มนตร์หงส์ NC 18+
เขียนโดย WiwaWriter
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.02 น.
แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 21.06 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ความรักทำให้คนใจร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหงส์สาวก้าวเดินฉับไวจนกระโปรงยาวสะบัดพลิ้วเพื่อไปยังห้องผู้ป่วยที่เธอเคยแอบตามกันต์กรมาเมื่อครั้งก่อน คืนนี้ดูท่าทางจะปลอดโล่งเพราะเธอเห็นชายหนุ่มขับรถออกจากบ้านไปกับหญิงสาวคนนั้น คงอีกพักใหญ่กว่าเขาจะแวะมาเยี่ยมน้องสาว เธอมีเวลาเหลือพอที่จะพาตัวอโรคากลับจิตตกูฏ
พอมาถึงประตูนิภิศาจึงใช้ตาทิพย์มองทะลุประตูเข้าไปข้างในเพื่อตรวจสอบ โชคดีที่สวรรค์เข้าข้าง เธอเห็นอโรคากำลังนั่งคุยกับเด็กสาวผู้หนึ่ง พร้อมกับผู้หญิงในชุดขาวสะอาดอีกหนึ่งคน นิภิศาเคาะประตูสองครั้ง ก่อนหญิงชุดขาวจะเป็นคนเดินมาเปิดประตู
“มีธุระอะ…” คำถามแรกถูกส่งมาไม่ทันจบประโยค นิภิศาก็เดินสวนพร้อมแตะที่ไหล่ของหญิงสาวผู้นั้นรวดเร็ว หญิงสาวชุดขาวยืนนิ่งทันทีเพราะฤทธิ์อาคมของหงส์สาว เช่นเดียวกับประตูที่ค่อยๆ ปิดเอง
“ใครมาคะ พี่ไก่” เสียงถามเจื้อยแจ้วดังมาจากด้านใน
นิภิศาเผยตัวออกมาจากมุมทางเข้า ก่อนจะเห็นเด็กสาวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง หน้าตาจิ้มลิ้มแต่สภาพดูไม่ค่อยสบายนัก
“คุณเป็นใคร” คนที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ถามอย่างตกใจก่อนวางตำราที่มีหน้าปกเป็นภาพผู้ชายลงบนตัก
นิภิศามองไปรอบห้องด้วยความสงสัย พอไม่เห็นเป้าหมายเธอจึงเอ่ยขึ้น
“อโรคาอยู่ไหน”
“ใครคะ คุณเข้าห้องผิดแล้วมั้งคะ แล้วพี่พยาบาลหนูหายไปไหน”
นิภิศาไม่รอให้คนบนเตียงซักอะไรมากกว่านี้ เธอเป่ามนตร์ใส่ ก่อนเด็กสาวจะเคลิ้มหลับลงตรงนั้น นิภิศาหันซ้ายขวาก่อนจะร้องเรียก
“อโรคาออกมาเดี๋ยวนี้ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่นะ”
เมื่อไม่เห็นวี่แววอโรคา นิภิศาจึงพนมมือก่อนจะร่ายมนตราบ่วงหงส์
‘หงส์ในการดูแลของข้า หากข้าปรารถนาให้เห็นตัว ก็จงปรากฏตัวต่อหน้าข้าเสีย ณ บัดนี้ โอม ด้วยฤทธีแห่งผู้ดูแลนพหงส์ จงปรากฏตัวให้ข้าเห็น อโรคา…’
สิ้นคำภาวนาของหงส์สาว เบื้องหน้าเธอก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มร่างสูง อโรคาในชุดที่แปลกตาไปจากเดิมมองนิภิศาด้วยสายตื่นกลัว จู่ๆ หงส์หนุ่มก็คุกเข่าลงตรงหน้าผู้พิทักษ์หงส์
นิภิศามองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ ก่อนจะเอ่ยถาม
“เจ้าหนีออกมาทำไม เจ้ารู้ใช่มั้ยว่ามันผิด”
“ปล่อยข้าไปเถอะ เห็นใจข้าเถอะนะ” อโรคาวอนเสียงเศร้า แต่นิภิศาไม่รู้สึกสงสาร เธอยังขู่เขาด้วยคำสั่งของพญาหงส์สำทับอีก
“รู้หรือไม่ว่าท่านธตรัทโกรธกริ้วเจ้าแค่ไหน หากเจ้าไม่กลับไปเพลานี้ เจ้าจะได้สูญสิ้นพลังแน่”
“ข้ารู้ ข้าขอโทษ แค่ข้าหักห้ามใจมิได้”
พอหงส์หนุ่มเอ่ยมาถึงขนาดนี้ นิภิศาจึงเข้าใจเหตุผลที่อโรคายอมผิดกฎหนีออกมา เป็นเพราะเด็กสาวคนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ หงส์สาวค่อยๆ เดินเข้าไปหาเด็กสาวผู้นั้น อโรคาจึงลุกตามไปติดๆ แม้รู้ว่านิภิศาจะไม่ทำร้ายเด็กสาวตรงหน้า แต่ดูเหมือนเขายังคงไม่ไว้ใจผู้พิทักษ์ให้เข้าใกล้คนที่นอนหลับอยู่บนเตียงสักเท่าไร หงส์สาวจึงมั่นใจขึ้นอีกนิดว่าอโรคากำลังต้องมนตร์รักของสาวน้อยคนนี้อยู่
แต่นิภิศาก็อยากทดสอบอะไรบางอย่าง เธอวางมือลงบนบนหน้าผากของเด็กสาว เกิดละอองแสงจางๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเธอจะหันมาถามอโรคาด้วยเสียงนิ่งๆ
“ที่แท้เจ้าก็อยากจะช่วยนาง”
ที่จริงมีมากกว่านั้น เธอคนนี้กำลังจะสิ้นอายุขัย แต่นิภิศาก็ไม่อยากถามเขาตรงๆ เพราะกลัวอโรคาจะโกรธและดื้อดึงที่จะไม่ยอมกลับจิตตกูฏ
“ข้ารักสตรีคนนี้” อโรคาอ้อนวอนต่อ
“รักหรือ” นิภิศาทวนคำเสียงเย็นชา “อย่างไรเสีย เจ้าก็ต้องกลับจิตตกูฏกับข้าตอนนี้”
“เอาอย่างนี้ได้มั้ย หากสิ้นอายุขัยของกันติยาแล้ว ข้าจะกลับไปรับโทษเอง นิภิศา”
นิภิศารู้สึกเหมือนกำลังฟังคำขอร้องของเด็กดื้อที่อยากจะทำตามใจตัวเอง ที่สำคัญเธอไม่ชอบการต่อรองในเรื่องการกระทำผิด และคนอย่างเธอไม่มีทางใจอ่อนต่อคำขอร้องหรือคำต่อรองใดๆ แน่ ภารกิจต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด เพราะเธอเชื่อมั่นว่าการปฏิบัติตามหน้าที่คือการทำความดี
ที่สำคัญ อโรคากำลังฝ่าฝืนกฎแห่งธรรมชาติ เด็กสาวคนนี้มีเวลาอยู่ในโลกนี้ไม่มาก หรืออาจจะตายไปแล้วด้วยซ้ำหากไม่ได้ฤทธีของเขาช่วยไว้ทัน
“ข้าขอร้องละ นิภิศา เห็นแก่ข้า…”
นิภิศารีบยกมือขึ้นห้ามก่อนที่เขาจะพูดจบ อีกฝ่ายยิ้มเหมือนจะดีใจ แต่นิภิศากลับส่ายหน้าไม่ยอมรับคำขอของเขา
“งั้นเจ้าดูนี่” อโรคาเดินเข้าไปจับแขนของกันติยา นิภิศามองอโรคาอย่างสงสัย ชายหนุ่มจึงยื่นมือมาให้เธอ “ข้าจะให้เจ้าดูบางอย่าง หลังจากนั้นข้าจะขอร้องให้เจ้าตัดสินใจอีกครั้ง”
นิภิศามองอโรคาอย่างแปลกใจ แต่ก็คิดว่าเขาคงไม่เล่นตุกติกอะไรกับเธอแน่ เพราะนิภิศารู้จักอโรคาดี เหมือนเขาต้องการแสดงบางอย่างให้เธอเห็น เธอจึงแตะที่มือเขาเบาๆ
ทันใดก็มีภาพนิมิตเข้ามาในหัว เธอเห็นบุรุษหนุ่มรูปงามกับหญิงสาวผู้หนึ่ง ทั้งคู่มีหน้าตาเหมือนกับอโรคาและกันติยาในตอนนี้ไม่มีผิดเพี้ยน พวกเขารักกันแต่ถูกกีดกันจากพ่อแม่ ฝ่ายหญิงถูกบังคับให้แต่งงานกับคนร่ำรวย แต่ชีวิตของกันติยากลับล่มจมลงเรื่อยๆ เมื่อได้สามีเป็นพวกเสพติดการพนัน จนสุดท้ายเธอต้องกลายเป็นหญิงสาวขายร่างกายเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ให้สามี ส่วนอโรคาในชาตินั้นเที่ยวเสเพลแล้วสร้างบาปทำร้ายสามีของกันติยาจนถึงตาย ทั้งคู่ได้กลับมารักกันเพียงไม่นาน กันติยาก็ป่วยเป็นโรคร้ายจนตาย ส่วนอโรคาสำนึกผิดมุ่งเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ภาพแปรเปลี่ยนเป็นอีกชาติภพ อโรคาที่เป็นตำรวจสังหารโจรสาวกันติยาทั้งที่รักมาก สุดท้ายเขาก็ต้องปลงและเข้าสู่ธรรมะอีกครั้ง วนเวียนแบบนี้อยู่หลายชาติภพ จนได้เกิดเป็นหงส์ในจิตตกูฏแต่ก็มิอาจลืมกันติยาได้เลย ทุกครั้งที่อโรคาว่างเขาจะนั่งเข้าฌานเพื่อติดตามความเป็นอยู่ของคนที่เขารักเสมอ
มวลแสงวนเข้ามาตรงหน้านิภิศา ก่อนจะกลับเป็นห้องสีขาวและเห็นอโรคาน้ำตาไหลพราก
นิภิศาถอนหายใจก่อนจะออกคำสั่งเบาๆ
“กลับ”
“อะไรนะ!!” อโรคาทำหน้าตกใจ เขาคงไม่คิดว่านิภิศาจะใจแข็งเพียงนี้
แต่สงสารอย่างนั้นหรือ ไม่มีในความคิดของนิภิศาเลยสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะความเห็นแก่ตัวของอโรคา กฎอย่างไรเสียมันก็คือกฎ หากต้องแหกกฎ แล้วผู้ปฏิญาณตนกับท้าวธตรัทมาอย่างเธอ จะมีหน้าไปบอกว่าตนเองเป็นผู้บำเพ็ญศีลได้อย่างไร
“ข้าว่าแล้ว คนอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจ” อโรคาพูดเสียงกร้าว แววตาขุ่นเคือง เขายกมือขึ้นกางกรงเล็บเกิดเป็นแสงสีขาว “ถึงวันนี้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่กลับไปกับเจ้า”
เหมือนว่าอโรคาจะเอาจริง แต่นิภิศาก็ไม่ตอบโต้แต่อย่างใด เพราะคิดว่าอโรคาคงไม่กล้าโจมตีเธอจริงๆ หงส์สาวจึงปลอบเขา
“ไม่มีประโยชน์ คนเราช้าหรือเร็วก็ต้องตาย เจ้าจะคร่ำครวญไปไย”
ผิดคาด เขาโจมตีมาจริงๆ ลูกแสงสีขาวพุ่งเข้ามาตรงหน้า แต่ก็หายวับไปเพียงนิภิศาจ้องมอง ก่อนหงส์สาวผู้พิทักษ์จะท่องมนตร์สะกดหงส์ศักดิ์สิทธิ์ อโรคาล้มลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับกุมหน้าอกแน่น นิภิศาไม่อยากทำแบบนี้ แต่จำเป็นต้องทำให้คนดื้อดึงหลาบจำเสียบ้าง
แต่อโรคาก็ยังฝืนโจมตีนิภิศาอยู่ หงส์สาวจึงต้องใช้มนตร์แรงขึ้น อโรคากัดฟันกรอด เธอคาดว่าอโรคาคงจะยอมแพ้ในอีกไม่นาน แต่ไม่เลย เขายังคงฝืนใช้มนตร์ จนกระทั่งเลือดไหลออกมาจากมุมปาก นิภิศาจึงหยุดท่องมนตร์แล้วถามขึ้นอย่างฉุนเฉียว
“นี่เจ้าอยากตายหรือไง”
อโรคาไม่ตอบ เขายันกายลุกขึ้นยืนและเดินโซซัดโซเซไปหากันติยาด้วยแววตากังวล ขณะเดียวกันเด็กสาวก็ส่งเสียงละเมอตอบกลับมาทันที
“พี่อโร อย่าไปนะ อย่าทิ้งยาไป”
เด็กสาวตื่นจากมนตร์สะกด นิภิศาไม่รู้ตัวเลยว่ามนตร์หลับใหลที่ร่ายใส่กันติยาตอนทำร้ายอโรคาคลายลงตอนไหน เธอไม่เคยสะเพร่าอย่างนี้ นิภิศาละล้าละลัง แต่เมื่อคิดว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเข้าถึงตัวอโรคาก็ทำให้เธอตัดสินใจ ตอนนี้เป็นอย่างไรก็เป็นกัน หงส์สาวรีบคว้าแขนอโรคา
แต่กันติยากลับจับแขนอีกข้างของอโรคาไว้ ส่วนมืออีกข้างจับหน้าอกตัวเองพร้อมกับร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
ทันใดนั้นประตูห้องเปิดผางพร้อมกันต์กรพุ่งตัวเข้ามา เห็นภาพน้องสาวตนเองกำลังเอามือกุมหน้าอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด ขณะที่มืออีกข้างดึงแขนอโรคาไว้คนละข้างกับนิภิศา ชายหนุ่มปรี่เข้าไปดึงมือกันติยาออกจากแขนอโรคาได้สำเร็จ ก่อนจะถามอย่างร้อนใจ
“ยายยาเป็นอะไร”
“หนูเจ็บหน้าอก” เด็กสาวหน้านิ่ว
อโรคารวบรวมกำลังสะบัดแขนนิภิศาหลุดได้ก็รีบกดปุ่มเรียกพยาบาล
“เกิดอะไรขึ้นหมออโร”
“อาการคงกำเริบน่ะครับ” อโรคาพูดเสียงสั่น “ต้องรีบมูฟไปที่ไอซียูด่วน”
“แล้วพยาบาลหน้าห้องยืนนิ่งหาพระแสงอะไร” กันต์กรว่าพยาบาลสาวที่ต้องมนตร์อยู่ ก่อนจะหันมาดูอาการกันติยาต่อ “ทำใจดีๆ ไว้นะยายยา สูดหายใจลึกๆ”
นิภิศาที่ยืนติดผนังมองเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ขณะที่พนักงานเข็นเตียงเข้ามา ก่อนทั้งหมดจะออกไปจากห้องอโรคาก็หันมาต่อว่าเธอ
“ไร้หัวใจ”
กันต์กรหันมองตามสายตาของอโรคา เหมือนจะกลับมาให้ความสนใจคนแปลกหน้าในทันที เขามองเธออย่างไม่พอใจ ก่อนจะกำชับเสียงเขียว
“คุณอย่าเพิ่งไปไหน รอผมอยู่ที่นี่ เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกัน”
กันต์กรหันหลังก้าวตามอโรคาไป ทิ้งให้นิภิศายืนอยู่ในห้องอย่างตะลึงงัน
@หงส์สาวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและตกใจกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองตั้งตัวไม่ถูก เธอโดนอโรคาต่อว่าทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลย หญิงสาวยืนนิ่งอยู่ในห้องไม่กี่ลมหายใจ ชายหนุ่มร่างสูงก็ก้าวยาวๆ เข้ามาในห้องก่อนปิดประตูดังปังใหญ่ พอมาถึงเขาก็ตวาดเธอทันที
“หมออโรบอกว่าคุณทำให้อาการน้องผมกำเริบ”
นิภิศาจ้องอีกฝ่ายกลับไปด้วยสีหน้านิ่งๆ เธอพยายามจะดูว่าเขาจะเล่นงานเธอไม้ไหน
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณมีเรื่องอะไรกับหมออโร แต่ทำไมต้องมาอาละวาดในห้องของน้องผมด้วย”
กันต์กรขยับเข้ามาใกล้นิภิศา เขามองเธอด้วยสายตาสงสัย ครู่หนึ่งความแจ้งชัดจึงฉายบนใบหน้าคมเข้ม นิ้วหนาชี้มาที่หน้านิภิศา
“นี่คุณ คุณนี่เอง”
หงส์สาวเชิดหน้าสู้ แววตาและสีหน้าของเขาบอกว่าชายคนนี้จำเธอได้แล้ว
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
นิภิศาไม่อยากพูดกับคนอารมณ์ร้อนให้มากความ เธอไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่จำเป็นต้องยืนให้เขาบันดาลโทสะใส่ หญิงสาวหมุนตัวหมายจะเดินออกจากห้อง แต่ร่างสูงที่คล่องไวก็เข้ามาขวางหน้าไว้ ก่อนจะซักไซ้ต่ออย่างฉุนเฉียว
“ผมถาม คุณทำไมไม่พูด คิดจะหนีหรือไง หากน้องผมเป็นอะไรไป ผมไม่ยอมแน่”
นิภิศาตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเฉย เพียงแค่ขยับคอมองคนบ้าที่กัดฟันกรอดอย่างสมเพช
“อ้อ ที่แท้คงเป็นแฟนหมออโรสินะ”
นิภิศาถอนหายใจ เดินอ้อมตัวเขาไปอีกด้าน คราวนี้ชายหนุ่มคว้าแขนเธอไว้ นิภิศาถึงกับสะดุ้งสุดตัว นอกจากหงส์ที่เธอดูแลอย่างอโรคาแล้ว เธอไม่ชอบให้ชายใดมาแตะเนื้อต้องตัว ถึงแม้เขาคนนี้จะเคยสัมผัสมือเธอแล้วก็ตาม
หงส์สาวหันขวับไปก่อนจะใช้มืออีกข้างหนึ่งดึงมือใหญ่ออกจากแขนตัวเอง แต่พลังที่ฝึกปรือนับร้อยปีมิอาจทำอะไรชายหนุ่มผู้นี้ได้เลย เธอจึงลองเป่ามนตร์ใส่ แต่ก็ไม่บังเกิดอะไรนอกจากลมแผ่วๆ ที่พัดผ่านใบหน้าของชายคนนั้นไป
นั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายโกรธขึ้นอีกเท่าตัว
“นี่คุณทำอะไร ยั่วโมโหผมเหรอ”
“ปล่อย”
นิภิศาปลดปล่อยเสียงแรกกับชายหนุ่มขณะพยายามดึงแขนตัวเองออก แต่อีกฝ่ายกลับจับแน่นขึ้น
“ไม่ได้เป็นใบ้นี่ พูดไม่ได้เหรอ แค่คำขอโทษน่ะ”
คนโดนรั้งหมดสิ้นกำลังเมื่ออยู่กับชายผู้นี้ เพราะอะไรกัน
หรือว่า...อาคมจากสร้อยบ่วงบาศหงส์! เธอไม่คิดว่ามันจะทรงอำนาจถึงเพียงนี้ ขณะที่หัวสมองนิภิศาไม่ได้คิดถึงเรื่องของชายหนุ่ม กันต์กรก็ยังไม่ยอมหยุดเค้น
“พูดมาสิว่าขอโทษ ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะได้ไปไหน”
นิภิศายกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นหมายจะตบชายหนุ่ม แต่มืออีกฝ่ายที่ไวกว่ารั้งข้อมือเธอไว้ นิภิศาหายใจเร็วขึ้นเมื่อใบหน้าเข้มเลื่อนชิดเข้าหาเธอ ริมฝีปากได้รูปกระซิบถามแผ่วเบา
“บอกมาว่าคุณมาทำอะไรที่นี่”
หงส์สาวพยายามจ้องหน้าสู้อีกฝ่าย เธอจะทำเป็นอ่อนแอต่อหน้าคนแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเธอจะกลายเป็นเหยื่อ แต่ใบหน้าของเขากลับเลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พอปลายจมูกโด่งกำลังจะชิดหน้าเธอ นิภิศาก็เผลอตอบไปอย่างไม่รู้ตัว
“มาตามตัวอโรคา”
“นั่นไง!” กันต์กรโพล่งออกมาก่อนทิ้งมือนิภิศาลงข้างตัวเธอ “เรื่องผัวๆ เมียๆ นี่เอง”
นิภิศากัดกรามแน่น เธอกำลังถูกดูถูกอย่างมากจากคนตรงหน้า และเขาก็ยังไม่ยอมหยุดพูดจาหยาบคาย
“ช่างเถอะ” คนอารมณ์ร้อนมองเธออย่างตำหนิ “แต่มาก่อเรื่องในห้องคนไข้แบบนี้ ควรไปหัดปรับปรุงมารยาทมาหน่อยนะ อย่าทำตัวเป็นคนไร้จิตสำนึกหน่อยเลย”
นิภิศาจับข้อมือแดงเรื่อของตัวเองแล้วรีบหมุนตัวเดินหนีชายผู้นั้น ในชีวิตนี้ไม่เคยมีใครตำหนิและดูถูกเธอแม้แต่ท่านยายสุเรนนาก็ยังไม่เคยใช้คำรุนแรงเพียงนี้
นิภิศานึกว่าเขาจะเป็นคนดีเสียอีก แวบหนึ่งในความคิดเธออยากจะซัดเขาให้ปลิว แต่ก็ยังตั้งสติเพื่อไม่ให้โทสะเข้าครอบงำจิตใจเพียงเพราะคำด่าของมนุษย์คนเดียว อย่างไรก็ขออย่าให้ได้เจอคนแบบนี้อีกเลย หญิงสาวส่ายหน้าขจัดอารมณ์ไม่ปกติที่ก่อตัวขึ้น ก่อนจะรีบก้าวออกจากโรงพยาบาลทันที
@เมื่อคืนหงส์สาวกลับมาที่รังด้วยความผิดหวัง แผนการล้มเหลวไม่เป็นท่าแถมยังถูกมนุษย์ผู้ชายคนนั้นต่อว่าเสียๆ หายๆ อีก ส่วนตัวต้นเหตุอย่างอโรคานอกจากจะไม่เข้าข้างเธอ กลับตราหน้าเธอว่าเป็นคนไร้หัวใจ คำพูดของเขาดังขึ้นในหัวทุกครั้งที่เธอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ แต่ใจของนิภิศาก็แย้งคำพูดของอโรคา ไร้หัวใจตรงไหน คนที่ทำผิดอย่างอโรคาต่างหากที่ควรจะเป็นคนไร้หัวใจไร้จิตสำนึก มิใช่เธอที่ทุ่มเทให้แก่หน้าที่ นึกแล้วอารมณ์ขุ่นมัวก็ดูเหมือนจะฟุ้งกระจายขึ้นมาอีก
ใช่ คำพูดของมนุษย์ก็เหมือนมารผจญใจ หากเธอยึดติดก็คงไม่ต่างอะไรกับถูกฉุดลงสู่บ่อกิเลสเหมือนอโรคา
“จะว่าไปก็น่าสงสารอโรคา” เจ้ากระจิบน้อยที่นั่งอยู่ข้างกายเอ่ยขึ้น นิภิศาไม่อยากเชื่อ แม้แต่นกน้อยตัวนี้ก็ยังเห็นดีเห็นงามกับคนทำผิด ไม่ต้องรอให้หงส์สาวถามมันว่าทำไม มันก็รีบอธิบายต่อ
“ตัวเองยังไม่รู้จักความรัก ตัวเองถึงไม่เข้าใจอโรคา”
ความรัก…นิภิศาทวนคำคำนี้ในใจ
...ไม่จริงหรอก เธอมีความรัก พอคิดได้เธอจึงรีบแย้งกระจิบน้อย
“ข้ามีความรัก รักท่านยายสุเรนนา”
“ตัวเองยังอ่อนต่อโลกจริงๆ นั่นแหละ” กระจิบหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเบนไปเรื่องอื่น “แล้วตัวเองจะทำยังไงกับเรื่องอโรคา”
นิภิศานิ่งคิดก่อนจะให้คำตอบ “ข้าจะลองไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้เขาต้องยอมกลับไป”
“ไม่มีทาง ความรักนั้นยิ่งใหญ่ ตัวเองยังไม่รู้จักอำนาจของมันดี” กระจิบน้อยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ไม่ทันที่นิภิศาจะฉงนเรื่องความรัก จู่ๆ ก็มีเสียงอะไรบางอย่างกระแทกดังมาแว่วๆ
“เสียงอะไร” กระจิบน้อยทักขึ้น “เค้าขอตัวไปดูก่อนนะ”
มันตีปีกบินไปที่บ้านของกันต์กร ก่อนจะบินกลับมาพร้อมกับร้องลั่นอย่างตกใจ
“ตายแล้วๆ ป้าเมี้ยนเป็นลม ไปช่วยป้าเมี้ยนก่อนเร็ว”
หงส์สาวมองนกกระจิบเป็นเชิงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์ แต่เจ้านกกระจิบตัวแสบก็หว่านล้อมด้วยคำพูดว่า การช่วยเหลือคนเป็นบุญกุศล นิภิศาจึงต้องยอมแพ้แพ้ทิฐิของตนเอง เหาะตามนกกระจิบไปจนถึงหน้าบ้านของชายหนุ่ม เธอเห็นร่างอวบของหญิงสูงวัยนอนคว่ำหน้ากองอยู่กับพื้น ข้างๆ ตัวมีผักผลไม้กระจัดกระจาย หญิงสาวมองซ้ายขวา พอเห็นไม่มีคน เธอจึงเทียบเท้าลงพื้น
นิภิศารีบพลิกตัวของหญิงสูงวัยให้หงายขึ้น อากาศร้อนขนาดนี้คงจะเป็นลมแดด เธอจึงอุ้มนางมาไว้ใต้ร่มไม้ แล้วรีบร่ายมนตร์พรางตาเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นตัวเธอกับป้าเมี้ยน ก่อนจะกวักมือเรียกลมพัดเข้าใบหน้าของนาง ส่วนนกกระจิบก็คอยถามอยู่ใกล้ๆ
“ป้าแกเป็นไงบ้าง”
“ไม่เป็นอะไรมาก” นิภิศาตอบเรียบๆ
เพราะมนตร์ที่ปนมากับลมที่นิภิศาเรียก ช่วยให้หญิงสูงวัยได้สติเร็วขึ้น หนังตาเหี่ยวค่อยๆ ลืมขึ้น ขณะที่ปากของนางนั้นเอ่ยถาม
“นี่ฉันเป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรหรอก” นิภิศาตอบเสียงใส ขณะที่พยายามพยุงหญิงสูงวัยให้นั่ง “ท่านแค่เป็นลม”
“เป็นลม” ป้าเมี้ยนว่าก่อนจะเหลียวหาตะกร้า “ตายๆ อาหารเย็นที่จะมาทำให้คุณกรเย็นนี้ ไม่น่าเลย”
นิภิศาร่ายมนตร์ในใจ ตะกร้ากับวัตถุดิบทำอาหารจึงเข้ามาอยู่ในมือเธอโดยป้าเมี้ยนไม่ทันสังเกต หญิงสาวยื่นของคืนให้นาง ซึ่งอีกฝ่ายดูจะดีใจจนลืมไปว่าตนเองป่วย
“โล่งอกไปที ดีที่ซื้อมาไม่เสียของ” หญิงสูงวัยเอาของในตะกร้ามาตรวจดู และพอมั่นใจว่ามันยังใช้ได้ จึงหันมาหาคนที่มาช่วยเหลือ “ว่าแต่หนูเป็นใครจ๊ะ”
นิภิศายิ้มตอบเพียงน้อยๆ อีกฝ่ายยื่นมือเข้ามากุมมือหงส์สาว “ตรงนี้ร้อนเหลือเกิน ป้าว่าเข้าไปในบ้านเถอะจ้ะ ป้าจะหาอะไรให้กินตอบแทนน้ำใจที่หนูช่วยป้าน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก” นิภิศาปฏิเสธ “ข้าไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด”
ป้าเมี้ยนฟังแล้วก็เลิกคิ้วก่อนจะยิ้มกว้าง “หนูนี่พูดจาตลกดีนะ เหมือนคนสมัยโบราณยังไงยังงั้น แล้วดูแต่งตัวจะไปงานแฟนซีที่ไหนเหรอจ๊ะ”
นิภิศาขมวดคิ้ว ดวงตาของหญิงชราผู้นี้อ่อนโยน ดูสงบและแฝงไปด้วยความเอ็นดู ต่างจากท่านยายสุเรนนาอย่างสิ้นเชิง แต่ชั่วเวลาไม่กี่วันนี้เธอได้เห็นแล้วว่ามนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงสีหน้าเป็นอย่างไรก็ได้ตามใจนึก หญิงสาวจึงไม่ไว้ใจมนุษย์หน้าไหนทั้งนั้น
แต่นิภิศาก็จำใจต้องไปส่งหญิงสูงวัยในบ้าน เพราะเห็นว่านางคงจะเดินเข้าไปเองไม่ไหว พอป้าเมี้ยนถามเรื่องเธอหนักเข้า นิภิศาจึงยอมเอ่ยปากบอกชื่อตัวเอง เพราะเห็นแก่นกกระจิบที่ขอให้เธอปฏิบัติตัวดีกับป้าเมี้ยน ซึ่งมันบอกว่าแม่บ้านคนนี้เป็นคนดี
“หนูนิภิศา ชื่อเพราะจัง” ป้าเมี้ยนว่าพร้อมรอยยิ้ม นิภิศานั่งหน้านิ่งๆ เพื่อคิดหาทางออกจากที่นี่
“แล้วหนูเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”
นิภิศาเผยอยิ้มน้อยๆ ขณะที่ป้าเมี้ยนยังชมเธอไม่ขาดปาก จนหงส์สาวรู้สึกอึดอัด ก่อนจะรีบขอตัวกลับก่อน แม่บ้านร่างอวบไม่ได้รั้งให้นิภิศาอยู่เสวนาต่อ แถมยังเอาถุงใส่ของบางอย่างมาให้นิภิศาด้วย
“นี่ ลูกชุบ ป้าทำเอง เอาไปทานนะจ๊ะ”ป้าเมี้ยนยื่นถุงให้พร้อมรอยยิ้มกว้าง
หญิงสาวโบกมือปฏิเสธแต่หญิงสูงวัยก็ยังยัดเหยียดถุงให้นิภิศาถือจนได้
“เถอะน่า ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จ้ะ”
นิภิศาพนมมือไหว้ป้าเมี้ยนเพื่อล่ำลา ขณะที่นางลูบไหล่ของหญิงสาวเบาๆ และนั่นก็ทำให้นิภิศา
เริ่มรู้สึกแปลกในใจ เธอผละออกมาจากมืออวบนั้นแล้วรีบค้อมหัวให้ ก่อนจะก้าวเร็วๆ ออกจากบ้าน พอพ้นสายตาของป้าเมี้ยนก็บินข้ามหลังคาบ้านกลับรังโดยมีกระจิบน้อยบินตามมาติดๆ
“เป็นไงล่ะ นิภิศา การช่วยมนุษย์”นกกระจิบเอ่ยถาม
นิภิศาไม่ตอบ เธอเอากล่องกระดาษออกมาจากถุงก่อนจะเปิดฝาออก ในนั้นมีผักและผลไม้จิ๋วสีสันสวยงามและกลิ่นหอมหวานชวนให้ลิ้มลอง นิ้วเรียวหยิบลูกชุบรูปพริกขึ้นมา แต่ก็ชะงักแล้ววางลงในกล่องดังเดิม เพราะตระหนักแล้วว่าในโลกมนุษย์นี้ สิ่งที่มีสีสันสวยงามอาจมีพิษ
“ตัวเองจะไม่ลองชิมหน่อยเหรอ”
หงส์สาวยื่นกล่องมาตรงหน้า ครู่หนึ่งกล่องขนมก็สูญสลายกลายเป็นผุยผง นกกระจิบร้องอย่างตกใจ
“นี่ตัวเองทำอะไร ไม่นะ”
“ข้าไม่อยากวุ่นวายกับมนุษย์” นิภิศาตอบเรียบๆ
“ให้มันจริงเท้อ” นกกระจิบทำเสียงสูง “วันไหนหลงรักมนุษย์ขึ้นมาเค้าจะหัวเราะให้ดู”
นิภิศาส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิหลับตาเพื่อนั่งวิปัสสนาโดยไม่สนใจคำพูดไร้สาระของเจ้านกกระจิบอีก มันจึงบินกลับรังไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ย
ถึงแม้กายนิภิศาจะอยู่ในความสงบ แต่ใจของเธอกลับตำหนิตัวเองที่เข้าไปวุ่นวายกับคนอื่นมากเกินไป พวกเขาอาจนำพาหายนะมาสู่เธอโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวถือเสียว่าครั้งนี้เธอตอบแทนบุญคุณที่มาอาศัยบริเวณบ้านพวกเขาอยู่ หากไม่ช่วยป้าเมี้ยนก็คงรู้สึกผิดที่เป็นผู้ถือศีลแต่ไร้จิตเมตตา
ส่วนสร้อยบ่วงบาศหงส์ที่มนุษย์หนุ่มนามกันต์กรครอบครองอยู่ ลึกๆ ในใจเธอก็อยากจะเข้าไปสืบสาวที่มาที่ไปของมัน แต่เกรงว่าจะเป็นการเสียเวลา เพราะหน้าที่หลักของเธอต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว เธอต้องนำตัวอโรคากลับสู่จิตตกูฏตามคำบัญชาของท้าวธตรัทและจะไม่ยอมให้เรื่องของคนอื่นมาเป็นอุปสรรคได้อีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ