ราชินีสี่ปฐพี
8.6
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
20 บท
1 วิจารณ์
22.51K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) มาเรีย กับภารกิจของการเป็นเจ้าหญิง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ และแล้วภาระอันยิ่งใหญ่ของการเป็นเจ้าหญิงก็มาอีกครั้ง คือเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ได้เสด็จเยี่ยมประชานในภาคอีสาน ซึ่งเมื่อเดินทางถึงเมืองสวีททาวน์ เมืองแรกในภาคอีสาน ตอนนั้นเย็นแล้วจึงพักที่จวนผู้ว่าการเมือง
ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ แล้วถวายพระแสงราชศัตราประจำเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยมาเรีย ไปนมัสการพระประจำเมือง เสร็จแล้วไปศาลากลางเมือง แล้วประจำนบพลับพลาหน้าศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วทั้งสองลงจากพลับพลา เยี่ยมประชาชน ประชาชนที่มาส่วนใหญ่ต่างมีของมาถวายล้วนเป็นของทำด้วยความปราณีต ทำให้มาเรียเริ่มรักและห่วงใยประชาชนมากขึ้นและพร้อมที่จะดูแลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อเยี่ยมประชาชนเสร็จ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารสวีททาวน์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จต่อไปยังศาลหลักเมืองประจำเมืองซันไลต์ ทั้งสองสักการะเสาหลักเมือง เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรไร่สตรอเบอรี่ เสร็จแล้วเสวยพระสุธารส แล้วจึงกลับที่ประทับพักแรม
วันรุ่งขึ้นเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปศาลประจำเมือง ทอดพระเนตรการพิจารณาคดี แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากเมืองสวีททาวน์ ผู้ว่าการเมือง ภริยาผู้ว่าการเมือง ผู้บังคับบัญชาทหาร ภรรยา ผู้บังคับบัญชาตำรวจ ภรรยา และคณะนายทหารและตำรวจ มาเฝ้าส่งเสด็จ แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปยังเมืองซันไลต์ ถึงซุ้มต่อเขตสวีททาวน์ ซันไลต์ ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ แล้วถวายพระแสงราชศัตราประจำเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยมาเรีย ไปนมัสการพระประจำเมือง เสร็จแล้วไปศาลากลางเมือง แล้วประจำนบพลับพลาหน้าศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วทั้งสองลงจากพลับพลา เยี่ยมประชาชน ประชาชนที่มาส่วนใหญ่ต่างมีของมาถวายล้วนเป็นของทำด้วยความปราณีต ทำให้มาเรียเริ่มรักและห่วงใยประชาชนมากขึ้นและพร้อมที่จะดูแลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อเยี่ยมประชาชนเสร็จ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารซันไลต์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จต่อไปยังศาลหลักเมืองประจำเมืองซันไลต์ ทั้งสองสักการะเสาหลักเมือง เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรไร่องุ่น เสร็จแล้วเสวยพระสุธารส แล้วจึงกลับที่ประทับพักแรม
วันรุ่งขึ้นเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปศาลประจำเมือง ทอดพระเนตรการพิจารณาคดี แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากเมืองซันไลต์ แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่ออีก 8 เมือง ซึ่งมีเมืองฮีโร่ เมืองสก๊อต เมืองมิวสิค เมืองเลดี้ครีเอท เมืองอัพบีท เมืองริช เมืองเพลนทีฟูลลี้ และเมืองศิวิไลซ์ ทุกๆที่เสด็จไปพร้อมกับมาเรียนั้น มาเรียได้เห็นว่าประชาชนในแต่ละเมืองนั้นต่างฐานะและต่างอาชีพ แต่มีใจเดียวกันคือความจงรักภักดีมารับเสด็จ และทุกๆที่ที่ไปนั้นมีการจัดซุ้มรับเสด็จอย่างยิ่งใหญ่และสวยงาม ทุกๆที่ที่ไปนั้นมีการพระราชทานพระราชดำรัสแก่ประชาชนเพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่กันและกัน และมีการพระราชทานพระราโชวาทแก่ทหารเพื่อเตือนสติและเตือนใจให้มีความรักแผ่นดินบ้านเกิด และจะพิทักษ์รักษาแผ่นดินบ้านเกิดนั้นให้มีความมั่นคงและปลอดภัย แล้วทั้งเจ้าชายและมาเรียต่างก็นำความปราถนาดีมาให้แก่ประชาชน เพื่อให้มีใจในการอยู่และต่อสู้ชีวิตต่อไป กิจการทุกๆอย่างของเมืองในภาคอีสานนั้นก็ทำให้อาณาจักรกลอรี แลนด์ผืนนี้ มีความเจริญและพอมีพอกินอยู่ได้ วันสุดท้ายของการเยี่ยมประชาชนในภาคอีสานนั้น หลังจากเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรียเยี่ยมประชาชนในเมืองสุดท้ายของภาคอีสานเสร็จ จึงประทับรถไฟพระที่นั่งพร้อมมาเรีย กลับพระนคร
หลังจากที่เจ้าชายจอห์นและมาเรีย กลับมาจากการเสด็จเยี่ยมประชาชนเมืองต่างๆในภาคอีสานมาเป็นเวลาถึง 7 ปีแล้วนั้นพระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงมีพระชนมพรรษา 3 รอบ 36 พรรษา ทั่วทั้งอาณาจักรมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี แต่หัวใจหลักของงานเฉลิมฉลองนั้นคือพระราชพิธีที่จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะและถวายพระพรในโอกาสวันพระบรมราชสมภพ โดยวันแรกของพระราชพิธีคือ การเสกน้ำพระพุทธมนต์เพื่อถวายแด่พระราชา ซึ่งน้ำที่นำมาเสกเป็นน้ำพระพุทธมนต์นั้น ได้น้ำมาจากแม่น้ำต่างๆทั่วอาณาจักรมาเสกและบรรจุลงในพระเต้าโกลเดนโฮลี้วอเทอร์ พระเต้าซิลเวอร์โฮลี้วอเทอร์ และพระเต้าคอพเพอร์โฮลี้วอเทอร์ ที่วัดกู๊ดวิวพอยท์ ของเมืองเซ็นเตอร์ พระนคร
วันที่สองของงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่และก็เป็นหัวใจหลักของงานเฉลิมฉลองคือ ในตอนเช้า มีการเคลื่อนขบวนอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์จากวัดกู๊ดวิวพอยท์ ไปยังวังหลวง และการเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพร ซึ่งเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ประธานอาณาจักร ภริยา พร้อมด้วยคณะบริหารอาณาจักร ประธานรัฐธรรมนูญสภา พร้อมด้วยคณะรัฐธรรมนูญสภา อธิบดีศาลฎีกา พร้อมด้วยคณะตุลาการ ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารทั้งสามเหล่าทัพ และประชาชนทุกคน ได้ร่วมจิตร่วมใจกันถวายพระพร พร้อมทั้งถวายน้ำพระพุทธมนต์ และประธานคณะพราหมณ์ ถวายน้ำเทพมนต์ และถวายใบมะตูม แล้วมาถึงในช่วงบ่ายในการเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบ
วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่สามของงานเฉลิมฉลอง เป็นการถวายพระธรรมเทศนาเจริญพระชนมพรรษา พอมาถึงช่วงบ่ายพระราชาเอ็ดเวิร์ด เสด็จพร้อมด้วยพระราชินีเอ็ดน่า ทรงรับคณะทูตานุทูตและกงสุล ที่มาถวายพระพรในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบแล้วต่อมาวันที่สี่ของงานเฉลิมฉลอง ในตอนบ่ายเป็นการเสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค หรือทางบก ไปบูชาพระศรีรัตนตรัย ที่วัดบุ๊ดดาทิชชิ่งมังค์ และพิธีสุดท้ายของงานที่จัดขึ้นเพื่อเป็นราชสักการะและถวายพระพร คือ ในตอนค่ำเป็นงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติ ที่สภาอาณาจักร ซึ่งงานในครั้นนั้นเป็นการรวมตัวของเหล่าข้าราชการจากหน่ยงานต่างๆทั่วอาณาจักร ทั้งในและต่างประเทศที่เยอะมากเป็นประวัติกาล เมื่อมาเรียได้มีโอกาสร่วมงานแบบนี้ ก็รู้สึกได้ทันทีว่า คนที่มีความจงรักรักภักดีนั้นช่างมากมายเสียเหลือเกินที่จะบรรยายได้ เพราะมาเรียนึกว่าจะมีแค่สามัญชนที่ไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรแต่เพียงอย่างเดียวที่มีความจงรักภักดี แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะคนทุกคนที่มีหรือไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ต่างก็มีความจงรักภักดีไม่แพ้กันเลย รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ต่างแล้วก็ล้วนสดุดีและถวายความจงรักภักดีต่อแผ่นดินที่เข้ามาอาศัยและพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกครอง นั่นก็คือ พระราชาเอ็ดเวิร์ด ไม่แพ้กันเลยกับประชาชนที่เกิด เติบโตและได้อาศัยอยู่ที่อาณาจักรที่มีชื่อว่า "กลอรี แลนด์"
ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ แล้วถวายพระแสงราชศัตราประจำเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยมาเรีย ไปนมัสการพระประจำเมือง เสร็จแล้วไปศาลากลางเมือง แล้วประจำนบพลับพลาหน้าศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วทั้งสองลงจากพลับพลา เยี่ยมประชาชน ประชาชนที่มาส่วนใหญ่ต่างมีของมาถวายล้วนเป็นของทำด้วยความปราณีต ทำให้มาเรียเริ่มรักและห่วงใยประชาชนมากขึ้นและพร้อมที่จะดูแลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อเยี่ยมประชาชนเสร็จ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารสวีททาวน์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จต่อไปยังศาลหลักเมืองประจำเมืองซันไลต์ ทั้งสองสักการะเสาหลักเมือง เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรไร่สตรอเบอรี่ เสร็จแล้วเสวยพระสุธารส แล้วจึงกลับที่ประทับพักแรม
วันรุ่งขึ้นเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปศาลประจำเมือง ทอดพระเนตรการพิจารณาคดี แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากเมืองสวีททาวน์ ผู้ว่าการเมือง ภริยาผู้ว่าการเมือง ผู้บังคับบัญชาทหาร ภรรยา ผู้บังคับบัญชาตำรวจ ภรรยา และคณะนายทหารและตำรวจ มาเฝ้าส่งเสด็จ แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปยังเมืองซันไลต์ ถึงซุ้มต่อเขตสวีททาวน์ ซันไลต์ ผู้ว่าการเมือง กราบบังคมทูลรับเสด็จ แล้วถวายพระแสงราชศัตราประจำเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยมาเรีย ไปนมัสการพระประจำเมือง เสร็จแล้วไปศาลากลางเมือง แล้วประจำนบพลับพลาหน้าศาลากลางเมือง ผู้ว่าการเมือง กราบบบังคมทูลนำข้าราชการและประชาชนเฝ้า แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงมีพระราชดำรัสแก่ประชาชน แล้วทั้งสองลงจากพลับพลา เยี่ยมประชาชน ประชาชนที่มาส่วนใหญ่ต่างมีของมาถวายล้วนเป็นของทำด้วยความปราณีต ทำให้มาเรียเริ่มรักและห่วงใยประชาชนมากขึ้นและพร้อมที่จะดูแลให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ใช้เวลาเยี่ยมประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อเยี่ยมประชาชนเสร็จ เสด็จต่อไปยังค่ายทหารซันไลต์ ผู้บังคับบัญชาทหาร กราบบังคมทูลเบิกนายทหารและภรรยา เข้าเฝ้า แล้วพระราชทานพระราโชวาท แล้วตรวจแถวทหาร แล้วเสด็จต่อไปยังศาลหลักเมืองประจำเมืองซันไลต์ ทั้งสองสักการะเสาหลักเมือง เสร็จแล้วไปทอดพระเนตรไร่องุ่น เสร็จแล้วเสวยพระสุธารส แล้วจึงกลับที่ประทับพักแรม
วันรุ่งขึ้นเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปศาลประจำเมือง ทอดพระเนตรการพิจารณาคดี แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากเมืองซันไลต์ แล้วเสด็จพร้อมด้วยมาเรีย ไปต่ออีก 8 เมือง ซึ่งมีเมืองฮีโร่ เมืองสก๊อต เมืองมิวสิค เมืองเลดี้ครีเอท เมืองอัพบีท เมืองริช เมืองเพลนทีฟูลลี้ และเมืองศิวิไลซ์ ทุกๆที่เสด็จไปพร้อมกับมาเรียนั้น มาเรียได้เห็นว่าประชาชนในแต่ละเมืองนั้นต่างฐานะและต่างอาชีพ แต่มีใจเดียวกันคือความจงรักภักดีมารับเสด็จ และทุกๆที่ที่ไปนั้นมีการจัดซุ้มรับเสด็จอย่างยิ่งใหญ่และสวยงาม ทุกๆที่ที่ไปนั้นมีการพระราชทานพระราชดำรัสแก่ประชาชนเพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่กันและกัน และมีการพระราชทานพระราโชวาทแก่ทหารเพื่อเตือนสติและเตือนใจให้มีความรักแผ่นดินบ้านเกิด และจะพิทักษ์รักษาแผ่นดินบ้านเกิดนั้นให้มีความมั่นคงและปลอดภัย แล้วทั้งเจ้าชายและมาเรียต่างก็นำความปราถนาดีมาให้แก่ประชาชน เพื่อให้มีใจในการอยู่และต่อสู้ชีวิตต่อไป กิจการทุกๆอย่างของเมืองในภาคอีสานนั้นก็ทำให้อาณาจักรกลอรี แลนด์ผืนนี้ มีความเจริญและพอมีพอกินอยู่ได้ วันสุดท้ายของการเยี่ยมประชาชนในภาคอีสานนั้น หลังจากเจ้าชายจอห์น เสด็จพร้อมด้วยมาเรียเยี่ยมประชาชนในเมืองสุดท้ายของภาคอีสานเสร็จ จึงประทับรถไฟพระที่นั่งพร้อมมาเรีย กลับพระนคร
หลังจากที่เจ้าชายจอห์นและมาเรีย กลับมาจากการเสด็จเยี่ยมประชาชนเมืองต่างๆในภาคอีสานมาเป็นเวลาถึง 7 ปีแล้วนั้นพระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงมีพระชนมพรรษา 3 รอบ 36 พรรษา ทั่วทั้งอาณาจักรมีการจัดงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี แต่หัวใจหลักของงานเฉลิมฉลองนั้นคือพระราชพิธีที่จัดขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะและถวายพระพรในโอกาสวันพระบรมราชสมภพ โดยวันแรกของพระราชพิธีคือ การเสกน้ำพระพุทธมนต์เพื่อถวายแด่พระราชา ซึ่งน้ำที่นำมาเสกเป็นน้ำพระพุทธมนต์นั้น ได้น้ำมาจากแม่น้ำต่างๆทั่วอาณาจักรมาเสกและบรรจุลงในพระเต้าโกลเดนโฮลี้วอเทอร์ พระเต้าซิลเวอร์โฮลี้วอเทอร์ และพระเต้าคอพเพอร์โฮลี้วอเทอร์ ที่วัดกู๊ดวิวพอยท์ ของเมืองเซ็นเตอร์ พระนคร
วันที่สองของงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่และก็เป็นหัวใจหลักของงานเฉลิมฉลองคือ ในตอนเช้า มีการเคลื่อนขบวนอัญเชิญน้ำพระพุทธมนต์จากวัดกู๊ดวิวพอยท์ ไปยังวังหลวง และการเสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพร ซึ่งเหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ ประธานอาณาจักร ภริยา พร้อมด้วยคณะบริหารอาณาจักร ประธานรัฐธรรมนูญสภา พร้อมด้วยคณะรัฐธรรมนูญสภา อธิบดีศาลฎีกา พร้อมด้วยคณะตุลาการ ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารทั้งสามเหล่าทัพ และประชาชนทุกคน ได้ร่วมจิตร่วมใจกันถวายพระพร พร้อมทั้งถวายน้ำพระพุทธมนต์ และประธานคณะพราหมณ์ ถวายน้ำเทพมนต์ และถวายใบมะตูม แล้วมาถึงในช่วงบ่ายในการเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบ
วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันที่สามของงานเฉลิมฉลอง เป็นการถวายพระธรรมเทศนาเจริญพระชนมพรรษา พอมาถึงช่วงบ่ายพระราชาเอ็ดเวิร์ด เสด็จพร้อมด้วยพระราชินีเอ็ดน่า ทรงรับคณะทูตานุทูตและกงสุล ที่มาถวายพระพรในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบแล้วต่อมาวันที่สี่ของงานเฉลิมฉลอง ในตอนบ่ายเป็นการเสด็จโดยกระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค หรือทางบก ไปบูชาพระศรีรัตนตรัย ที่วัดบุ๊ดดาทิชชิ่งมังค์ และพิธีสุดท้ายของงานที่จัดขึ้นเพื่อเป็นราชสักการะและถวายพระพร คือ ในตอนค่ำเป็นงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติ ที่สภาอาณาจักร ซึ่งงานในครั้นนั้นเป็นการรวมตัวของเหล่าข้าราชการจากหน่ยงานต่างๆทั่วอาณาจักร ทั้งในและต่างประเทศที่เยอะมากเป็นประวัติกาล เมื่อมาเรียได้มีโอกาสร่วมงานแบบนี้ ก็รู้สึกได้ทันทีว่า คนที่มีความจงรักรักภักดีนั้นช่างมากมายเสียเหลือเกินที่จะบรรยายได้ เพราะมาเรียนึกว่าจะมีแค่สามัญชนที่ไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์อะไรแต่เพียงอย่างเดียวที่มีความจงรักภักดี แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่ เพราะคนทุกคนที่มีหรือไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ต่างก็มีความจงรักภักดีไม่แพ้กันเลย รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ต่างแล้วก็ล้วนสดุดีและถวายความจงรักภักดีต่อแผ่นดินที่เข้ามาอาศัยและพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกครอง นั่นก็คือ พระราชาเอ็ดเวิร์ด ไม่แพ้กันเลยกับประชาชนที่เกิด เติบโตและได้อาศัยอยู่ที่อาณาจักรที่มีชื่อว่า "กลอรี แลนด์"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ