A DaY ....วันรักวุ่นลุ้นรัก

-

เขียนโดย fibo6040

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.02 น.

  8 บท
  1 วิจารณ์
  11.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) FunNy DaY 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

“สอบเสร็จแล้วจ้า” เพนนีกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ เธอเอนตัวไปซบไหล่นิลอย่างสบายอารมณ์ ตอนนี้ทั้งสี่คนนั่งอยู่บนพื้นสนามหญ้าใต้ต้นหูกวางที่แผ่ใบกว้างให้ร่มเงา

 

ในวันนี้โชคดีที่อากาศไม่ร้อนมากและฝนก็ไม่มีทีท่าจะว่าจะตกลงมาแต่อย่างใด ไนท์บิดขี้เกียจไปมาข้างๆเพนนี นิลเหลือมองคิงที่เอาแต่ส่งข้อความทางโทรศัพท์ไม่หยุดหย่อนด้วยความสงสัย

 

“ปิดเทอมเล็ก มีเวลาแค่เดือนเดียวเอง น้อยจังเลย ต้องใช่เงินเท่าไหร่กันนะ ผู้อำนวยการถึงจะยอมให้ปิดเทอมนานๆ”เพนนีทำท่าครุ่นคิดอย่างจริงจัง

 

“เพนนีทำไมแบบนั้นไม่ดีนะ เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้หรอก”ไนท์ร้องเตือน

 

“แล้วปิดเทอมนี้เพนนีไปเที่ยวที่ไหนล่ะ” นิลละสายตาจากคิงหันไปถามเพนนี

 

“ก็ตามคุณพ่อกับคุณแม่ออกงานสังคมพบปะลูกค้านั่นแหละค่ะ” เพนนีตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็ทำกัน

 

“ไม่เบื่อแย่เหรอ มีแต่คนแก่ๆ” นิลถามต่อ

 

“ไม่หรอกค่ะ ดิฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูล ยังไงก็ต้องสืบต่อธุรกิจของคอบครัว แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้งานไงล่ะคะ” เพนนียิ้มให้นิล ยามปกติแล้วเพนนีดูจะเป็นคุณหนูผู้ไม่ค่อยสนใจอะไรลึกซึ้งนัก แต่ลึกๆแล้วเธอเป็นคนมีความคิดมากเลยทีเดียว

 

“เห็นแบบนี้ แต่ดิฉันก็เป็นคนมีความคิดมากกว่าคุณคิงนะคะ” เธอชมตัวเองพร้อมทั้งแขวะคิงไปด้วย ตาสีเขียวจ้องเพนนีอย่างเอาเรื่อง

 

“ไม่กวนประสาทฉันนี่ เธอจะนอนไม่หลับใช่ไหมยัยคุณหนู” นิลที่อยู่ตรงกลางระหว่างเพนนีกับคิง ต้องรีบห้ามทัพก่อนที่เฮจะโดนลูกหลงจากคนทั้งคู่ไปด้วย

 

“ฉันจะภาวนาทุกคืนให้พ่อกับแม่เธอส่งเธอไปเรียนรู้งานที่ดาวอังคารแล้วไม่ต้องกลับมายังโลกอีกคอยดูเถอะ” คิงยื่นหน้ามาบอกเพนนี เธอแลบลิ้นกลับ

 

“เอาน่า เถียงกันเป็นเด็กๆไปได้” ไนท์ร่วมไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองแทนนิลที่ดูเหมือนจะรับมือไม่ไหว

 

“นิลเริ่มงานพรุ่งนี้เลยดีไหม” ไนท์เปลี่ยนหัวข้อสนทนาซะเพื่อยุติการโต้คารมของคิงและเพนนี

 

“ก็ดีเหมือนกัน เออ คิงพรุ่งนี้ตอนบ่ายฝากดูแลกระเต็นด้วยนะได้หรือเปล่า” นิลหันไปถามคิง เขาละสายตาจากหน้าจอมือถือ หันมามองนิลเขาส่งยิ้มกวนๆให้หล่อนหนึ่งทีเป็นเชิงว่าไม่มีปัญหา

 

“ได้ เดี๋ยวสอนเปียโนให้ รับรองอนาคตนกกระเต็นเป็นนักเปียโนระดับโลกแน่นอน”

 

“เฮ้อ ราคาคุยจริงๆคนเรา” นิลส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อถือ ไนท์มองดูความสัมพันธ์ระหว่างคิงกับนิลอย่างเงียบๆเขาสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของคิงได้ทีละน้อย

 

“ถ้าอย่างนั้น พวกเรากลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้เจอกันที่ร้านนะนิล แปดโมงเช้านะ ไปถูกใช่ไหมถ้าไม่ถูกเดี๋ยวเรามารับ” ไนท์ถามนิลอย่างเป็นห่วง เพราะดูท่านิลจะยังไม่ค่อยคุ้นทางแม้จะอยู่ที่เมืองนี้มาหลายเดือนก็ตาม แต่นิลพยักหน้าอย่างมั่นใจ

 

“สบายมากไม่ต้องห่วง”

 

ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านจากนี้ไปเป็นการปิดเทอมโดยสมบูรณ์แบบ ช่วงเวลา 1 เดือนของการปิดเทอมนี้คงมีเรื่องราวต่างๆมากมายรอพวกเขาอยู่แน่นอน นิลเดินลัดเลาะมาทางสวนหย่อมของโรงเรียนเพื่อจะข้ามสะพานหินที่เชื่อมต่อฝั่งอนุบอลและฝั่งมัธยมเอาไว้

นิลเดินมาหยุดอยู่กลางสะพานเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเอคือรุ่นพี่ที่เคยช่วยเธอไว้จากเหตุการณ์สาดน้ำ ชายหนุ่มร่างสูงโย่ง ผมสีเงินที่มาจากการย้อมดูยุ่งเหยิงไม่เป็นใบหน้างัวเงียราวกับเพิ่งตื่น เขายกมือปากหาว แล้วหยุดชะงักตรงหน้าคนตัวเล็กที่มองเขาอยู่ เขาปรับสีหน้าใหม่ รอยลักยิ้มปรากฏบนใบหน้าชัดเจนเมื่อเขาคลี่ยิ้มให้เธอ

 

“อ้าว น้องนี่เองเหรอ” ปริ๊นส์ทักทายคนตรงหน้า

 

“สวัสดีค่ะพี่ วันนั้นหนูต้องขอบคุณพี่มากเลยนะคะที่ช่วยเอาไว้ และก็ต้องขอโทษที่ทำให้พี่ลำบากด้วย” นิลพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ปริ๊นส์ยิ้มยิงฟันให้อีกฝ่าย

 

“ไม่เป็นไรอย่าคิดมาก อีกอย่างแค่น้ำหวานเองพี่ชอบของหวานโดนน้ำหวานราดตัวนี่ ความใฝ่ฝันเลย” นิลอ้าปากค้างเมื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย เขาหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางเธอ

 

“พี่พูดเล่นน่า ฮ่าๆ เออ ว่าแต่ว่าน้องชื่ออะไรน่ะ พี่ว่าจะถามแต่วันนั้นมัวแต่ตกใจเลยลืม”

 

“หนูชื่อนิลค่ะ แล้วพี่ชื่ออะไรคะ” ปริ๊นส์ยิ้มให้อีกฝ่าย เห! โรงเรียนนี้มีคนไม่รู้จักเขาด้วยแฮะ

 

“พี่ชื่อปริ๊นส์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” นิลพยักหน้ารับ ในขณะที่ปริ๊นส์คิดจะชวนคุยต่อ เสียงข้อความโทรศัพท์ของปริ๊นส์ดังขึ้น เขากดเปิดอ่าน

 

‘แกคิดจะหนีประชุมสภานักเรียนเหรอปริ๊นส์ พวกสภานักเรียนดักรอแกทุกทางเข้าออกแล้ว รีบมาประชุมเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ประธานเฮงซวย’

 

ข้อความยืดยาวจากรองประธานนักเรียน ทำให้เขาจำใจต้องกลับเข้าประชุมวันสุดท้ายของการปิดภาคเรียน ไอ้พวกปีศาจเอ๊ย!

 

“พี่มีธุระไปก่อนล่ะกันนะ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก” เขาพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปทันที นิลมองตาม มาเร็วไปเร็วดีแท้

 

ในเช้าวันถัดมา หลังจากที่นิลไปส่งนกกระเต็นที่โรงเรียนอนุบาล เธอออกมายืนรอรถโดยสารเพื่อไปยังร้านกาแฟและเบเกอรี่ของไนท์ นิลเดินขึ้นไปบนรถมองหาที่ว่างและเดินไปนั่งข้างคนหนึ่งที่นั่งหลับหัวพิงกระจกหน้าต่างรถ รถเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ

 

ถนนสานสีเขียวตามนโยบายของเมืองกำหนดให้ขับด้วยความเร็วจำกัด นิลมองออกไปนอกหน้าต่างถนนเลียบทะเลสาบสายนี้ช่างสวยงามจับใจเธอ นิลเผลอยิ้มออกมาแต่แล้วก็หุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งข้างเธอตื่นขึ้นมามองหน้าเธอโดยบังเอิญ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงร้านกาแฟของไนท์ เป็นเรื่องบังเอิญครั้งที่สองเมื่อนิลและคนที่นั่งข้างเธอต่างลงที่จุดหมายเดียวกันและเดินไปทางเดียวกัน เขาหันกลับมามองนิลด้วยสายตาสงสัย นิลเองก็ทำหน้าไม่ถูก

 

“เอ่อ คือว่า หนูไม่ได้สะกดรอยตามนะคะ หนูจะไปทางนี้เหมือนกัน” เธอเอ่ยปากบอกคนที่เดินนำหน้า เขาหยุดหันกลับมามองเธอแต่ไม่พูดอะไร เขาต้องคิดว่าเธอเป็นพวกโรคจิตแน่ๆเลย

 

‘Sweet Cup’ ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านการค้า ร้านกาแฟสองชั้น ด้านล่างก่ออิฐสีแดง ส่วนด้านเป็นไม้ ที่มีหน้าต่างกระจกรอบทิศทางทำให้เห็นบรรยากาศของเมืองนี้ได้อย่างชัดเจน ด้านล่างมีต้นไม้ปลอมขนาดใหญ่ถูกล้อมด้วยโซฟาสีน้ำเงินเข้ม ที่ผนังเพ้นท์ลวดลายต่างๆด้วยฝีมือของพี่ชายคนโตของไนท์ที่เรียนศิลปะ แทนการใช้วอลเปเปอร์

 

ด้านข้างของร้านเป็นระเบียงไม้ยื่นออกไปในสวนกุหลาบและดอกไม้หลากหลายสีสันที่พลัดกันออกดอกตามฤดูกาลต่างๆ นิลยืนมองอย่างตะลึง ช่างเป็นร้านกาแฟที่สวยงามอะไรแบบนี้ เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นปลุกให้นิลหายจากอาการตะลึงงัน ไนท์ มีสีหน้าโล่งใจเมื่อเห็นนิล

 

“เฮ้อ โล่งอกนึกว่าจะหลงซะแล้วนะเนี่ย อ้าวนี่นิลมาพร้อมพี่จีเหรอเนี่ยถึงว่าทำไมไม่หลง” นิลหันไปมองคนตัวสูงที่กำลังถอดฮู้ดเสื้อกันหนาวออก เขาหันมาจ้องนิลพอดี

 

“ฉันก็โล่งอกเหมือนกันที่น้องคนนี้เป็นเพื่อนนาย ไม่ใช่พวกชอบสะกดรอยตาม” จีขยิบตาให้นิลเป็นเชิงล้อเลียน เด็กสาวหน้าเจื่อน นี่เขาคิดว่าเธอเป็นพวกโรคจิตจริงๆด้วย

 

“อ้าวเดินมาด้วยกัน ยังไม่รู้จักกันเหรอ งั้นผมจะแนะนำให้รู้จักนะ พี่จีนี่นิลเพื่อนผมครับเธอจะมาเป็นเด็กเสิร์ฟช่วงปิดเทอม ส่วนนิลนี่พี่จี ประธานชมรมคหกรรมที่โรงเรียนเราไง พอดีว่าผู้ช่วยเชฟลาคลอดน่ะเลยขอให้พี่จีมาช่วยที่ร้านหน่อย”ไนท์แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน จียิ้มให้นิลอย่างเป็นมิตร เขายื่นหน้ามาใกล้ๆนิล

 

“เมื่อขอโทษนะที่คิดว่าเธอเป็นพวกโรคจิต อย่าโกรธกันนะ เดี๋ยวทำขนมอร่อยๆให้กิน”

 

“หนูไม่ใช่เด็กๆนะจะได้เอาของกินมาล่อ” นิลโวยวาย จีหัวเราะ

 

“อ๊าว นี่โตแล้วเหรอเนี่ย ฮ่าๆ” เขาเดินไปทางด้านหลังของร้านซึ่งเป็นส่วนสำหรับห้องครัว นิลกอดอก แค่เธอตัวเตี้ยก็ไม่ได้หมายความว่ายังไม่โตซักหน่อย

 

“นิลๆมานี่สิ”ไนท์เรียกนิลมาที่เคาท์เตอร์สำหรับทำเครื่องดื่มของร้าน ไนท์แนะนำอุปกรณ์ทีละชิ้น สอนหน้าที่การใช้งานทีละอย่าง นิลพยักหน้าทำความเข้าใจกับสิ่งที่ไนท์พูด

 

โชคดีที่เธอเป็นคนเรียนรู้ไว้ไม่นานเธอก็พอจะจับทางได้ไม่ยาก ในร้านนี้ ไนท์และบาริสต้าอีกสองคนทำหน้าที่เสกสรรเครื่องดื่มรสเยี่ยมสำหรับลูกค้า ในครัวจะมีเชฟทำขนมหนึ่งคน ผู้ช่วยอีกหนึ่งคน ส่วนการบริหารการจัดการ การเงิน เป็นหน้าที่ของพี่สาวไนท์ทำ ซึ่งเธอจะเข้าร้านอาทิตย์ละครั้ง นอกจากนั้นเธอจะต้องช่วยธุรกิจส่งออกของครอบครัว

 

ไม่นานร้านกาแฟก็เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ลูกค้าทยอยเข้าร้านเรื่อยๆ ทุกคนทำงานกระฉับกระเฉง นิลเองก็ดูสนุกสนานไม่น้อยกับประสบการณ์ใหม่ ไนท์ยิ้มเมื่อเห็นนิลดูท่าทางสนุกสนานคิดถูกแล้วที่ชวนเธอให้มาทำงานที่นี่อย่างน้อยช่วงเวลานับจากนี้ไปจนถึงเปิดเทอมเธอคงไม่ต้องเหงาอีกต่อไป

 

ว่าไปแล้วเขาก็นึกถึงยัยคุณหนูเพนนี ที่โทรมาสั่งเขาตั้งแต่เมื่อคืนให้ดูแลนิลให้ดีแถมห้ามใช้งานหนักอีกด้วย

 

ช่วงพักงานเนื่องจากลูกค้าซาลงไป นิลออกมานั่งที่หลังร้านซึ่งมีเก้าอี้ไม้ มองจากมุมนี้เธอเห็นสวนดอกกุหลาบสีแดงสลับขาวที่ปลูกเอาไว้ กลิ่นหอมอ่อนๆโชยมาตามลม เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

 

“ไงน้องหนู เหนื่อยไหม” จีถือวิสาสะมานั่งข้างนิล เธอเขยิบตัวออกห่าง

 

“หนูชื่อนิลค่ะ”

 

“พี่สนิทกับไนท์มากเหรอคะ” จียิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำถามของนิล

 

“ใช่สิ เราสองคนช่วยกันก่อตั้งชมรมคหกรรมขึ้นมาตั้งแต่ตอนพี่อยู่ ม.2 ชอบทำขนมเหมือนกัน ออกไปแข่งขันไปทั่วแพ้บ้าง ได้รางวัลบ้าง มานับไม่ถ้วนเลยล่ะ”

 

“พี่ชอบทำขนมมากเลยสินะคะ”

 

“ชอบมากเลยล่ะ ไม่อยากจะคุยนะพี่ทำขนมอร่อยนะจะบอกให้”

 

“อืมใช่ค่ะ พี่ทำขนมอร่อย” นิลยอมรับคำที่จีโฆษณาตัวเอง จีเลิกคิ้วมองเธอรู้ได้ไง นิลยิ้ม

 

“คุกกี้ที่ห้องคหกรรม อร่อยมากเลยล่ะค่ะ” จีหัวเราะ พอมีคนชมซึ่งๆหน้าก็อดเขินไม่ได้

 

“ขอบใจนะน้องหนู”

 

“ก็บอกว่าชื่อนิลไงล่ะคะ” จีลุกขึ้น บิดตัวไปมา เดินกลับเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของนิล สักพักเขากลับมาใหม่ คราวนี้ในมือถือจานใส่ทาร์ตผลไม้น่าตาน่ากินมาด้วย

 

“ฝีมือพี่เอง อันนี้เอาใจสาวๆที่อยากลดความอ้วนเลยนะเพราะใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล” นิลยื่นมือไปรับจานขนมและ ตักขนมใส่ปาก

 

“อร่อย” เธอหันไปบอกกับคนที่นั่งข้างๆ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์

 

“พี่นี่เก่งจริงๆ ฝีมือขั้นเทพ”เธอชมอีกฝ่ายไม่หยุด

 

“เหรอ ถ้ามีคนพูดแบบนี้เยอะๆก็ดีสินะ”

 

“อ้าวทำไมล่ะคะ”

 

“ไม่มีอะไรหรอก พี่ยังไม่เก่งขั้นเทพแบบที่นิลบอกหรอกพี่ยังต้องพัฒนาไปอีกเยอะ” คราวนี้เขาพูดจริงจัง

 

“เขาเรียกว่าอะไรนะ คนทำขนมน่ะค่ะ” นิลจับคางตัวเอง ทำหน้าครุ่นคิด

 

“พาทิเช่” จีตอบ

 

(Pâtissier”…เป็นภาษาฝรั่งเศสอ่านว่า “พาทิเช่” แปลว่า “เชฟขนม” หรือ “เชฟของหวาน)

 

“พี่จีอยากเป็นพาทิเช่ใช่ไหมคะ”

 

“อืมเป็นความฝันของพี่มาตลอดเลยล่ะ พอเริ่มทำอาหารเป็นพี่ก็หลงเสน่ห์การทำขนมไปซะแล้ว”

 

“ดีจังเลยนะคะ คุณแม่พี่จีเป็นคนสอนเหรอคะ” นิลถามอย่างตื่นเต้น แววตาของจีมีแววเศร้าเจืออยู่ก่อนจะปรับสีหน้า

 

“ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คุณแม่ของไนท์ช่วยสอนให้น่ะ แม่พี่ตายตั้งแต่อยู่ประถมแล้วล่ะ ที่บ้านก็มีแต่ผู้ชาย พ่อ กับพี่ชายน่ะ ตอนนั้นรันทดสุดๆเลยล่ะ ก็ไม่มีใครทำกับข้าวเป็นสักคน พอพี่เริ่มทำได้ สุดท้ายเลยมาลงเอยกับเบเกอรี่นี่แหละ” จีเล่าเรื่อยๆเรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วทุกวันนี้ครอบครัวก็ลงตัวดีแล้ว เขาสังเกตสีหน้านิลหม่นลง เขาเอื้อมมือจะลูบหัวเธอ

 

“ลูกค้าเข้าแล้วจ้า มาช่วยกันหน่อยครับ” ไนท์ชะโงกจากประตูมาร้องเรียกคนทั้งสอง จีดึงมือกลับ นิลลุกขึ้นเดินเข้าไปในร้านเพื่อนเริ่มงาน จีเดินตามหลังนิลมาหยุดที่ไนท์

 

“เข้ามาได้จังหวะพอดีเลยนะ” จีเอ่ยยิ้มๆอย่างรู้ทัน ไนท์ยักไหล่ผมไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย

 

การทำงานวันแรกจบลงด้วยดี นิลยืดแขนขับไล่ความเมื่อยล้า เตรียมตัวกำลังจะกลับบ้าน เธอหันไปล่ำลาไนท์ที่กำลังล้างแก้วกองเพนิน ไนท์เงยหน้าขึ้นมามอง

 

“เดี๋ยวเราไปส่งนิลเอง รอแปปนึงนะ”

 

“ไม่เป็นไรไนท์ ป้ายรถเมล์อยู่แค่นี้เองไปก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน”

 

“แฮ่ น้องหนู” จีที่แอบเดินตามหลังนิลมา ตะโกนใส่นิลที่กำลังรอรถโดยสาร นิลสะดุ้งโหยงอย่างตกใจจนเผลอเอากระเป๋าฟาดใบที่หน้าของจีอย่างจัง

 

“โอ๊ย”

 

“ว้าย พี่จีเหรอ หนูขอโทษค่ะพอดีหนูตกใจ” นิลรีบเข้าไปดูจีที่เอากุมจมูกตัวเอง

 

“มะ ไม่เป็นไร พี่ผิดเองที่เล่นไม่ดูเวลา แต่มือเธอนี่หนักไม่ใช่เล่นนะน้องหนู” จีฝืนยิ้มและเช็ดน้ำตาที่ปลายหางตา

 

“ใช่หนูไม่ผิดหรอก แต่หนูชื่อนิลนะคะ เลิกเรียกแบบนั้นซักทีสิ” นิลประท้วงเบาๆ จียักไหล่

 

“อีกสักพักละกัน ไปเถอะรถมาแล้ว” เขาชี้มือรถโดยสารปรับอากาศที่กำลังแล่นมาจอดป้าย ทั้งขึ้นไปนั่งจีฟุบหลับทันที

 

นิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูข้อความที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน

‘ ปิดเทอมแล้ว ทำไมไม่มาหาฉัน’

นิลถอนหายใจหมอนั่นรู้ความเคลื่อนไหวของเธอไปหมดทุกอย่าง ถึงจะอย่างนั้นหมอนั่นก็เลิกโทรหาเธอมานานแล้ว แต่เปลี่ยนมาส่งข้อความสั้นๆหาเธอแทน คิดจะเล่นเกมส์อะไรกับเธอกันแน่นะ

 

เสียงกริ่งประตูบ้านดังขึ้น คิงเงยหน้ามองนาฬิกาเขายิ้ม ได้เวลาที่นิลกลับมาแล้วสินะ เขามองดูเด็กชายที่กำลังฟังเพลงคลาสสิคแล้วก็นอนกลิ้งวาดรุปอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น

 

วันนี้หลังจากเขาสอนเปียโนให้กระเต็นโดยเริ่มจากไล่ตัวโน๊ตง่ายๆเขาก็พอแล้วว่ากระเต็นน่าจะมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรี และดูท่าเด็กชายจะมันมากด้วย แต่ฝีมือเด็กเล่นอย่างเขาก็คงสอนได้แค่พื้นฐานแค่นั้นแหละนะ ถ้าแม่ยังอยู่ก็ดีน่ะสิมาต้องชอบลูกศิษย์ตัวน้อยคนนี้แน่ๆ เขาสลัดความคิดนั้นทิ้งแล้วเดินออกไปเปิดประตูรั้วบ้าน

 

“อ้าวไหนกระเต็นล่ะ” นิลถามหาหลานชายทันทีที่ประตูเปิดเธอสอดส่ายตาผ่านร่างคนตัวสูงแต่ไม่เห็นแม้เงาของกระเต็น

 

“อยู่ในบ้านน่ะสิ หิวอะทำอะไรให้กินหน่อยสิ” คิงออกคำสั่งกับนิลทันที

 

“ทำไมเราต้องทำด้วยล่ะ คิงก็ไปหาอะไรกินเองสิ” นิลถามกลับ คิงร้องหึในลำคอ

 

“ก็เพราะฉันน่ะช่วยสอนเปียโนหลานเธอไงล่ะ ตอบแทนบุญคุณกันหน่อยสิ ยัยคนอกตัญญู” นิลยอมตกลงอย่างเสียไม่ได้จำใจเดินตามคิงเข้าบ้าน

 

เมื่อเข้าไปในห้องนั่งเล่น กระเต็นเห็นอานิลเดินเข้ามา เขาลุกขึ้นวิ่งไปกอดคุณอาตัวเล็กทันที นิลหัวเราะเมื่อเห็นหลานชายพยายามจะลากเธอไปนั่งที่โซฟา ส่วนเด็กชายจะอวดฝีมือทางดนตรีให้นิลได้ชม คิงเดินมานั่งข้างนิลอย่างสบายอารมณ์ เด็กสาวขยับตัวออกห่างเล็กน้อย

 

“หลานเธอน่ะน่าจะมีพรสรรค์ทางดนตรีแน่ๆ สอนแปปเดียวก็ไล่ตัวโน๊ตได้แล้ว เก่งจริงๆ” คิงเอ่ยชมอย่างจริงใจ ตัวเขาดูจะภูมิใจกับลูกศิษย์จิ๋วอยู่ไม่น้อย นิลมองหลานชายยิ้มๆ

 

นิลปรบมือให้กระเต็นเมื่อเขาอวดฝีมือจบ ก่อนที่จะลุกเดินไปยังห้องครัวทำอาหารง่ายๆให้ทุกคนได้กินกันโดยมีคิงเข้ามาป่วนเปี้ยนแต่ไม่ยอมช่วยหยิบจับอะไร

 

“ฉันไม่ชอบมะเขือเทศ ไม่ต้องใส่นะ ไม่ชอบกินเผ็ด ใส่เนื้อเยอะๆ”คิงบงการนู่นนี่จนนิลทนไม่ไหว เธอถือมีดหันมาจ้องคิง

 

“ออกไปจากห้องครัวเดี๋ยวนี้ ฉันรำคาญ”

 

“เชอะ ยัยคุณอาตัวเปี๊ยกจอมโหด” คิงบ่นอุบ นิลทำเสียงจิ๊จ๊ะ

 

“อะไรกัน ทำไมมีแต่คนชอบเรียก ฉันยัยตัวเปี๊ยก ยัยน้องหนูกัน นักนะ น่าหงุดหงิดจริงๆ” นิลพึมพำ

 

คิงหันมามอง นอกจากฉันมีคนเรียกเธอแบบนั้นด้วยเหรอ ใครกัน? ว่าแต่ ทำไมเขาต้องอยากรู้ด้วยล่ะว่าใครเรียกยัยนี่ว่าอะไร ทำไมเขาต้องรู้สึกสนใจเรื่องยัยนี่ขึ้นมา เขาสลัดหัวไปมาไล่ความคิดเพี้ยนนี่ออกจากหัวให้หมด จากนั้นไม่นานข้าวผัดหมู กับแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ถูกนำมาวางที่โต๊ะกินข้าว ทั้งสามนั่งล้อมวงกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย

 

“กระเต็นกินเยอะๆนะ เป็นไงวันนี้สนุกไหมจ๊ะ” นิลถามหลานชายที่นั่งข้างๆ เด็กชายพยักหน้ารับ

 

“วันนี้เราทำเรื่องสนุกๆตั้งหลายอย่างเนอะเจ้าหนู ฮ่าๆ” คิงขยี้หัวเด็กชายเบาๆ นิลมองทั้งคู่

 

“แล้วทำอะไรกันบ้างล่ะ” คิงและกระเต็นหันมายิ้มกวนๆให้นิล เธอมองทั้งสองรอยยิ้มแบบเดียวกันเป๊ะเลย

 

“ความลับของลูกผู้ชาย” นิลอดหมั่นไส้ไม่ได้

 

“แล้วเธอล่ะไปทำงานเป็นไงบ้างสนุกไหม” คิงย้อนถาม

 

“สนุกดี ได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย ที่ร้านลูกค้าเยอะมากทำงานมือเป็นระวิงเลย”

 

“ก็ดีแล้วจะไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน เรื่องกระเต็นไม่ต้องห่วงนะฉันกับเจ้าหนูนี่สนุกกันมาก ฉันดูแลให้ได้” คิงยิ้มตาหยีให้อีกฝ่าย

 

“ขอบคุณนะ คิงนี่ใจดีจริงๆ พึ่งพาได้เยอะเลย” นิลเอ่ยชมอย่างจริงใจ คิงชะงักนิดหนึ่ง

 

“อะ อืม” เขารู้สึกแปลกๆกับบรรยากาศแบบนี้แฮะ ไม่ค่อยคุ้นเลย นิลเองก็รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้เช่นเดียวกัน ตามปกติหมอนี่ต้องย้อนอะไรที่กวนประสาทออกมานี่นา ไหงกลายเป็นแบบนี้ล่ะ

 

เช้าวันใหม่ของการทำงาน นิลต้อนรับลูกค้าอย่างกระฉับกระเฉง ดูท่าเธอจะคุ้นเคยกับตำแหน่งนี้ซะแล้วจียืนพิงประตูมองนิลยิ้มๆ จนไม่ทันสังเกตเห็นไนท์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง

 

“อะแฮ่ม ประธานครับ ช่วยเอาขนมไปจัดที่ตู้หน้าร้านหน่อยนะครับ” ไนท์เอ่ยแซว จียิ้มเขินๆ แล้วรับถาดขนมเดินที่จัดใส่ตู้

 

“นิลเดี๋ยวติดป้ายราคาขนมใหม่ให้ทีนะ เราขอออกไปธุระก่อน” นิลรับคำไนท์ แล้วเริ่มติดป้ายราคาขนมให้เสร็จทันก่อนร้านเปิด ด้วยความที่ป้ายวางไว้สูง เธอพยายามเอื้อมแต่ก็หยิบไม่ถึง จียืนมองดูคนตัวเล็กพยายามน่าดูแล้วอดขำไม่ได้

 

“พี่จี ถ้าว่างขนาดยืนหัวเราะเยาะคนอื่นได้ล่ะก็ มาช่วยหนูหยิบสิ” นิลมองค้อนคนตัวสูงที่ยืนหัวเราะ เขาเดินมาหยิบแล้วส่งให้เธอพร้อมทั้งขยี้หัวเธออย่างเอ็นดู

 

“วันหลังกินนมเยอะๆหน่อยสิน้องหนูจะได้โตไวๆ” นิลคว้าป้ายราคาในมือจีไปอย่างรวดเร็วไม่สนใจใยดีคนที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างหลังอีก

 

“พี่คะทำไมขนมอันนี้ขึ้นราคาเหรอคะ ปกติหนูไม่ได้ซื้อราคานี้” ลูกค้าวัยมัธยมต้นเอ่ยถามนิลที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ชำระเงิน

 

นิลหันไปเปิดสมุดจดราคาที่วางไว้บนชั้นมาเปิดดูเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง สีหน้าเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด จีซึ่งยืนจัดขนมอยู่ไม่ห่างเดินเข้ามาหานิล

 

“มีอะไรเหรอน้องหนู”

 

“พี่จี แย่แล้วล่ะติดราคาขนมผิดน่ะ ขายออกไปตั้งหลายชิ้นแล้ว” นิลเสียงสั่นบอกอีกฝ่าย จีเม้มปากฟังอย่างตั้งใจ แล้วหันไปขอโทษลูกค้า

 

“ขอโทษด้วยนะครับ เดี๋ยวจะคิดราคาให้ใหม่นะครับ” จีจัดการแก้ปัญหาให้นิล จากนั้นเขาก็เปลี่ยนป้ายราคาใหม่ซะหมด เขาหันมายิ้มให้กำลังใจอีกฝ่าย เป็นครั้งแรกที่นิลทำงานผิดพลาดเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหนซะเลย จีตบบ่าเด็กสาว

 

“ไม่ต้องคิดมากน้องหนูเดี๋ยวพี่จัดการเอง” นิลมองอีกฝ่ายไม่เข้าใจว่าเขาจะจัดการอะไร

 

“ไนท์ เมื่อกี้พี่ติดราคาขนมผิดนะ ขายออกไปหลายชิ้นแล้วด้วย” นิลทำท่าจะพูด แต่จียกนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองเป็นเชิงบอกให้นิลเงียบไว้

 

“อืม ถ้าอย่างนั้นคงต้องเช็คยอดว่าขายไปกี่ชิ้น ยังไงก็ต้องหักจากค่าแรงนะครับ ผมต้องทำตามกฎนะครับรุ่นพี่”ไนท์บอกยิ้มๆ จียักไหล่ไม่มีปัญหา

 

“ขอโทษนะ”

 

“ไม่เป็นไรครับ ของพี่จีน่ะไม่ทำร้านผมเจ๊งหรอก เพราะผมเคยโดนหนักกว่านี้มาแล้ว” จีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

 

ไนท์หัวเราะแต่ไม่ยอมอธิบายต่อพลางนึกถึงช่วงเวลาที่ไหว้วานพี่เอิร์ล พี่ชายของเขามาช่วยงานรายนั้นเกิดมาเพื่อศิลปะเท่านั้นนอกนั้นไม่ได้เรื่องซักอย่างเล่นขายกาแฟแถมขนมโดยให้เหตุผลว่าจะได้หมดไวๆ

 

“พี่จีความจริงแล้วพี่ไม่น่าออกรับแทนเลย” นิลเอ่ยอย่างเกรงใจ

 

“ไม่เป็นไรหรอกเห็นหน้าน้องหนูจะร้องไห้พี่ก็อดสงสารไม่ได้”

 

“มีอะไรที่หนูจะตอบแทนได้ไหมคะ” จีทำหน้าคิด

 

“งั้นอยากไปกินน้ำแข็งไสที่ขั้วโลกเหนือ พาไปหน่อยสิ”

 

“ของแบบนั้นใครจะไปทำได้กันล่ะคะ โธ่จริงจังหน่อยสิ คนเขาอยากจะตอบแทนนะ”เธอบ่นอุบ จีหัวเราะคิก

 

“อืม คิดไม่ออกอะติดไว้ก่อนนะไว้คิดออกจะบอกตกลงไหม”

 

“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

 

เสียงกระดิ่งลมที่หน้าร้านดังขึ้น ลูกค้าคนใหม่เดินเข้ามาในร้าน ไนท์เงยหน้ามองรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา

 

ผมสีเงินดูยุ่งเหยิงเหมือนเช่นเคย ใบหน้างัวเงียเหมือนเพิ่งตื่นนอนอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ปริ๊นส์ยกมือปิดปากหาวออกมา สายตาสอดส่ายหาที่ว่าง เมื่อเจอก็เดินไปมุมหนึ่งของร้านแล้วหยิบมอนอิงมากอดไว้ ไนท์เดินเอาเมนูไปวางตรงหน้า ปริ๊นส์ยกมือขึ้นเป็นเชิงขอบใจ

 

“จีอยู่ไหนล่ะ” เขาถามขึ้นโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายเพราะสายตากำลังไล่เมนูเครื่องดื่ม

 

“ในครัวสิครับ เขาเป็นคนทำขนมนี่นา” ไนท์ตอบ ปริ๊นส์ได้แต่พยักหน้าอือๆ

 

“เอากาแฟที่แรงที่สุดมาเลยนะ ตาฉันจะปิดอยู่รอมร่อแล้ว” จากนั้นเขาก็ลุกไปที่ตู้ขนมหยิบขนมที่ตัวเองชอบใส่ถาดแบบไม่ยั้ง

 

“เมื่อคืนนอกดึกอีกแล้วล่ะสิ” จีเดินมาทักเพื่อนสนิท เขาหันมายิ้มยิงฟันให้อีกฝ่าย

 

“ไนท์บอกว่านายอยู่ในครัว เลยกะว่าจะไม่เรียก เกรงใจเจ้าของร้านเขา”

 

“เกมส์ใหม่ใกล้วางตลาดแล้วสิถึงได้อดหลับอดนอนแบบนี้” จีเอ่ยถามปริ๊นส์ เพราะรู้ดีว่าเมื่อใดที่เพื่อนเขาสั่งกาแฟแบบเข้มสุดนั่นแปลว่าเพื่อนเขาต้องผ่านการอดหลับอดนอนมาอย่างแน่นอน

 

ที่บ้านของปริ๊นส์เปิดบริษัทเกมส์ออนไลน์ และเขามักจะถูกใช้ให้ทดลองเกมส์ใหม่ก่อนวางตลาดอยู่เสมอ ความจริงแล้วปริ๊นส์ก็มีส่วนร่วมในการออกแบบด้วยเช่นกัน

 

“เจ้าพวกพี่บ้า ใช้งานไม่ได้ปราณีปราศรัยฉันเลยสักนิด”ปริ๊นส์โอดครวญไปพร้อมตักเค้กเข้าปากไปด้วย ตอนนี้ร่างกายเขาต้องการน้ำตาลอย่างถึงที่สุด จีหัวเราะในลำคอจะสงสารหรือตลกเพื่อนดีนะ

 

“พี่จีๆดูนี่สิ น่ารักมากเลยพี่จีทำเป็นหรือเปล่า” นิลเดินพรวดเข้ามาหาจี โดยไม่ได้สังเกตอีกคนที่นั่งมองเธออย่างคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันที่ร้านประจำของเขา

 

“เค้กโรลเพ้นท์ลายน่ารักมากเลยอะ พี่ทำเป็นไหม” นิลยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปภาพเค้กโรลที่มีลวดลายดอกไม้และผึ้งน้อย จีหัวเราะ

 

“อืม ยังไม่เคยลองนะ ไว้ว่างๆจะลองดูเอาไว้ขายน่าเทศกาลน่าจะดีนะ” นิลและจียังคงคุยกันโดยไม่ได้สนใจปริ๊นส์ที่มองตาปริบ อย่างไม่รู้จะแทรกตรงไหนดี นิลรู้สึกเหมือนถูกจ้องเธอหันไปมอง

 

“เอ๊ะ อ้าว สวัสดีค่ะพี่ เจอกันอีกแล้วบังเอิญจังเลยนะคะ” จีหันไปมองเพื่อนของเขาที่กำลังส่งยิ้มให้นิล

 

“อ้าวรู้จักกันเหรอ”

 

“อ้าวพี่รู้จักกันเหรอคะ”

 

“ก็นี่เพื่อนสนิทพี่เอง ปริ๊นส์ ประธานนักเรียนโรงเรียนเราไง” นิลตาโตเมื่อฟังจีพูด

 

“ว้าว เท่สุดๆ หนูได้รู้จักคนใหญ่คนโตเหรอเนี่ย ฮ่าๆ” นิลยิ้มขำ ปริ๊นส์หัวเราะ

 

“ก็น้องคนนี้ไงที่เราเคยช่วยไว้” ทั้งสามร้องอ๋อ ไปๆมาๆโลกก็กลมดีแท้ จากนั้นจีและนิลก็กลับไปทำงาน

 

ปริ๊นส์นั่งเท้าคางมองคนทั้งสอง ไนท์ยกกาแฟดำ กับโหลน้ำตาลมาตั้งตรงหน้าปริ๊นส์ เด็กหนุ่มยกแก้วขึ้นดื่มสายตายังคงจ้องมองคนทั้งคู่

 

“ทำไมวันนี้กาแฟมันขมมากเป็นพิเศษเลยล่ะไนท์” ปริ๊นส์พึมพำออกมาเบาๆมากกว่าจะถามหาคำตอบ ไนท์มองตามสายตาของปริ๊นส์

 

“ถ้ามันขมก็เติมน้ำตาลสิครับ พี่เลือกได้นี่ครับว่าต้องการหวานหรือขม แต่ติดอยู่ที่ว่าจะเลือกหรือเปล่า”ไนท์แนะนำ

 

“ไม่เป็นไรหรอก กินขมๆก็อร่อยดี หึหึ” ปริ๊นส์หมุนแก้วกาแฟเล่น เขาหัวเราะให้กับตัวเอง

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา