A DaY ....วันรักวุ่นลุ้นรัก

-

เขียนโดย fibo6040

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.02 น.

  8 บท
  1 วิจารณ์
  11.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) EveryDay.......... So SwEEt DaY

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

“อ้าวนมหมดแล้วเหรอ”นิลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าตู้เย็นนั้นว่างเปล่ามีเพียงน้ำเปล่าเพียงไม่กี่ขวด เธอเหลือบมองนาฬิกาที่ติดไว้บนฝาผนัง เพิ่งจะทุ่มเดียวเองไม่ดึกเท่าไหร่ ร้านสะดวกซื้อก็ใกล้แค่นี้เอง

 

นิลปิดตู้เย็นเดินไปที่ห้องนั่งเล่นซึ่งเด็กชายนกกระเต็นกำลังดูการ์ตูนเรื่องโปรดอยู่

 

“กระเต็นไปซื้อของกัน”เธอเอ่ยชวนหลานชาย ถึงแม้กระเต็นทำท่าว่าไม่อยากไปแต่นิลก็ไม่ยอมให้เด็กชายอยู่ที่คอนโดคนเดียวเป็นอันขาดยังไงก็ต้องลากไปด้วยกันอยู่ดี

 

เด็กชายทำแก้มป่องไม่พอใจที่อาสาวมาขัดจังหวะการดูการ์ตูนของเขา จึงเดินนำหน้าลิ่วไม่ยอมให้อาจูงมืออย่างเคย

 

“นี่ อย่างอนน่า ไม่น่ารักเลยนะ” นิลเรียกกระเต็นที่เดินกอดอกไม่สนใจเธอ

 

“กระเต็นอย่าวิ่งสิ เดี๋ยวหกล้ม” ยังไม่ทันขาดคำ เด็กชายก็วิ่งไปชนกับร่างของคนที่กำลังเดินอยู่ตรงหน้า

 

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” นิลรีบเดินไปขอโทษ

 

“ไงเจ้าหนู กับคุณอาตัวเปี๊ยก” คิงยกมือขยี้หัวเด็กชายกระเต็นดูเหมือนว่าเด็กชายจะชอบคิงอยู่ไม่น้อยเพราะเขายิ้มให้พี่ชายนักมายากลอย่างดีใจ นิลอ้าปากค้าง อะร๊าย!มันจะบังเอิญขนาดนี้

 

“ว่าใครตัวเปี๊ยกกันหะ” เธอโวยวาย คิงยักไหล่

 

“ว่าแต่ค่ำมืดนี่เธอออกมาทำอะไร”

 

“มาซื้อของน่ะสิ” นิลตอบห้วนๆ คิงมองคนร่างเล็กตั้งหัวจรดเท้า

 

“ใส่ชุดแบบนี้มาเดินตอนค่ำๆเนี่ยนะ”เขาชี้ไปที่ตัวเธอ ชุดนอนสีฟ้าอ่อนถึงผ้าจะไม่บางแต่การใส่ชุดแบบนี้มาเดินกลางคืน ถ้าไม่เรียกว่าโง่ก็คงเป็นพวกไม่รู้จักคิดสุดๆ นิลก้มมองชุดตัวเองแล้วทำหน้าเจื่อนๆ

 

“เอานี่ไปใส่ไป” เขาถอดเสื้อคลุมไหมพรมที่ตัวเองสวมมายื่นให้นิล เธอรับมาใส่อย่างไม่ค่อยเต็มใจ

 

“แล้วนี่คิงจะไปไหน”

 

“ก็ไปซื้อของน่ะสิ รีบๆเดินไปได้แล้ว” คิงเดินนำหน้านิลไปโดยจูงมือเด็กชายนกกระเต็นไปด้วย ดูเหมือนว่านิสัยอีกอย่างของคิงที่นิลเพิ่งรู้ก็คือเขารักเด็ก

 

“นี่วันนี้เราเห็นคิงที่โรงพยาบาลด้วยแหละ” คิงหยุดเดินหันมามองนิล แววตาสีเขียวนั้นเข้มขึ้น นิลถอยหลังตามสัญชาตญาณ เธอได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดหรือเปล่า เธอแค่อยากชวนคุยเฉยๆเพราะเห็นบรรยากาศมันเงียบไป

 

“แล้วไง”เขาถามเสียงห้วนจัดอย่างไม่พอใจ

 

“นี่เราแค่อยากจะชวนคุยนะทำไมต้องทำท่าน่ากลัวขนาดนั้นด้วยล่ะ” คิงปรับสีหน้าเขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำตัวเสียมารยาทไป

 

นิลถอนหายใจหมอนี่ช่างไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นเอาซะเลย เธอเดินไปจูงหลานชายเดินเข้าร้านสะดวกซื้อหยิบของที่ต้องการ รีบจ่ายเงินแล้วเดินออกมาโดยไม่ได้รอคิง

 

“นี่เดี๋ยวหยุดก่อน” คิงวิ่งตามสองอาหลานมา หน้าผากเหงื่อซึมนิดๆเขาหยุดหายใจ

 

“มีอะไรอีกล่ะ”

 

“ขอโทษ”

 

“อะไรนะ ขอโทษเรื่องอะไร” นิลแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองที่อีกฝ่ายจะยอมขอโทษเธอง่ายดายเสียจริง

 

“อันนี้ยกให้เอาไปสิ” เขายื่นถุงจากร้านสะดวกซื้อให้เธอ เธอรับมาถือไว้ มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา

 

“ไม่ต้องขอโทษเราหรอกนะ เราไม่ได้โกรธ เพราะเราไม่ได้เป็นเพื่อนกัน” คิงตกใจที่นิลจำคำพูดของเขาได้

 

“ถ้าตอนนี้เปลี่ยนใจยังทันไหม”

 

“พูดว่าอะไรนะ” นิลถามคนร่างสูงย้ำอีกครั้ง

 

“ความจริงมีเพื่อนเพิ่มอีกซักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นไร ใช่ไหมเจ้าหนู” เขาพูดแก้เขินกับกระเต้นแทนที่จะพูดกับเธอ นิลเบ้ปากร้อง เหอะ อดหมั่นไส้คนตรงหน้าไม่ได้ นิลเปิดถุงที่คิงให้เธอพบว่าในถุงมีแต่ลูกอมเต็มไปหมด

 

“นี่กะว่าจะให้ฉันฟันผุสินะ”

 

“เอาไว้ให้ชาร์จแบตน่ะ” คิงพูดเรียบๆ

 

“ขอบคุณ” เขายักไหล่แล้วจับกระเต็นขึ้นขี่คอเดินกลับคอนโด นิลมองตามหลังของคนร่างสูงนึกขอบคุณเขาขึ้นมา ชีวิตในเมืองนี้มันจะมีอะไรดีๆรอเธออยู่บ้างหรือเปล่านะ

 

บรรยากาศในห้องเรียนยามเช้าระหว่างรอชั่วโมงโฮมรูม เหล่านักเรียนในห้องต่างส่งเสียงคุยกันจ่อกแจ่ก นิลเดินเข้ามาในห้องเรียนอย่างงัวเงีย เมื่อคืนเธออ่านหนังสือเรียนจนดึกแน่นอนว่าเธอไม่ใช่นักเรียนดีเด่นอะไรหรอก หากเป็นเพราะเธอเข้าเรียนกลางเทอมถ้าไม่ขยันล่ะก็มีหวังสอบตกต้องเรียนใหม่แน่นอน

 

“Ciao!” คิงทักทายนิล คนตัวเล็กแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หมอนี่ต้องไม่สบายแน่ๆถึงได้ทักเธอ ว่าแต่หมอนั่นพูดภาษาอะไรล่ะนั่น

 

“ภาษาอิตาลี แปลว่า สวัสดี” คิงเหมือนจะรู้ว่านิลไม่เข้าใจจึงแปลความหมายให้เธอฟัง

 

“ดะ ดี” นิลยังมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง หมอนี่มีแผนการอะไรรึเปล่า คิงมองอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด

 

“นี่เธอ ฉันแค่ทักทายแบบเพื่อนเขาทำกัน อย่ามองด้วยสายตาน่าเกลียดอย่างนั้นได้ไหม”

 

“อ้าวจะไปรู้เรอะ ปกติไม่เคยทักนี่”

 

“เหอะ”

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคิง คุณนิล ทายสิคะวันนี้วันอะไร” เพนนีเดินยิ้มแย้มตัวปลิวเข้ามาในห้องเรียนและตรงดิ่งมาทักทายทั้งสองคน

 

ส่วนไนท์เดินตามหลังมาติดๆในมือถือกระเป๋าเรียนของเพนนีตามมาด้วย เขาเดินไปวางสัมภาระของตัวเขาและเพนนีที่โต๊ะเรียนก่อนจะเดินมาสมทบกับคนทั้งสาม

 

“ทำไมวันนี้มาสายกว่ายัยนี่ได้ล่ะ”คิงทักขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ ‘ยัยนี่’ นิลที่โดนพาดพิงยกกำปั้นทุบหัวไหล่คิงไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ เพนนีและไนท์แปลกใจเล็กๆ นิลกับคิงสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่

 

“ วันนี้รถที่บ้านเพนนีเสียกลางทางฉันเลยต้องไปรับ” ไนท์ตอบแทนเพนนี

 

เพนนี หรือ ธนัชชา คุณหนูผู้คาบช้อนเงิน ช้อนทอง มาเกิด ลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆของประเทศด้วยธุรกิจโรงแรมและห้างสรรพสินค้า ทุกเช้าเธอจะมีคนขับรถมาส่งที่โรงเรียนทุกวัน ไม่เพียงแค่นั้นพ่อของเธอได้จ้างบอร์ดี้การ์ด ตำรวจนอกเครื่องแบบคอยอารักขาลูกสาวเพียงคนนั้นเดียวของเขา แต่เพื่อไม่ให้ลูกสาวต้องรู้สึกอึดอัดหรือแปลกแยกกว่าเพื่อนคนอื่น จึงให้เพียงแต่ลอบคอยดูอยู่ห่างๆและปล่อยให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตนักเรียนธรรมดา แต่ความเป็นคุณหนูของเธอก็ไม่ได้ด้อยลงไปเลย เธอมักจะพูดกับเพื่อนด้วยคำสุภาพเสมอๆ

 

“แล้วนายไปรับเธอยังไง” คิงถามเพราะปกติไนท์จะขี่จักรยานมาเรียน เนื่องจากบ้านของเขาไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไรนัก

 

“ก็จักรยานนั่นแหละ”

 

“หา คุณหนูเพนนีเนี่ยนะนั่งจักรยานมาเรียน” คิงทำหน้าไม่เชื่อ เพนนีถอนหายใจ

 

“ทำไมล่ะคะคุณคิง การที่ดิฉันจะลองใช้ชีวิตแบบสามัญชนดูบ้างมันผิดปกติตรงไหน” ไนท์ยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะกับคำพูดเพนนี คำพูดคำจาคุณหนูนี่เหลือร้ายจริงๆ

 

“เอ๊าะเหรอออ”คิงทำเสียงสูงล้อเลียน

 

“ว่าแต่วันนี้วันอะไรเหรอเพนนี” นิลถามแทรกขึ้น เพนนียิ้มกว้าง

 

“ทายกันมาก่อนสิคะ”

 

“วันนี้วันศุกร์ไง” คิงตอบ เพนนีส่ายหน้า

 

“วันเกิดเพนนีชัวร์”นิลทำหน้ามั่นใจ เพนนีก็ยังส่ายหน้า ไนท์กลั้นหัวเราะเต็มที่ใจจดจ่อรอให้เพนนีเฉลยเพราะเขาอยากดูปฏิกิริยาของคนบางคน

 

“เฉลยมาเหอะขี้เกียจทาย” คิงเลิกเล่นเอาดื้อๆ  เพนนียิ้มกริ่ม

 

“วันที่เราจะจัดปาร์ตี้ไงคะ”

 

“อะไร ไร้สาระชะมัด ปาร์ตี้อะไรของเธอ” คิงหมดความสนใจทันที

 

“ปาร์ตี้ต้อนรับคุณนิลไงคะ จัดขึ้นที่บ้านคุณคิง” คิงผุดลุกขึ้นยืนมองไนท์ที่ยืนหัวเราะ

 

“เธอถามฉันหรือยังว่ายินดีให้ยืมสถานที่ไหม”

 

“แล้วถ้าถามจะให้หรือเปล่าล่ะคะ”เพนนีย้อนกลับ

 

“ไม่” คิงตอบทันควันและห้วนที่สุด

 

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะถามไปทำไมล่ะคะ เสียเวลา” คิงจ้องหน้าเพนนี

 

“เอาน่าๆ ก็ไม่เชิงปาร์ตี้หรอก ติวหนังสือกันด้วย เพราะนิลก็ดันเข้ากลางเทอมแล้วนี่ก็ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วด้วยนะถือว่าทบทวนบทเรียนไปในตัว”ไนท์ไกล่เกลี่ยผสมโน้มน้าวใจคิงไปด้วย

 

“แล้วทำไมต้องบ้านฉันล่ะ บ้านยัยคุณหนูนี่ก็ได้” เพนนีทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

 

“ก็บ้านคุณคิงใกล้โรงเรียนนี่คะ คุณนิลจะได้เดินทางไม่ลำบากอีกอย่างหนูนกกระเต็นจะได้มาสนุกกับพวกเราด้วย อะไรกันคุณคิงจะใจดำกับเด็กตัวเล็กเหรอคะ แหมแย่จริงเชียว” เพนนีลอยหน้าลอยตา คิงนั่งลงยอมแพ้เถียงไม่ออก ยินยอมโดยสมบูรณ์แบบ เพนนีกับไนท์แตะมือกันอย่างสมหวัง ส่วนนิลมองเพนนีอย่างซึ้งใจ

 

“เดี๋ยวนั่นเธอโทรหาใครน่ะ”คิงถามเมื่อเห็นเพนนีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด

 

“โทรสั่งอาหารจากโรงแรมค่ะก็เราจะจัดปาร์ตี้กันนี่คะ”

 

“เฮ้ย! จะบ้าเรอะ ปาร์ตี้เด็กม.ปลายที่ไหนเขาสั่งอาหารจากโรงแรมมากินกัน” เพนนีตั้งท่าจะเถียงแต่ไนท์หยิบโทรศัพท์ออกจากมือ

 

“เอาแค่ขนมจากร้านสะดวกซื้อก็พอส่วนอาหารเดี๋ยวเราแสดงฝีมือเอง”ไนท์กดตัดสายโทรศัพท์ยื่นคืนให้เพนนี แม้เธอจะไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ในเมื่อเห็นว่าจะได้กินอาหารฝีมือไนท์เธอก็ยอมตกลง

 

“เอ่อ เราทำให้ทุกคนลำบากหรือเปล่า” นิลพูดขึ้นอย่างเกรงใจ

 

“เธอน่ะไม่ได้ทำให้ฉันลำบาก แต่คนที่ทำคือยัยเพนนีต่างหากล่ะ เชอะ” เพนนีอ้าปากจะเถียง

 

“เอาล่ะพอเถอะอาจารย์จะมาแล้ว สรุปวันนี้ตอนเย็นไปจัดปาร์ตี้กันที่บ้านคิงไปแยกย้ายนั่งที่จบข่าว”

 

I love Friday …I love party …chalala…chalala เพนนีร้องเพลงที่แต่งเนื้อร้องทำนองเอง อย่างเพลิดเพลินขณะกำลังนั่งทำแบบฝึกหัดในห้องนั่งเล่นของบ้านคิง โต๊ะตรงหน้ามีขนมมากมายวางเรียงรายอยู่

 

ถัดไปที่โซฟากระเต็นกำลังวาดรูปอย่างสนุกสนาน นิลและไนท์กำลังช่วยกันแก้โจทย์ปัญหา ทุกคนดูสนุกสนานยกเว้นแต่คิงที่นั่งข้างเพนนีและกำลังกุมขมับอย่างปวดหัว

 

ทั้งสี่คนตกลงจับคู่กันติวด้วยวิธีจับฉลาก คิงและเพนนีจับคู่ด้วยกันซึ่งแน่นอน เพนนีไม่ได้สนการติวเลยซักนิดเธอดูจะสนใจกระเต็นมากกว่าคิงซะด้วยซ้ำไป

 

“เพนนีเลิกร้องเพลงบ้าๆนั่นซะที”

 

“ทำไมคะไม่เพราะเหรอคะ” ใบหน้าไร้เดียงสาของเพนนี สำหรับคิงแล้วมองยังไงก็คือการกวนประสาทของยัยคุณเพนนีชัดๆ

 

“น่ารำคาญสุดๆ” คิงตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

 

“ฉันอุตส่าห์เสียสละเวลาอันมีค่าของฉันมาติวให้เธอหัดตั้งใจซะบ้างได้ไหม” ในขณะที่คิงพูดเพนนีก็เอี้ยวตัวไปช่วยกระเต็นระบายสีเธอไม่ได้สนใจอีกฝ่ายสักนิด

 

คิงวางหนังสือลงบนโต๊ะดังโครมเขาสูดหายใจเข้าอย่างสะกดกั้นอารมณ์ ในความคิดของเขาเพนนีเป็นผู้หญิงที่รับมือยากที่สุดในชีวิตไม่รู้ว่าไนท์มันรับมือยัยคุณหนูคนนี้มาตลอดได้ยังไง

 

“เพนนีเลิกแกล้งคิงได้แล้ว น่าสงสารออกนะ”ไนท์เตือนเพนนีอย่างไม่จริงจังนัก คิงหันไปจ้องคนพูดทันที

 

“งั้นมาแลกกันสิถ้าสงสารฉันล่ะก็ เอายัยนี่ไปแล้วเอายัยนั่นมา” ไนท์พยักหน้ายอมแลกตัว นิลขยับไปนั่งใกล้ๆคิง ส่วนเพนนีเธอยังสนุกอยู่กับกระเต็น

 

“เพนนีหิวรึยังไปทำช่วยกันทำอาหารดีกว่า วันนี้ทำข้าวห่อไข่นะ”ไนท์ดึงความสนใจเพนนีจากการเล่นเกมส์กับกระเต็นไหนๆก็ไม่สนใจจะติวอยู่แล้ว

 

“ได้สิคะ” เพนนีลุกขึ้นยืน

 

“เจ้าหนูไปด้วยกันสิไปหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า” ไนท์ชวนกระเต็นไปด้วยกัน ทั้งสามเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังห้องครัว

 

“ขอบคุณนะ”

 

“หืม ขอบคุณอะไรของเธอ” คิงเอนหลังพิงโซฟายกมือกอดอกมองนิล

 

“ก็ทุกๆอย่างน่ะแหละ”

 

“เฮ้ๆพูดแบบนี้แสดงว่าหลงเสน่ห์ฉันแล้วล่ะสิ” คิงส่งยิ้มล้อเลียนคนตรงหน้าที่นั่งหน้าเหวอ

 

“หา พูดอะไรน่ะ ใครจะคิดแบบนั้นกันยะทุเรศจริง”

 

“กินข้าวกันเถอะจ้า”ไนท์ร้องเรียก ทุกคนมานั่งรวมตัวที่ห้องกินข้าวอย่างพร้อมเพรียง

 

“เฮ้ย ไอ้แครอทน่าตาประหลาดนี่ฝีมือใครอะ” คิงที่เริ่มพิจารณาวัตถุดิบในจานข้าวของตัวเอง ที่บางอย่างมันประหลาดเกินกว่าจะกินเข้าไปได้

 

“ฝีมือเพนนีน่ะ ให้ลองหั่นผักดู”ไนท์ตอบแทนเพนนีที่เตรียมอ้าปากจะต่อล้อต่อเถียงกับคิง

 

“น่าตาน่ารักน่าเอ็นดูจริงจริ๊ง” คิงประชดเพนนี ก่อนจะตักข้าวเข้าปากแน่นอนร้อยทั้งร้อยใครที่ได้ชิมฝีมือไนท์ต้องติดใจทุกราย คิงโน้มตัวไปหาเด็กชายนกกระเต็นที่นั่งฝั่งตรงข้าม

 

“กินเยอะๆนะเจ้าหนู อิ่มแล้วมีเรื่องสนุกๆจะให้ทำ” เด็กชายตาโตรีบตักข้าวเข้าปาก นิลลอบมองหลานชายตัวน้อยปกติกระเต็นจะไม่ค่อยกินข้าวแต่วันนี้กลับตักข้าวเข้าปากโดยไม่ต้องบังคับ เธอมองดูเพื่อนๆทั้ง3คนที่พลัดกันสรรหาเรื่องสนุกๆมาให้หลานชายของเธอได้เพลิดเพลิน

 

หลังอาหารเย็นทุกคนพักการติวหนังสือ แล้วเริ่มปาร์ตี้เล็กๆกันที่ห้องนั่งเล่นห้องเดิม นิล เพนนี และไนท์ มองดูคิงที่จูงมือกระเต็นมาหยุดที่เปียโน คิงย่อตัวลงมาที่เด็กชาย

 

“เดี๋ยวจะเล่นให้ฟังมานั่งด้วยกันสิ”

 

เสียงเพลงเปียโนหวานกังวานขึ้นภายในห้องนั่งเล่น เด็กชายที่นั่งข้างๆพี่ชายนักมายากลมองอย่างตื่นตาตื่นใจ

 

นิลมองดูหลานชายของเธอที่มีท่าทีผ่อนคลายเมื่อได้ยินเสียงเปียโน คิดถูกจริงๆที่ย้ายมาที่เมืองนี้ เธอดีใจที่ได้รู้จักกับคนพวกนี้ เสียงเพลงจบลง เพนนีกับไนท์ปรบมือให้กำลังใจคิง คนร่างสูงยิ้มภูมิใจเขามองดูเด็กชายที่จ้องเขาไม่วางตา

 

“อยากลองเล่นดูไหมจะสอนให้” เด็กชายพยักหน้าหงึก คิงเริ่มสอนเด็กชายเล่นเปียโนโดยไล่โน้ตแต่ละตัวดูท่ากระเต้นจะชอบมากๆเพราะเด็กชายดูมีสมาธิกับดนตรีมากๆ

 

“ดูท่าทางกระเต็นจะชอบเปียโนซะแล้วนะคะคุณนิล” เพนนีหันไปชวนนิลคุย นิลพยักหน้ารับ

 

“วันนี้กระเต็นยิ้มมากกว่าทุกวัน ขอบคุณทุกคนนะเราซาบซึ้งใจมากเลย” เพนนีกอดนิลเอาไว้

 

“เห็นนิลกับกระเต็นยิ้มได้พวกเราก็ดีใจแล้วล่ะ” ไนท์เอ่ยขึ้น

 

“ใช่ค่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันนะคะ ต่อไปนี้ จะต้องมีเรื่องสนุกๆให้พวกเราทำอีกเยอะเลยนะคะ”

 

“เพนนีน่ารักที่สุด” นิลกอดตอบเพนนี เพนนีหัวเราะกอดตอบเช่นเดียวกัน

 

“ฉันกอดด้วยได้ไหม”ไนท์เสนอตัว

 

“ไม่ได้” สองสาวพูดขึ้นพร้อมกันแล้วทั้งสามก็หัวเราะออกมา บรรยากาศทั้งห้องเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

 

ถัดไปที่ประตูหน้าห้องรับแขก นายแพทย์จักรินทร์พ่อของคิงยืนกอดอกพิงประตูมองลูกชายที่เล่นเปียโน ในตอนแรกที่เขาเข้าบ้านมาเขาก็ประหลาดใจที่มีเสียงเปียโนดังแว่วมาและต้องประหลาดใจซ้ำเมื่อผู้บรรเลงคือลูกชายของเขานานมากแล้วที่คิงไม่ได้แตะเปียโน

 

เขามองดูลูกชายและเหล่าเพื่อนๆที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีนั่นคือเพนนี และไนท์ ส่วนเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มและเด็กชายวัยอนุบาลนั่นเขาไม่คุ้นหน้าคงจะเป็นเพื่อนใหม่ของคิง แต่ทั้งหมดทั้งมวลเขาก็พบว่าวันนี้คิงดูต่างจากทุกวัน รอยยิ้ม เสียงเปียโนต้องขอบคุณเด็กๆเหล่านี้ที่ทำให้วันนี้ของคิงไม่เงียบเหงา เขาเหลือบมองรูปถ่ายภรรยาที่ผนังรอยยิ้มจางๆผุดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะค่อยๆเดินถอยออกมาจากประตูเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านหลังใหญ่

 

ปฏิทินบนผนังห้องนอนบอกเวลาที่เคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆเข้าสู่เดือนกันยายนเดือนสุดท้ายของการสอบปลายภาค นิลตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยบรรยากาศหนาวสั่น

 

เธอมองออกไปนอกหน้าต่างฝนเม็ดเล็กเกาะพราวที่หน้าต่าง บรรยากาศขมุกขมัว เด็กสาวถอนหายใจบรรยากาศน่านอนชะมัดอยากหยุดเรียนแล้วนอนต่อจริงเชียว เธอบิดขี้เกียจและไล่ความง่วงก่อนจะเรียกหลานชายตัวน้อยให้ตื่นขึ้น

 

“กระเต็น สีเหลืองกับสีฟ้า ชอบสีไหนมากกว่ากัน” นิลชูเสื้อกันฝนสองตัวขึ้น เด็กชายยืนมองทำหน้าครุ่นคิดจะใส่สีไหนดีนะ นิลพยายามลุ้นว่าเด็กจะชายพูดตอบเธอไหม สุดท้ายเธอก็ต้องผิดหวังเมื่อเขายื่นมือไปจิ้มเสื้อกันฝนสีเหลืองสด

 

“นี่อย่ากระโดดสิน้ำกระเด็นโดนอานะ” นิลร้องเตือนเมื่อเห็นเด็กชายชอบย้ำแอ่งน้ำขังที่ทางเดิน นิลเดินกางร่มพลาสติกใสตามเด็กชายต้องคอยหลบเป็นพัลวัน เด็กยิ้มชายหันมายิ้มกวนๆใส่อานิล

 

เด็กสาวทำหน้ายู่ นี่มันรอยยิ้มของคิงชัดๆสงสัยจะให้หลานชายเข้าใกล้นายคนนี้มากไม่ได้แล้วเดี๋ยวติดนิสัยกวนประสาทมาล่ะแย่เลย แต่พูดถึงคิง คนร่างสูงก็ปรากฏตัวออกมาเขาพุ่งตัวมาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในร่มคันเดียวกับเธอ นิลหันไปจ้องมองคนร่างสูงที่ผมเปียกน้ำฝน ทั่วร่างชื้นด้วยละอองน้ำ มือของเขาจับด้ามจับร่มโดยมือเธออยู่ข้างใต้

 

“ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน” คิงพูดกลั้วหัวเราะ

 

“อะไรของเธอ เราตกใจนะเนี่ยโผล่พรวดมาจากไหน แล้วเดี๋ยวนะ บ้านเธอไม่มีร่มหรือยังไงมาอาศัยคนอื่นน่ะ แล้วไอ้ที่บอกประหยัดน้ำมัน จะบ้ารึไง เราเดินไปไม่ได้ขับรถ แล้วก็......”นิลตั้งท่าจะบ่นอีกยาวยืด คิงยิ้มขำพร้อมเอามือปิดปากเธอ

 

“จะบ่นทำไม เอาเป็นว่าขออาศัยไปด้วย มีน้ำใจกับคนหล่อหน่อยสิ คุณอาตัวเปี๊ยก” นิลถอนหายใจ จะให้เธอไล่เขาออกจากร่มก็ดูจะแล้งน้ำใจเกินไป เธอค่อยๆแกะมือคนร่างสูงออกจากด้ามจับร่ม แล้วยินยอมให้เขาอาศัยไปด้วย

 

“มานี่เดี๋ยวฉันถือเอง”เขาคว้าร่มไปถือให้เธอ แล้วเดินไปโรงเรียนด้วยกัน

 

“ ปริ๊นส์ ดูอะไรน่ะไปโรงอาหารกันได้แล้วไหนบอกจะไปกินข้าวเช้าไง” จีเพื่อนสนิทของปริ๊นส์ร้องเรียก เมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาหยุดยืนที่หน้าต่างเป็นเวลานาน สายตาคมจ้องมองที่หน้าตึกเรียนไม่วางตา คนถูกทักหันกลับมาเดินตามเพื่อนไป

 

“เมื่อตะกี้มองอะไร” จียังคาใจไม่เลิก

 

“อ๋อ เปล่าพอดีเจอคนที่ฉันเคยช่วยไว้ไง นายจำไม่ได้เหรอ” ปริ๊นส์พูดถึงนิล รุ่นน้องที่เขาเคยช่วยไว้แต่ไม่ถามชื่อ ขณะที่เขากำลังจะเดินไปโรงอาหารกับเพื่อนสนิท สายตาเขาสอดส่ายไปเรื่อยเปื่อยแต่ดันบังเอิญเห็นนิลเดินเข้าโรงเรียนมาพร้อมกับเด็กนักเรียนชายทำให้เขาเผลอมองนานไปนิด

 

“เหรอแล้วมีอะไรน่าสนใจถึงต้องมองขนาดนั้น”

 

“ไม่มีอะไรหรอกแค่มองเฉยๆไม่ได้หรือไง เออเปลี่ยนใจแล้วไม่อยากกินข้าวที่โรงอาหารแล้ว นายทำอะไรให้กินหน่อยสิได้ไหม” ปริ๊นส์ถามจี

 

“ได้สิ งั้นไปที่ชมรมคหกรรมละกันเดี๋ยวทำอะไรให้กิน”

 

“แหม มีเพื่อนเป็นประธานชมรมคหกรรมนี่ดีจัง ได้กินอะไรอร่อยๆตลอดเลย” ปริ๊นส์เอ่ยแซวจี  

 

“เหรอครับประธานนักเรียน” จีแซวกลับ

 

ปริ๊นส์ หรือ คณิน ประธานนักเรียนของโรงเรียนดา ลาโก ฝั่งมัธยม เป็นพวกรักความยุติธรรมเป็นคนที่พึ่งพาได้ในทุกเรื่อง แต่ติดที่มีนิสัยชอบโวยวายและปากไม่ค่อยดี แต่เขาก็เป็นคนจริงใจ แม้บางครั้งจะดูเฉื่อยชากับงานสภานักเรียนไปบ้างแต่ทุกคนก็ให้อภัย

 

นอกจากจะเป็นที่รักในหมู่เพื่อนฝูง เขายังมีรูปลักษณ์ที่จัดว่าต้องตาต้องใจของสาวๆด้วยรูปร่างสูงโปร่ง ผมที่ย้อมสีเงิน แววตาที่น้ำตาลอ่อน ลักยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้ได้รับฉายาจากสาวๆว่า เจ้าชายของดาลาโก

 

ส่วนจี หรือ จิตวัต เพื่อนสนิทของเขานั้นตรงข้ามกับปริ๊นส์ เขาเป็นคนเงียบๆเป็นคนใจเย็น ใจดี และชอบเรื่องทำอาหารและขนมมากๆเขาเป็นประธานชมรมคหกรรมตั้งแต่อยู่มัธยมต้น มักจะเข้าแข่งขันทำอาหารและได้รางวัลมานับไม่ถ้วน

 

“หางานพิเศษทำตอนปิดเทอมดีไหมนะ” นิลพึมพำออกมาขณะวางนิตยสารแฟชั่นลงบนโต๊ะ เพนนีชะโงกหน้าดูหน้าที่นิลเปิดค้างไว้

 

“ทำไมเหรอคะเสื้อตัวนั้นมันแพงมากเลยเหรอคะ” เพนนีชี้ไปที่เสื้อที่นางแบบใส่

 

“หะ ไม่ใช่เพนนี ไม่เกี่ยวกับหนังสือที่เราดู แต่เพราะมันใกล้จะปิดเทอมแล้วต่างหาก ช่วงปิดเทอมฝั่งอนุบาลเขาก็มีกิจกรรมเรียนเสริมให้เด็กๆด้วยครึ่งวัน มันก็เลยกลายเป็นว่าเราว่างจะว่างไม่มีอะไรอยู่คนเดียวด้วย เลยอยากหาประสบการณ์ให้ชีวิตซะหน่อย” นิลอธิบาย

 

“สนใจมาทำงานพิเศษที่ร้านเราหรือเปล่า” ไนท์ถามขึ้นมา นิลเลิกคิ้วมอง

 

“ร้าน?”

 

“ที่บ้านคุณไนท์ทำไร่กาแฟและก็ส่งกาแฟขายต่างประเทศค่ะ ทีนี้คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณไนท์เห็นว่าลูกชายคนเล็กของบ้านชอบเบเกอรี่และการทำอาหารก็เลยเปิดร้านกาแฟให้คุณไนท์และพี่สาวช่วยกันบริหาร แหมคนรวยนี่เขาตามใจลูกกันจริงๆนะคะ ” เพนนีชิงตอบแทนเจ้าของเรื่อง

 

คิงเหล่มองเธอก็ลูกคนรวยเหมือนกันไม่ใช่เรอะยังมีหน้าไปเหน็บแนมชาวบ้านเขาอีก

 

“ตอนนี้ที่ร้านต้องการเด็กเสริ์ฟน่ะ แล้วก็เป็นลูกมือช่วยทำเบเกอรี่เล็กๆน้อยๆ”ไนท์อธิบายเพิ่ม นิลดูลังเล

 

“แต่ว่าเราทำได้แค่ครึ่งวันเองน่ะ เพราะตอนบ่ายกระเต็นก็เลิกเรียนแล้ว” ดูท่านิลจะต้องถอดใจซะแล้ว

 

“เดี๋ยวฉันดูกระเต็นให้ก็ได้” คิงโพล่งออกมา ทุกคนหันไปมองคิงเป็นตาเดียว

 

“คนที่ไม่เคยนึกจิตใจคนอื่นนอกจากตัวเอง คนที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นแบบคุณคิงเนี่ยนะคะ อาสาจะดูแลเด็กให้ โอ๊ย ฟ้าถล่มดินทลายแหงๆ” เพนนีได้ทีจิกกัดคนร่างสูง

 

“น้อยๆหน่อยยัยเพนนี” คิงยกมือขึ้นเขกหัวคุณหนูเบาๆเชิงหมั่นไส้ นิลอ้าปากค้าง

 

“คืออย่างนี้นะ ฉันเห็นว่ากระเต็นดูท่าว่าจะชอบเปียโนก็เลยกะว่าจะสอนให้ อีกอย่างไม่แน่ว่าดนตรีอาจจะบำบัดอาการป่วยของกระเต้นก็ได้” คำพูดของคิงดูมีเหตุผลอยู่ไม่น้อย สุดท้ายนิลก็ตกลงให้คิงเป็นครูสอนดนตรีหลานชาย ส่วนเธอก็ไปช่วยไนท์ทำงาน

 

ความจริงแล้วนิลไม่จำเป็นต้องดิ้นรนหางานพิเศษอะไรทำเลยด้วยซ้ำ เพราะเงินจากค่าประกันชีวิตของครอบครัวที่เธอได้มานั้นมากมายพอที่จะให้เธอและหลานอยู่อย่างสุขสบายไปอีกนาน แถมตอนนี้เธอยังมี ‘หมอนั่น’ที่คอยเจ้ากี้เจ้าการชีวิตเธออีก ดังนั้นเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาในชีวิตเธอสักนิด

 

แต่เพราะเธออยากจะเก็บเงินนั้นไว้รักษาหลานชายตลอดจนซื้ออิสรภาพคืนจากใครบางคน พูดไปแล้วช่วงนี้ไม่มีโทรศัพท์หรือข่าวคราวใดๆจากเขาอีกเลยไม่รู้วางแผนอะไรอีกหรือเปล่า

 

และเหตุผลอีกอย่างคือเธอกลัวต่างหาก กลัวความว่างเปล่าหากเธอไม่ทำตัวให้วุ่นวายเข้าไว้ เธออาจจะวกกลับไปคิดเรื่องในอดีตอีกก็เป็นได้ ดังนั้นเธอยิ่งต้องพยายามทำทุกวันให้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป เพื่อหลานชายและเพื่อตัวเอง ซึ่งคิงรู้เหตุผลข้อนี้ดีเขาจึงอาสาเป็นครูสอนดนตรีให้นกกระเต็น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา