ราชินีสี่ปฐพี
เขียนโดย Manny
วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.29 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 13.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) แผ่นดินที่ 2 แผ่นดินยุคตะวันตกอันรุ่งเรือง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตั้งแต่ผลัดแผ่นดินใหม่ หลังจากงานพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระราชาอเล็กซานเดอร์ ผู้เสมือนเจ้าชีวิตของอาณาจักรกลอรี แลนด์เสร็จสิ้นลง อาณาจักรได้มีการจัดงานบรมราชาภิเษกของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดขึ้น เหมือนกับเป็นการประกาศว่า อาณาจักรกลอรี แลนด์นี้ได้มีพระมหากษัตริย์ พระองค์ใหม่แล้ว เป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์ที่ 6 แห่งราชวงศ์โกลดเดน ทรงพระนามว่า "พระราชาเอ็ดเวิร์ด" และเป็นการประกาศว่า เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดนั้น ไม่ใช่เจ้าชายอีกต่อไป แต่พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ปกอาณาจักรแล้ว ทั้งนี้เจ้าหญิงเอ็ดน่า ผู้เป็นพระชายาในพระราชาเอ็ดน่า ได้รับการพระราชทานสถาปนาเลื่อนพระราชอิสริยยศจาก "เจ้าหญิง" ขึ้นเป็น "พระราชินีเอ็ดน่า" ผู้เป็นพระอัครมเหสีของพระราชาเอ็ดเวิร์ด แล้วพร้อมทั้งได้สถาปนาพระราชินีอเล็กซานดาร์ ขึ้นเป็น "พระราชินีอเล็กซานดาร์ พระบรมราชชนนี" หรือ คนทั่วไปแม้กระทั่งพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยกันเอง รวมถึงมาเรียด้วย ต่างเรียกพระราชินีอเล็กซานดาร์ว่า "พระราชชนนีอเล็กซานดาร์" เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศแด่พระราชมารดา ผู้ทรงพระอาภัพ และได้สถาปนาหม่อมราชวงศ์ไมเคิล ผู้เป็นพ่อของมาเรีย ขึ้นเป็น "หม่อมเจ้าไมเคิล รอยัลเฟรนด์" ซึ่งมาเรียก็ได้ร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย และระหว่างนั้นมาเรียก็ได้ตั้งพระครรภ์ แล้วได้พระประสูติกาลเป็นพระราชธิดา โดยเจ้าชายจอห์น พระสวามี ได้ขนานพระนามพระราชธิดาพระองค์แรกว่า "แมรี่" แล้วพระราชาเอ็ดเวิร์ดได้สถาปนาพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ของมาเรียนี้ เป็น "เจ้าหญิง" ต่อมาเมื่อเจ้าหญิงแมรี่ มีพระชนมายุครบ 1 เดือน พระราชาเอ็ดเวิร์ด จึงโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ขึ้น ที่วังหลวง ต่อมาไม่นานพระราชาเอ็ดเวิร์ด และพระราชินีเอ็ดน่า เสด็จเยือนประเทศในทวีบยุโรป ระหว่างที่มาเรียอยู่พระนครที่พระที่นั่งคิงพาราไดซ์กับเจ้าชายจอห์นนั้น มาเรียได้พูดคุยสอบถามกับเจ้าชายจอห์นว่า
"เสด็จพี่ เพคะ เสด็จพี่คิดว่า เมื่อเสด็จพี่เอ็ดเวิร์ด กลับมาพร้อมกับเสด็จพี่เอ็ดน่า แล้วจะนำความเจริญ และวิทยาการแนวใหม่ของชาติตะวันตกกลับมาพัฒนา อาณาจักรไหมล่ะ เพคะ" แล้วเจ้าชายจอห์น ตอบว่า
"แน่ล่ะสิ แม่มาเรีย เพระเดียวนี้เนี่ย ประเทศต่างๆต่างนำวิทยาการด้านต่างๆของชาติตะวันตก มาใช้พัฒนาประเทศของตน ล้วนแล้วก็เจริญรุ่งเรืองทั้งนั้นแหละ" แล้วมาเรียก็ถามต่ออีกว่า
"มันจำเป็นขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงตอบว่า
"จำเป็นสิ เพราะถ้าประเทศนั้นๆไม่มีการพัฒนาล่ะก็จะต้องเป็นอาณานิคมของประเทศที่มหาอำนาจน่ะสิ เพราะในตอนนี้การล่าอาณานิคมยังมีอยู่น่ะสิ แม่มาเรีย"
1 เดือนผ่านไป พระราชาเอ็ดเวิร์ดและพระราชินีเอ็ดน่า ก็เสด็จกลับพระนคร พร้อมกับนำวิทยาการของชาติตะวันตกกลับมาพัฒนาอาณาจักรด้วย โดยการคมนาคมเดินทาง ทรงนำวิทยาการยานพาหนะ ที่มีชื่อว่า รถยนต์ มาใช้ในการเดินทาง แทนรถม้า โดยต้องสั่งซื้อรถยนต์จากต่างประเทศ เดือนละหลายร้อยคัน มาขายในอาณาจักร ส่วนการสื่อสารนั้น มีการนำเครื่องมือที่ชื่อว่า โทรศัพท์ มาใช้โดยอาณาจักรมีการประดิษฐ์โทรศัพท์ใช้ และมีการต่อสายสื่อสารโทรศัพท์ไปยังเมืองต่างๆของอาณาจักร เพื่อเป็นเครือข่ายในการสื่อสาร ด้านการรับรู้ข่าวสาร ชาติตะวันตกมีการฟังข่าวสารผ่านอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า วิทยุ ซึ่งในอาณาจักรมีการผลิตมาใช้ ส่วนเรื่องไฟฟ้านั้นก็มีการพัฒนาคือสร้างเสาไฟฟ้าและต่อสายไฟฟ้าไปทั่วอาณาจักร เพื่อกระจายไฟฟ้าส่งไปให้ทุกบ้านทุกครัวเรือนได้ใช้กัน และที่สำคัญคือการแต่งกาย พระราชา ทรงมีพระราชนิยมว่า เปลี่ยนการแต่งกายจากการนุ่งโจงกระเบน ห่มผ้าและสไบ มาเป็นใส่เสื้อและนุ่งผ้าซิ่นแทน ซึ่งจะกแระเดียดไปทางฝรั่งมังค่า ชาติตะวันตก นี่ดูเหมือนจะปฏิรูปอาณาจักรให้เหมือนกับชาติตะวันตก เพื่อป้องกันการถูกล่าอาณานิคมจากประเทศมหาอำนาจ ซึ่งใครๆเขาก็พูดกันปากต่อปากว่า "รัชกาลนี้คือรัชกาลแห่งชาติตะวันตก"
วันหนึ่งเจ้าชายจอห์น ทรงขับรถยนต์ที่ทรงนำพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกซื้อ แล้วเมื่อมาเรียได้ยินเสียงเหมือนเสียงอะไรสักอย่างที่ดังมาก จึงออกมาดูที่ทางขึ้นพระที่นั่ง แล้วจึงถามเจ้าชายจอห์นว่า
"เสด็จพี่ เพคะ โธ่เอ่ย! นึกว่าอะไรเสียงดังๆ ที่ไหนได้ เสียงรถยนต์นี่เอง นี่ใช้เงินที่เสด็จพี่เก็บมาตลอดชีวิตซื้อรถคันนี้หรือเพคะเนี่ย" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงตอบว่า
"ใช่แล้ว เพราะว่าเดี๋ยวนี้เนี่ยทั้งพระบรมวงศ์ ข้าราชการ แม้กระทั่งเศรษฐีที่เป็นสามัญชนเนี่ย เขาก็ซื้อ ไม่เว้นกระทั่งเสด็จพี่เอ็ดเวิร์ด เพราะเสด็จพี่เนี่ย เป็นคนประเดิมซื้อรถยนต์คันแรกของอาณาจักร แล้วอย่างไรบ้างล่ะ รถยนต์ของฉันเนี่ย" แล้วมาเรียก็ตอบและพูดต่ออีกว่า
"ก็สวยดีเพคะ แต่อย่าขับไปตอนกลางค่ำกลางคืนนะเพคะ" แล้วเจ้าชายจอห์น ทรงพูดว่า
"ฉันไม่ทำหรอก เพราะว่าฉันรักและห่วงแม่มาเรียมาก ฉันถึงจะไม่ทำไง" เมื่อมาเรีย ได้ยินอย่างนี้แล้ว ทำให้มาเรียรู้ว่า เงินนั้นสามารถซื้อได้ทุกๆอย่างจริง แต่ไม่สามารถซื้อใจที่รักและห่วงใยของมาเรียที่มีต่อเจ้าชายจอห์นไปได้ แล้วต่อมาการแต่งกายที่มีวิวัฒนาการมาจากชาติตะวันตกก็เริ่มแพร่หลาย เริ่มจากระดับพระบรมวงศานุวงศ์ จนมาถึงสามัญชน รวมถึงมาเรียด้วย ซึ่งได้ทำตามกระเเสนิยมไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
และแล้วหลังจากที่วิวัฒนาการในด้านต่างๆจากชาติตะวันตกที่พระราชาเอ็ดเวิร์ด ได้ทรงนำกลับมาด้วยนั้นได้เริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็วได้ไม่นาน มาเรียก็ได้ทำการพระประสูติกาลเป็นพระราชโอรสพระองค์แรก โดยพระราชาเอ็ดเวิร์ดได้เฉลิมพระนามพระราชโอรสองเจ้าชายจอห์น ผู้เป็นพระอนุชาว่า "หลุยส์" อันมีความหมายว่า นักรบผู้เกรียงไกร แล้วพระราชาเอ็ดเวิร์ดได้พระราชทานพระราชอิสริยยศเป็น "เจ้าชาย"เมื่อมีพระชนมายุครบ 1 เดือน พระราชาเอ็ดเวิร์ด จึงโปรดให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ขึ้น ที่วังหลวง แล้วอีก 2 ปีต่อมา มาเรียได้ทำการพระประสูติกาลพระราชธิดาอีกครั้งถึง 2 พระองค์ ซึ่งมีพระนามว่า "เจน" และมีพระนามว่า "โรส" แล้วพระราชาเอ็ดเวิร์ดได้สถาปนาพระราชธิดาทั้ง 2 พระองค์ของเจ้าชายจอห์นเป็น "เจ้าหญิง" และหลังจากนั้นมาเรียก็ไม่ได้ตั้งท้องมีลูกอีกเลย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ