"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย
8.9
เขียนโดย January13
วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.
37 ตอน
25 วิจารณ์
42.47K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ปริศนาคาใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วันนั้นเคนอิจิและอริสาทำธุระเสร็จเกือบค่ำ ออกจากร้านเวดดิ้งได้ก็รีบพากันมาสมทบกับครอบครัวของทั้งสอง ที่ภัตตาคารด้านล่างของโรงแรมที่อริสาและครอบครัวพักอยู่
“วันนี้ไปดูโบสถ์มาเป็นยังไงกันบ้างจ๊ะ เลือกได้หรือยัง” อากิโอะคุณคูรมหาลัยวัยใกล้เกษียณ ผู้เป็นแม่ของเคนอิจิถาม ใบหน้าดูใจดี แม้อายุเยอะแล้วแต่ก็ยังสวยตามแบบฉบับกุลสตรีญี่ปุ่น
“เลือกได้แล้วครับ เราเลือกโบสถ์คาทอลิกโออุระ” ลูกชายตอบ หลังจากเห็นแฟนสาวที่นั่งติดกัน เหม่อลอยเขี่ยอาหารในจานไปมา
“ดีเลย อย่างนี้เราจัดงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆ ที่สวนโกลฟเวอร์ต่อ หลังจากเสร็จพิธีก็ดีเหมือนกันนะ” ฮิโรกิ ชายมีอายุรูปร่างท้วม สูงใหญ่อดีตวิศวกรที่เกษียณตัวเองก่อนกำหนดเนื่องจากสุขภาพเข่าไม่ค่อยดีเสนอขึ้น เขาเป็นพ่อที่ทำงานหนักและดูแลครอบครัวอย่างดี จึงเป็นแบบอย่างที่เคนอิจิยึดถือ
“อริสจังว่ายังไง” ฮิโรกิหันมาถามความเห็นลูกสะใภ้ นิชนกถึงจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอเดาได้ว่าเขากำลังถามอะไรสักอย่างกับพี่สาว ที่นั่งใจลอยอยู่ข้างๆ เธอจึงใช้ศอกสะกิดเบาๆ อริสาสะดุ้งก่อนหันหน้ามาถามน้องสาวด้วยสายตาประมาณว่ามีอะไร นิชนกส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าฮิโรกิถามว่าอะไร
“คุณพ่อถามว่า หลังจากเสร็จพิธี ถ้าจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆ ที่สวนโกลฟเวอร์คุณจะว่ายังไงครับ” เคนอิจิหันมาถามแฟนสาว หลังจากเห็นสองพี่น้องส่งสายตางงๆ กันอยู่พักหนึ่ง
“อ๋อ ดีค่ะ ดี”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปบอกร้านเวดดิ้งนะครับ” เคนอิจิบอก อริสาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนหันไปแปลสิ่งที่ฮิโรกิถาม ให้พ่อ แม่ และน้องสาวตัวเองฟัง การสนทนาระหว่างผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยความยากลำบากนิดหน่อย เนื่องจากสำเนียงภาษาอังกฤษทางพ่อแม่เคนอิจิค่อนข้างฟังยาก ต้องแปลกันไปแปลกันมาหลายรอบ ทั้งภาษาไทย อังกฤษ ญี่ปุ่นครบ แต่ก็ทำให้มื้อค่ำนั้นสนุก เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ยกเว้นอริสาที่ต้องแสร้งยิ้มแต่ในใจครุ่นคิดแต่เรื่องที่เกิดขึ้นตอยบ่าย
จบมื้อค่ำนั้นอริสาเดินมาส่งเคนอิจิและครอบครัวที่รถ โดยบอกลา ฮิโรกิ และอากิโอะ พร้อมโค้งอย่างอ่อนน้อมตามธรรมเนียมญี่ปุ่น ผู้สูงอายุทั้งสองคนจึงพากันไปรอที่รถ ปล่อยให้หนุ่มสาวร่ำลากัน
“วันนี้อริสจังคงเหนื่อยมาก พักผ่อนเยอะๆ นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้คนขับรถเอารถมาจอดไว้ที่นี่สักคัน เผื่ออริสจังอยากพาครอบครัวไปเที่ยวแถวนี้ ดีไหมครับ” เคนอิจิถามขณะกุมมือคนรักด้วยความอ่อนโยน
“ดีคะ ยัยนิชบ่นอยากไปเที่ยวอยู่พอดี ขอบคุณนะคะเคนจัง” อริสาพูดเสียงหวาน เคนอิจิยิ้ม พร้อมยกมือเรียวที่กุมไว้ขึ้นมาจูบ อริสาไม่ได้ขัดขืน แม้เคนอิจิอยากถามถึงอาการแปลกๆ ของคนรักที่เขาเห็นในวันนี้ แต่ก็รู้ดีว่าอริสาจะตอบว่าไม่ได้เป็นอะไร เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง เขาจึงไม่ได้เอ่ยถามแต่อย่างใด
“ไปนะครับ” เขากล่าวลาแฟนสาวเสร็จ ก็เดินไปขึ้นรถ ก่อนคนขับรถจะขับออกไป อริสายืนโบกมือให้อยู่เบื้องหลังจนรถลับตา
...ก๊อก ก๊อก...ประตูห้องพักเปิดออกอย่างรวดเร็ว โดยที่อริสาเคาะยังไม่ครบสามครั้ง
“มานี่เลย” นิชนกคว้าแขนพี่สาวได้ก็รีบดึงตัวอริสามาที่ห้องนั่งเล่น
“วันเนี่ยหลังจากพี่ไปดูโบสถ์กลับมา พี่ดูแปลกๆ ไปนะ ใจลอยอยู่นั่นแหละ เป็นอะไรหรือเปล่า”นิชนกถามหลังจากนั่งลงบนโซฟา
“ไม่มีอะไรหรอก” อริสาหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์เพื่อบ่ายเบี่ยง
“ไม่ต้องมาโกหกเลย ฉันดูออกนะ” น้องสาวดึงรีโมทจากมืออริสามาปิดโทรทัศน์
“เล่าไปแกก็หาว่าพี่บ้าหน่ะสิ”
“ก็เล่ามาก่อน” นิชนกลากเสียงยาวท้ายประโยค
“ตอนบ่ายที่ไปดูโบสถ์มาหน่ะ โบสถ์ที่สองชื่อโบสถ์อุราคามิ น่ากลัวมากเลย” พี่สาวเล่า
“น่ากลัวยังไงอ่ะ แล้วไม่สวยหรอ เห็นพี่เคนบอกเลือกโบสถ์คาทอลิกโออุระ”
“ไอสวยหน่ะ มันก็สวย สวยกว่าโบสถ์คาทอลิกโออุระด้วยซ้ำไป แต่บรรยากาศมันดูวังเวงยังไงชอบกล แถมยังมีบาทหลวงดูเพี้ยนๆ พูดจาประหลาดๆ ด้วย”
“เขาพูดว่าอะไรหรอ”
“เขาบอกว่าเคนจังกับพี่ไม่ใช่เนื้อคู่กัน” อริสาเล่าเสียงอ่อย
“พูดอะไรก็ไม่รู้คนเขากำลังจะแต่งงานกัน” นิชนกฉุน เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่สาว
“ยังไม่พอนะ แถมยังบอกอีกว่า เนื้อคู่ของพี่น่ะ...อยู่ในโลกของคนตาย”
“เออบ้าจริงๆด้วยแฮะ”น้องสาวมองหน้าอริสาแบบไม่เชื่อ
“เห็นไหมหละ บอกแล้ว”
“ก็แหม คนมีเนื้อคู่เป็นผีเนี่ยนะ ประสาท เหอๆ นี่คือที่มาของเนื้อเพลงท่อนที่ว่า เนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดสักทีสินะ หึหึหึ” นิชนกขำในลำคอ
“แกว่า...มันจะเกี่ยวอะไรกับฝันร้ายที่พี่เคยเล่าให้แกฟังไหม” อริสาถามสีหน้าครุ่นคิด
“ไอพิธิแต่งงานร้าง น่ากลัวๆ ที่พี่เล่าให้ฉันฟังเมื่อหลายปีก่อนนู้นหน่ะหรอ” นิชนกเท้าความ
“ใช่ ตั้งแต่นั้นมาพี่ก็ฝันแบบนี้บ่อยมาก แทบทุกคืนด้วยซ้ำไป”
“เอาน่า อย่าคิดมากเลยคนจะแต่งงานก็เงี่ย ชอบมีมารมาผจญ พี่อย่าใส่ใจเลยนะ ทำใจให้สบายดีกว่า”
“อืม ก็ได้ ว่าแต่พรุ่งนี้อยากไปเที่ยวไหนหละเราหน่ะ” อริสาถามเปลี่ยนเรื่อง
“เริ่มจากที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู ( Nagasaki Atomic Bomb Museum) บินมาญี่ปุ่นบ่อยมากไม่เคยได้เที่ยว พักร้อนยาวคราวนี้แหละ แม่จะเที่ยวให้หนำใจเลย หึ” นิชนกพูดอย่างสะใจ
“จ้าแม่แบ็คแพคเกอร์ ถ้าอย่างนั้นก็รีบอาบน้ำแล้วไปนอนซะ” พี่สาวไล่ คนน้องยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะลุกไป อริสาที่ยังนั่งอยู่ อดคิดวนเวียนเรื่องเดิมไม่ได้ ...เฮ้อ...เธอถอนหายใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://anngle.org/th/j-culture/culture/kakojpn-pic.html
http://www.zabzaa.com/travel/travel.php?id=434
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000109566
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=panlert&date=01-04-2010&group=14&gblog=4
“วันนี้ไปดูโบสถ์มาเป็นยังไงกันบ้างจ๊ะ เลือกได้หรือยัง” อากิโอะคุณคูรมหาลัยวัยใกล้เกษียณ ผู้เป็นแม่ของเคนอิจิถาม ใบหน้าดูใจดี แม้อายุเยอะแล้วแต่ก็ยังสวยตามแบบฉบับกุลสตรีญี่ปุ่น
“เลือกได้แล้วครับ เราเลือกโบสถ์คาทอลิกโออุระ” ลูกชายตอบ หลังจากเห็นแฟนสาวที่นั่งติดกัน เหม่อลอยเขี่ยอาหารในจานไปมา
“ดีเลย อย่างนี้เราจัดงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆ ที่สวนโกลฟเวอร์ต่อ หลังจากเสร็จพิธีก็ดีเหมือนกันนะ” ฮิโรกิ ชายมีอายุรูปร่างท้วม สูงใหญ่อดีตวิศวกรที่เกษียณตัวเองก่อนกำหนดเนื่องจากสุขภาพเข่าไม่ค่อยดีเสนอขึ้น เขาเป็นพ่อที่ทำงานหนักและดูแลครอบครัวอย่างดี จึงเป็นแบบอย่างที่เคนอิจิยึดถือ
“อริสจังว่ายังไง” ฮิโรกิหันมาถามความเห็นลูกสะใภ้ นิชนกถึงจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอเดาได้ว่าเขากำลังถามอะไรสักอย่างกับพี่สาว ที่นั่งใจลอยอยู่ข้างๆ เธอจึงใช้ศอกสะกิดเบาๆ อริสาสะดุ้งก่อนหันหน้ามาถามน้องสาวด้วยสายตาประมาณว่ามีอะไร นิชนกส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าฮิโรกิถามว่าอะไร
“คุณพ่อถามว่า หลังจากเสร็จพิธี ถ้าจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาเล็กๆ ที่สวนโกลฟเวอร์คุณจะว่ายังไงครับ” เคนอิจิหันมาถามแฟนสาว หลังจากเห็นสองพี่น้องส่งสายตางงๆ กันอยู่พักหนึ่ง
“อ๋อ ดีค่ะ ดี”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปบอกร้านเวดดิ้งนะครับ” เคนอิจิบอก อริสาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนหันไปแปลสิ่งที่ฮิโรกิถาม ให้พ่อ แม่ และน้องสาวตัวเองฟัง การสนทนาระหว่างผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเป็นไปด้วยความยากลำบากนิดหน่อย เนื่องจากสำเนียงภาษาอังกฤษทางพ่อแม่เคนอิจิค่อนข้างฟังยาก ต้องแปลกันไปแปลกันมาหลายรอบ ทั้งภาษาไทย อังกฤษ ญี่ปุ่นครบ แต่ก็ทำให้มื้อค่ำนั้นสนุก เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ยกเว้นอริสาที่ต้องแสร้งยิ้มแต่ในใจครุ่นคิดแต่เรื่องที่เกิดขึ้นตอยบ่าย
จบมื้อค่ำนั้นอริสาเดินมาส่งเคนอิจิและครอบครัวที่รถ โดยบอกลา ฮิโรกิ และอากิโอะ พร้อมโค้งอย่างอ่อนน้อมตามธรรมเนียมญี่ปุ่น ผู้สูงอายุทั้งสองคนจึงพากันไปรอที่รถ ปล่อยให้หนุ่มสาวร่ำลากัน
“วันนี้อริสจังคงเหนื่อยมาก พักผ่อนเยอะๆ นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้คนขับรถเอารถมาจอดไว้ที่นี่สักคัน เผื่ออริสจังอยากพาครอบครัวไปเที่ยวแถวนี้ ดีไหมครับ” เคนอิจิถามขณะกุมมือคนรักด้วยความอ่อนโยน
“ดีคะ ยัยนิชบ่นอยากไปเที่ยวอยู่พอดี ขอบคุณนะคะเคนจัง” อริสาพูดเสียงหวาน เคนอิจิยิ้ม พร้อมยกมือเรียวที่กุมไว้ขึ้นมาจูบ อริสาไม่ได้ขัดขืน แม้เคนอิจิอยากถามถึงอาการแปลกๆ ของคนรักที่เขาเห็นในวันนี้ แต่ก็รู้ดีว่าอริสาจะตอบว่าไม่ได้เป็นอะไร เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง เขาจึงไม่ได้เอ่ยถามแต่อย่างใด
“ไปนะครับ” เขากล่าวลาแฟนสาวเสร็จ ก็เดินไปขึ้นรถ ก่อนคนขับรถจะขับออกไป อริสายืนโบกมือให้อยู่เบื้องหลังจนรถลับตา
...ก๊อก ก๊อก...ประตูห้องพักเปิดออกอย่างรวดเร็ว โดยที่อริสาเคาะยังไม่ครบสามครั้ง
“มานี่เลย” นิชนกคว้าแขนพี่สาวได้ก็รีบดึงตัวอริสามาที่ห้องนั่งเล่น
“วันเนี่ยหลังจากพี่ไปดูโบสถ์กลับมา พี่ดูแปลกๆ ไปนะ ใจลอยอยู่นั่นแหละ เป็นอะไรหรือเปล่า”นิชนกถามหลังจากนั่งลงบนโซฟา
“ไม่มีอะไรหรอก” อริสาหยิบรีโมทมาเปิดโทรทัศน์เพื่อบ่ายเบี่ยง
“ไม่ต้องมาโกหกเลย ฉันดูออกนะ” น้องสาวดึงรีโมทจากมืออริสามาปิดโทรทัศน์
“เล่าไปแกก็หาว่าพี่บ้าหน่ะสิ”
“ก็เล่ามาก่อน” นิชนกลากเสียงยาวท้ายประโยค
“ตอนบ่ายที่ไปดูโบสถ์มาหน่ะ โบสถ์ที่สองชื่อโบสถ์อุราคามิ น่ากลัวมากเลย” พี่สาวเล่า
“น่ากลัวยังไงอ่ะ แล้วไม่สวยหรอ เห็นพี่เคนบอกเลือกโบสถ์คาทอลิกโออุระ”
“ไอสวยหน่ะ มันก็สวย สวยกว่าโบสถ์คาทอลิกโออุระด้วยซ้ำไป แต่บรรยากาศมันดูวังเวงยังไงชอบกล แถมยังมีบาทหลวงดูเพี้ยนๆ พูดจาประหลาดๆ ด้วย”
“เขาพูดว่าอะไรหรอ”
“เขาบอกว่าเคนจังกับพี่ไม่ใช่เนื้อคู่กัน” อริสาเล่าเสียงอ่อย
“พูดอะไรก็ไม่รู้คนเขากำลังจะแต่งงานกัน” นิชนกฉุน เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่สาว
“ยังไม่พอนะ แถมยังบอกอีกว่า เนื้อคู่ของพี่น่ะ...อยู่ในโลกของคนตาย”
“เออบ้าจริงๆด้วยแฮะ”น้องสาวมองหน้าอริสาแบบไม่เชื่อ
“เห็นไหมหละ บอกแล้ว”
“ก็แหม คนมีเนื้อคู่เป็นผีเนี่ยนะ ประสาท เหอๆ นี่คือที่มาของเนื้อเพลงท่อนที่ว่า เนื้อคู่ฉันยังไม่เกิดสักทีสินะ หึหึหึ” นิชนกขำในลำคอ
“แกว่า...มันจะเกี่ยวอะไรกับฝันร้ายที่พี่เคยเล่าให้แกฟังไหม” อริสาถามสีหน้าครุ่นคิด
“ไอพิธิแต่งงานร้าง น่ากลัวๆ ที่พี่เล่าให้ฉันฟังเมื่อหลายปีก่อนนู้นหน่ะหรอ” นิชนกเท้าความ
“ใช่ ตั้งแต่นั้นมาพี่ก็ฝันแบบนี้บ่อยมาก แทบทุกคืนด้วยซ้ำไป”
“เอาน่า อย่าคิดมากเลยคนจะแต่งงานก็เงี่ย ชอบมีมารมาผจญ พี่อย่าใส่ใจเลยนะ ทำใจให้สบายดีกว่า”
“อืม ก็ได้ ว่าแต่พรุ่งนี้อยากไปเที่ยวไหนหละเราหน่ะ” อริสาถามเปลี่ยนเรื่อง
“เริ่มจากที่นี่เลย พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณู ( Nagasaki Atomic Bomb Museum) บินมาญี่ปุ่นบ่อยมากไม่เคยได้เที่ยว พักร้อนยาวคราวนี้แหละ แม่จะเที่ยวให้หนำใจเลย หึ” นิชนกพูดอย่างสะใจ
“จ้าแม่แบ็คแพคเกอร์ ถ้าอย่างนั้นก็รีบอาบน้ำแล้วไปนอนซะ” พี่สาวไล่ คนน้องยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะลุกไป อริสาที่ยังนั่งอยู่ อดคิดวนเวียนเรื่องเดิมไม่ได้ ...เฮ้อ...เธอถอนหายใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://anngle.org/th/j-culture/culture/kakojpn-pic.html
http://www.zabzaa.com/travel/travel.php?id=434
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000109566
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=panlert&date=01-04-2010&group=14&gblog=4
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ