ราชินีสี่ปฐพี
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) วันเวลาหลังงานเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบ ผ่านไป (ตอนที่ 1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากผ่านวันงานสโมสรสันนิบาตในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบ ไปแล้วนั้น พระราชินีเอ็ดน่า ได้ทรงพระประสูติกาลเป็นพระราชธิดา เมื่อพระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงทราบเรื่อง จึงพูดอีกมาว่า
"ลูกสาวหรอนี่ เฮอ! ก็ดีเหมือนกัน" แล้วทรงเข้าไปเชยชมพระราชธิดาผู้ประสูติใหม่ด้วยความเอ็นดู แล้ว มาเรีย จึงนำพระราชโอรสและพระราชธิดาของเธอ เข้าไปหาพระราชธิดาของพระราชาเอ็ดเวิร์ด เจ้าหญิงแมรี่ จึงถามมาเรียว่า
"เสด็จแม่ เพคะ เด็กคนนั้นคือใครหรือเพคะ" แล้วมาเรีย ตอบว่า
"เพื่อนลูกไงล่ะลูก" แล้วเจ้าหญิงแมรี่ก็ทำหน้าสงสัยมองหน้ามาเรีย แล้วมาเรียก็ยิ้มและหัวเราะ แล้วมาเรียจึงถามพระราชาเอ็ดเวิร์ดว่า
"แล้วเสด็จพี่เพคะ ตั้งพระนามพระราชธิดาของพระองค์หรือยัง เพคะ" แล้วพระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงยิ้มแล้วตอบว่า
"ยังเลย ยังคิดไม่ออกเลย" แล้วทรงถามกับพระราชินีเอ็ดน่า ที่กำลังทรงพระบรรทมอยู่ไฟอยู่ว่า
"แล้วแม่เอ็ดน่าว่าจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดีล่ะ" แล้วพระราชินีเอ็ดน่า ทรงตอบว่า
"เออ ชื่อว่า...อาร์เวนน่า ที่แปลว่า บรรดาลูกของเทพเจ้า ดีไหมเพคะเสด็จพี่" แล้วพระราชาเอ็ดเวิร์ด ทรงตอบด้วยความเห็นด้วยว่า
"ก็ดีเหมือนกันนะ" แล้ววันนั้นกระทรวงวัง ได้มีการประกาศเรื่อง พระราชินีเอ็ดน่า ทำการพระประสูติกาลพระราชธิดา พร้อมทั้งพระราชทานพระนามแก่พระราชธิดาพระองค์นี้ว่า "อาร์เวนน่า" แล้ววันนั้นดูเหมือนสิ่งต่างๆจะกลับมาสดใสอีกครั้งและดูเหมือนจะมีสีสันอีกครั้ง แล้วต่อมาเมื่อพระราชธิดาพระองค์นี้มีพระชนมายุได้ 1 เดือนแล้ว พระราชาจึงโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ที่วังหลวงขึ้น ตามโบราณราชประเพณี แล้วพระราชทานพระอิสริยยศเป็น "เจ้าหญิง"
วันเวลาหลังจากที่เจ้าหญิงอาร์เวนน่า ได้ทรงพระประสูติกาลผ่านไปไม่นานนัก เจ้าชายจอห์นและมาเรีย ได้เสด็จไปเยี่ยมประชาชนในเมืองต่างๆที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นการเยี่ยมประชาชนเป็นครั้งที่ 3 ของเจ้าชายจอห์นและมาเรีย ซึ่งเสด็จไปที่เมืองแดฟโฟดิล เมืองเดซี่ เมืองมารีโกลด์ เมืองคาร์เนชั่น เมืองการ์ดีเนีย เมืองลิลี่ เมืองไอริส เมืองแพนซี เมืองพิทูเนีย เมืองออร์คิด เมืองโรส เมืองซันฟลาวเวอร์ เมืองครอรครัซ เมืองทิวลิป เมืองเจอราเนียม เมืองไวโอเล็ต เมืองพอยเซทเทีย เมืองจัสมิน และเมืองไฮบิสคัส ซึ่งชื่อเมืองในมณฑลภูมิภาคภาคเหนือ ล้วนแล้วเป็นชื่อดอกไม้ทั้งสิ้น เพราะในภาคเหนือเวลาปลูกพืชพันธุ์และดอกไม้ ต้นไม้ต่างๆล้วนแล้วเจริญเติบโตงอกงามดี ทั้งสองไปภาคเหนือ เพื่อเยี่ยมประชาชน แล้วถามไถ่ถึงทุกข์สุข พร้อมทั้งพระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นการพระราชทานกำลังใจแก่ประชาชน เพื่อให้สู้ชีวิตต่อไป พร้อมทั้งเยี่ยมเหล่าทหารหาญผู้กล้า แล้วก็ได้มีการพระราชทานพระราโชวาทเเก่เหล่าทหารเพื่อเป็นการสอนและเตือนสติย้ำคิดให้มีใจที่เเข็งแกร่งและอดทด สมกับเป็นทหารที่แท้จริง และไปเมืองต่างๆในภาคเหนือได้ทรงนมัสการพระประจำเมืองต่างๆ และทอดพระเนตรกิจการต่างๆในภาคเหนือที่ส่งผลให้อาณาจักรนั้นมีความเจริญก้าวหน้าและมั่งคั่ง ทัดเทียมกับอารายประเทศทั่วโลก ใช้เวลาถึง 19 วัน เมื่อถึงวันที่ 19 ของการเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในเมืองต่างๆที่ภาคเหนือ จึงถือว่าเป็นการเสร็จสิ้น แล้วทั้งสองจึงกลับพระนคร
1 ปีต่อมา การเยี่ยมประชาชนก็ได้บังเกิดขึ้นอีกคราหนึ่ง คือเป็นการเสด็จเยี่ยมประชาชนเมืองต่างๆในภาคใต้ของอาณาจักร ซึ่งเมืองต่างๆในภาคใต้นั้นล้วนติดอยู่กับริมทะเล ซึ่งมีเมืองเทราต์ เมืองทูน่า เมืองสวอร์ดฟริช เมืองบาส เมืองชาร์ค เมืองอีล เมืองค็อด เมืองเจลลี่ฟริช เมืองอ็อคโทพูส เมืองแครบ และเมืองสควิด และส่วนใหญ่นับถือศาสนาพราหมณ์ และฮินดู อาชีพส่วนใหญ่เป็นการประมง แล้วเจ้าชายจอห์น และมาเรีย ก็ได้ใช้เวลาในการเยี่ยมประชาชนในภาคใต้ถึง 20 วัน ซึ่งเป็นเวลาที่มากที่สุดในการเยี่ยมประชาชนในภาคต่างๆที่ผ่านมา เมื่อเสร็จสิ้นการเยี่ยมประชาชนแล้ว ทั้งสองจึงเสด็จกลับพระนคร
วันรุ่งขึ้นได้มีนักข่าวหนังสือพิมพ์กลอรี แลนด์นิวส์ ได้ขอสัมภาษณ์มาเรีย ในเรื่องการตามเสด็จเจ้าชายจอห์น ไปเยี่ยมประชาชนในภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้ เพื่อลงสกู๊ปพิเศษในหนังสิอพิมพ์กลอรี แลนด์นิวส์ ฉบับเช้าวันใหม่ ซึ่งมาเรียได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหนังสือพิมพ์ ความว่า
"ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้า มาเรียคนนี้เนี่ยได้มาเป็นเจ้าหญิง เคียงคู่กับเจ้าชายจอห์น ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากพระองค์ที่เป็นทั้งคนสอนและนักเล่า และแล้วพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่ก็มาถึงคือ หลังจากที่แต่งงานมาได้หลายวันแล้วนะค่ะ ตอนนั้นเจ้าชายจอห์น ก็ตัดสินพระทัยที่จะเยี่ยมประชาชน ก็มีเหตุการณ์ก่อนการเยี่ยมประชาชนในภาคกลาง ซึ่งเจ้าชายจอห์น เคยเล่าประทานข้าพเจ้าว่า ตอนที่จะไปเยี่ยมประชาชนที่ภาคกลางเนี่ยนะ เจ้าชายจอห์นก็เข้าไปหาเสด็จพ่อเสด็จพ่ออเล็กซานเดอร์ ที่ห้องทรงงาน เเล้วเจ้าชายจอห์น แล้วทรงพูดกับเสด็จพ่ออเล็กซานเดอร์ว่า
"เสด็จพ่อ ขอรับ ลูกมีเรื่องที่จะขอ ขอรับ" แล้วพระราชาก็ทรงถามว่า "เรื่องอะไรหรอลูก ที่จะขอน่ะลูก" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงตอบว่า
"อาทิตย์หน้า ลูกขอเยี่ยมประชาชนในภาคกลางของอาณาจักร ขอรับ"
แล้วพระราชา ก็ทรงตอบด้วยความดีพระทัยว่า
"จริงหรอลูก พ่อดีใจมากเลยนะลูก ที่พ่อจะได้เห็นลูกทำงานซะที เรื่องนี้พ่ออนุญาตนะลูก เดี๋ยวพ่อจะส่งเรื่องนี้ไปสภาอาณาจักรนะลูก พ่อดีใจจริงๆ"
แล้วทรงกอดเจ้าชายจอห์นด้วยความดีพระทัย นี่แหละเหตุการณ์ก่อนการเยี่ยมประชาชนในภาคกลาง แล้วเมื่อการเยี่ยมประชาชนในภาคกลางมาถึงนะค่ะ ข้าพเจ้าจำได้ว่า วันนั้นตอนที่จะไปขึ้นรถไฟพระที่นั่งที่สถานีรอยัลเทรนนะ ตอนออกจากวังหลวงนะ เสียงประชาชนก็ดังขึ้นดังมาก ก็เปล่งเสียงในทำนองที่ว่าถวายพระพรและส่งเสด็จ เวลาที่นั่งรถม้าผ่านแต่ละทีนะก็ผ่านซุ้มที่ประชาชนชาวพระนครสร้างเพื่อส่งเจ้าชายจอห์นและข้าพเจ้า เมื่อรถม้าใกล้จะถึงสถานีรถไฟ เสียงประชาชนก็ไม่หยุด แล้วข้าพเจ้าก็คิดว่า โอ้โฮ! มีคนรักเราขนาดนี้เชียวหรอนี้ เมื่อถึงชานชาลาสถานีแล้ว ก็ลาเสด็จพ่อเสด็จพ่ออเล็กซานเดอร์ เสด็จแม่อเล็กซานดาร์ ท่านพ่อไมเคิลและท่านแม่ซาร่า ซึ่งเป็นพ่อแม่ของข้าพเจ้าแล้ว ก็ขึ้นรถไฟ เสียงประชาชนก็ดังอยู่ เมื่อรถไฟแล่นออกไปแล้วเสียงประชาชนก็เงียบลง เมื่อถึงภาคกลาง เราสองคนก็เยี่ยมประชาชน ที่เมืองต่างๆในภาคกลาง ตามที่เจ้าชายจอห์น ทรงปรารถนาไว้ ส่วนใหญ่เวลาไปแต่เมือง ประชาชนที่มาเฝ้าต่างก็มอบของที่ทำขึ้นด้วยความปราณีต และหาได้ตามท้องถิ่น แล้วเวลานั่งรถม้าเพื่อไปหรืออกจากเมืองในแต่ละเมืองนั้น ต่างก็มีการจัดซุ้มรับเสด็จทุกที่เลย ใช้เวลาถึง 8 ถึง 9 วัน ในการเยี่ยม แล้วจึงกลับพระนคร" แล้วนักข่าวหนังสือพิมพ์ ก็บอกกับมาเรียว่า
"เออ พักการสัมภาษณ์ก่อนนะเพคะ ประเดี๋ยวตอนบ่ายหม่อมฉัน ขอสัมภาษณ์ต่อนะเพคะ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ