็นอย่างไรนะ ถามตัวเองแล้วก็เหลือบมองผ่านหน้าต่างไปที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง มือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อชะงัก
เขาคิดว่าคงไม่ได้ตาฝาดแน่ หญิงสาวนางหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ตรงนั้น ที่สำคัญ เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว
กันต์กรขยี้ตาก่อนจะเกาะกระจกหน้าต่างดูอีกครั้ง คราวนี้จึงมั่นใจว่าไม่ได้เกิดภาพหลอน
ดึกป่านนี้ใครกล้าเข้ามาใช้สระว่ายน้ำในบ้านเขาอย่างสบายใจเฉิบ หากเป็นสุทัตตาป้าเมี้ยนต้องบอกเขาแน่ แต่นี่ป้าเมี้ยนไม่ได้พูดอะไร แล้วเธอเป็นใคร กันต์กรรีบวิ่งลงบันไดไปที่ห้องครัว โดยที่ป้าเมี้ยนร้องทักตามหลัง
“ไปไหนคุณกร”
“ไปเดินเล่น”
กันต์กรยังไม่บอกความจริงเพราะกลัวป้าเมี้ยนจะตกใจ โวยวายจนหัวขโมยรู้ตัว
เขาค่อยๆ แง้มประตูหลังบ้านช้าๆ ภาพที่เห็นเมื่อครู่ยังไม่ได้เลือนหายไป กลับยิ่งชัดเจนจนเห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนเว้างอนรองรับเรือนผมสีดำยาวที่แผ่กระจายในน้ำ เธอยกแขนข้างหนึ่งขึ้นก่อนจะใช้มืออีกข้างวักน้ำขึ้นมาลูบไล้ผิวเนียน ใจของกันต์กรเต้นระส่ำไม่รู้ว่าตื่นกลัวหรือตื่นเต้น ขณะที่คนในสระว่ายน้ำยังไม่รู้ตัว เขาจึงค่อยๆ ย่องไปใกล้เธออย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเสียงนกดังขึ้น หญิงสาวลึกลับก็สะบัดหน้ามองมายังกันต์กรอย่างตกใจ แม้จะเห็นเพียงแวบเดียวแต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าเธองดงามราวเทพธิดา ไม่ทันได้กะพริบตา เธอก็กลายเป็นนกสีขาวตัวใหญ่แล้วตีปีกบินหายไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่กันต์กรยืนช็อก หายใจเข้าปอดแทบไม่ทัน เขารู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูกและในที่สุดก็ทรงตัวไม่อยู่
ร่างของชายหนุ่มพลัดตกลงไปในสระว่ายน้ำ เป็นจังหวะที่แม่บ้านออกมาตามพอดี
“ตายแล้ว! คุณกร” ป้าเมี้ยนร้องลั่นก่อนจะยื่นมือดึงกันต์กรขึ้นจากสระ ซึ่งคนขวัญเสียรีบถามกลับ
“ป้าเห็นอย่างที่ผมเห็นมั้ย”
“เห็นอะไรคะ คุณกร”
“มีผู้หญิงมาว่ายน้ำอยู่ที่นี่” กันต์กรบอกเสียงตื่นๆ ยกมือลูบน้ำออกจากใบหน้า ขณะนั่งหมดแรงอยู่ขอบสระ
“ไม่มีนี่ค่ะ” ป้าเมี้ยนทำหน้าประหลาดใจ “แล้วทำไมคุณกรลงว่ายน้ำทั้งชุดอย่างนั้นล่ะคะ”
กันต์กรไม่ได้สนใจคำพูดของป้าเมี้ยน เขารีบถามย้ำอีกครั้ง
“ป้าไม่เห็นจริงๆ เหรอ”
“โธ่ ดึกป่านนี้ใครจะมาว่ายน้ำในสระบ้านคุณกรได้” แม่บ้านสูงวัยมองเจ้านายหนุ่มอย่างสงสัย ก่อนจะทำหน้าตื่น “หรือว่าคุณกรจะเจอ…”
กันต์กรขนลุกเกรียวทันทีเมื่อคิดตามว่าสิ่งที่ป้าเมี้ยนพูดหมายถึงอะไร เขารีบก้าวขึ้นจากสระว่ายน้ำอย่างงงๆ ชายหนุ่มไม่ได้กลัวสิ่งที่เห็นเหมือนเจอผี เขาประหลาดใจมากกว่า รูปร่างอ้อนแอ้นกับเรือนผมสีดำแบบนั้นช่างเหมือนกับที่เขาเห็นในฝันมากเหลือเกิน หากเธอเป็นผีจริง เธอคงไม่หนีเขาไปแบบนี้แน่
“พรุ่งนี้ป้าจะพาคุณกรไปทำบุญนะ” ป้าเมี้ยนเสนอ
กันต์กรถอนหายใจเบาๆ เขาหันไปที่สระว่ายน้ำอีกครั้ง และนั่นทำให้เขาเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งยืนยันได้ว่าเธอคนเมื่อกี้มีอยู่จริง
“ขนนก” ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะใจกล้าลงน้ำไปคว้าขนนกเส้นหนึ่งที่ลอยอยู่ขึ้นมา
พอขึ้นจากสระป้าเมี้ยนก็รีบเข้ามาดู
“อ้อ สงสัยคุณกรจะตาฝาด เห็นนกเป็นคน แต่ขนนกเส้นนี้แปลกดีจัง ละเอียดสวยงาม จะว่าขนเป็ดก็ไม่ใช่” แม่บ้านขอขนนกมาดม “มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนเคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน”
กันต์กรลองดมดูบ้าง ดมแล้วก็ทำตาโต กลิ่นคลับคล้ายคลับคลาเหมือนที่ป้าเมี้ยนว่าจริงๆ
“ผมก็เหมือนกัน”
ป้าเมี้ยนทำหน้าคิด กันต์กรจึงลองดมมันอีกครั้ง พอสูดกลิ่นลึกสุดปอด ดวงตาคมเข้มถึงกับเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะกลิ่นของมันเหมือนกลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เขากับป้าเมี้ยนคุ้นเคยดี
“ดอกมหาหงส์”
“ใช่ๆๆ” ป้าเมี้ยนย้ำเสียงหลง “ใช่ดอกมหาหงส์จริงๆ ค่ะ”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ รีบเก็บขนนกเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนพาตัวเปียกมะลอกมะแลกขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองโดยไม่ไยดีว่าพื้นบ้านจะเปียกน้ำ มาถึงห้องก็ยังแอบชำเลืองไปที่หน้าต่างอีกครั้ง แต่คราวนี้สระน้ำกลับว่างเปล่า แต่เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาดแน่
ชายหนุ่มล้วงขนนกจากกระเป๋ากางเกงแล้ววางบนโต๊ะ ก่อนหยิบผ้ามาเช็ดตัวพลางต่อสายถึงญานุชจัยทันที
เรื่องที่เขาเห็นต้องมีคำอธิบายได้มากกว่านี้!
หญิงสูงวัยยิ้มรับน้อยๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร
“แล้วทำไมป้าไม่บอกผม แล้วนี่ยังมาทำข้าวเย็นทำไม ทำไมไม่พักผ่อนก่อน” ชายหนุ่มถามเสียงอ่อนขณะจับแขนแม่บ้านอย่างเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”
“ป้าไม่เป็นไรมากหรอก คุณกร ป้าอายุปูนนี้แล้ว มันก็ต้องมีลมจับมีล้มกันบ้าง”
แต่กันต์กรไม่ค่อยสบายใจนัก ป้าเมี้ยนเปรียบเหมือนแม่อีกคน เขาไม่อยากให้นางเป็นอะไรไป นี่คงเป็นเพราะนางอาจทำงานหนักเกินไป ชายหนุ่มจึงคิดหาทางออกที่ดีที่สุดให้แม่บ้าน แม้จะไม่มั่นใจนักว่านางจะเห็นด้วย
“ป้า ผมจ้างคนเพิ่มก็ได้นะ”
“อย่านะคุณกร” แม่บ้านรีบคัดค้าน “ป้าไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องงานบ้านงานเรือนของป้า หากคุณกรจะเอาคนอื่นมาทำ อย่าหวังว่าจะทำได้อย่างป้า”
เป็นอย่างที่เขาคิด ป้าเมี้ยนไม่เคยยอมให้ใครเข้ามาช่วยงานในบ้านหลังนี้เหมือนเคย
“งั้นผมจะพาป้าไปหาหมอนะ”
“วุ้ย ไม่ไปหรอกค่ะ ป้าไม่ได้เป็นอะไรมาก กินยาสองสามเม็ดก็หายแล้ว”
กันต์กรยิ้มแล้วส่ายหน้าอย่างหนักใจ คนแก่ให้อย่างไรก็ดื้อดึงเหมือนกันเสียหมด เขาตักชิมกับข้าวฝีมือป้าเมี้ยนที่วางตรงหน้า ซึ่งมันก็ยังคงความอร่อยไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย
“ว่าไปแล้วก็คิดถึงนังหนูคนนั้นจริงๆ” จู่ๆ หญิงสูงวัยก็เอ่ยขึ้น ขณะยกแก้วน้ำมาให้กันต์กร
“ใครเหรอป้า”
“ก็หนูนิภิศาที่เข้ามาช่วยป้าตอนเป็นลมไง” ป้าเมี้ยนเล่าพร้อมดวงตาเป็นประกาย “คนอะไร ทั้งสวยทั้งใจดี ป้าก็นึกว่าป้าตายไปแล้วขึ้นสวรรค์ไปเจอนางฟ้าแล้วซะอีก”
“ยิ่งพูดผมก็ยิ่งเป็นห่วงป้าจนกินข้าวไม่ลงแล้ว” กันต์กรวางช้อนอย่างหมดอารมณ์
“ขอโทษค่ะ ไม่พูดเรื่องป้า แต่คุยเรื่องหนูนิภิศาก็ได้ แต่เธอสวยเหมือนนางฟ้าจริงๆ นะคะ”
กันต์กรส่ายหน้าอย่างขบขัน
“นางฟ้าเลยเหรอป้า”
ป้าเมี้ยนประสานมือแล้วพยักหน้ายิ้มๆ
“นางฟ้า นางสวรรค์ยังอายเชียวละ แต่ว่าแต่งชุดแปลกๆ ไปหน่อยอย่างกับจะไปเล่นลิเก”
“นางเอกลิเกมั้งป้า แต่งหน้าจัดๆ ก็สวยหมดแหละ”
“ไม่ใช่ค่ะ ไร้เครื่องสำอางค่ะ” ป้าเมี้ยนทำหน้างอนใส่คนพูดกวน
“โหยป้า เครื่องสำอางสมัยนี้เนียนจะตาย”
“งามไร้ที่ติจริงๆ ค่ะคุณกร ถ้าไม่เชื่อ คราวหน้าถ้าเจออีกป้าจะถ่ายรูปมาฝาก”
“อ้าว ถ้าสวยขนาดนั้นจริงๆ ผมก็ชักอยากเห็นนางฟ้าของป้าแล้วสิ” กันต์กรพูดติดตลกก่อนจะตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ ขณะเดียวกันป้าเมี้ยนก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนกับเจอคนถูกใจ แต่จู่ๆ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นซึมๆ เหมือนถูกดึงสู่ห้วงแห่งอดีต
“ตั้งแต่คุณท่านกับคุณผู้หญิงจากไป เราก็มีกันแค่นี้แหละนะ”
กันต์กรตักข้าวช้าลงก่อนจะเคี้ยวช้าๆ อย่างครุ่นคิด ส่วนป้าเมี้ยนที่รู้ตัวว่ากำลังทำให้บรรยากาศเสียรีบขอโทษขอโพยยกใหญ่
“อุ๊ย ป้าขอโทษที คุณกรรีบทานเถอะค่ะ ป้าเมี้ยนนี่ปากไม่ดูเวล่ำเวลาจริงๆ” ว่าแล้วแม่บ้านสูงวัยก็รีบก้าวอาดๆ กลับเข้าไปในครัว
ปล่อยให้กันต์กรนั่งคิดเรื่องที่นางพูดทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว ก็อย่างที่ป้าเมี้ยนพูด พ่อแม่ของเขาจากไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตกตอนบินไปอเมริกา แต่ก็ยังฝากลูกสองคนไว้กับคุณหญิงทรงศรี แม่ของโรเบิร์ตกับสุทัตตาให้เลี้ยงต่อ โชคดีที่ท่านกับสามีเอ็นดูเด็กกาฝากทั้งสองเหมือนลูก ถึงขนาดไว้วางใจยกตำแหน่งรองประธานบริษัทสาขาประเทศไทยให้กันต์กร จนถึงตอนนี้พวกท่านก็ยังไม่เคยละทิ้งสองพี่น้องกำพร้า
แต่บางครั้งกันต์กรก็ปฏิเสธความหวังดีของพวกเขา เช่นเรื่องการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ถึงแม้จะต้องเสียโอกาสไป แต่ชายหนุ่มก็ไม่เสียใจเพราะเขาคิดว่ามันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง เรียนที่ไหนก็ไม่ต่างกัน อยู่ที่การดำเนินชีวิตมากกว่า เพราะสิ่งสำคัญกว่าอื่นใดในตอนนั้นและแม้กระทั่งตอนนี้ คือ น้องสาว ซึ่งเขาไม่มีทางทิ้งเธอไปไหนแน่นอน
‘ยูเป็นลูกของเราเถอะ’
น้ำเสียงทุ้มหนักแน่นแต่อ่อนโยนของคุณไรอัลดังขึ้นในหัว แต่กันต์กรก็ไม่อาจรับความเมตตาที่สูงส่งแบบนั้นได้ เขารู้สึกต้อยต่ำเกินไปหากจะให้คุณไรอัลรับเป็นบุตรบุญธรรม กันต์กรจึงปฏิเสธความหวังดีของผู้ที่เปรียบเหมือนพ่อคนที่สองไป แต่แท้จริงแล้วเขาอยากให้สกุล ‘ภักดีดำรง’ ของพ่อคงความบริสุทธิ์ทั้งในนามและชีวิตจริงมากกว่า อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆ หากต้องกลายเป็นลูกบุญธรรมของมหาเศรษฐี เขาคงต้องรู้สึกไม่ดีต่อวงศ์ตระกูลเป็นแน่
เสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำให้คนที่อยู่ในภวังค์สะดุ้ง ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ ชื่อหมอสมชัยปรากฏหราอยู่ กันต์กรรีบใช้นิ้วโป้งแตะหน้าจอโทรศัพท์แบบสัมผัสก่อนจะยกขึ้นแนบหูแล้วพูด
“ไง ไอ้ชัย”
“หมออโรมาขอลาออกว่ะ”
“อ้าว ทำไม” กันต์กรถามอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ”
กันต์กรขบคิดครู่หนึ่ง
“หรือว่าจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น”
“คนไหนวะ” เหมือนเพื่อนหมอจะยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล กันต์กรจึงจัดแจงเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ จนอีกฝ่ายถึงบางอ้อในที่สุด
“เอ็งจำผู้หญิงที่เราช่วยจากไอ้ลูกนักการเมืองบ้ากามในผับได้มั้ย ข้าว่าเธอต้องเป็นเมียหมออโรแน่ว่ะ เผอิญเธอกับหมออโรไปมีเรื่องกันในห้องยายยา ข้าก็เลยจัดให้ฉาดใหญ่ แต่ยายนั่นทำหน้าตาเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย”
“เอ่อ ดูเหมือนเอ็งจะเป็นเดือดเป็นร้อนกว่าหมออโรอีกนะ”
กันต์กรสะดุ้ง หายลืมตัว บางทีเขาก็ปากพล่อยและจริงจังออกนอกเรื่องไปหน่อย แต่ก็ยังแก้ตัวต่อได้
“โธ่ ก็มาโวยวายในห้องพักน้องข้าจนน้องสาวข้าช็อก”
“เอาน่า คงไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก แต่น่าเสียดาย หมออโรเป็นหมอที่เก่ง เก่งกว่าข้าซะอีก เขาอาจดูแลยายยาได้ดีกว่าข้า”
เสียงหายใจหนักๆ ของเพื่อนยากลอดออกมาจากหูโทรศัพท์ ทำให้กันต์กรรู้ว่าสมชัยคงจะหนักใจกับเรื่องนี้ แต่เขาจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อหมออโรต้องการไป ก็สมควรแล้วกับเรื่องไร้มารยาทที่เกิดขึ้น แต่หากมองกลับกัน คนเป็นพี่อย่างเขาก็อดห่วงเรื่องการรักษาของน้องสาวไม่ได้
“แล้วยายยาว่าไงบ้าง”
“ยายยายังไม่รู้เรื่องนี้”
“เออ ดี อย่าให้มันรู้แล้วกัน ไม่งั้นคงนั่งน้ำตาตกใน” กันต์กรแขวะเล่นๆ
“แต่แปลกนะ เรื่องแค่นี้ถึงขั้นลาออกเลยเรอะ ผอ. โรง’บาลก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย”
“ช่างเขาปะไร”
“ข้าก็ต้องมาดูแลน้องเอ็งอยู่เหมือนเดิมแหละทีนี้ แต่ก็นะ ตั้งแต่หมอนั่นย้ายเข้ามาได้ไม่กี่วัน ยายยาก็มีอาการดีขึ้น คุยได้ลุกยืนได้อย่างน่าประหลาด ข้าก็ไม่รู้ว่าหมออโรไปรักษาอีท่าไหนถึงทำให้ยายยาอาการดีขึ้น ขนาดข้าทำงานมาหลายปีก็ยังทำได้ไม่เท่าเขาเลย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” กันต์กรขมวดคิ้วและพยายามคิดแย้ง แต่ที่ผ่านมากันติยาก็อาการดีขึ้นผิดหูผิดตาจริงๆ หากให้หมออโรรักษาเธอต่อไปเรื่อยๆ บางทีน้องสาวเขาอาจจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง คิดได้อย่างนั้นแล้วกันต์กรก็รีบลืมเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นแล้วถามถึงเบอร์โทร.ของหมอหนุ่มผู้นั้น
“ไม่มีว่ะ หมออโรเห็นบอกว่าไม่ใช้มือถือ แปลกคนจริงๆ สงสัยกลัวพวกพยาบาลไปขายขนมจีบ แล้วนี่เอ็งจะเอาเบอร์หมอเขาไปทำไม”
“ข้าว่าหากหมอทำให้ยายยาดีขึ้นจริง ข้าว่าจะขอร้องให้เขาอยู่ต่อ เพียงแต่อย่าให้เมียเขามากวนน้องข้าก็พอ”
“อืม เอาอย่างนี้ เอ็งลองไปที่บ้านพักแพทย์สิ แต่รีบหน่อยนะ เพราะหมออโรจะย้ายออกในไม่กี่วันนี้แล้ว”
กันต์กรอ้าปากค้างอย่างตกใจ
“ทำไมเร็วแบบนี้วะ”
“ข้าก็ไม่รู้ว่ะ เอ้อ เอาแบบนี้ เดี๋ยวข้าจะลองโทร.ไปที่บ้านพักเขาก่อนละกัน”
“ไม่เป็นไร” กันต์กรขัดเสียงเข้ม “ข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังวางสายโทรศัพท์กันต์กรรีบละมือจากมื้อเย็น ก่อนจะขับรถมุ่งไปที่โรงพยาบาล
@รถเก๋งคันหรูจอดเทียบหน้าบ้านพักหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในเขตบ้านพักแพทย์และแฟลตของบุคลากรในโรงพยาบาล ชายหนุ่มมองบ้านเลขที่ มั่นใจว่าใช่ตัวเดียวกับที่จดมาจากสมชัย มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากในบ้าน คาดว่าหมออโรยังไม่ย้ายออก ชายหนุ่มจึงก้าวลงจากรถแล้วมุ่งไปเคาะประตูเรียก
ไม่มีเสียงหมออโรมาเปิดประตู แต่กันต์กรกลับได้ยินเสียงบางอย่างในบ้านหลังนั้น เหมือนเป็นเสียงร้องแต่ก็ได้ยินเพียงแว่วๆ ชายหนุ่มเคาะประตูนับสิบครั้งได้ แต่ก็ไร้วี่แววเจ้าของบ้าน หากไม่ได้เจอกันวันนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้พบหมออโรอีก กันต์กรจึงถือวิสาสะหมุนลูกบิดประตูที่ไม่ได้ล็อก ก่อนถอดรองเท้าไว้หน้าบ้านแล้วก้าวเข้าไปอย่างเงียบๆ
ชั้นล่างเป็นโถงว่างเปล่า ไม่มีเครื่องใช้อะไรเลยนอกจากถังน้ำดื่มกับไม้ประดับแขวนผนัง กันต์กรนึกสงสัยว่าอโรจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร หรือหมอหนุ่มจะย้ายออกไปแล้ว แต่หากย้ายออกจริงแล้วทำไมไฟนีออนยังเปิดอยู่ และทันใดนั้นเสียงครวญครางก็เหมือนจะดังชัดขึ้น
“หมออโร คุณอยู่ที่นี่มั้ย”
กันต์กรร้องเรียกขณะเดียวกันก็เงี่ยหูฟังหาต้นเสียงด้วย ครู่หนึ่งเขาจึงมั่นใจว่าดังมาจากด้านบน หรือจะเป็นหมออโร ชายหนุ่มรีบก้าวขึ้นบันได ก่อนผลักประตูห้องเข้าไป สิ่งที่เขาเห็นคือร่างชายหนุ่มไม่ใส่เสื้อผ้า มีเพียงผ้าห่มคลุมตัวนอนขดอยู่ ข้างกายมีขนนกสีเทากระจายเกลื่อนกลาด
“หมออโร” กันต์กรเรียกอย่างตกใจก่อนจะนั่งลงข้างๆ “คุณเป็นอะไร”
อโรคาเงยหน้าสั่นๆ ขึ้นมองกันต์กร สีหน้าของเขาอ่อนล้าขณะที่แววตาฉายความประหลาดใจ
“นี่คุณ มาที่นี่ได้ยังไง คุณกันต์กร”
“ผมมาหาคุณนั่นแหละ จะมาคุยเรื่องยายยา” กันต์กรรีบตอบ แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องห่วงอาการของหมอหนุ่มมากกว่า “ไม่สบายแบบนี้ทำไมไม่…”
กันต์กรไม่พูดต่อ คงจะน่าตลกไม่เบาหากถามว่าทำไมไม่ไปหาหมอ เพราะอย่างไรคนที่นอนซมอยู่ก็เป็นหมอที่น่าจะดูแลตัวเองได้
“ผมไม่สบายนิดหน่อย” อโรคาตอบเสียงสั่นพร่า
“ให้ผมช่วยอะไรมั้ย”
“ผมแค่หมดแรงชั่วคราวน่ะครับ”
“เดี๋ยวผมไปตามคนมาช่วยดีกว่า” ทันทีที่ผู้หวังดีจะลุก ก็ถูกอีกฝ่ายห้ามไว้
“ไม่ต้องหรอก ผมดูแลตัวเองได้”
กันต์กรถอนหายใจ เขาชักฉุนที่เจอคนดื้อๆ แบบนี้
“ตกลงคุณจะให้ผมช่วยมั้ย”
“ขอน้ำแร่บริสุทธิ์จากเทือกเขา” อโรคาเอ่ยอย่างแผ่วเบา “น้ำแร่”
“หา!! น้ำแร่เนี่ยนะ” กันต์กรหันไปถามอย่างแปลกใจ
อโรคาพยักหน้าย้ำคำ
ภารกิจหนักจึงหล่นใส่หัวกันต์กรในทันที หรือหมอคนนี้จะป่วยจนเพี้ยนเลยนึกอยากดื่มน้ำแร่ แต่ที่ยากคือจะไปหาน้ำแร่จากเทือกเขามาจากไหน ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างสังเวช เจ้าตัวเป็นหมอแท้ๆ ไม่ดูแลตัวเองเลย แล้วจะมีหน้าไปดูแลกันติยาได้อย่างไร แต่เพื่อน้องสาวแล้วกันต์กรก็ไม่อยากให้หมออโรเป็นอะไรไปในตอนนี้ ต้องซื้อใจหมอหน้าจืดไว้ก่อนเพื่อให้เขาเปลี่ยนใจอยู่รักษากันติยาต่อ
“งั้นรอผมแป๊บนึง”
กันต์กรกลับลงมายืนอยู่หน้าบ้านแล้วครุ่นคิดว่าจะไปหาน้ำแร่จากไหน แต่พอเห็นป้ายไฟของมินิมาร์ตที่อยู่ไม่ไกลจึงพบกับทางออก
หลังจากได้น้ำแร่มาเขาก็รีบนำมันขึ้นไปให้หมออโร ขณะที่หมอหนุ่มมองขวดน้ำอย่างแปลกใจ
“น้ำแร่ใช่มั้ย”
กันต์กรพยักหน้าเร็วๆ ส่วนหมออโรทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเขย่าขวด
“เปิดยังไง”
กันต์กรทำหน้าเซ็งเพราะเห็นหมอคนนี้ชักเพี้ยนไปใหญ่ ทำอย่างกับคนไม่เคยกินน้ำขวดมาก่อน เขาอาสาเปิดฝาแล้วยื่นขวดให้ อโรคารีบดื่มน้ำแร่จนเกลี้ยงก่อนจะค่อยๆ เอนตัวลงนอนพร้อมกับบอกกันต์กร
“ขอบคุณครับ แต่คุณไปนั่งรอผมข้างล่างก่อน”
กันต์กรทำหน้างงๆ จะให้เขาไปนั่งรอตรงไหนวะ เก้าอี้ก็ไม่มีสักตัว แต่ก็ดีกว่าต้องทนดูภาพอุจาดตาของหมออโร พอลงมาแล้วกันต์กรก็ยืนพิงกับผนัง ก่อนจะมองไปรอบตัวอย่างพินิจอีกครั้ง สภาพบ้านและการอยู่กินอย่างกับผู้ยากไร้ นี่น่ะหรือหมอจบจากต่างประเทศ ทำไมในบ้านโล่งโจ้งแบบนี้ หรือเขาอาจจะเป็นคนไม่ชอบอยู่ติดบ้าน
ปล่อยให้กันต์กรวิเคราะห์วิถีชีวิตของอโรคาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเจ้าตัวก็ลงบันไดมาในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงสีเทา ใบหน้าดูผุดผ่องขึ้นมากกว่าเมื่อกี้ลิบลับ ท่าทางก็ดูปราดเปรียวอย่างน่าประหลาดใจจนกันต์กรอดถามไม่ได้
“ดีขึ้นแล้วเหรอครับ”
“ครับ หายดีแล้วครับ” อโรคาตอบซื่อๆ “น้ำแร่รสชาติดีแต่ไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่ ขอบคุณคุณกรมากครับ”
กันต์กรอยากจะถามอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น ทั้งเรื่องประวัติส่วนตัวของหมออโร แต่ตอนนี้เขาต้องเอาเรื่องกันติยาเป็นหลักก่อน
“ผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องจะคุยด้วย”
อโรคายิ้มน้อยๆ แล้วย้อนถามอย่างรู้ดี
“เรื่องน้องกันติยาใช่มั้ย”
“ใช่” กันต์กรพยักหน้า “พูดอย่างเปิดอกเลยนะ ผมไม่อยากให้คุณลาออกไปตอนนี้ ตั้งแต่มีคุณ ยายยาก็อาการดีวันดีคืน เอาอย่างนี้ หากที่อื่นให้เงินคุณดีกว่า ผมให้คุณอีกเท่าตัวก็ได้ ขอแค่ให้คุณดูแลยายยาต่อ”
“ขอโทษนะคุณกันต์กร” อโรคาขัดทันควัน “ผมคงอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก”
กันต์กรกำลังจะอ้าปากพูด แต่อีกฝ่ายชิงตัดหน้าเสียก่อน
“ที่ผมไปไม่ใช่เรื่องเงินหรอกครับ”
หากไม่ใช่เรื่องเงินก็คงเป็นเรื่องที่ต้องหนีอะไรบางอย่าง กันต์กรจึงขอร้องต่อแต่ก็วางมาดอยู่ในที
“จะมีปัญหาส่วนตัวอะไร ผมไม่รู้หรอกนะครับ แต่ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ก่อน”
“เรื่องอาการของกันติยาไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะมาดูอาการให้บ่อยๆ ละกัน”
คนขอร้องชักเริ่มฉุน เขาส่งสายตาพิฆาตไปให้หมออโรก่อนจะถามเสียงเข้ม
“คุณมีเรื่องอะไรกันแน่ หมออโร หรือจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น”
อโรคาถึงกับหน้าถอดสี
“ผมเข้าใจคุณนะ เวลาแบบว่าคนที่คุณไม่ได้รักแล้วมาตามตอแย” กันต์กรรู้สึกร้อนวูบเสียเองเมื่อยิงคำถามนี้ออกไป
“ว่าอะไรนะครับ” แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้างง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ อย่าถือสาเลย” กันต์กรผ่อนอารมณ์ลงและหันหน้าไปทางอื่น
“มีอะไรก็พูดมาสิครับ” อโรคาเป็นฝ่ายย้อนถามบ้าง
ชายหนุ่มคมเข้มชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของหมออโร หากแต่ก็เกี่ยวข้องกับการรักษาของกันติยาเหมือนกัน ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจถามไปเพราะเห็นแก่ชีวิตของน้องสาว
“ผู้หญิงของคุณมาตามคุณกลับไปใช่มั้ย”
“ผู้หญิงของผม คุณหมายความว่ายังไง”
จะเชื่อว่ามันซื่อดีไหมเนี่ย! กันต์กรคิดในใจ พูดขนาดนี้แล้วหมอหน้าจืดนี่น่าจะรู้ได้แล้วว่าเขาหมายความว่าอย่างไร หรือต้องให้เขาอธิบายอะไรอีก
“ผมหมายถึง เขาเป็นแฟนคุณเหรอ”
“แฟน” อโรคานิ่วหน้าอย่างกับไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน “ผมไม่รู้”
“หรือเป็นกิ๊กล่ะ” กันต์กรไม่คิดว่าตัวเองจะหลุดปากพูดแบบนี้ไป จะทำไงได้ก็ใจมันสั่ง
“ขอโทษนะครับคุณกร ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย” อโรคาทำหน้าซื่อได้สมกับหน้าจืดๆ จนกันต์กรชักเริ่มยัวะ
“นี่คุณเป็นหมอจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย ผมหมายความว่าคุณกับผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่รักกันใช่มั้ย”
อโรคาทำหน้าตกใจก่อนจะปฏิเสธ “ไม่ใช่นะครับ”
“ผมเคยได้ยินเธอพูดว่าเธอมาตามตัวคุณ”
“คือ...ผม...ผม...” อโรคาพูดไม่ออก
กันต์กรจึงหมดความอดทนกับชายหนุ่มที่ใจป๊อดคนนี้
“ช่างคุณเถอะ ตกลงคุณต้องการอะไรเพื่อแลกกับการดูแลกันติยาต่อ”
อโรคาทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะให้คำตอบ
“ผมไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตอนนี้ผมยังอยู่ที่นี่”
“ทำไม” กันต์กรทวนถามเสียงอ่อน
“ขอไม่ตอบนะครับ” อโรคาว่าพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ถึงผมจะไม่ทำงานที่นี่ แต่ผมสัญญาว่าจะดูแลกันติยาต่อ”
“อ้าว ถ้าคุณไม่อยู่ที่โรงพยาบาลนี้แล้ว คุณจะรักษากันติยาได้ยังไง” กันต์กรถามอย่างแปลกใจ
“ผมมีวิธีของผม”
กันต์กรถอนหายใจเบาๆ
“คุณต้องการกวนสมองผมหรือไงเนี่ย งั้นไม่เป็นไร ผมไม่รบกวนคุณแล้ว” ชายหนุ่มว่าอย่างเด็ดขาด “ผมจะให้หมอชัยดูแลน้องสาวผมเหมือนเดิมนั่นแหละ”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะดูแลน้องสาวคุณเอง”
อะไรบางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้กันต์กรต้องนิ่งมองหมอหนุ่มอยู่นาน เห็นใบหน้ามุ่งมั่นของอโรก็ชักทำให้เขาใจอ่อน จนคิดเลยเถิดไปว่าอโรคิดอะไรกับกันติยาเกินหมอกับคนไข้หรือเปล่า แต่ช่างเถอะ หากอีกฝ่ายมีวิธีที่จะดูแลกันติยาได้จริง ชายหนุ่มก็ไม่ขัดข้อง กันต์กรไม่ได้เอ่ยปากตกลงอะไรกับหมออโรอีกเพราะตอนนี้ดึกมากแล้ว เขาควรจะขอตัวกลับสักที
หลังจากที่เดินมาถึงรถ อโรคาก็กล่าวขอบคุณพร้อมยกมือไหว้
“ขอบคุณนะครับ สำหรับน้ำแร่”
“ไม่เป็นไร”
กันต์กรพูดห้วนๆ ก่อนจะขับรถออกมาจากเขตบ้านพักหลังโรงพยาบาล จู่ๆ เขาก็คิดถึงภาพที่เห็นในห้องนอนของหมออโร
ขนนกสีเทา!
ชายหนุ่มพยายามคิดอยู่หลายนาทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบให้แก่เรื่องนี้ได้ สุดท้ายก็ต้องสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นขนเป็ดที่อยู่ในหมอนก็ได้
@กันต์กรแวะรับสุทัตตาไปทานมื้อเย็นก่อนจะกลับเข้าบ้านเพื่อไปดูป้าเมี้ยนว่าเป็นอย่างไรบ้าง แม่บ้านสูงวัยยังแข็งแรงเช่นเดิม สอบถามแล้วก็ไม่มีท่าทีจะล้มเจ็บอีก จึงทำให้ชายหนุ่มหายห่วงได้บ้าง
“ป้ายังกระโดดขึ้นรถเมล์ได้อยู่น่า” ป้าเมี้ยนพูดติดตลก แต่คนฟังกลับทำหน้าบึ้ง
“แต่ยังไงก็เป็นห่วงนะ” กันต์กรโอบกอดหญิงสูงวัยร่างอวบจากด้านหลัง ตัวนิ่มและอบอุ่นทำให้เขารู้สึกสบายใจ
“เป็นลมอีกก็ดีนะ จะได้เจอนางฟ้าอีก”
“เลิกคุยกันเลยป้า” กันต์กรคลายอ้อมกอดอย่างงอนๆ
“โธ่ ป้าก็ล้อเล่นน่า” ป้าเมี้ยนยิ้มแก้มตุ่ย “คุณกรไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป๊ ป้าจะเอาผ้าไปซักให้”
กันต์กรพยักหน้ายิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ชายหนุ่มเข้ามาในห้องแล้วฮัมเพลงเบาๆ พลางหยิบของในกระเป๋ากางเกงไปวางที่โต๊ะหน้ากระจก นึกครึ้มอกครึ้มใจว่าหากลงไปว่ายน้ำตอนกลางคืนจะเป็นอย่างไรนะ ถามตัวเองแล้วก็เหลือบมองผ่านหน้าต่างไปที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง มือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อชะงัก
เขาคิดว่าคงไม่ได้ตาฝาดแน่ หญิงสาวนางหนึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ตรงนั้น ที่สำคัญ เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว
กันต์กรขยี้ตาก่อนจะเกาะกระจกหน้าต่างดูอีกครั้ง คราวนี้จึงมั่นใจว่าไม่ได้เกิดภาพหลอน
ดึกป่านนี้ใครกล้าเข้ามาใช้สระว่ายน้ำในบ้านเขาอย่างสบายใจเฉิบ หากเป็นสุทัตตาป้าเมี้ยนต้องบอกเขาแน่ แต่นี่ป้าเมี้ยนไม่ได้พูดอะไร แล้วเธอเป็นใคร กันต์กรรีบวิ่งลงบันไดไปที่ห้องครัว โดยที่ป้าเมี้ยนร้องทักตามหลัง
“ไปไหนคุณกร”
“ไปเดินเล่น”
กันต์กรยังไม่บอกความจริงเพราะกลัวป้าเมี้ยนจะตกใจ โวยวายจนหัวขโมยรู้ตัว
เขาค่อยๆ แง้มประตูหลังบ้านช้าๆ ภาพที่เห็นเมื่อครู่ยังไม่ได้เลือนหายไป กลับยิ่งชัดเจนจนเห็นแผ่นหลังขาวนวลเนียนเว้างอนรองรับเรือนผมสีดำยาวที่แผ่กระจายในน้ำ เธอยกแขนข้างหนึ่งขึ้นก่อนจะใช้มืออีกข้างวักน้ำขึ้นมาลูบไล้ผิวเนียน ใจของกันต์กรเต้นระส่ำไม่รู้ว่าตื่นกลัวหรือตื่นเต้น ขณะที่คนในสระว่ายน้ำยังไม่รู้ตัว เขาจึงค่อยๆ ย่องไปใกล้เธออย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเสียงนกดังขึ้น หญิงสาวลึกลับก็สะบัดหน้ามองมายังกันต์กรอย่างตกใจ แม้จะเห็นเพียงแวบเดียวแต่ชายหนุ่มก็รู้ว่าเธองดงามราวเทพธิดา ไม่ทันได้กะพริบตา เธอก็กลายเป็นนกสีขาวตัวใหญ่แล้วตีปีกบินหายไปต่อหน้าต่อตา ขณะที่กันต์กรยืนช็อก หายใจเข้าปอดแทบไม่ทัน เขารู้สึกเวียนหัวอย่างบอกไม่ถูกและในที่สุดก็ทรงตัวไม่อยู่
ร่างของชายหนุ่มพลัดตกลงไปในสระว่ายน้ำ เป็นจังหวะที่แม่บ้านออกมาตามพอดี
“ตายแล้ว! คุณกร” ป้าเมี้ยนร้องลั่นก่อนจะยื่นมือดึงกันต์กรขึ้นจากสระ ซึ่งคนขวัญเสียรีบถามกลับ
“ป้าเห็นอย่างที่ผมเห็นมั้ย”
“เห็นอะไรคะ คุณกร”
“มีผู้หญิงมาว่ายน้ำอยู่ที่นี่” กันต์กรบอกเสียงตื่นๆ ยกมือลูบน้ำออกจากใบหน้า ขณะนั่งหมดแรงอยู่ขอบสระ
“ไม่มีนี่ค่ะ” ป้าเมี้ยนทำหน้าประหลาดใจ “แล้วทำไมคุณกรลงว่ายน้ำทั้งชุดอย่างนั้นล่ะคะ”
กันต์กรไม่ได้สนใจคำพูดของป้าเมี้ยน เขารีบถามย้ำอีกครั้ง
“ป้าไม่เห็นจริงๆ เหรอ”
“โธ่ ดึกป่านนี้ใครจะมาว่ายน้ำในสระบ้านคุณกรได้” แม่บ้านสูงวัยมองเจ้านายหนุ่มอย่างสงสัย ก่อนจะทำหน้าตื่น “หรือว่าคุณกรจะเจอ…”
กันต์กรขนลุกเกรียวทันทีเมื่อคิดตามว่าสิ่งที่ป้าเมี้ยนพูดหมายถึงอะไร เขารีบก้าวขึ้นจากสระว่ายน้ำอย่างงงๆ ชายหนุ่มไม่ได้กลัวสิ่งที่เห็นเหมือนเจอผี เขาประหลาดใจมากกว่า รูปร่างอ้อนแอ้นกับเรือนผมสีดำแบบนั้นช่างเหมือนกับที่เขาเห็นในฝันมากเหลือเกิน หากเธอเป็นผีจริง เธอคงไม่หนีเขาไปแบบนี้แน่
“พรุ่งนี้ป้าจะพาคุณกรไปทำบุญนะ” ป้าเมี้ยนเสนอ
กันต์กรถอนหายใจเบาๆ เขาหันไปที่สระว่ายน้ำอีกครั้ง และนั่นทำให้เขาเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งยืนยันได้ว่าเธอคนเมื่อกี้มีอยู่จริง
“ขนนก” ชายหนุ่มพึมพำก่อนจะใจกล้าลงน้ำไปคว้าขนนกเส้นหนึ่งที่ลอยอยู่ขึ้นมา
พอขึ้นจากสระป้าเมี้ยนก็รีบเข้ามาดู
“อ้อ สงสัยคุณกรจะตาฝาด เห็นนกเป็นคน แต่ขนนกเส้นนี้แปลกดีจัง ละเอียดสวยงาม จะว่าขนเป็ดก็ไม่ใช่” แม่บ้านขอขนนกมาดม “มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนเคยได้กลิ่นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน”
กันต์กรลองดมดูบ้าง ดมแล้วก็ทำตาโต กลิ่นคลับคล้ายคลับคลาเหมือนที่ป้าเมี้ยนว่าจริงๆ
“ผมก็เหมือนกัน”
ป้าเมี้ยนทำหน้าคิด กันต์กรจึงลองดมมันอีกครั้ง พอสูดกลิ่นลึกสุดปอด ดวงตาคมเข้มถึงกับเบิกกว้างอย่างตกใจ เพราะกลิ่นของมันเหมือนกลิ่นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เขากับป้าเมี้ยนคุ้นเคยดี
“ดอกมหาหงส์”
“ใช่ๆๆ” ป้าเมี้ยนย้ำเสียงหลง “ใช่ดอกมหาหงส์จริงๆ ค่ะ”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ รีบเก็บขนนกเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนพาตัวเปียกมะลอกมะแลกขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองโดยไม่ไยดีว่าพื้นบ้านจะเปียกน้ำ มาถึงห้องก็ยังแอบชำเลืองไปที่หน้าต่างอีกครั้ง แต่คราวนี้สระน้ำกลับว่างเปล่า แต่เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ตาฝาดแน่
ชายหนุ่มล้วงขนนกจากกระเป๋ากางเกงแล้ววางบนโต๊ะ ก่อนหยิบผ้ามาเช็ดตัวพลางต่อสายถึงญานุชจัยทันที
เรื่องที่เขาเห็นต้องมีคำอธิบายได้มากกว่านี้!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ