A DaY ....วันรักวุ่นลุ้นรัก

-

เขียนโดย fibo6040

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.02 น.

  8 บท
  1 วิจารณ์
  11.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) HappY BirTh DaY 100% up to date 11/03/2557

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

ห้องนั่งเล่นสีขาวนวลถูกประดับด้วยลูกโป่งสีโทนหวาน ชมพู ฟ้า เขียวอ่อน และเหลือ ปลายลูกโป่งผูกด้วยริบบิ้น ที่มีข้อความสุขสันต์วันเกิดเกิดติดอยู่ ในมุมห้องเสียงเปียโนบรรเลงเพลงอวยพร เด็กสาวยิ้มกว้างเมื่อคุณพ่อของเธอถือเค้กที่ปักเทียน เธอยื่นปากไปจะเป่าแต่อีกฝ่ายเบี่ยงเค้กออก

 

“อ้าว อธิษฐานก่อนสิจ๊ะแล้วค่อยเป่า” เธอหลับตาพนมมือนึกถึงสิ่งที่อธิษฐาน

 

นั่นสินะ ตอนนั้นเธออธิษฐานว่ายังไงนะ เธอขอพรอะไรไปกันแล้วสุดท้ายสมหวังหรือเปล่า นึกไม่ออกเลยแฮะ

 

นิลลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อคู่นี้ไม่ใช่ความฝันหรอก มันคือเสี้ยวหนึ่งจากความทรงจำในครั้งอดีตของเธอ แต่เธอนึกไม่ออกว่าตอนนั้นเธอขอพรอะไรในวันเกิดของเธอ นานจนจำไม่ได้แล้วก็ทุกปีขอไม่เคยซ้ำกันเลยนี่นาแล้วครั้งสุดท้ายขออะไรไปหรือเปล่าก็จำไม่ได้อีก เธอพลิกตัวไปมาเพื่อขับไล่ความทรงจำอันเนิ่นนานให้ออกไป

 

เธอยืนมองปฏิทินบนผนังห้องในมือเธอถือปากกาเมจิกสีแดงก่อนจะใช้มันวงกลมวันที่ และเขียนข้อความกำกับไว้ ความจริงอีกสองวันจะเป็นวันเกิดเธอนั่นเองวันเกิดอายุครบ17ปีที่แสนเดียวดาย ใช่ทุกปีครอบครัวของเธอจะจัดงานวันเกิดเล็กๆให้เธอ แต่ต่อจากนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะสนใจวันเกิดของเธอ

 

“ไนท์พี่ลางานสองวันนะ”จีบอกกับไนท์

 

“อ้าวพี่จีจะไปไหนเหรอคะ” นิลถามจีเมื่อเห็นว่าหลังจากที่ทำงานด้วยกันมาเกือบจะครบเดือนจีไม่เคยลางาน ไม่เคยมาสายเลยสักครั้ง

 

“พี่ชายป่วยน่ะไม่มีคนดูแล หมอนั่นเวลาป่วยวุ่นวายน่าดู”จีบ่นขำๆมากกว่าจะถือเป็นเรื่องจริงจัง นิลพยักหน้า

 

“มีอะไรหรือเปล่าน้องหนู หรือว่าเหงา โถ น่าเอ็นดู” เขาแกล้งแหย่นิล แล้วหัวเราะออกมา

 

“ไม่เหงาหรอกค่ะ หนูจะรู้สึกสงบสุขดีด้วยซ้ำถ้าพี่ไม่อยู่เชอะ”

 

“อ้าวพูดอย่างนี้พี่เสียใจเลย ฮ่าๆ” ไนท์มองดูคนทั้งคู่แล้วยิ้มขำ ดูท่าพี่จีจะชอบแหย่นิลซะเหลือเกินแถมท่าทางจะสนิทกันขึ้นเรื่อยๆอีกต่างหาก

 

เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งลมหน้าร้านดังขึ้น ไนท์หันไปมอง คิงเดินเข้ามาในร้าน เขาหรี่ตามองจีและนิล เขารู้สึกไม่ชอบใจเลยที่เห็นนิลและยิ้มหรือหัวเราะให้ผู้ชายร่างสูงคนนั้น แต่ที่ไม่ชอบใจยิ่งกว่าก็คือตัวเองเขาเองที่ทำไมต้องรู้สึกแบบนั้น

 

“อ้าว คิงทำไมวันนี้มาที่ร้านได้ล่ะ” ไนท์เอ่ยทัก คิงไม่ตอบแต่เดินแทรกกลางผ่านจีและนิลไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง นิลมองคิง อ้าววันนี้มาได้ยังไง เธอเดินไปหยิบเมนูแล้วเดินไปหาเขา

 

“จะรับอะไรดีคะ” นิลถามยิ้มๆ คิงเคาะนิ้วพลางจ้องหน้านิล คนตัวเล็กขมวดคิ้ว

 

“นี่ทำไมไม่ดูเมนู มาจ้องหน้าเราทำไม” คิงยังคงเฉยไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปหยิกแก้มนิล

 

“โอ๊ย เจ็บนะ ทำอะไรของเธอเนี่ย” นิลโวยวายคลำแก้มตัวเองป้อยๆ คิงร้องหึในลำคอ เขาเองยังตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าทำแบบนี้ทำไมรู้อย่างเดียวคือเขาไม่ชอบให้เธอยิ้มให้ใคร

 

“หมอนั่นเป็นใคร” คิงถามเสียงเรียบ นิลทำหน้าสงสัยครู่หนึ่งก่อนจะร้องอ๋อ

 

“หมายถึงคนที่คุยกับเราเมื่อตะกี้เหรอ เดี๋ยวจะไปเรียกมาแนะนำนะ” ยังไม่ทันที่คิงจะอ้าปากห้าม นิลก็พาจีใสยืนตรงหน้าคิง

 

“นี่พี่จีประธานชมรมคหกรรมไง เจ้าของคุกกี้ที่เราเคยให้คิงไงพี่เขาทำอร่อยใช่ไหมล่ะ” จีจ้องมองคนตรงหน้านิ่งๆ เช่นเดียวกับคิงที่มองกลับไป

 

“รสชาติงั้นๆหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป” คิงตอบ

 

“งั้นเหรอ”

 

นิลมองทั้งสองสลับไปมาไม่เข้าใจว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกันทำไมดูแปลกๆทั้งคู่ ไนท์ได้แต่ยืนสังเกตการณ์ห่างๆดูท่าจะมีเรื่องสนุกๆซะแล้ว

 

“พี่ไปในครัวก่อนนะน้องหนู”จีบอกพลางขยี้หัวนิลอย่างสนิทสนม คิงปัดมือจีออกจากหัวนิลทันที

 

“อย่าเที่ยวมาแตะเนื้อต้องตัวคนอื่นง่ายๆแบบนี้สิครับ” คิงบอกเสียงเย็นชา

 

“แล้วจะทำไม” ไม่ใช่เสียงของจี แต่เป็นปริ๊นส์ที่เดินเข้ามาในร้านทันเห็นเหตุการณ์พอดี คิงหันไปมองต้นเสียงเขารู้จักคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่

 

“คนเราสนิทกัน จะทำแบบนั้นมันเป็นยังไง”ปริ๊นส์ถามคิงกลับ

 

“คิงเค้กได้แล้วมาจ่ายเงิน”ไนท์ส่งเสียงเรียกคิง เขาหันไปมองนิลแวบนึงก่อนจะเดินไปรับเค้กแล้วเดินออกจากร้านไป นิลทำท่าจะเดินตามไปแต่จีเรียกไว้

 

“น้องหนูช่วยพี่แพ็คคุกกี้ใส่กล่องทีสิ”นิลจึงจำต้องเดินตามจีเข้าห้องครัวไป ปริ๊นสิ์นั่งลงที่เดิมที่คิงนั่งเมื่อครู่ เขาเปิดเมนูดู

 

สายตาลอบมองนิลกับจี รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนใบหน้า

 

คิงถอนหายใจแรงๆระบายความหงุดหงิดในใจ โธ่เว้ย! เขาเป็นอะไรเนี่ย ไม่ชอบเลยเป็นแบบนี้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขากดรับสาย

 

‘บลูเหรอ อืม กำลังจะไปแต่วันนี้จะพาเพื่อนไปด้วยนะ ไม่มีอะไรหรอกแล้วเจอกัน’ เขากดตัดสายแล้วเดินมาหยุดที่โรงเรียนฝั่งอนุบาลนั่งรอเด็กชายนกกระเต็น คิงก้มมองดูนาฬิกาใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว

 

“ไงเจ้าหนู วันนี้ทำอะไรบ้าง” คิงถามเด็กชายที่วิ่งมาหาเขา เด็กชายชูกระดาษให้คิงดู เขาหัวเราะออกมาเมื่อว่าเด็กชายวาดรูปตัวเองเล่นเปียโน โดยมีคิงยืนอยู่ใกล้ๆ แม้จะเป็นภาพวาดลายเส้นเด็กๆแต่คิงก็รู้ดีว่ากระเต็นตั้งใจวาดเต็มที่

 

 

“เดี๋ยวตอนเย็นเอาไว้อวดอานิลเนอะ” คิงเผลอพูดชื่อนิลออกมา แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย เหอะ! ทำไมต้องนึกถึงยัยนั่นด้วย

 

 

“กระเต็นเดี๋ยววันนี้เราต้องไปแวะที่หนึ่งก่อนกลับบ้านนะ” คิงบอก กระเต็นพยักหน้ารับแล้วม้วนกระดาษใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง คิงหยิบหมวกกันน็อคใบเล็กที่เขาซื้อเพื่อให้กระเต็นไว้ใส่ส่งให้เด็กชาย แล้วอุ้มเด็กชายขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ของเขาขี่ไปอย่างช้าๆ

 

 

ประตูห้องพักคนไข้ถูกเปิดออกช้าๆ คิงเดินถือกล่องเค้กนำเข้ามา เด็กชายนกกระเต็นเดินตามมาห่างๆ ปกติแล้วเด็กชายไม่ค่อยถูกโรคกับโรงพยาบาลอยู่แล้วทุกครั้งที่อาสาวบอกจะพามาโรงพยาบาล เด็กชายมีอันต้องงอแงอิดเอื้อนตลอดเวลา ดังนั้นวันนี้ที่คิงพาเขามาเขาก็ออกจะสลดอยู่เหมือนกัน เด็กชายมาเกาะขาคิงไว้ คิงก้มมอง

 

“อย่าเกะกะสิเจ้าหนูไปนั่งที่เก้าอี้นู่น เดี๋ยวเอาเค้กใส่จานก่อน” บลูมองคิงและเด็กชายแปลกหน้าเงียบๆ ตอนที่คุยโทรศัพท์ คิงบอกจะพาเพื่อนมาด้วย ในตอนแรกเธอไม่ค่อยพอใจนักเพราะใบหน้าแบบนี้เธอไม่อยากเจอใคร แต่พอเห็นว่าคิงพาเด็กอนุบาลมา ทำให้เธอเผลอโล่งใจ เด็กชายปีนขึ้นมานั่งเก้าอี้ นั่งมองบลูตาแป๋ว อีกฝ่ายก้มองกลับไปเช่นกัน แล้วเกมส์จ้องตาก็เริ่มขึ้น จนกระทั่งคิงเดินถือจานเค้กมาสองจาน เขาขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้า

 

 

“ทำอะไรกันน่ะสองคน” คิงยื่นจานให้บลูและกระเต็นคนละจาน เขานั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆเด็กชาย

 

 

“เด็กคนนี้เป็นใครเหรอคิง” บลูเอ่ยถามหลังจากที่เลิกจ้องตาเด็กชาย

 

 

“หลานชายของเพื่อนน่ะรับอาสามาสอนเปียโนให้” คิงตอบเรื่อยๆ แต่คนฟังชะงักมือที่กำลังตัดเค้กเธอมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวคิง นานแล้วที่คิงไม่เคยเอ่ยถึงเพื่อนที่โรงเรียน

 

 

“สอนเปียโนเหรอ แล้วเก่งหรือยังล่ะ” บลูหันไปถามเด็กชาย เขาเงยหน้ามองบลูแต่ไม่ได้พูดอะไร

 

 

“กระเต็นไม่ชอบพูดน่ะ”คิงตอบแทนให้ บลูเอื้อมมือไปเช็ดคีมที่ติดแก้มเด็กชาย เด็กชายยิ้มขอบคุณ บลูมองใบหน้าไร้เดียงสาของกระเต็นแล้วยิ้มตอบ นานแล้วที่ไม่มีใครยิ้มให้เธอ

 

 

“เธอไม่กลัวฉันเหรอ” บลูถามเด็กชาย อีกฝ่ายยิ้มแล้วส่ายหน้า คิงมองเท้าคางมองทั้งสอง คนที่มีบาดแผลจากความเจ็บปวดทางใจสองคน สองวัย จะพยายามช่วยเยียวยาด้วยกันได้ไหมนะ

 

 

“เออวันนี้เอานี่มาด้วยแหละ” คิงอุทานออกมา เขารีบเดินไปที่โซฟาหยิบเป้ใบใหญ่ที่สะพายมา สิ่งที่คิงหยิบออกมาคือ กล่องไวโอลิน บลูมองอย่างแปลกใจ

 

 

“เอาไวโอลินมาทำไม”

 

 

“อ้าวก็บลูไม่ได้เล่นมาตั้งนานแล้ว เล่นให้เราฟังหน่อยสิ เราอยากฟังนะ” คิงยื่นไวโอลินให้บลู เธอรับมาถือไว้อย่างลังเล กระเต็นหันไปหาคิง

 

 

“อันนี้เรียกว่าไวโอลิน พี่สาวคนนี้เล่นเก่งมากเลยนะกระเต็น เขาฟังไหม” คิงบอกกับเด็กชาย ซึ่งกระเต็นตาโตพยักหน้าอยากฟัง คิงยักไหล่

บลูเริ่มบรรเลงเพลงที่เธอชอบเพลง river flows in you * ศิลปิน Yiruma เพลงที่เธออยากสื่อไปถึงคิงมากที่สุดอยากให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกที่มีต่อเขาอย่างท้วมท้น กระเต็นมองดูบลูสีไวโลลินอย่างไม่วางตา

 

เด็กชายประทับใจเป็นอย่างมาก เขาจิบชายเสื้อคิงไว้อย่างตื่นเต้นที่ได้ฟังเสียงไวโอลินเป็นครั้งแรก คิงอมยิ้มดูท่ากระเต็นจะหลงเสน่ห์เสียงไวโอลินของบลูเข้าซะแล้ว เด็กชายปรบมือให้อย่างชอบใจทันทีที่เพลงจบ บลูยิ้มเขิน

 

“ไม่ได้เล่นมาตั้งนาน รู้สึกฝีมือฝืดไปหน่อย” บลูหันมาบอกทั้งสอง

 

 

“ดูท่ากระเต็นจะชอบมากเลยนะ”

 

 

“ขอบใจนะจ๊ะ” บลูยิ้มให้อย่างเอ็นดู  คิงลุกขึ้นยืน

 

 

“ฝากเจ้าหนูนี่แปปนึงนะ เราออกไปข้างนอกหน่อย” คิงบอก

 

 

ที่ทางเดินโรงพยาบาลคิงเดินมาหยุดที่ห้องพักแพทย์ เขาถอนหายใจก่อนจะเคาะประตูห้อง เสียงตอบรับจากภายในทำให้เขาเปิดประตูเข้าไป นายแพทย์จักรินทร์ละสายตาจากเอกสารวิชาการเงยหน้ามองลูกชายที่เดินเข้า

 

 

“มาเยี่ยมบลูเหรอ”

 

 

“ครับ”

 

 

“ดูเหมือนจะหายดีแล้วนะ อีกไม่นานก็จะให้ออกจากโรงพยาบาล” บิดาของเขาเอ่ยช้าๆจับสังเกตสีหน้าของลูกชาย

 

 

“ไม่ดีใจเหรอ ที่เขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ”

 

 

“แล้วใบหน้าเธอล่ะครับ พ่อบอกเองว่าศัลยกรรมได้นี่ครับ” คิงถามกลับ นายแพทย์ถอดแว่นวางบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วยื่นให้เขา

 

 

“อืมก็เขาปฏิเสธการรักษานี่ หมอน่ะจะรักษาไม่ได้หรอกนะถ้าคนไข้ไม่ต้องการ”

 

 

“แต่ว่า”

 

 

“คิงพอเถอะนะ บลูน่ะเขาต้องการอย่างนั้น ตัวลูกเองก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องซะเถอะ” คิงเงียบลงสีหน้าของเขานั้นดูเจ็บปวดและอัดอั้นตันใจอยู่ไม่น้อย บิดาเอื้อมมือตบบ่าลูกชายอย่างให้กำลังใจ

 

 

“ไม่มีใครทนอยู่กับใครได้นานหรอกถ้าไม่ได้รักกัน สักวันต่างคนก็ต้องต่างเรียนรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเอง”

 

 

“อาจจะไม่มีวันนั้นก็ได้ครับ” เขาเอ่ยอย่างแผ่วเบา สำหรับตัวเขาแล้วการที่ต้องรักษาสัญญากับใครสักคนดูจะเป็นเรื่องที่หนักหนาเกินกว่าจะรับไหว

 

 

เสียงหัวเราะในห้องพักคนไข้ดังลอดออกมาจาก คิงเปิดประตูไปก็พบว่า กระเต็นกำลังวาดรูปโดยมีบลูนั่งดูไปหัวเราะไป เด็กชายวาดรูปคิงในลักษณะต่างๆ

 

 

“หัวเราะอะไรกัน” คิงถามอย่างสงสัย

 

 

“กระเต็นวาดรูปคิงอยู่น่ะดูสิ คิงทำหน้าแบบนี้ด้วยเหรอ”

 

 

“เฮ้ย ฉันจะไปทำหน้าประหลาดแบบนี้ได้ไง นี่เจ้าหนูจะหาเรื่องกันสินะ” คิงโวยวายพร้อมจับเด็กชายล็อคคอขยี้หัวเล่นอย่างเมามัน เด็กชายหัวเราะคิก

 

 

บลูนั่งมองคิง เธอรู้สึกเหมือนเขากลับไปเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อก่อน คิงที่เอาแต่ยิ้มเศร้าๆและไม่ยอมเปิดใจให้ใครกำลังจะหายไปแล้วใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนั้นคำสัญญาที่เขาให้เธอจะหายไปด้วยหรือเปล่า เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ความกลัวก็แล่นผ่านตัวเธอจนรู้สึกขนลุกชัน

 

 

“เอาล่ะกลับกันดีกว่า ได้เวลาไปเล่นเปียโนกันแล้ว” บลูชะงักตื่นจากภวังค์

 

 

“อย่าเพิ่งกลับได้ไหมอยู่กับเรานานๆไม่ได้เหรอ” คิงมีสีหน้าลำบากใจ รอยยิ้มเศร้าๆส่งมายังบลูเด็กสาวมองตอบเขา นี่เธอทำให้เขากลับมายิ้มแบบนี้อีกแล้ว เธอกดดันเขาอีกแล้วใช่ไหม

 

 

“ได้สิ อยู่ต่ออีกหน่อยก็ได้” ความเงียบปกคลุมทั่วห้อง เด็กชายกระเต็นมองคนนั้นทีคนนี้ที เขาดูเหมือนว่าจะเข้าใจพี่ชายนักมายากลออก เด็กชายเปิดกระเป๋าเป้ของตัวเองหยิบอมยิ้มมาหนึ่งอันเดินเข้าไปใกล้ๆบลู เด็กชายยื่นให้เธอ แล้วชี้ไปที่คิง บลูเลิกคิ้วมองไม่เข้าใจที่เด็กชายอยากจะบอก คิงยิ้มขำเมื่อนึกขึ้นได้ ครั้งหนึ่งเขาก็เคยใช้วิธีนี้กับเด็กน้อย

 

 

“กระเต็นถามบลูว่าอยากได้อมยิ้มไหม” คิงพูดแทนให้

 

 

“แล้วถ้าพี่บอกว่าอยากได้ล่ะ” บลูถามกระเต็น เด็กชายชี้มาที่คิง

 

 

“ถ้าอยากได้อมยิ้มก็ต้องแลกกับตัวฉันน่ะ” บลูหัวเราะออกมา

 

 

“เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กเลยนะเราน่ะ”

 

 

“พอดีเราเคยใช้วิธีนี้กับกระเต็นน่ะ เจ้าหนูนี่เลยเอามาใช้กับบลูบ้างเป็นไงแสบไหมล่ะ” บลูหัวเราะกับความฉลาดของเด็กชาย เธอถอนหายใจยอมแพ้

 

 

“ตกลงจ้ะ พี่ยอมแลกอมยิ้มกับพี่ชายเราก็ได้นะ” เธอรับอมยิ้มมาถือไว้ เด็กชายยิ้มภาคภูมิใจที่ทำสำเร็จ

 

 

“อ๊ะเดี๋ยวก่อน” ทั้งสองชะงักเท้าหันกลับไปตามเสียงเรียก

 

 

“ถ้าคิงมาเยี่ยมเราอีก พากระเต็นมาด้วยนะ แล้วพี่จะเล่นไวโอลินให้ฟังอีก” บลูขยิบตาส่งสัญญาณให้เด็กชาย คิงพยักหน้านี่เป็นครั้งแรกที่บลูบอกว่าอยากจะพบคนอื่นนอกจากเขาอย่างน้อยมันอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีก็ได้

 

 

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ” คิงบอก

 

 

บลูยกมือขึ้นโบกอำลาทั้งคู่   ประตูปิดลงรอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้า สายตาเธอเลื่อนไปยังหน้าต่างท้องฟ้าที่ขมุกขมัวเหมือนฝนกำลังตั้งเค้า เรื่องที่คิงพูดเมื่อครู่ยังคงติดค้างในใจเธอคิงเคยเอาลูกอมไปแลกกับใครเพื่ออะไร เธอถอนหายใจที่โรงเรียนมีเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้อยู่หรือเปล่านะ เธออยากรู้ว่าช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ทำไมคิงถึงเปลี่ยนไป เธออยากรู้จริงๆ

 

 

เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น คิงมองนาฬิกาแล้วยิ้ม นิลมักจะกลับมารับกระเต็นตรงเวลาเสมอและแน่นอนกลับมาทำกับข้าวให้เขาด้วย ช่วงแรกๆก็มีบ้างที่ต้องอิดออดไม่อยากจะทำไปๆมาๆเลยกลายเป็นเรื่องกิจวัตประจำวันที่นิลต้องทำไปโดยปริยาย คิงเดินไปเปิดประตูรั้วรอยยิ้มเจื่อนลงเมื่อเห็นสีหน้านิลที่มองเขา สายตาแสดงความหงุดหงิด

 

 

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ โกรธอะไรใครมาเหรอ” คิงถามน้ำเสียงอ่อยๆ เพราะเขาเพิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อกลางวันที่ร้านไนท์ขึ้นมาได้

 

 

‘ถ้าสมมติว่า ยัยนี่ถามเขาว่าทำไมต้องแสดงอาการอย่างนั้นที่ร้านของไนท์ เขาจะตอบยังไงดีล่ะเนี่ย โธ่เอ๊ย!’

 

 

“ยังจะถามอีกเหรอ ทำไมถึงเป็นคนไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นเขาเลยหะ” นิลเปิดฉากโวยวายทันที

 

 

“เรื่องอะไรกันอีกล่ะ” คิงถามอย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องอะไรแต่แกล้งโมโหกลบเกลื่อนไว้ก่อน

 

 

“ทำไมไปบอกว่าคุกกี้ของจีเขาไม่อร่อย”

 

 

“หะ เรื่องนี้เหรอ นี่เธอโมโหฉันเรื่องนี้เหรอ” คิงถามย้ำเพื่อให้แน่ใจว่าหูไม่ฝาด

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ ปกติถ้านายลิ้นจระเข้ขนาดไหน แต่โดยมารยาทก็น่าจะพูดจาดีๆหน่อย” นิลถือโอกาสบ่น คิงถอนหายใจโล่งออก

 

 

“แล้วจะทำไมล่ะก็มันไม่อร่อยนี่”

 

 

“แล้ววันนั้นนายกินเข้าไปหมดทำไม ถ้าไม่อร่อยน่ะ” นิลย้อน

 

 

“แล้วเธอจะมาสนใจทำไม”

 

 

“ก็เพราะว่าพี่จีเขาทำอร่อยจริงๆ นายพูดแบบนี้คนทำเขาจะเสียใจ”

 

 

“ไม่เอาแล้วฉันไม่คุยเรื่องคุกกี้บ้าบอกับเธอแล้วไร้สาระ ฉันหิวนะไปทำอะไรให้กินเลยเร็วๆ” นิลถอนหายใจก่อนจะเตือนอีกฝ่ายอย่างอ่อนใจ

 

 

“คิงหัดเป็นคนที่นึกถึงใจคนอื่นมากกว่านี้หน่อยสิ เวลาพูดจาอะไรน่ะต้องนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายบ้าง บางครั้งถ้าทำออกไปแล้ว แล้วมารู้สึกผิดทีหลังจะขอโทษก็ไม่มีความหมายแล้วนะ”

 

 

คิงอึ้งจนมุมกับคำพูดของนิล ใช่เพราะแบบนี้เขาถึงต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ถ้าเขาเป็นคนรู้จักคิดมากกว่านี้ อะไรหลายๆก็คงไม่เป็นแบบนี้

 

 

“พูดจบหรือยัง บ่นเป็นคนแก่ไปได้ รำคาญ” เขาตัดบทก่อนจะเดินเข้าบ้านไป นิลมองตามส่ายหน้าคนอะไรดื้อด้านจริง

 

 

อาหารเย็นมือนั้นผ่านไปด้วยความมึนตึงของนิล โดยที่คิงก็ได้แต่นิ่งเงียบจมอยู่กับอดีตของตนเองและความสับสนของตัวเองนิลเหล่มองคนที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเข้าใจว่าวันนี้อาหารคงไม่ถูกใจเขา โอเค๊! ฉันยอมแพ้ก็ได้ โกรธนายไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก

 

 

“พรุ่งนี้อยากกินอะไรล่ะ” คิงเงยหน้ามามองนิลอย่างแปลกใจ อ้าวยอมพูดกับเขาแล้ว

 

 

“อะไรก็ได้” เขาตอบเรียบๆ

 

 

“ถ้าวันนี้เราทำไม่อร่อยก็ขอโทษนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แก้ตัวใหม่ ทำเสต็กละกันนะ ดีไหม” เธอถามเขากลับ รอยยิ้มของนิลทำให้คิงรู้สึกแปลกๆ เขาได้แต่พยักหน้าหลบสายตา

 

 

“ความจริงเธอทำอะไรก็อร่อยทุกอย่างแหละ กินมาเกือบเดือนแล้ว ฉันก็ยังไม่ตาย แสดงว่าฝีมือใช้ได้เหมือนกัน” คิงแหย่กลับ นิลเอื้อมือไปตีต้นแขนเขาเบาๆ

 

 

“คำพูดคำจาเธอนี่นะเหลือเกิน”

 

 

“แต่เธอก็ยังอุตส่าห์ทนฟังขอบคุณนะ”คิงยิ้มยังฟันให้อีกฝ่ายอย่างล้อเลียน พอเห็นคิงยิ้มนิลก็โล่งอก

 

 

“ตอนเธอยิ้มน่ะดูดีกว่าเป็นไหนๆ”

 

 

ที่บ้านของนิลหลังจากอาหารมื้อเย็น นิลเดินออกมาจากห้องน้ำ ในมือถือผ้าเช็ดผมเดินมานั่งเมียงมองหลานชายตัวน้อยที่กำลังวาดรูปด้วยความสนใจ เธอขมวดคิ้วเข้าหากัน

 

 

“กระเต็นวาดรูปใครน่ะ สีไวโอลินซะด้วย” กระเต็นหันมายิ้มให้อานิล แล้วนึกขึ้นได้ว่าเขามีรูปวาดจะอวดเธอ เด็กชายลุกขึ้นเดินหากระเป๋าเป้ แต่หาไม่เจอ

 

 

“อะไรกระเต็น หาอะไร อ๋อกระเป๋าเหรอ ลืมไว้ที่บ้านพี่คิงแหงๆเลยอะ” นิลบอก เด็กชายที่หน้าหม่นลงคงต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้ถึงจะอวดรูปที่เขาวาดได้ นิลทำท่าจะปลอบใจแต่ออดหน้าห้องดังขึ้นเสียก่อน เธอเดินไปส่องตาแมวที่ประตูแล้วพบว่าคิงยืนอยู่หน้าห้องพัก เธอเปิดประตูออกมา

 

 

“อ้าว คิงมีอะไรเหรอ เข้ามาก่อนสิ” เป็นครั้งแรกที่คิงเข้ามาในห้องพักของนิล เขากวาดสายตาสำรวจรอบๆ

 

ห้องพักคอนโดสุดหรู ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีของใช้ที่จำเป็นไว้อย่างครบครัน ภายในแบ่งออกเป็นห้องนอนสองห้อง ห้องนั่งเล่น แล้วก็ห้องครัว ดูกว้างขวางและหรูหราอยู่ไม่น้อย เขานั่งลงที่โซฟาห้องนั่งเล่น นิลยื่นแก้วน้ำผลไม้มาให้เขา คิงรับมาแลกดื่มทันที

 

 

“เธอผ่าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาได้ยังไง” นิลถาม เธอนั่งลงพื้นห้องใกล้กับคิงนั่งมองดูหลานชายที่กำลังวาดรูป

 

 

“คนแถวนี้รู้จักฉันหมดแหละ อย่าลืมสิว่าพ่อฉันน่ะคนดังของเมืองนี้นะ”

 

 

“แล้วมีธุระอะไร อย่าบอกว่าหิวข้าวอีกนะ” นิลมองด้วยความหวดระแวง คิงหัวเราะ

 

 

“เห็นฉันเป็นพวกกินจุหรือไง เอ้านี่ กระเป๋าของกระเต็น ดูท่าเจ้าหนูมีอะไรมาอวดเธอน่ะ” เขายื่นกระเป๋าส่งให้เด็กชาย กระเต็นกระวีกระวาดเปิดกระเป๋า แล้วส่งรูปให้อานิลดู

 

 

“ว้าว กระเต็นวาดรูปเก่งมากเลย นี่กระเต็น เปียโน แล้วก็อาคิงสินะจ๊ะ” นิลพูดไปเรื่อยโดยไม่ทันฉุกใจคิดว่าใช้สรรพนามของคิงเปลี่ยนไป คิงที่ได้ยินถึงกลับอมยิ้ม

 

 

“เห ว่าแต่ไม่เห็นมีอาเลยล่ะ” นิลตวัดสายตาจ้องมองคิง อีกฝ่ายถึงกับสะดุ้ง อะไรอีกล่ะคราวนี้

 

 

“เธอคิดจะแย่งหลานฉันไปสินะ”

 

 

“หา อะไรของเธอ ยัยเพี้ยน”

 

 

“เชอะ”

 

 

“กระเต็นดูสิ คนขี้ใจน้อย ฮ่าๆ” คิงหัวเราะชอบใจ นิลคว้าหมอนอิงปาใส่อีกฝ่าย

 

 

“นี่เธอฤทธิ์เยอะนัก กระเต็นรุมเลยดีกว่า”

 

 

กลายเป็นสงครามปาหมอนเล็กๆของทั้งสามคน ไม่นานคิงก็ล่ำลาทั้งสองกลับเพราะดึกมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้กระเต็นต้องไปโรงเรียนแต่เช้า

 

 

“ไปก่อนละกัน วันนี้จะยอมแพ้ไปก่อน” คิงบอก

 

 

“รีบๆไปเลยไป” นิลทำท่าจะปิดประตูแต่คิงดันไว้

 

 

“อะไรอีกล่ะ”

 

 

“อย่าลืมนะ พรุ่งนี้ต้องเสต็กเนื้อเท่านั้น”

 

 

“โอ๊ย รีบๆไปเลยรู้แล้วล่ะ ฝันดีนะ” นิลพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ทำให้คนที่ยืนมองบานประตูที่ปิดสนิทไปแล้ว รู้สึกร้อนๆหนาวๆกับความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้แต่มันจู่โจมเขาไม่ทันตั้งตัว

 

 

“อะ อืม ฝันดี” เขาได้แต่พึมพำอยู่หน้าประตู

 

 

นิลยืนมองปฏิทินในตอนเช้า ทอดถอนใจวันนี้วันเกิดเธอนี่นา ไม่มีอะไรหรอกวันธรรมดาหนึ่งวันแค่นั้นไม่มีใครรู้ไม่มีใครจดจำแล้วมันก็จะผ่านไป เด็กชายกระตุกชายกระโปรงของอาสาวให้ออกจากห้องได้แล้วเพราะเขาต้องไปโรงเรียน ระหว่างทางไปโรงเรียน นิลชวนเด็กชายใส่บาตรทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองในวันเกิด เมื่อทำบุญเสร็จ เด็กชายวิ่งไปที่พุ่มดอกพุดจีบระหว่างทางเดิน เขามองหาดอกของมัน และเด็ดมาหนึ่งดอก เด็กชายยิ้มแล้ววิ่งกลับมาหาอานิล เด็กสาวย่อตัวลงมองเด็กชายที่ยื่นดอกไม้ให้เธอ

 

 

“ให้อาเหรอ” นิลชี้มาที่ตัวเอง กระเต็นพยักหน้าแล้วก็กระโดดกอดอาสาวไว้แน่น

 

 

“รู้ด้วยเหรอวันนี้วันเกิดอาน่ะ” ความจริงกระเต็นไม่รู้หรอกว่าววันนี้วันเกิดอานิล แต่เขาเห็นวงกลมสีแดงที่วงวันที่ไว้และอาของเขามักจะมองมันตลอดเวลา ทำให้เขาคิดได้ว่าวันนี้คงสำคัญสำหรับเธอ เขาเลยอยากจะเอาใจอาของเขาบ้างก็เท่านั้น

 

 

“น่ารักแบบนี้ มาให้อาหอมแก้มหน่อยเร็ว” เด็กชายถอยออก ส่ายหน้าอย่างเขินๆ

 

 

“อะไรยังไม่ทันจะโตเป็นหนุ่มเลย ก็มาเขินอาซะแล้ว มานี่เลยมาให้หอมหน่อย” เด็กชายออกวิ่งทันที โดยมีนิลวิ่งไล่จับเขาไปติดๆ

 

 

หลังจากส่งกระเต็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว นิลยืนลังเลที่หน้าประตูโรงเรียนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะวันนี้เป็นวันหยุดทำงานของเธอดังนั้นเมื่อไม่ได้ทำงานแถมกระเต็นก็อยู่ที่โรงเรียน เธอจึงรู้สึกเคว้งคว้างน่าดู ระหว่างที่ยืนนิ่งอย่างคิดไม่ตกอยู่นั้น ก็มีมือหนึ่งมาแตะที่ไหล่เธออย่างแรง นิลสะดุ้งหันกลับไปมองพบว่าเป็นคงที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้าเธอ

 

 

“ไง ยัยคุณอาตัวเปี๊ยก มายืนทำหน้าเซ่ออะไรแถวนี้”

 

 

 

“อย่ามาเรียกฉันด้วยชื่อนั้นสิ”เธอบ่นอุบ แล้วมองคงอย่างแปลกใจ

 

 

“มาทำอะไรแถวนี้แต่เช้า”เธอถามเขากลับ คิงได้แต่ยิ้มไม่ตอบ

 

 

“ว่างหรือเปล่าไปเดินเล่นกันไหม” นิลเอ่ยชวน เธอมาอยู่เมืองทะเลสาบแต่ไม่มีโอกาสได้เห็นทะเลสาบจริงๆจังๆซะที อยากไปนั่งรับแดดยามเช้าแถวจุดชมวิวที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนจังเลย

 

 

“ก็ได้ เห็นแก่เด็กตาดำๆที่ไม่เคยเห็นทะเลสาบจะพาไปดูซะหน่อยละกัน” นิลทุบเข้าที่กลางหลังคิง โทษฐานที่พูดจาไม่เข้าหูเธอ เขาเลยเขกหัวเธอเบาๆกลับ คิงมองตามหลังนิลไป เขาเดินตามหลังเธอช้าๆ

 

 

ถนนเลียบทะเลสาบยามเช้า แสงทองส่องกระทบผืนน้ำระยับ สายลมเอื่อยพาให้กลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆโชยมาแตะจมูก นิลเหม่อมองอย่างทอดอารมณ์ ที่จุดชมวิวซึ่งเป็นบริเวณที่จะมองเห็นทะเลสาบโดยรอบ

 

 

นิลเท้าคางกับขอบระเบียงยืนมองอย่างหลงใหลสีเขียวอ่อนของทะเลสาบที่ส่องประกายเพราะแสงแดด เธอยืดตัวขึ้นหันมาจ้องหน้าคิง ดวงตากลมโตดำสนิทของนิล จ้องกลับไปที่แววตาสีเขียวอ่อนของคิง

 

 

“นี่คิงดูทะเลสาบสิ มันเป็นสีเขียว เหมือนสีตาของเธอเลยนะ” เธอชี้ชวนให้เขาดูอย่างตื่นเต้น คิงได้แต่พยักหน้าเออออไปตามเรื่อง เพราะสิ่งที่เขาสนใจคือคนตรงหน้ามากกว่า รอยยิ้มของเธอที่เขามักไม่ชอบเลยเวลาเธอยิ้มให้คนอื่นนอกจากเขา เขาหวง เอ๊ะ! หวงเหรอ เขามีสิทธิ์อะไรกันล่ะ

 

 

“ คิงๆ” นิลร้องเรียก คิงรู้สึกตัวหันมามองเธอ

 

 

 

“ไม่เห็นจะเหมือนเลยเธอคิดไปเอง” นิลหัวเราะ

 

 

“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้” เธอยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันกลับไปมองทะเลสาบอีกที แต่แล้วเธอก็หันกลับมาใหม่ คิงมองนิลอย่างแปลกใจ อะไรอีกล่ะคราวนี้

 

 

 

“ฉัน ชอบ สี เขียว” นิลบอกกับคิงก่อนจะเดินไปที่ตู้กดน้ำ ทิ้งให้คิงยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

 

 

 

เขายกมือขึ้นลูบใบหน้า คำพูดของนิลทำให้เขาไม่ทันตั้งรับกับความรู้สึกที่กำลังจู่โจมเขา คนร่างสูงออกวิ่งให้ไกลจากที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว เขาต้องไปวิ่งไปเรื่อยๆจนกว่าความรู้สึกแน่นหน้าอกนี้จะหายไป เขามาหยุดหอบหายใจที่หน้าบ้านตนเอง คิงกุมหน้าอกไว้ เขาไม่รู้ว่าอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำนี้เกิดจากการที่เขาวิ่งมา หรือเพราะคำพูดของนิลกันแน่

 

 

 

“ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ ตอนนี้ด้วยนะ โธ่เว้ย!” เขากำลังโมโหตัวเองที่รู้สึกคิดมากทุกคำพูดของนิล บางทีเธออาจจะพูดโดยไม่ได้มีความหมายอะไรแต่สำหรับเขาแล้ว เขาหยุดคิดเรื่องเธอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ในขณะนั้นนิลหันเหจากตู้กดน้ำ เธอก็พบว่าคิงได้หายไปแล้ว

 

 

 

“อ้าว อุตส่าชวนมาเดินเล่นไหง หนีกลับไปซะงั้น เชอะว่าจะเลี้ยงน้ำซะหน่อย” เธอได้แต่บ่นอุบอิบแล้วก็เดินไปนั่งที่ศาลาริมทะเลสาบคนเดียว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูหน้าจอ ชั่งใจอยู่นานก่อนจะกดรับสาย รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปาก

 

 

 

“ขอบใจนะรัน นึกว่าจะลืมไปแล้ว ขอโทษนะที่ไม่ยอมติดต่อไปหาเลย ฉันสบายดี ดูแลตัวเองกับหลานได้” เธอพูดแค่นั้นแล้วกดตัดสายเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อ ซักพักเสียงข้อความเข้า เธอถอนใจนึกอยู่แล้วว่าหมอนั่นต้องส่งมา

 

 

‘เอาแต่ใจตัวเองมากไปแล้วนะ แล้วฉันจะไปหาเร็วๆนี้’ นิลมองดูข้อความเนิ่นนาน คราวนี้เขาไม่ได้ขู่เธอแล้วสินะ

 

 

ที่ร้านกาแฟของไนท์ คิงและปริ๊นส์ เดินมาเจอกันโดยบังเอิญทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างไม่ถูกชะตา ไนท์ที่ยืนมองจากในร้านหัวเราะออกมา ถ้ามัวแต่ยืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนี้ ดูท่าจะขวางทางลูกค้าคนอื่นไม่น้อยนะ

 

 

“เอ่อ จะเข้ามาในร้านหรือเปล่า ยืนอยู่ตรงนั้นมันขวางทางน่ะ” ไนท์เอ่ยถาม ทั้งสองจึงรีบเดินแย่งกันเข้าร้าน เหลือโต๊ะว่างอยู่หนึ่งที่ทั้งสองต่างเขม่นมองอย่างรู้ทันแล้วรีบพุ่งตัวไปที่นั่งทันที

 

 

“ฉันมาถึงก่อน” ปริ๊นส์เปิดฉากทันที คิงหรี่ตามอง

 

 

“เป็นรุ่นพี่ก็เสียสละให้รุ่นน้องซะสิ” คิงโต้กลับ

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเป็นรุ่นน้องก็หัดเคารพรุ่นพี่สิฟะ ยกที่นี้ให้รุ่นพี่ซะ”

 

 

“ไม่ให้”

 

 

“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ไม่ให้เฟ้ย”

 

 

“ว่างยังไงนะ”คิงถามกลับ

 

 

“แล้วจะทำไมเหรอ” ปริ๊นส์โต้อย่างท้าทาย อีกฟากของร้าน พนักงานกับไนท์ยืนมองตาปริบๆ

 

 

“ฮ่าๆ สองคนนั้นตลกดีนะ”ไนท์มองดูเหตุการณ์อย่างสนุก

 

 

“เอ่อ คุณไนท์ ไม่ห้ามเหรอครับ เดี๋ยวเขาสองคนพังร้านขึ้นมาจะซวยเอานะครับ”

 

 

“นายไปห้ามสิ” ไนท์ออกคำสั่ง

 

 

“คุณลูกครับ…..คือว่า” ยังไม่ทันที่พนักงานจะพูดจบ ทั้งสองหันขวับมาจ้องมองด้วยใบหน้าถมึงทึง

 

 

“มีอะไร”ทั้งพูดออกมาพร้อมกัน พนักงานหน้าแหยทันที หันไปขอความช่วยเหลือจากไนท์

 

 

“เอาล่ะๆ นั่งลงทั้งคู่นั่นแหละ” ไนท์จับบ่าปริ๊นส์และคิงให้นั่งลง

 

 

“วันนี้มีเมนูขนมปังที่ฉันเพิ่งทำเสร็จ เดี๋ยวให้ลองชิมรอแปปนึงนะ” ไนท์รู้ดีว่านิสัยของปริ๊นส์และคิง ถ้าได้กินของหวานจะอารมณ์ดี เขาเลยต้องเอาของกินมาล่อหลอก ทั้งสองนั่งลงอย่างว่าง่ายแต่สายตายังคงจ้องมองกันอย่างท้าทาย

 

 

 

ไม่นานจานขนมปังวาฟเฟิลรูปหน้า ถัดไปมีโหลน้ำผึ้งจิ๋ว วางคู่กับขนมปังที่ทำเป็นรูปผึ้งตัวโตที่ด้านในสอดไส้แยมรสผลไม้ที่ไนท์ทำเองถูกวางตรงหน้าทั้งสองหนุ่มถึงกลับจ้องมองไม่วางตา

 

 

“น่ากินสุดๆ แหมนายนี่อัจฉริยะจริงๆ” คิงเอ่ยชม

 

 

“ขนมปังชุด ‘ Honey Me’ น่ะ ฉันกับพี่จี ช่วยกันคิดน่ะ” ไนท์ตอบ

 

 

“อร่อยมากเลยอะ” ปริ๊นส์ตักวาฟเฟิลเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ไนท์มองคนทั้งคู่พวกเด็กน้อยเอ๋ย!

 

 

“เอาล่ะนี่ชามะนาว ตัดความหวานเลี่ยนของขนมปัง”

 

 

“เออไนท์ ฉันอยากได้คัพเค้กอะ แต่อยากได้ที่อันใหญ่ๆกว่าที่ขายอยู่อะ” คิงแจ้งความต้องการของตัวเอง

 

 

“ถ้าใหญ่กว่าคัพเค้ก มันก็เค้กอะดิ”

 

 

“ไม่เอาเค้ก จะเอาคัพเค้กอันใหญ่ๆ ทำให้หน่อย”

 

 

“ไม่ทำ ไม่ว่าง” ไนท์ปฏิเสธทันควัน

 

 

“ทำให้หน่อย”คิงยังคงตื๊อต่อ

 

 

“หึ งอแงยังกับเด็ก” ปริ๊นส์พูดขึ้นลอยๆ ตาสีเขียววาววับจ้องคนพูด

 

 

“นายว่าใคร” คิงถามกลับ

 

 

“ใครอยากรับก็รับไปสิ” ปริ๊นส์เบ้ปากไม่สนใจ

 

 

“ว่าไงนะ”

 

 

“เอาล่ะ พอได้แล้วทั้งคู่เลย คิงเอาคัพเค้กไปแทนนะ วันนี้ลูกค้าเยอะคนก็ไม่พอ ทำให้ไม่ได้หรอกนะ” ไนท์อธิบาย คิงพยักหน้ายอมจำนน เดินไปที่ตู้เค้ก ไล่ดูชั้นวางคัพเค้กแล้วมาสะดุดที่คัพเค้กสีรุ้ง ครีมที่แต่งเค้กเป็นเจ็ดสีนั้นมองดูช่างสมกับความสดใสร่าเริงของใครบางคน เขาจิ้มนิ้วไปที่กระจก

 

 

“ไนท์เอาอันนี้” ไนท์หันมามอง

 

 

 

“อืมเดี๋ยวใส่กล่องให้นะ”

 

 

กว่าที่คิงและปริ๊นส์จะกลับไปได้ ไนท์ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เห็นทีจะต้องติดประกาศ ห้ามสองคนนี้เข้าร้านสักพักแล้วล่ะมั้ง เอ๊ะ! แต่ความจริงก็สนุกดีเหมือนกันนะ ถ้าวันนี้พี่จี กับนิลอยู่น่าจะสนุกกว่านี้อีก หึหึ ถ้าอย่างนั้นลองปล่อยดูละกัน

 

 

เสียงกดออดหน้าห้องดังขึ้น นิลที่ยังไม่นอน ละสายตาจากหน้าจอแลบทอป เงยหน้ามองนาฬิกา เวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ใครมาเรียกเอาป่านนี้นะ เธอเดินไปดูแล้วพบว่าเป็นคิง นิลเปิดประตูออกคิงแทรกตัวเข้ามา ใบหน้ามีเหงื่อผุดขึ้น สีหน้าเหนื่อยหอบ

 

 

“เป็นอะไรอะ” นิลถาม

 

 

“ลิฟท์เสียน่ะ รู้ไหมฉันวิ่งขึ้นมาเลยนะ กลัวจะไม่ทัน”

 

 

“ไม่ทันอะไร” คิงไม่ตอบ แต่เดินไปที่ระเบียงห้องนั่งเล่น คิงนั่งลงที่เก้าอี้แล้วหันมาเรียกนิล เด็กสาวมองอย่างสงสัยแต่ก็ยอมเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามแต่โดยดี

 

 

“เอาล่ะหลับตา”

 

 

“หา อะไรนะ” คิงทำเสียงจิ๊จ๊ะ ช่างสงสัยจริง

 

 

“เอาเถอะน่า บอกให้ทำก็ทำซะ เร็วๆเดี๋ยวไม่ทัน” นิลยอมหลับตา คิงรีบเปิดกล่องคัพเค้กออกมา จุดเทียนที่พกมาแค่เล่มเดียว เขาเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ เสียงเปียโนบรรเลงเพลงสุขสันต์วันเกิดโดยฝีมือเขา ที่อัดไว้เมื่อตอนเย็น เสียงเพลงทำให้นิลลืมตามองอย่างช้าๆ เธอมองคิงอย่างซึ้งใจแกมประหลาดใจ

 

 

“คิง” นิลทำท่าจะพูด แต่คิงยกนิ้วแตะริมฝีปากของตัวเองให้เธอเงียบฟังเพลงที่เขาเล่น นิลสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงเพื่อสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

 

 

“ขอบคุณมากนะ”นิลยิ้มให้ คิงยักไหล่

 

 

“เอ้า อธิษฐานก่อนแล้วค่อยเป่านะ” คำพูดของคิง ทำให้สวิตซ์ความทรงจำในหัวของเธอเปิดออก ใช่แล้ว เธอนึกออกแล้ว เมื่อปีที่แล้วเธอขอพรในวันเกิดเธอว่าอะไร นิลส่ายหน้าลุกพรวด ถอยไปชิดกำแพง น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ คิงตกใจ เดินเข้าไปหานิล

 

 

“เฮ้ยเป็นอะไร ไม่พอใจอะไรเหรอ” คิงถาม นิลส่ายหน้าทั้งน้ำตา

 

 

“ฉะ ฉัน ฮึกๆๆๆ” นิลกลั้นสะอื้นเพื่อจะเรียบเรียงคำพูด

 

 

“อะไรนิล ใจเย็นๆ”

 

 

“ฉันจะไม่อธิษฐานอะไรในวันเกิดอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว ฮือๆ” นิลสะอื้นตัวโยน คงชั่งใจมองนิลก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด

 

 

“ทำไมเหรอบอกได้ไหม”เขาถามเสียงอ่อนโยน

 

 

“ฉันเพิ่งนึกออก ฮึก ฮือๆๆ มะ เมื่อ เมื่อปีที่แล้ววันเกิดสุดท้ายของฉัน ฉันขอว่าขอให้ทุกคนอยู่ อยู่กับฉันไปนานๆ แต่....ตอนนี้ ตะ ตอนนี้” คงลูบหัวนิลอย่างแผ่วเบา

 

 

“ไม่มีใครอยู่กับฉันแล้ว ไม่มีใครจำวันเกิดของฉันได้อีกแล้ว ไม่มีแล้ว ฮือๆ” คิงกอดนิลแน่นขึ้น สงสารอย่างจับใจ

 

 

“เธออย่างร้องไห้เลยนะ ถึงแม้ว่าคนที่จำวันเกิดเธอได้ พวกเขาจะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว แต่ว่าปีนี้มีอีกคนหนึ่งที่จำได้เพิ่มขึ้นมาแล้วนะ” เสียงสะอื้นแผ่วลง

 

 

“ฉันไง ต่อไปนี้และต่อไปเรื่อยๆฉันก็ยังเป็นคนที่จำวันเกิดเธอได้ เธอไม่ต้องกลัวแล้วนะว่าจะไม่มีใคร อย่างร้องไห้เลยนะ” คิงบอกกับนิล ใช่นับจากนี้เขาจะไม่มีวันลืมวันเกิดนิล

 

 

“ขอบคุณนะ” นิลพูดด้วยเสียงอู้อี้ แล้วเธอก็ต้องตาโตเมื่อนึกขึ้นได้มาเธอกอดเขาอยู่ เธอผละออกอย่างรวดเร็ว ยกมือป้ายน้ำตา

 

 

“คนฉวยโอกาส” เธอโวยวาน คิงเม้มปากมอง

 

 

“ยัยคนอกตัญญู” เขายกมือยืดแก้มนิลอย่างหมั่นไส้ นิลโวยวายก่อนจะหยุดมองคิง เธอยิ้มให้เขา

 

 

“ขอบคุณนะ ดีใจจังที่ได้รู้จักคิง”

 

 

“อะ เอา เถอะ มานั่งนี่ได้แล้ว” คิงเสมองไปทางอื่น

 

 

“เธอรู้ได้ไงว่าวันนี้วันเกิดเรา” นิลถามพร้อมกับดักขนมกินไปด้วย

 

 

“ก็วันก่อนที่ฉันมาห้องเธอไง เห็นเธอวงไว้ที่ปฏิทิน” คิงตอบ

 

 

“เหรอ”

 

 

“อืม เป็นไงล่ะ ฉันน่ะทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งใจดีเลยใช่มะ” คิงเท้าคางมองอีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้มกวนให้เธอ นิลเบ้ปาก

 

 

“ไม่มีคนใจดีที่ไหนเที่ยวอวดอ้างสรรพคุณกันหรอกนะ” นิลย้อนกลับ

 

 

“งั้นเหรอ แต่ก็สุขสันต์วันเกิดครบ 17 ปีนะ นิลกานต์” คิงบอกคนตรงหน้า นิลยิ้มก่อนจะเอาครีมเค้กป้ายหน้าอีกฝ่าย คิงถลึงตามอง นิลหัวเราะ

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา