welcome in to death land ยินดีต้อนรับสู่แดนความตาย

9.3

เขียนโดย darkblack

วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.28 น.

  5 ตอน
  8 วิจารณ์
  9,407 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 16.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากเรียนคาบเช้าไป3ช.ม.อาจารย์เดฟก็บอกเลิกชั้นตอนนี้นักเรียนทุกคนในห้องเริ่มเก็บสัมภาระเข้ากระเป๋าแล้วคุยกันเสียงดังลั่น บางคนก็เอาการ์ตูนออกมาอ่าน บางคนก็ลงไปโรงอาหารไปหาอะไรกินแหงล่ะนี่ก็เที่ยงแล้วต้องกินข้าวเป็นธรรมดา ผมจัดหนังสือวิชาต่อไปมาวางไว้ใต้โต๊ะแล้วเอาวิชาที่แล้วเก็บใส่กระเป๋าอย่างเป็นระเบียบ

"คุณแอล ไปกินข้าวด้วยกันมั้ยครับ"ผมหันมาชวนแอลที่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าอยู่

"เรียกแอลก็พอ...."แอลพูดจบก็ลุกขึ้นเดินหายออกไปอย่างรีบร้อน

เฮ้อ ผมต้องกินข้าวคนเดียวสินะไม่มีเพื่อนด้วยนี่ไม่ชินเลยตอนอยู่ม.ต้นผมมักจะกินกับเพื่อนฝูงตลอดเวลา ผมจึงลุกขึ้นไปยืนเหม่อตรงหน้าต่างผมมองไปยังสวนหลังโรงเรียนที่มีต้นไม้สูงใหญ่เป็นร้อยต้น พื้นหญ้าสีเขียวขจีที่ปลิวสไวตามสายลม ดอกไม้นานาชนิดเบ่งบานรับแสงแดดยามเที่ยงนั่นก็ช่างงดงามหาทีไดเปรียบได้จริงๆ แต่แล้วผมสังเกตุเห็นบางอย่าง ผมลองเพ่งมองดีๆก็เห็นผู้ชายสูงๆคนหนึ่ง ผิวขาวแทบซีดผมสีน้ำตาลใส่เสื้อแจ๊กเก็ตสีแดงดวงตาสีเขียวมรกตดูน่ากลัวกำลังหันซ้ายขวาเหมือนระแวงอะไรบางอย่างแล้วก็วิ่งหายเข้าไปไหนสวน เค้าหนีอะไรน่ะไม่สิเหมือนพยายามไม่ให้ใครเห็นเงาตัวเองเลยตะหากราวกับขโมยที่หาที่ซ่อนให้มิดตา

"อ้าว ซานไม่กินข้าวเที่ยงหรอ"เสียงอันนุ่มนวลของเชลดึงความสนใจของผมไปหาเธอแทน

"อ้อ เดี๋ยวจะไปกินน่ะครับ"

"ไปกับพวกเรามั้ยซาน"เสียงใสแหลมของลีเนตตี้ที่ชวนผมไปกินข้าว

"เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ผมเกรงใจ"ผมยิ้มแห้งๆให้สองสาวสุดสวย

"อ๋อ งั้นพวกเราไปกินข้าวก่อนนะซาน เดี๋ยวเจอกัน"เชลยิ้มแล้วเดินหายออกจากห้องไปกับลีเนตตี้

อันที่จริงผมก็อยากไปนะแต่ผมเขินมากกว่าจู่ๆผู้หญิงสาวสวยมาชวนไปกินข้าวด้วยกันนี่มันรู้สึกเกรงใจแล้วเขิลมากๆเลยอ ผมถอนหายใจแล้วปิดซิบกระเป๋าก่อนที่จะเดินออกจากห้อง

"พี่ซานค๊า~~"เสียงใสแจ๋วของเด็กผู้หญิงเรียกผมทำให้ผมหยุดเดินแล้วหันมาทางเสียง

"อ้าว ลียานี่เอง เรียกพี่มีอะไรหรอ"

"ลียาอยากชวนพี่ไปทานข้าวด้วยกันค่ะ นี่ลียาทำข้าวกล่องมาให้ด้วยน๊า"ลียายิ้มน่ารักแล้วชูข้าวกล่องอีกใบมาให้ผม

"เอ๋? ให้ผมหรอครับ แต่ผม...."

"รับๆไว้เหอะไอน้องชาย สาวทำข้าวกล่องมาให้อย่าบอกปัดทำร้ายน้ำใจสิ"ผมยังไม่ทันพูดจบพี่เอลอาร์ต้าก็ล๊อกคอผมแล้วพูดตอบแทนผมซะแล้ว

"ใช่ๆ ลียาอุตส่าชวนและทำมาให้ตอบตกลงไปเหอะหน่า"คราวนี้เซ็งหนักกว่าเก่าพี่เดลก็หยิกแก้มผมแล้วพูดเสียงดังจนคนอื่นๆหันมามองกันเต็มเลย

"นะคะพี่ซาน"

"ขอบคุณครับ"ผมรับข้าวกล่องของลียามาด้วยรอยยิ้มแต่ทำไมรู้สึกถึงรังสีพ่อสื่อแม่ชัก(?)จากคุณพี่ทั้งสองข้างๆผมด้วยนะ นี่อย่าบอกนะว่าพี่สองคนรวมหัวกันจับผมให้ไปด้วยกับลียา

"พี่ไปก่อนนะซาน"พี่เดลยิ้มแล้วลากพี่เอลอาร์ต้าไปทางบันไดลงสู่ชั้น3

"แล้วเจอกันคาบพักนะไอน้องชาย"พี่เอลอาร์ต้าตะโกนเสียงดังก่อนที่จะโดนลากหายไปทางบันได

"เอ่อ แล้วจะไปกินที่ไหนกันดี"

"ลียามีที่ๆอยากพาพี่ซานไปด้วยนะคะ"ลียาจับมือผมลากฝ่าฝูงชนไปทางชั้น5และขึ้นบันไดชั้นสุดไปสู่สถาณที่ๆหนึ่ง

 

บนดาดฟ้า

"ที่นี่แหละค่ะ ที่ลียาอยากพามาทานข้าวด้วยกัน"ลียาหยุดลากผมแล้วรีบบึ่งไปที่โต๊ะหินอ่อนไสๆที่ตั้งอยู่โต๊ะเดียวแต่มีเก้าอี้สองตัว

"รีบๆมาทานด้วยกันสิคะเดี๋ยวเวลาก็หมดหรอกค่ะ"

"อ๊ะ อืม"ผมรีบเดินไปหาลียาแต่ต้องหยุดชะงักลงเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง

"แค่กๆ แค่กๆ"เสียงไอเหมือนคนป่วยดังที่หลังประตูดาดฟ้าผมจึงชะโงกไปดูก็เห็นว่า มีผู้ชายหุ่นดีรูปร่างค่อนข้างสูงนังไออยู่ ชายคนนี้ผมสีน้ำตาลเลื่อมทอง ผิวขาวซีดยิ่งกว่าอีกคนที่ผมเคยเห็นซะอีก นั่งปรือตามองผมที่อยู่ตรงหน้า

"เอ่อ คุณเป็นอะไรรึปล่าวครับ"

"ไม่เป็นไร...แค่ไม่สบาย..แค่กๆ"ชายคนนั้นไอในขณะที่พูดดูท่าจะป่วยหนักสินะ

"อ่าวนั่น พี่สเปลนี่นา"ลียาเดินมาดูข้างๆผมด้วยแววตาสงสัย

"ไง ลียา..แค่กๆ"

"ไหวมั้ยคะ พี่ดูป่วยหนักมากๆเลย"ขนาดเด็กไร้เดียงสาอย่างลียายังดูออกเลยว่าป่วยหนักมาก

"ไม่เป็นไร...เดี๋ยวพี่ก็..หาย"พี่เค้าพูดเบาๆแล้วส่งยิ้มให้พวกเรา

"นี่ครับ"ผมทนไม่ไหวแล้วเห็นพี่เค้าป่วยแล้วผมสงสารมากๆผมเลยหยิบยาพารายื่นให้พี่เค้าพร้อมน้ำ(พอดีผมพกไว้เสมอพ่อบอกว่าผมขี้โรค- -*)

"หือ?.."

"ถ้าพี่ป่วยแบบนี้เดี๋ยวจะไม่มีแรงไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆนะครับ"ผมยิ้มแล้ววางยากับขวดน้ำไว้ข้างๆพี่สเปล

" ฮะๆ น้องนี่ใจดีจริงๆ ขอบใจนะ ว่าแต่พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย เด็กใหม่หรอ"พี่สเปลกินยาแล้วรีบดื่มน้ำ

"ครับผมชื่อซาน พึ่งมาใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

"พี่จะจำเอาไว้ น้องซาน"พี่สเปลยิ้มให้แล้วเดินลงบันไดดาดฟ้าหายไป

"พี่ซานคะ ข้าวกล่องเย็นหมดแล้วแน่เลย"ลียารีบลากผมไปกินข้าว

"จริงด้วย โทดทีนะลียา"ผมนั่งกินข้าวกับลียา

 

หลังจากกินข้าวเสร็จผมกับลียาก็เดินลงมากจากบันไดดาดฟ้าแล้วเดินไปที่บันไดที่จะลงสู่ชั้น4 ขณะผมกับลียาคุยกันก่อนที่จะเดินไปทางบันได

"เฮ้ย ซานหยุดก่อน"ผมหันกลับไปทางต้นเสียงก็พบอาเทอร์และมาร์ชเดินมาหาผมด้วยความโกรธเกรี้ยว

"เมื่อเช้านายทำชั้นไว้แสบมากนะ"มาร์ชกระชากคอเสื้อผมอย่างแรง

"พี่ๆหยุดเดี๋ยวนี้นะคะ"ลียารีบห้ามมาร์ชอย่างหวาดกลัว

"ยัยเด็กนี่อย่ามาสอดสิวะ"อาเทอร์จับแขนลียาแล้วเหวี่ยงตัวลียาลอยไปกระแทกกำแพงอย่างแรงจนลียาหัวแตกและนอนนิ่งไปเลย

"จะมากไปแล้วนะพวกนาย นั่นเด็กผู้หญิงนะ!!"

"ผู้หญิงแล้วไงเกะกะก็สมควรโดนเหมือนกัน"อาเทอร์แสยะยิ้มมาทางผมอย่างน่าขนลุก

"ถึงตาชั้นบ้างแล้วขอซัดให้หายแค้นหน่อยเถอะ"มาร์ชจับผมชกหน้าจนปากแตกแล้วเหยียบผมลงพื้นจากนั้นมาร์ชกับอาเทอร์ก็รุมผมซะจนสะพักสะบอม ตอนนี้ผมสภาพไม่ต่างจากหมาเลย ผมกระอั่กเลือดออกมาไม่น้อยแล้วเงยหน้ามองทั้งสองคนอย่างแค้น

"แค่นี้น่าจะสาสมแล้วมั้ง"อาเทอร์ปัดตามตัวเองแบบว่าไล่ความสกปรกออกไป

"เฮอะ อย่างนายน่ะตายไปซะก็ดีหรือไม่ก็พิการไปเลย"มาร์ชเตะผมให้ล่วงลงบันไดไป บันไดมันสูงมากๆตกลงไปคงพิการลูกเดียว ผมหลับตาปี๋เพราะรู้ว่าชะตากรรมของตนเองมันเป็นยังไง

ตุบ!

"บ้าชิบ มาช้าไป..."เสียงทุ้มๆของคนๆหนึ่งที่รับตัวผมไว้พูดออกมาแบบอยากฆ่าใครสักคน ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่า คนที่รับตัวผมไว้เป็นคนเมื่อตอนกลางวันที่ทำตัวลับๆล่อๆนั่นเอง

"ร...รุ่นพี่ลูฟ"มาร์ชกับอาเทอร์พูดออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ มาร์ชยืนอึ้งกิมกี่อยู่ส่วนอาเทอร์รีบวิ่งหนีไป

"จะไปไหน...ทำร้ายเพื่อนใหม่ไม่พอยังทำร้ายผู้หญิงอีก"นั่นก็ยิ่งทำให้ผมตกใจมากขึ้นไปอีก รุ้นพี่สเปลยืนดักอาเทอร์ด้วยแววตาโหดเหี้ยม ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะพี่สเปลน่าจะไปห้องเรียนแล้วไม่ใช่หรือ

"ขออัดหน่อยเถอะ"พี่สเปลซัดอาเทอร์ประมาณ3ทีจอดสนิดคามือเลย

"ไม่อยู่แล้วโว้ย!!!!!!"มาร์ชรีบวิ่งหนีไปอีกทางแต่หนีไม่ทันถูกรุ่นพี่สเปลวิ่งดักหน้าแล้วจัดการซัด3ทีจอดเหมือนกัน รุ่นพี่สเปลวิ่งไวชะมัด

"ขอบคุณพี่ทั้งสองมากนะครับ"ผมไอกระอั่กเลือดออกมา

"ไม่เป็นไร พี่แค่อยากตอบแทนน้องซานน่ะส่วนลูฟก็อยากมาช่วย"พี่สเปลอุ้มลียาท่าเจ้าหญิงส่วนพี่ลูฟก็แบกผมท่ากระสอบทรายทั้งคู่รีบวิ่งตรงไปห้องพยาบาลทันที

 

ห้องพยาบาล

"แย่จริง ซานนายเละมาก"ลีเนตตี้ทำแผลให้ผมหลังจากที่พวกพี่ๆพาผมกับลียามา

"เด็กคนนี้ก็แย่เหมือนกัน หัวแตกด้วย"อาจารย์เดฟทำแผลให้ลียาก่อนโทรแจ้งอาจารย์ใหญ่

"ขอบคุณพี่สองคนมากนะ พี่สเปล พี่ลูฟ"ผมก้มหัวให้ทั้งสองคน

"ไม่เป็นไร งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ ป่ะ ลูฟ...อ่าวเฮ้ย"พี่สเปลหันไปหาพี่ลูฟที่ตอนนี้หายไปแล้วจากนั้นพี่สเปลก็วิ่งอย่างไวหายไป

"ซาน ทำแผลให้เสร็จแล้วล่ะ นายไหมมั้ย"ลีเนตตี้เก็บอุปกรณ์แล้วถามผมแบบห่วงๆ

"ไหวครับ ขอบคุณนะครับ"

"งั้นเธอไปเรียนวิชาศิลปะก่อนนะซาน ไปกับลีเนตตี้นั่นแหละ"อาจารย์เดฟดันแว่นก่อนที่จะวางโทรศัพท์

"แล้ว สองคนนั่นล่ะครับ"

"มาร์ชกับอาเทอร์ตอนนี้อยู่ที่ห้องรองผ.อ.ไม่ต้องกลัวหรอกนะ"

"ไปกันเถอะซาน"ลีเนตตี้พยุงผมออกจากห้องพยาบาล

สักพักลีเนตตี้ก็พยุงผมมาถึงห้องศิลปะจนได้ไกลเหมือนกันนะเนี่ย ลีเนตตี้ใช้อีกมือเปิดประตูออกมาเห็นเพื่อนๆทุกคนกำลังนั่งเรียนอยู่พอหันมาดูผมทุกคนก็ตกใจกันมากโดยเฉพาะเชลกับแอล เชลนี้เอามือปิดปากแล้วมองผมด้วยสายตาแบบอยากรู้ว่าผมไปโดนอะไรมา ส่วนแอลนั้นถึงขนาดทำบุหรี่ที่คาบไว้ในปากตกเลยล่ะ ลีเนตตี้พยุงผมไปนั่งที่โต๊ะติดๆกับแอลก่อนที่จะไปนั่งข้างๆเชล

"ซาน! ทำไมนายสภาพแบบนี้ ใครทำอะไรนาย!"เชลถามผมด้วยน้ำเสียงตกใจและจับหน้าผมสำรวญรอยแผล

"ให้ตายสิ....."แอลทุบโต๊ะจนโต๊ะร้าวเลยล่ะ เพื่อนทุกคนก็ซุบซิบกันแบบเบาที่สุด

"ไม่เป็นไรหรอกครับเดี๋ยวก็หาย"ผมรีบหันหน้าไปทางหลังห้องแก้เขินที่เชลจับหน้าผมแต่ผมต้องสะดุดกับบางอย่างเข้า ฝาผนังหลังห้องนั่นมีภาพวาดยมทูตถือเคียวแบบจางๆอยู่ด้วยเขียนชื่อ ภาพด้วยอักษรสีแดงว่า ยมทูต เฟียนติยา ผมเลยลุกขึ้นเดินเซๆไปที่ภาพนั่นทำให้แอล ลีเนตตี้และเชลมองผมแบบงงๆ ผมหยุดอยู่ตรงหน้าภาพนั่นแล้วลงเอื้อมมือไปจับตรงภาพดูจู่ๆ ภาพนั่นก็ส่งแสงสีแดงแบบเฉียบพลันแล้วสว่างวาบขึ้นจนผมและทุกคนในห้องยกมือปิดตากันไปพักใหญ่ สักพักผมก็ลืมตาขึ้นมาพบว่ายมทูตในภาพหายไปแล้ว....

"หึๆๆฮ่าๆๆๆ"จู่ๆประตูและหน้าต่างทุกบานในห้องก็ปิดลงอย่างดังรอบๆห้องและฝาผนังมือเลือดสีแดงสดส่งกลิ่นเหม็นคาวย้อยลงมาชโลมให้ฝาผนังสีขาวกลายเป็นสีแดงฉาน

"กรี๊้ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"เพื่อนๆทุกคนกรีดร้องด้วยความหมาดกลัวแล้วรีบวิ่งไปที่ประตูแต่ประดูมันกลับเปิดไม่ออกทุกคนเลยทุบอย่างแรงหวังว่าจะออกไป เชลกับลีเนตตี้นั่งตัวสั่นอยู่ที่โต๊ะ ส่วนแอลดูเหมือนจะมีแค่แอลคนเดียวที่ยังคงทำหน้านิ่งแต่ว่ากลับเดินสำรวจดูว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงใจผมสั่นไปหมด หายใจไม่ออกด้วยนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

"เจ้าพวกน่าโง่! ข้าคือยมทูตเฟียนติยา ที่นี่คือแดนความตาย ข้าจะสังเวยชีวิตพวกเจ้าทีละคน!!!!!"สิ้นเสียงปริศนาจู่ๆสายฟ้าก็ผ่าลงมีที่ตัวโรงเรียนทำให้ทุกคนหมอบลงกับพื้นอย่างน่าสมเพช แรงสั่นสะเทือนนั่นทำให้กระจกและประตูทุกบนแตกออกเป็นส่วนๆ

"อ๊าก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"หลังจากทุกอย่างหยุดลงทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของใครบางคนดังขึ้นข้างนอก ผมกับแอลไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปนอกห้องเรียนตามด้วยเพื่อนๆทุกคน พอออกมาแล้วหันไปทางซ้ายมือก็พบว่า..

อาเทอร์โดนเศษกระจกชิ้นใหญ่ๆเป็นสิบๆชิ้นแทงตั้งแต่หัวไปจรดเท้าติดอยู่กับฝาผนัง ทั้งตัวอาเทอร์มีเหลือดไหลออกมาจนแฉะกำแพงและพื้นไปทั่ว

ส่วนอีกคนที่ตัวขาดครึ่งเพราะกระจกใหญ่ๆฟัดครึ่งร่างขาดไปแล้วก็คือมาร์ช กำลังพยายามใช้มือพยุงร่างท่อนบนที่เหลือของตนเองมาทางพวกผม

"ช่วย..ด้วย..ช่วย...อั่ก"ยังไม่ทันที่มาร์ชจะได้พูดมากกว่านี้กระจกบนโคมไฟคริสตันก็ร่วงลงมาอย่างแรงฟันหน้าผากมาร์ชออกทำให้สมองไหลลงมาแบบเละๆ เศษกระจกยังร่วงลงมาเลื่อยๆฟันมาร์ชเรื่อยจนกลายเป็นชิ้นเนื้อชิ้นหนาๆ ลูกตากลิ้งออกมาแล้วแตกจนเลือดสาดกระเซ็นมาที่หน้าผมและแอล หัวใจ ตับ ปอด ลำไส้ อวัยวะต่างๆล้วนถูกฟันออกมาอย่างเละสยดสยอง จนทุกอย่างหยุดลง

"กรี๊ด!!!!!!!!!!ไม่นะกรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!"ทุกๆคนร้องไห้และกรีดร้องกันอย่างโหยหวนเพราะหวาดกลัว บางคนก็เป็นลม บางคนก็ช๊อก ผมกับแอลมองหน้ากันแล้วเริ่มตั้งคำถามในใจว่า

 

ยมทูต เฟียนติยานั่น.......เริ่มสังเวยคนอย่างที่พูดแล้ว..........

 

 

 

 

 

 

(แค่นี้แหละ เดี๋ยวบทที่4จะฆ่ากันเยอะกว่านี้อีก ชอบหรือไม่ชอบก็เม้นบอกกันมั่งน๊า)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา