มนตร์หงส์ NC 18+
เขียนโดย WiwaWriter
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.02 น.
แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ผูกใจไม่ใช่เรื่องง่าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ@‘เกือบไปแล้ว นิภิศา ดีนะ เค้าเตือนให้ตัวเองหนีทัน’
นึกถึงคำพูดของนกกระจิบน้อยเมื่อคืนแล้วหงส์สาวก็ยังตกใจเรื่องที่สระว่ายน้ำไม่หาย เธอไม่คิดว่าพลังของสร้อยบ่วงบาศหงส์จะทรงอิทธิฤทธิ์ถึงขนาดทำลายมนตร์พรางกายของเธอได้ วินาทีที่กระจิบน้อยร้องบอกให้หนี นิภิศาคิดทำอะไรไม่ถูกจึงต้องคืนสู่ร่างหงส์แล้วรีบบินหนี แต่ก่อนหน้านั้นที่เธอหันหน้าไปแวบหนึ่ง หวังว่าเขาจะจำหน้าเธอไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นคงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่
พอบรรยากาศตึงเครียดค่อยผ่อนคลาย นกกระจิบก็ยังหยอกเธอถึงเรื่องที่เผยเนื้อหนังมังสาให้มนุษย์เห็น ปกติแล้วนิภิศามิได้เป็นคนขี้อายเลย หากแต่ครั้งนี้เธอกลับไม่อยากให้เขาเห็นอะไรที่เป็นของเธอ และอยากให้เขาลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้หมด
นิภิศากระดกขวดน้ำแร่ขึ้นดื่มเพื่อให้สบายใจ เธอไม่นึกว่าในโลกมนุษย์จะหาน้ำแร่จากเทือกเขาได้ง่ายเพียงนี้ แถมยังบรรจุไว้ในขวดเบาและงดงาม ถือเป็นโชคดี เพราะการอยู่ท่ามกลางกิเลสตัณหาของพวกมนุษย์ในโลกนี้ทำให้ร่างกายและจิตใจที่บริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อน หากขาดน้ำแร่ พลังของผู้บำเพ็ญคงถดถอยลง เธอไม่มีเวลามากพอที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อสะสมหรือฟื้นฟูพลังเหมือนเช่นที่จิตตกูฏ หุบเขาแห่งนั้นมีบ่อน้ำแร่เพียงแห่งเดียว คือบนเทือกเขาบริเวณพระราชวังของท้าวธตรัทเท่านั้น ซึ่งพวกหงส์จะได้ดื่มน้ำแร่เพื่อชำระล้างใจและกายเพียงปีละครั้ง ต่างกับในโลกมนุษย์ที่ดื่มกินกันเป็นว่าเล่น
เรื่องสร้อยบ่วงบาศหงส์นั่นก็อีกที่ทำให้นิภิศาคิดหนัก หัวใจของเธอเรียกร้องให้สืบหาเรื่องนี้มากขึ้นทุกวัน แต่เธอไม่มีเวลามากพอจะทำงานสองอย่างไปพร้อมกัน ขนาดเรื่องอโรคาผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วยังไม่สามารถตามตัวเขากลับจิตตกูฏได้เลย หรือเธอคิดผิดที่ยอมปล่อยโอกาสเดียวในวันนั้นหลุดลอยไป บางทีเธอน่าจะทำให้เขาสลบด้วยมนตร์ควบคุมแล้วพาเขาหนี แต่เอาเข้าจริงถ้าท่องมนตร์ถึงบทนั้นอโรคาคงไม่เหลือลมหายใจ ครั้นจะกลับไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เขาคงไม่อยู่ให้เธอจับตัวแล้ว
นิภิศาครุ่นคิด ก่อนจะเสียบดอกไม้ไว้กับรังรูปวงกลมที่ทำจากเศษหญ้าของเธออย่างบรรจง แต่ในใจนั้นยังคงคิดแผนการอยู่ แต่ก็คิดอะไรไม่ออก
“เค้าว่าหากตัวเองอยากให้อโรคาเข้าใจตัวเอง ตัวเองควรเข้าใจอโรคาก่อน”
หงส์สาวชะงักกับคำพูดของกระจิบน้อย
“เจ้าหมายความว่ายังไง กระจิบน้อย”
“ไม่รู้นะ นี่เป็นแค่แนวทางที่เค้าคิดไว้ ตัวเองจะทำหรือไม่ก็ได้”
นิภิศาหยุดตกแต่งรังก่อนหันมาตั้งใจฟัง
“ลองว่ามาสิ”
“ที่อโรคาหนีออกมาจากจิตตกูฏเพราะเขาอยากช่วยชีวิตกันติยา มันเกิดจากความรักที่สั่งสมมาทุกอดีตชาติ และตัวเองก็ไม่รู้จักด้วยว่าความรักเป็นยังไง อธิบายไปตัวเองก็ไม่มีทางเข้าใจ อโรคาไม่มีทางกลับไปกับตัวเองแบบตรงๆ แน่ สิ่งที่เค้าอยากให้ตัวเองทำก็คือต้องเข้าไปตีสนิทกับกันติยา”
“ตีสนิทรึ” นิภิศาทวนคำ
“ใช่ ตัวเองต้องไปตีสนิทกับกันติยา ทำความรู้จักกับเธอ แล้วทำให้กันติยายอมปล่อยอโรคาไป”
นิภิศาถอนหายใจเบาๆ
“มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้หรอก และอีกอย่างข้าเกรงว่าจะเป็นการเสียเวลา”
“ไม่มีงานไหนที่ไม่ใช้เวลาหรอกนิภิศา โลกมนุษย์ไม่มีอะไรที่ง่ายๆ เหมือนจิตตกูฏ โลกของตัวเองอาจจะไม่มีอะไรซับซ้อนมากกว่าอยู่ไปวันๆ จนถึงวันตาย”
นิภิศาตั้งใจฟังเจ้านกกระจิบพูด ดูเหมือนว่าสัตว์น้อยตัวนี้จะรู้จักโลกมนุษย์เป็นอย่างดี มันทำหน้าจริงจังก่อนจะเล่าต่อ
“เค้าเอง ถูกจับไปเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ โชคดีที่เค้าฉลาดพอจะใช้เล่ห์เหลี่ยมแหกกรงออกมาได้ ตัวเองควรรู้ไว้ว่าแผนการซื่อๆ ใช้กับโลกใบนี้ไม่ได้หรอก”
วันนี้นกกระจิบแลดูจริงจังมากกว่าทุกวัน นิภิศาคิดตามที่มันพูด ตั้งแต่เธอมาที่นี่ สังคมมนุษย์เป็นอย่างที่นกน้อยว่าไม่ผิด
“ตัวเองควรเปิดใจมองโลกใหม่อีกครั้ง แต่ตัวเองคงไม่เข้าใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบตัวคนเดียว”
คำพูดนี้ทำให้นิภิศาย้อนคิดไปถึงอดีตของตัวเอง คิดไปถึงท่านยายสุเรนนา ตอนเด็กนิภิศาอยู่แต่ในหุบเขาที่รายล้อมไปด้วยทะเลสาบใสสะอาด ห่างไกลจากหงส์ตัวอื่น ไม่ได้พบปะกับใคร
หงส์น้อยวัยสามปีซึ่งยังแปลงกายไม่ได้ร้องไห้ยกใหญ่เมื่อขาเกี่ยวกับเถาวัลย์ซึ่งมีหนามแหลม ขณะที่หญิงร่างสูงโปร่งได้แต่ยืนมองเธอด้วยสายตาสมเพช
‘ท่านยายช่วยข้าด้วย’
‘หากเถาวัลย์แค่นี้เจ้าออกไปไม่ได้ เจ้าก็ไม่ควรมีชีวิตรอดไปเจอภยันตรายที่หนักกว่านี้’
หงส์สีขาวตัวน้อยยังคงร้องเรียกให้ท่านยายของเธอช่วย แต่ไม่เลย เธอกลับยืนนิ่งเฉย
‘ข้าเจ็บท่านยาย ข้าดึงมันไม่ออก’
‘หึ ดึงออกไม่ได้ก็ปล่อยให้ตายอยู่นั่นแหละ’ ท่านยายสุเรนนาตวาดลั่น ก่อนดวงตากลมจะหรี่มองหงส์น้อยด้วยสายตาดูถูก “ร้องให้ตายข้าก็ไม่ช่วยเจ้าหรอก”
นิภิศาพยายามข่มตัวเองให้หยุดร้องไห้ ก่อนจะใช้ปากดึงเอาเถาวัลย์หนามออก เส้นแล้วเส้นเล่า จนใบหน้าเต็มไปด้วยแผลจากหนามเกี่ยว
‘เจ้าก็ไม่ได้โง่นี่ คราวหน้าอย่าร้องไห้ให้ข้าเห็นอีก นิภิศา ไม่งั้นข้าจะลงโทษเจ้า’
อีกครั้งหนึ่งที่นิภิศาฝึกนั่งเข้าฌานอยู่บนต้นไม้สูงเกิดหิวจนท้องไส้กิ่ว เพราะตั้งแต่ตื่นก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง เธอจึงแอบบินไปกินยอดไม้อ่อนของต้นข้างๆ ท่านยายสุเรนนาจับได้ นิภิศาจึงถูกทำโทษให้ท่องมนตร์สิบสองบทต่อเนื่องถึงสามวันสามคืน ในที่สุดนิภิศาก็บำเพ็ญเพียรภาวนาจนถึงขั้นที่มีฤทธีก้าวหน้ากว่าหงส์รุ่นเดียวกันตัวอื่น และสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้เพียงอายุเก้าสิบปีเท่านั้น
‘จำไว้นิภิศา ความนิ่งสงบของใจจะทำให้เจ้ามีสติ และจะทำให้เจ้าสามารถบังคับจิตใจไม่ให้รู้สึกเจ็บปวด’
ประโยคนี้ก้องอยู่ในหัวนิภิศามาถึงตอนนี้ เธอหันไปมองหน้าเจ้านกกระจิบแล้วบอกเสียงหนักแน่น
“หากแผนการของเจ้าช่วยให้หน้าที่ของข้าลุล่วง ข้าก็จะลองดู”
นกกระจิบหรี่ตาลง ก่อนจะเอ่ยประโยคบอกเล่าที่ดูเหมือนคำถาม
“ความใกล้ชิดอาจทำให้ใจตัวเองสั่นคลอน”
นิภิศาส่ายหน้าตอบ หัวใจของเธอไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งใด โดยเฉพาะมนุษย์ที่เธอไม่อยากไยดีด้วย และเธอมั่นใจว่าความรู้สึกจะไม่ถลำไปกับพวกเขา
“ลองดูจะเป็นไรไปเล่า หากตัวเองถึงตัวกันติยาได้วันไหน อโรคาต้องออกมาหาเราเอง”
ถึงแม้จะฟังดูเป็นแผนการที่ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่เธอมั่นใจว่าเธอสามารถทำได้ ขอเพียงแค่เธอไม่ทำผิดศีลก็พอ แผนนี้เป็นแค่การทำความรู้จักมนุษย์ มิใช่การหลอกให้รู้สึกดี แต่ทุกอย่างมักมีอุปสรรคแรกเริ่ม นิภิศาจึงต้องหันไปปรึกษานกน้อยแสนรู้
“แล้วข้าจะเข้าหาพวกมนุษย์ยังไงล่ะ”
“ไม่ยากนักหรอก ขอเค้าคิดแป๊บนึง” กระจิบน้อยใช้ปีกเชยคางทำหน้าคิด ครู่หนึ่งมันก็ตีปีกดีใจแล้วรีบบอกนิภิศา
“รู้แล้ว อันดับแรกตัวเองต้องเปลี่ยนการใช้ภาษาใหม่ สมัยนี้ประเทศไทยไม่ได้ใช้คำว่า ‘ข้า’ กับ ‘เจ้า’ อีกแล้ว ลองพูด ‘คุณ’ สิ”
ภาษาของมนุษย์สมัยนี้ช่างแปลกประหลาด แต่นิภิศาก็ลองพูดตามกระจิบน้อยดู
“คุ...คุณ”
“เก่งมาก” มันชมพลางตบปีกพับๆ “ลองพูดคำว่า ‘ฉัน’ บ้างซิ”
“ฉะฉัน”
“ไม่เลว” นกกระจิบยิ้มกว้าง
แต่พอนิภิศาถามกลับไปว่า “แล้ว ‘เค้า’ กับ ‘ตัวเอง’ ที่เจ้าชอบพูดล่ะ” กระจิบน้อยก็ทำหน้าเจื่อนๆ ก่อนจะเกาหัวอย่างเคอะเขิน
“ก็แบบว่า ใช้เรียกกับคนที่คุ้นเคยน่ะ เค้าก็พูดแบบนี้กับทุกคนอยู่แล้ว เพราะเผ่าพันธุ์เราสนิทกันทุกคน ส่วนมนุษย์ใช้เรียกคนที่คุ้นเคยกันเท่านั้น”
นิภิศาพยักหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง
“เอาละ หลังจากตัวเองพูดได้แล้ว ก็ควรจะเริ่มตามแผนทันที”
“หมายความว่าข้าต้องไปหากันติยาที่โรงพยาบาลรึ” หงส์สาวถามพลางขมวดคิ้ว นกกระจิบส่ายหน้าทันควัน
“ไม่ มันยังเร็วไป เอาแบบนี้ เจ้าลองไปตีสนิทกับป้าเมี้ยนก่อน”
นิภิศาทำตาโตก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ข้าทำไมได้”
“มันไม่บาปหรอกนิภิศา” นกกระจิบว่า “ป้าเมี้ยนแกเป็นคนดี ตัวเองไม่ต้องกลัว อีกอย่างตัวเองก็ไม่ได้ให้ป้าแกเดือดร้อนนี่นา แค่ไปทักทายเท่านั้น ตัวเองทำความดีไว้กับป้าแกไว้ก่อนหน้าแล้ว ทุกอย่างจะราบรื่นเชื่อเค้า”
นิภิศาถอนหายใจเบาๆ ทำไมเธอต้องทำขนาดนั้นด้วย
“หากตัวเองไม่ทำ ก็ไปคิดแผนการใหม่เองละกัน” กระจิบน้อยทำเสียงงอน “เค้าอุตส่าห์ช่วยคิดแผนการดีๆ ให้ จะดักรอให้อโรคามาหา หรือใช้กำลังบังคับเหมือนที่เคยทำจนเขาตายก็สุดแล้วแต่”
มันพูดเสียขนาดนี้ จะให้เธอทำอย่างไรได้ สรุปแล้วนิภิศาก็ต้องทำ และงานนี้ต้องสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
นิภิศาจึงหลับตาพนมมือและท่องมนตร์ในใจ ครู่หนึ่งชุดกระโปรงยาวสีขาวบางรุ่มร่ามก็หดเป็นชุดเดรสยาวถึงเข่าจับจีบสีขาวกับรองเท้าส้นเตี้ย ผมที่ยาวสลวยม้วนขึ้นมาเป็นมวยตรงท้ายทอย เพียงพริบตาหงส์สาวก็อยู่ในคราบมนุษย์สาวแสนเรียบร้อย เจ้านกกระจิบตบปีกอย่างชื่นชม แต่นิภิศาไม่ได้พิสมัยรูปลักษณ์ตนเองเหมือนที่สีหน้านกกระจิบฟ้อง เธอสนใจว่าจะทำอย่างไรต่อมากกว่า พอส่งสายตาเป็นเชิงถาม อีกฝ่ายก็เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์
“เราต้องไปจ่ายตลาดก่อน”
@นิภิศากดกริ่งหน้าบ้านของกันต์กร ครู่หนึ่งแม่บ้านสูงวัยก็เดินกระฉับกระเฉงออกมาหาแขก พอนางเห็นคนมาเยี่ยมเป็นหญิงสาวคนสวย ดวงตาที่ดูหงอยๆ ของป้าเมี้ยนก็ฉายความดีใจ
“หนูศา! ลมอะไรหอบหนูมาเนี่ย” ป้าเมี้ยนร้องอย่างดีใจพร้อมกับรีบเปิดประตูบ้านให้โดยไม่ต้องซักไซ้ให้มากความ
หงส์สาวพยายามยิ้มให้อีกฝ่าย แต่ก็เหมือนจะทำไม่ได้เต็มที่ เพราะเธอไม่เคยฉีกยิ้มกว้างมาก่อน
“ยิ้มอีกนิภิศา ยิ้ม” กระจิบน้อยส่งเสียงเป็นภาษานกอยู่บนโคมไฟหัวเสาที่รั้วหน้าบ้าน
คราวนี้นิภิศายิ้มได้มากกว่าเดิมแต่ก็ยังคงฝืนๆ ป้าเมี้ยนรีบผายมือเชิญหญิงสาวเข้าบ้าน
“เข้ามาข้างในก่อนนะจ๊ะ”
“ไหว้สิ นิภิศา ไหว้” นกกระจิบยังคงสั่งให้เธอทำตามที่มันพูด นิภิศาพนมมือไหว้อย่างสวยงาม ขณะที่ป้าเมี้ยนลูบแขนเธอเบาๆ หงส์สาวสะดุ้งเล็กน้อย อย่างไรเธอก็ยังไม่คุ้นให้มนุษย์ถูกเนื้อตัว เว้นแต่มนุษย์ปากร้ายเจ้าของบ้านนี้ที่สัมผัสตัวเธอมากที่สุด แต่นั่นก็ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ
ป้าเมี้ยนเริ่มมองนิภิศาอย่างประหลาดใจ คงเพราะท่าทีเก้ๆ กังๆ ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติกระมัง หงส์สาวจึงรีบพูดเพื่อไม่ให้หญิงสูงวัยสงสัย
“ฉันมาเยี่ยมคุณน่ะค่ะ”
“อุ๊ย เค้าลืมบอกไป เรียกแกว่าป้า แล้วแทนตัวเองว่าหนู” กระจิบร้องตามมา แต่ป้าเมี้ยนกลับเป็นผู้บอกนิภิศาเอง
“ไม่ต้องทางการขนาดนั้นก็ได้นะจ๊ะ เรียกป้าเมี้ยนก็ได้”
พอเริ่มไปต่อไม่เป็นนิภิศาจึงรีบยื่นกระเช้าผลไม้ให้แก่ป้าเมี้ยน หญิงสูงวัยยิ้มแก้มปริก่อนจะบอกปัดเหมือนเกรงใจ
“โธ่ หนูศา ไม่ต้องลำบากลำบนขนาดนี้ก็ได้”
นิภิศายิ้มน้อยๆ ตอบ ป้าเมี้ยนแม้จะบอกอย่างนั้นแต่ก็รับกระเช้าไปด้วยสีหน้าดีใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะผายมือเชิญนิภิศาเข้าบ้านอีกครั้ง หงส์สาวมองลึกเข้าไปในบ้านเพื่อหาว่าเจ้ามนุษย์หนุ่มนั่นยังอยู่ในบ้านหรือไม่ แต่ป้าเมี้ยนก็รีบแถลงไขในทันที
“เจ้านายป้าไม่อยู่ เข้าไปได้น่า”
คราวนี้นิภิศาจึงยอมเดินเข้าบ้านของคนแปลกหน้า ขณะเดินไปเธอก็ชมบรรยากาศภายในบ้านหลังโตของกันต์กรไปด้วย ก่อนจะถึงตัวบ้านมีสวนหย่อมเล็กๆ ปลูกดอกไม้สีสันสวยงาม ดูแล้วสบายตา และทำให้เธอนึกถึงจิตตกูฏ นิภิศาชมสวนจนเพลินก่อนจะสะดุดตาเข้ากับกระถางต้นไม้หน้าประตูทางเข้า
“รู้จักมั้ย ต้นอะไรหนูศา”
นิภิศาที่ยืนดูมันอยู่ครู่หนึ่งส่ายหน้าตอบช้าๆ ป้าเมี้ยนจับที่ต้นแขนเธอเบาๆ ก่อนจะบรรยายเรื่องดอกไม้ตรงหน้า
“มันคือต้นดอกหงส์เหินหรือดอกเข้าพรรษา บานเฉพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้นจ้ะ คุณกรเจ้านายป้าเป็นคนเอามาปลูก แกบอกว่ามันสวยดี สวนหน้าบ้านคุณกรก็เป็นคนจัดเองทั้งหมดเลยนะหนูศา”
นิภิศากระตุกยิ้มน้อยๆ อย่างไม่เชื่อหูตนเอง มนุษย์หนุ่มคนนั้นน่ะหรือจะทำแบบนี้ได้ ให้สาบานต่อหน้าท้าวธตรัตเธอก็ไม่มีทางเชื่อ หงส์สาวสะบัดศีรษะเล็กน้อย บอกตัวเองให้เลิกสนใจเรื่องของกันต์กร ขณะที่ป้าเมี้ยนเดินนำนิภิศาเข้าไปในบ้าน พานั่งที่ชุดรับแขกและเสิร์ฟด้วยน้ำสีส้มซึ่งนิภิศาไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจึงจิบเพียงน้ำเปล่าเล็กน้อย
“แล้วบ้านหนูอยู่ไหนจ๊ะ” ป้าเมี้ยนนั่งลงบนโซฟาข้างๆ นิภิศา ก่อนเริ่มตั้งคำถามกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยด้วยท่าทีสนใจ
“อยู่ไกลน่ะค่ะ” เธอตอบแค่นั้น
“นั่นน่ะสินะ ดูท่าก็คงไม่ใช่คนแถวนี้ ป้าถึงไม่เคยเห็นหน้าหนูเลย”
นิภิศานั่งเงียบ ไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไร เธอเหล่ตาซ้ายขวาเพื่อหานกกระจิบ ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน เพราะตอนนี้เธอต้องการคนช่วย ส่วนป้าเมี้ยนยังคงคุยต่อไม่หยุด
“ป้ากำลังทำขนมจะไปฝากคุณกันติยาพอดี น้องสาวคุณกรน่ะ เธอนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล”
พอได้ยินชื่อของเด็กสาวคนนั้น นิภิศาก็เริ่มมีใจพร้อมที่จะทำตามแผนการของตนเอง ป้าเมี้ยนชวนเธอทำขนมอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด ซึ่งหงส์สาวก็ตอบตกลงทันที หลังจากนั่งคุยกันอีกสองสามคำ ป้าเมี้ยนก็พานิภิศาเข้าไปในห้องห้องหนึ่งซึ่งมีอุปกรณ์แปลกตาหลายอย่าง ตอนนั้นเองที่เสียงนกกระจิบน้อยดังแว่วมาจากที่ใดที่หนึ่งว่ามันคือ ห้องครัว ที่มนุษย์มีไว้สำหรับใช้ประกอบอาหาร และสิ่งที่ป้าเมี้ยนจะทำวันนี้คือขนมที่มนุษย์เรียกว่า ลูกชุบ
“คุณยาแกชอบทานลูกชุบ แต่ให้ทานเยอะไม่ได้” ป้าเมี้ยนเอ่ยขึ้นขณะเริ่มปั้นถั่วบดในกะละมัง
นิภิศาพยักหน้ายิ้มๆ เพราะเธอก็ไม่รู้จะเสวนาเรื่องอะไรกับอีกฝ่ายดี
“ขอโทษที เค้าไปอึมา ชวนป้าเมี้ยนคุยสินิภิศา” เสียงกระจิบน้อยแว่วมาอีกครั้ง โชคดีที่เสียงนกนั้นกลมกลืนกับธรรมชาติ ป้าเมี้ยนเลยไม่ได้สงสัยอันใด หลังจากนั้นนกกระจิบจึงคอยป้อนคำพูดให้นิภิศาอยู่เรื่อยๆ โดยเริ่มต้นจากถามป้าเมี้ยน
“ป้าอยู่คนเดียวหรือคะ”
ป้าเมี้ยนปั้นก้อนถั่วสีครีมช้าลง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ แววตาของนางดูเศร้าสลด
“ใช่จ้ะ ป้าอยู่คนเดียว คุณกรแกก็ไปทำงาน กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้านบ้าง”
“ขอโทษค่ะ” นิภิศากล่าวเบาๆ ตามที่นกกระจิบบอก แต่เธอเห็นความเจ็บปวดที่อยู่บนใบหน้าของหญิงสูงวัยอย่างชัดเจน หากให้เดาป้าเมี้ยนคงเคยมีอดีตอันเจ็บปวด
“ไม่เป็นไรหรอก หนูศา” ป้าเมี้ยนยิ้มแห้งๆ “ป้าปลงแล้วละ คนเราเกิดมาก็ต้องตาย อยู่ที่จะตายช้าหรือตายเร็วเท่านั้นแหละ ป้าอยู่คนเดียวมาจนชินแล้ว มาๆ หนูลองมาทำลูกชุบหน่อยมั้ย”
หญิงสาวรับฟังอย่างแปลกใจ เธอไม่มีความรู้สึกร่วมอะไรกับสิ่งที่หญิงคนนี้พูดเลย อันที่จริงเธอควรจะเห็นใจหรือสงสาร แต่ไม่เลย เธอกลับรู้สึกเฉยๆ
นิภิศาพยายามปั้นถั่วเขียวบดอย่างเบามือ แต่ก็เผลอทำมันเละจนได้
“ปั้นลูกชุบต้องเบามือหน่อย หนูศา” ปั้นเมี้ยนหันมาพร้อมกับยิ้มอย่างเอ็นดู “มือหนักมันก็ไม่เป็นรูปเป็นร่างสิ”
นิภิศาลองปั้นดูอีกครั้ง คราวนี้เธอปั้นได้เป็นรูปนกตัวน้อยๆ จนป้าเมี้ยนหัวเราะออกมาเบาๆ
“หนูศานี่ ความคิดสร้างสรรค์ดีจัง”
นิภิศาแย้มยิ้มออกมาน้อยๆ ท่านยายสุเรนนาไม่เคยชมอะไรเธอสักนิด ไม่ว่าเธอจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ และไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม แต่ป้าเมี้ยนคนนี้เพียงแค่หงส์สาวปั้นถั่วเขียวบดเป็นรูปอื่นที่แปลกออกไปได้ก็ได้รับคำชมอย่างล้นเหลือ จนนิภิศาเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าความดีความชอบในโลกมนุษย์มันได้มาง่ายดายหรืออย่างไร
“ป้าว่าจะทำไปฝากขายที่ตลาดหารายได้เสริม ที่ป้าให้หนูไปกินรสชาติพอจะขายได้มั้ย”
นิภิศาเงียบ ขณะที่นกกระจิบเอ่ยขึ้น “บอกป้าเมี้ยนว่า อร่อยมาก”
ไม่ได้!! สำนึกของผู้ถือศีลค้านขึ้นมาทันที เธอไม่สามารถพูดปดได้ มิเช่นนั้นจะเป็นบาป
“หนูไม่ได้กินค่ะ”
“อ้าว” ป้าเมี้ยนทำหน้าตกใจ “ทำไมล่ะจ๊ะ หนูไม่ชอบลูกชุบเหรอจ๊ะ”
นิภิศาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี หากบอกว่าเธอทำลายมันเองกับมือ หญิงคนนี้คงต้องโกรธเคืองน่าดู นกกระจิบก็เงียบไป สงสัยคงเสียหลักที่ไม่ยอมพูดตามคำบอกของมัน นิภิศาจึงไม่ได้ตอบคำถามข้อนี้ ได้แต่ปั้นถั่วเขียวบดต่อ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้ป้าจะทำอย่างอื่นที่หนูชอบให้กินนะ”
ผิดคาด ป้าเมี้ยนไม่ได้โกรธที่นิภิศาไม่ได้ตอบ หงส์สาวเริ่มประหลาดใจกับอุปนิสัยของหญิงสูงวัยคนนี้ ทำไมนางถึงมีจิตใจงามถึงเพียงนี้ ขนาดเธอไม่ได้ชิมขนมเลย ป้าเมี้ยนก็ยังชวนคุยต่อทั้งที่สมควรจะแสดงความไม่พอใจ
“แล้วตอนนี้หนูอายุเท่าไหร่แล้ว”
คราวนี้นิภิศาต้องเงียบอีกครั้ง
“คงจะราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหกสินะ” กลายเป็นว่าป้าเมี้ยนถามเองตอบเองเสียอย่างนั้น “เออ แล้วนี่ทำการทำงานที่ไหนล่ะ”
นิภิศาส่ายหน้าตอบแล้วพยายามยิ้มเจื่อนๆ สู้ ป้าเมี้ยนคงสังเกตเห็นว่าหงส์สาวไม่สามารถตอบอะไรนางได้เลย นางจึงเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าๆ
“ป้าถามอะไรหนูมากก็อย่ารำคาญป้าเลยนะ เฮ้อ…หากลูกสาวป้ายังอยู่ คงอายุเท่าหนูแล้วป่านนี้”
นิภิศาหยุดปั้น หันไปมองอีกฝ่ายที่ก้มหน้างุด ดวงตาของป้าเมี้ยนเหมือนชุ่มน้ำ ก่อนนางจะรีบเงยหน้าขึ้นแล้วตัดบทเสียงสั่น
“โอ๊ย ป้านี่พูดอะไรไร้สาระอีกแล้ว ยิ่งแก่ยิ่งเลอะ” แม่บ้านร่างอวบกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง คราวนี้นางหันมาชวนให้นิภิศามาทำลูกชุบกับนางทุกวันเพื่อหารายได้เสริม
ไม่ต้องรอให้นกกระจิบป้อนคำตอบ นิภิศาก็ตกปากรับคำอย่างไม่ต้องคิดมาก
“ได้ค่ะป้า”
“จริงเหรอ” ป้าเมี้ยนยิ้มกว้างกว่าเดิม “ดีๆ อย่างนี้ป้าจะได้ไม่เหงา”
นิภิศาลอบถอนหายใจเบาๆ มนุษย์นางนี้ช่างพิลึก ตนเองเพิ่งรู้จักกับคนอื่นแค่ครั้งเดียว แต่กลับมาผูกมิตรอย่างง่ายดาย คนอย่างนิภิศาไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้ เธอจดจำคำสอนของท่านยายสุเรนนาได้ขึ้นใจว่า อย่าไว้ใจใครแม้จะรู้จักกันมานาน หากเขาเป็นศัตรู เราอาจต้องเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ เธอจึงต้องระมัดระวังมนุษย์ที่แสนดีไว้ให้มาก ไม่เช่นนั้นแผนการของนกกระจิบอาจล้มเหลวได้ง่ายๆ
“ป้าจะปันกำไรให้หนูด้วย เรามาช่วยกันทำลูกชุบกันตอนกลางวันแบบนี้แหละ เย็นๆ ป้าจะเอาไปฝากขายที่ตลาด ตกลงมั้ย” หญิงสูงวัยหันมาถาม ส่วนลูกมือใหม่ก็ได้แต่พยักหน้าตอบ
สองสาวต่างวัยทำขนมกันไปอีกพักใหญ่ โดยมีป้าเมี้ยนส่งเสียงคุยเป็นหลัก และนิภิศาอือออรับคำเป็นบางช่วง ไม่นานขนมลูกชุบสีสันสดใสกลิ่นหอมหวานสองถาดใหญ่ก็เสร็จสิ้น ป้าเมี้ยนค่อยๆ คีบใส่กล่องกระดาษเล็กๆ ที่ด้านบนเป็นพลาสติกใสหลายกล่องใส่ตะกร้าไว้อย่างดี นางส่งกล่องหนึ่งยื่นให้นิภิศา ส่วนที่เหลือป้าเมี้ยนใส่กล่องพลาสติกไว้สองกล่อง กล่องหนึ่งเก็บเข้าใส่ตู้เย็นไว้ ส่วนอีกกล่องนางจะฝากกันต์กรไปให้กันติยาที่โรงพยาบาล กระจิบน้อยจึงวางแผนให้นิภิศาอาสาไปส่งให้แทน
“หนูขออาสาไปส่งลูกชุบแทน”
ป้าเมี้ยนทำหน้ายิ้มๆ “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ลำบากเปล่าๆ รอคุณกรมาทีเดียวเลยดีกว่า”
นิภิศาแอบหันไปมองนกกระจิบที่หน้าต่างเพื่อขอให้มันช่วยหาวิธีให้ ครู่หนึ่งมันก็รีบตอบกลับมา หงส์สาวจึงพูดตามที่มันบอก
“คุณกรจะว่างไปหรือคะ”
ป้าเมี้ยนทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นน่ะสิ ป้าก็ลืมคิดไป วันนี้คุณกรแกจะกลับมาหรือเปล่านะ เดี๋ยวป้าเองก็ต้องออกไปหาเพื่อนที่นัดไว้ คุณยาแกโทร.มาบอกว่าอยากกินลูกชุบฝีมือป้าเร็วๆ อยู่ด้วย” ป้าเมี้ยนถอนหายใจพลางหันมาถามนิภิศาเหมือนเกรงใจ “หนูผ่านไปทางนั้นเหรอจ๊ะ”
นิภิศาไม่ได้พยักหน้าหรือพูดว่าจะไป เธอเพียงแค่ยิ้ม แล้วอีกฝ่ายก็คิดไปเองว่าเธอจะไป
“หนูศารู้เหรอว่าคุณยาอยู่โรงพยาบาลไหน”
ไฉนจะไม่รู้ ในเมื่อเธอเคยสะกดรอยตามกันต์กรไปถึงที่นั่น ป้าเมี้ยนบอกชื่อโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง นิภิศาจึงพยักหน้าเพราะเธอรู้จัก แต่ป้าเมี้ยนยังมิวายถามถึงเบอร์โทรศัพท์อะไรสักอย่าง ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด แต่นิภิศาก็ยังยืนกรานอาสาเอาของไปส่งให้ ในที่สุดป้าเมี้ยนก็ยอมให้เธอนำของไปให้กันติยาพร้อมกับบอกชื่อและหมายเลขห้องพักให้เสร็จสรรพ
นิภิศาเดินถือถุงขนมออกมา เมื่อผ่านประตูบ้าน หญิงสาวไม่วายหันมองต้นหงส์เหินเพราะชื่อไพเราะนัก
“ชอบเหรอจ๊ะ”
ป้าเมี้ยนทักขึ้น นิภิศาจึงยิ้มตอบ
“ป้ารู้ว่าหนูชอบ แต่ต้นยังไม่ออกดอก ของคุณกรเขา ถ้าหนูอยากได้คงต้องขอเขาก่อน” เมื่อป้าเมี้ยนเอ่ยถึงชื่อเจ้าของ นิภิศาจึงทำเป็นไม่สนใจต้นไม้ชนิดนี้ “แล้วนี่จะไปโรงพยาบาลเลยหรือเปล่าจ๊ะ”
“ค่ะ” นิภิศาตอบสั้นๆ ก่อนจะก้มศีรษะไหว้งามๆ ป้าเมี้ยนจับต้นแขนขาวของหญิงสาวแล้วบีบเบาๆ พร้อมกำชับ
“พรุ่งนี้อย่าลืมมาทำขนมกับป้านะจ๊ะ”
หลังจากนิภิศาออกมาจากบ้านหลังใหญ่ได้ นกกระจิบน้อยจึงบินมาเกาะที่ไหล่เธอพร้อมกับเอ่ยเสียงแจ้ว
“เกือบไม่สำเร็จแล้วมั้ยล่ะ”
นิภิศาส่ายหน้าอย่างหน่ายใจ คิดใคร่ครวญว่าเธอกำลังทำบาปหรือเปล่าที่เข้ามาพัวพันกับมนุษย์คนนี้เพื่อให้เข้าถึงตัวกันติยาและท้ายสุดเพื่อให้ได้ตัวอโรคากลับมา ...ไม่ หญิงสาวบอกตัวเองในใจ เธอไม่ได้ไปหลอกลวงใคร เธอแค่พยายามผูกสัมพันธ์ด้วยเท่านั้น และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนด้วย
แผนการดำเนินมาถึงขึ้นนี้ ทั้งยังใกล้ตัวกันติยาเข้าไปทุกที เธอก็ควรจะต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อไม่ให้ทุกสิ่งที่เธอทำต้องสูญเปล่า
@กันติยาที่นอนดูซีรีส์เกาหลีอย่างสบายใจเฉิบ เหลียวไปมองตามเสียงประตูเปิดแล้วก็ต้องยิ้มกว้าง หมออโรพาร่างสูงโปร่งพร้อมใบหน้าหล่อเหลาเดินเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เขาเยี่ยมเยียนพูดคุยกับเธออยู่พักหนึ่ง เวลาแค่ไม่กี่สิบนาทีช่างผ่านไปรวดเร็ว เพราะหลังจากหมอสุดหล่อก้าวพ้นประตูห้อง เด็กสาวก็ต้องคิดถึงเขาจนใจจะขาด และแทบอยากจะดิ้นพล่านอยู่ตรงนั้นเมื่อคนที่มาตรวจอาการเธอต่อจากนั้นคือหมอสมชัยเจ้าเก่า กันติยาจึงรู้ทันทีว่าเธอไม่ใช่ผู้ป่วยในการดูแลของหมออโรอีกต่อไป
เด็กสาวนอนหน้ามุ่ยอย่างเสียอารมณ์ ขณะที่คิดแปลกใจ หมออโรจะมาเยี่ยมเธอทำไมหากไม่ได้มีหน้าที่อะไรเกี่ยวกับเธอแล้ว เขาไม่รู้หรือว่าทำแบบนี้แล้วทำให้ผู้หญิงคิดลึกนะ หมอบ้าเอ๊ย!
กันติยามองโทรทัศน์แล้วจินตนาการว่าเธอเป็นนางเอกและหมออโรเป็นพระเอก ขณะที่คู่พระนางกำลังจะประกบจูบกัน ตัวเธอก็เหมือนจะลอยไปในห้วงอากาศ แต่แล้วกลับเหมือนหล่นร่วงลงเหว เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดจังหวะ พยาบาลที่เฝ้าเธอเดินไปเปิดประตูให้
คงจะเป็นกันต์กรหรือไม่ก็ใครสักคนที่เธอรู้จัก
เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นเบาๆ เป็นจังหวะสงบ แขกที่มาคงจะเป็นผู้หญิง กันติยาเดาถูก แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อแขกผู้หญิงที่เห็นนั้นเป็นคนแปลกหน้า ซ้ำยังมาพร้อมกระเช้าไม้ใบโปรดของป้าเมี้ยน ข้างในนั้นเป็นกล่องพลาสติกที่เธอสันนิษฐานว่าต้องเป็นกล่องลูกชุบแน่ แต่ก็ยังหรี่ตาถามสาวรูปสวยตรงหน้า
“คุณเป็นใครคะ”
นิภิศาวางกระเช้าไว้บนโต๊ะรับแขกพร้อมกับตอบเสียงนิ่ง
“ป้าเมี้ยนฝากกระเช้ามาให้คุณยา”
“ลูกชุบใช่มั้ย” กันติยาถามพลางยิ้มกว้าง เพราะวันนี้เธออยากเอามันลงท้องสุดๆ
นิภิศายิ้มน้อยๆ
“เอามานี่เลย เอามาๆ”
“ไม่ได้นะคะ น้องยา เพิ่งกินยาไปเมื่อกี้นี้เอง” พยาบาลสาวเข้ามาขัดขวางก่อนจะรับเอากล่องลูกชุบในมือนิภิศาไปเก็บไว้ในตู้เย็น กันติยากำหมัดแน่นอยากจะกรีดร้องให้สุดเสียง วันนี้ทำไมถึงมีแต่เรื่องให้เธอต้องหงุดหงิดอยู่เรื่อย ประจำเดือนก็ยังไม่ใกล้มาเสียหน่อย
สะบัดหน้ามาจากพยาบาลสาว เด็กสาวจึงหันสายตามาพินิจหญิงสาวคนตรงหน้าต่อ พี่สาวคนนี้สวย ใบหน้ากลม คางจิ้มลิ้มคล้ายพวกอาหมวย ส่วนดวงตาคมเข้ม แพขนตางอนเหมือนพวกแขก คอยาวสง่ารับกับร่างสูงระหง ผิวพรรณผุดผ่องมีสง่าราศีคล้ายพวกคุณหนูมีสตางค์
เชอะ! แต่ก็งั้นๆ แหละ คงจะผ่านมีดหมอมาหลายสำนักถึงได้สวยเด้งขนาดนี้ ต้องน่ารักเป็นธรรมชาติอย่างกันติยาสิถึงจะโดนใจหนุ่มๆ ก็อย่างที่เขาว่ากันว่า มองคนสวยเดี๋ยวก็เบื่อ คนน่ารักสิ ดูกี่ทีก็ไม่น่าเบื่อ
กันติยาเลิกเปรียบเทียบความงามของเธอกับอีกฝ่าย ก่อนจะรีบถามว่าหญิงสาวเป็นอะไรกับป้าเมี้ยน
“คนรู้จักค่ะ”
...คนรู้จัก? กันติยาคิดในใจ ผู้หญิงคนนี้หากกันต์กรเห็นคงจะเตรียมขย้ำแน่ๆ หรือว่าที่รู้จักกับป้าเมี้ยน เพราะเป็นกิ๊กของพี่กรไปแล้ว ต้องใช่แน่ๆ สวยขนาดนี้เสือกรคงไม่ปล่อยให้หลุดอุ้งเล็บไปได้แน่ ต้องรีบถามต่อเสียแล้ว
“พี่ชื่อไรคะ”
“นิภิศาค่ะ”
“นิภิศา” กันติยาเหยียดยิ้ม “ชื่อเพราะนะคะ”
กันติยายิ้มพราย เธอนึกอะไรบางอย่างสนุกๆ ออกแล้ว บางทีมันอาจเป็นวิธีเดียวที่จะจัดการกับยายฝรั่งขี้นกซูซี่นั่นได้ ตั้งแต่ได้ข่าวว่ากลับมาเมืองไทย เธอก็ไม่เห็นว่าหล่อนจะคิดมาเยี่ยมเยียนคนป่วยใกล้ตายบ้างเลย เห็นกันต์กรมาเปรยให้ฟังว่าหล่อนชอบไปดิ้นเร่าๆ อยู่ในผับในบาร์ คราวนี้แหละจะได้เห็นฤทธิ์ของกันติยาบ้าง คิดแล้วก็รีบดำเนินการเรียกพยาบาลเฝ้าไข้มากระซิบถามทันที
“พี่ไก่คะ พี่ซูซี่จะมาหรือยัง”
“อ๋อ เดี๋ยวก็คงมามั้งคะ”
กันติยายิ้มก่อนจะหันไปขอร้องให้นิภิศาอยู่ต่อ ซึ่งหงส์สาวก็ว่าง่าย เธอนั่งรอพร้อมใบหน้านิ่งๆ ซึ่งกันติยาแทบเดา
ไม่ถูกว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรกันแน่ และยายฝรั่งขี้นกก็เหมือนจะตายยากตายเย็น คิดถึงก็มาปั๊บพร้อมกับเสียงนางแจ๋นที่เหมือนจะดังมาตั้งแต่ปากทางเข้าโรงพยาบาล
“ไงคะ เลดี้ของพี่” ลูกครึ่งฝรั่งร่างสูงกล่าวทัก “ขอโทษด้วยที่ไม่ได้มาหาเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” กันติยาตอบห้วนๆ ก่อนจะแสยะยิ้มตอบ “มีคนมาเยี่ยมยาแล้วค่ะ”
กันติยาชี้ไปที่นิภิศาที่นั่งเรียบร้อยอยู่ สุทัตตาเห็นดังนั้นถึงกับถลึงตาถาม
“ใครคะ”
“ไม่น่าถามนะคะว่าใคร” กันติยาเชิดหน้าแล้วเอ่ยหนักแน่น “กิ๊กพี่กรไงคะ”
“อะไรนะคะ” สุทัตตาหันขวับมาที่นิภิศา ขณะอีกฝ่ายค่อยๆ ลุกอย่างสง่าด้วยสีหน้าประหลาดใจ กันติยาสะใจที่สามารถปั่นหัวสุทัตตาได้ พอบรรยากาศเริ่มมาคุเธอจึงต้องเติมเชื้อเพลิงให้ไฟลุก
“สวยมั้ยล่ะคะ สวยๆ ขนาดนี้ พี่กรคงไม่ให้ปล่อยรอดมือจริงมั้ยล่ะคะ”
“ไม่!!” สาวลูกครึ่งร้องเบาๆ ขณะจ้องนิภิศาตาเขม็ง
“ขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วนิภิศาก็เดินออกไป แต่ก็ถูกนังแจ๋นขวางไว้
...ขอโทษนะคะพี่กร กันติยาคิดในใจ พอดีหนูเกลียดนังซูซี่
หากกันต์กรจะแต่งงานกับคนแบบนี้ เธอไม่มีทางยอมแน่ อย่างน้อยนิภิศาก็ไม่ปฏิเสธอะไรเลย สงสัยจะเป็นกิ๊กของพี่ชายอย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด
เด็กสาวเจ้าเล่ห์ยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วเริ่มนับถอยหลังรอให้ระเบิดเวลาในอกของสุทัตตาเริ่มทำงาน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ