A DaY ....วันรักวุ่นลุ้นรัก

-

เขียนโดย fibo6040

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.02 น.

  8 บท
  1 วิจารณ์
  11.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) SaD DaY.....ในวันที่ความเศร้ากลับมาเยือน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงง!

 

นาฬิกาปลุกที่หัวเตียงแผดเสียงดังลั่นตามที่เจ้าของตั้งเวลาเอาไว้ นิลพลิกตัวฟุบหน้าลงบนหมอนใบใหญ่หนานุ่ม

 

“แม่ปิดนาฬิกาให้หนูหน่อย ขอเวลาอีกสิบนาทีนะ” นิลพึมพำ แต่แล้วเธอก็ผุดลุกขึ้นนั่ง มือเล็กเอื้อมไปกดปิดเสียงน่ารำคาญนั่นทันที

 

เธอทิ้งตัวลงบนที่นอนใหม่ สายตาจับจ้องที่เพดานเธอกำลังเรียบเรียงความคิด ใช่เธอย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้กับกระเต็นหลานชายแค่สองคนนี่นา ที่นี่ไม่มีใครอีกแล้วความจริงไม่ใช่แค่ที่เมืองนี้ไม่ว่าที่ใดบนโลกใบนี้เธอและหลานก็ไม่เหลือใครอีกแล้วต่างหาก

 

เธอพลิกตัวนอนมองหลานชายตัวเล็กของเธอเด็กสาวโอบกอดหลานชายตัวน้อยไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะหายไป

 

“กระเต็นตื่นได้แล้ว ไปโรงเรียนกันเถอะ” เธอเขย่าตัวหลานชายเบาๆ เด็กชายลุกขึ้นงัวเงียเดินเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวของตนเองโดยไม่ต้องให้อาของเขาช่วยแต่อย่างใด

 

การที่ต้องอยู่กันแค่สองคนโดยไม่มีผู้ใหญ่มาดูแลทำให้ทั้งสองต้องปรับตัวใหม่อย่างช่วยไม่ได้

 

“กระเต็นวันนี้ตอนเย็นก่อนกลับบ้านแวะร้านขายดอกไม้ด้วยนะ เอามาให้คุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ และก็คุณแม่ อย่าลืมเตือนอานะ” นิลเอ่ยสั่งหลานชาย เด็กชายนกกระเต็นพยักหน้าดวงตาฉายแววเศร้าสร้อยเมื่อพูดถึงพ่อกับแม่

 

“กระเต็นว่าเราจะซื้อดอกอะไรกันดีล่ะ” เธอยังคงพยายามชวนหลานชายคุย แต่เหมือนเช่นเคยเด็กชายไม่ตอบอะไรกลับมา

 

บทสนทนายังคงดำเนินไปเรื่อยๆดูเหมือนจะมีแค่นิลที่พูดอยู่ฝ่ายเดียว คิงเดินตามหลังนิลและเด็กชายห่างๆโดยที่ทั้งสองไม่ได้รู้สึกตัว เขามองอย่างแปลกใจเพราะตั้งแต่นิลย้ายมาอยู่ที่นี่เขาไม่เคยเห็นครอบครัวเธอเลยซักครั้ง

 

ที่ฝั่งอนุบาล นิลเดินมาส่งกระเต็นที่ห้องเรียน เด็กสาวทักทายคุณครูประจำชั้นฝากฝังให้ช่วยดูแลเด็กชายเป็นพิเศษ

 

คุณครูมีสีหน้าหนักใจที่เด็กชายไม่ยอมพูดกับใคร ทำให้เพื่อนคนอื่นๆไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ แต่เธอก็จะพยายามช่วยเด็กชายอย่างสุดความสามารถ นิลไหว้ขอบคุณอาจารย์

 

หน้าบอร์ดประชาสัมพันธ์สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าตึกเรียนที่คลาคล่ำไปด้วยนักเรียนที่มุงดูป้ายประกาศจำนวนมากที่นำมาแปะติดไว้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นดังเซ็งแซ่

 

นิลขมวดคิ้วคนมามุงดูอะไรกัน เสียงเงียบลงทันใดเมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอกวาดตามองป้ายทั้งหมดที่มีภาพเธอและหลานชายติดเต็มไปหมด พร้อมข้อความ ‘คุณแม่วัยใส’

 

คิง เพนนี และไนท์ แทรกตัวจากกลุ่มนักเรียนมุงมายืนข้างนิล นิลเอื้อมมือไปดึงป้ายประกาศมาแผ่นหนึ่ง

 

เธอถอนหายใจ เธอย้ายมาเรียนจนจะหมดเทอมอยู่แล้วยังมีคนมาแกล้งเธออีกเหรอเนี่ยไม่เบื่อกันบ้างหรือไงนะ เธอไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจกันเนี่ย แกล้งเธอคนเดียวเธอไม่เดือดร้อนหรอก แต่นี่ถึงขนาดแอบถ่ายรูปหลานชายเธอด้วยมันเกินไปแล้ว นิลหันกลับมาเผชิญหน้ากับทุกๆคน เด็กสาวเม้มปากสนิทอย่างอัดอั้นตันใจไม่รู้จะทำยังไงดี

 

ปรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

เสียงนกหวีด ของอาจารย์ฝ่ายปกครองทำให้เหล่านักเรียนทยอยกันเดินออก

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมไม่ไปเข้าเรียน ใครไม่เกี่ยวกลับห้องเรียนไปซะ” เสียงตะโกนของอาจารย์ทำให้เด็กๆต่างทยอยวิ่งเข้าห้องเรียน

 

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย นิลกานต์ไปห้องพักครูเดี๋ยวนี้เลย”

 

เหตุการณ์จบลงในเวลาอันรวดเร็วเมื่อสิ้นเสียงอาจารย์นักเรียนเดินเข้าห้องเรียนกันหมด ภารโรงแกะป้ายประกาศออกจนหมด นิลเดินตามอาจารย์ฝ่ายปกครองไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

คิง ไนท์ และเพนนี มองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษา นิลในตอนนี้เธอนั่งเผชิญอยู่กับอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ฝ่ายปกครอง และผู้อำนวยการ เธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆชอบกลเมื่อสายตาทั้งสามคู่จ้องมาที่เธอเป็นจุดเดียว

 

“นิลกานต์มันเรื่องอะไรกัน ทำไมภาพเธอถึงไปโชว์หราอยู่ที่บอร์ดได้” ผู้อำนวยการเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบและเกมส์จ้องหน้า

 

“หนูไม่รู้ค่ะ”

 

“เธอไปทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า” เสียงอาจารย์ฝ่ายปกครองถามเสียงเข้ม

 

“หนูไม่รู้ค่ะ”

 

“นี่เธอจะพูดแค่คำว่าไม่รู้ไม่ได้นะ เพราะมันจะทำให้เธอดูเหมือนเด็กมีปัญหา แล้วโรงเรียนเราก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ด้วยมันเสียหาย และสร้างความวุ่นวาย” ผู้อำนวยการพูดขึ้นเรียบๆ

 

“เราต้องการคุยกับผู้ปกครองเธอ” นิลตาโตเมื่อได้ยินอาจารย์ฝ่ายปกครองพูด เธอหันไปมองอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างขอความเห็น เขามองเธอนิ่งๆ

 

“ให้เป็นหน้าที่ของผมเองได้ไหมครับเรื่องการคุยกับผู้ปกครองของนิลกานต์ ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอยังไงก็เป็นหน้าที่ของผมโดยตรง”

 

ไม่มีใครกล้าคัดค้านคำพูดของอาจารย์ที่ปรึกษาคนนี้ แน่นอนถึงเขาจะเป็นเพียงครูที่ปรึกษาธรรมดาแถมเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้แค่ปีเดียว อาจารย์ อรุจ ศิลากร วัย 28 ปี ครูเคมีธรรมดาแต่ดันพ่วงตำแหน่งลูกชายคนเดียวของนายกเทศมนตรีประจำเมืองนี้ล่ะก็เขาย่อมกลายเป็นคนไม่ธรรมดาขึ้นมาทันที นิลถอนหายใจเมื่อเรื่องจบลง

 

“ขอบคุณค่ะอาจารย์ที่ช่วยหนู” นิลยกมือไหว้อาจารย์หนุ่ม หลังจากที่ทั้งสองเดินออกจากห้องผู้อำนวยการมาแล้ว อรุจถอนหายใจ

 

“เธอเปิดมือถือซะบ้างเหอะอย่าให้หมอนั่นต้องเป็นห่วงนักเลย” นิลหน้าเจื่อนเมื่ออาจารย์พูดถึง ‘หมอนั่น’

 

“หนูดูแลตัวเองได้ค่ะฝากบอกเขาด้วย” อรุจถอนหายใจ

 

“หมอนั่นมันความอดทนต่ำนะ เดี๋ยวทนไม่ไหวมันก็โผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยหรอก” นิลยิ้มแหยๆยอมรับปากว่าจะเปิดมือถือ อรุจมองตามร่างเล็กที่วิ่งกลับห้องเรียนไปก่อนที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

 

“อืม จบเรื่องแล้ว เขาฝากบอกนายว่าดูแลตัวเองได้น่ะ”

 

นิลเดินออกมาจากอาคารอำนวยการด้วยความรู้สึกหดหู่อย่างที่สุด เธอแค่อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความสงบสุขแท้ๆ ทำไมถึงเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้ด้วยนะ

 

เธอหยิบโทรศัพท์มือขึ้นมาดูอย่างชั่งใจว่าจะโทรหรือไม่โทรดีสุดท้ายเธอก็เก็บเข้ากระเป๋าตามเดิม นิลหยุดเดินเมื่อเห็น เพนนี ไนท์และคิง ยืนรอเธอที่หน้าตึกอำนวยการ เพนนีรีบวิ่งเข้าไปหา

 

“เป็นอย่างไรบ้างคะคุณนิล คุณครูและคุณผอ.ว่างยังไงคะ”

 

“ไม่มีอะไรหรอกสบายใจได้” นิลตอบยิ้มๆ เพนนีถอนหายใจโล่งอก ไนท์ได้แต่ยิ้มส่วนคิงเบ้ปาก นิลชวนทุกคนกลับห้องเรียน คิงเดินมากระซิบที่ค้างหูนิลให้ได้ยินกันแค่สองคน

 

“รอยยิ้มเธอเสแสร้งชะมัด” นิลถลึงตามองคิงอย่างฉุนๆที่เขารู้ทัน แต่ยังไม่ตอบโต้อะไรโทรศัพท์มือถือของเธอก็มีสายเข้า นิลรับโทรศัพท์หน้าซีดลงทันที

 

“ค่ะหนูจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ทุกคนกลับห้องไปก่อนนะ เราจะไปฝั่งอนุบาลซักแปป” นิลหมุนตัวกลับเตรียมจะวิ่งไป เพนนีดึงแขนนิลไว้

 

“ไม่ค่ะคุณนิลพวกเราจะไปด้วยถึงไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ว่าพวกเราจะไม่ให้คุณนิลต้องเผชิญอยู่คนเดียว เราเป็นเพื่อนกันนะคะ” นิลมองเพนนีอย่างขอบคุณ

 

“ขอบคุณนะ”

 

ที่มุมหนึ่งของห้องเรียนชั้นอนุบาลเด็กชายนกกระเต็นนั่งคุดคู้ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว น้ำตานองเต็มดูแล้วช่างน่าเวทนา เด็กชายไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ คุณครูต้อนเด็กคนอื่นๆออกนอกห้องไปเล่นที่สนามเด็กเล่นเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย นิลวิ่งเข้ามาในห้องเรียน

 

“เกิดอะไรขึ้นคะคุณครู” เธอละล่ำละลักถามครูอย่างตกใจ

 

“วันนี้ครูให้เด็กๆวาดรูปกันน่ะค่ะ แล้วอยู่ๆมีเด็กคนหนึ่งทำจานสีตกพื้นเลยเลอะไปด้วยสี พอกระเต็นเห็นเขาก็กรีดร้องออกมาแล้วก็เป็นอย่างที่เห็น” คุณครูประจำชั้นเรียนของเด็กชายเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

นิลกวาดตามองไปที่พื้นห้องซึ่งมีคราบสีเลอะอยู่ รอยสีแดงวงใหญ่กระจายสาดทั่วพื้นราวกับเลือด ใช่!เลือด! นิลเดินเข้าไปใกล้เด็กที่ที่นั่งก้มหน้างุด

 

“กระเต็น นี่อานิลนะ” นิลนั่งลงข้างๆ เอื้อมมือไปแตะตัวเขา เด็กน้อยเงยหน้ามองและโผเข้าหาอาสาวกระเต็นกอดอาสาวแน่นแล้วเริ่มร้องไห้อย่างหนักสะอื้นตัวโยนแต่ไม่มีเสียงออกมา เพื่อนทั้งสามมองดูเหตุการณ์อย่างประหลาดใจ

 

“ไม่มีอะไรนะจ๊ะ อาอยู่ที่นี่แล้วไม่ต้องกลัวนะ”นิลลูบหัวเด็กน้อยอย่างปลอบโยนอยู่นานกว่าเด็กชายจะสงบลง

 

เพนนีเดินเข้าไปนั่งใกล้เด็กชายเธอยิ้มให้เด็กชายตัวน้อย กระเต็นเบี่ยงตัวหลบไปที่หลังอานิลอย่างกลัวๆ นิลยิ้มแล้วดันตัวเด็กชายออกมา

 

“ทั้งสามคนที่ยืนอยู่นี่เป็นเพื่อนอานิลนะจ๊ะ ไม่ต้องกลัวนะ” นิลเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาให้หลานชาย สายตาที่อ่อนโยนของเธอทำให้เด็กชายกลั้นสะอื้นพยายามจะหยุดร้องไห้เพื่ออาของเขา

 

“ไม่มีอะไรต้องกลัวนะกระเต็น เป็นผู้ชายต้องเข้มแข็งสิจ๊ะ” เด็กชายพยักหน้ากอดอาสาวเอาไว้ เพนนีอาสาพาเด็กชายไปล้างหน้าข้างนอกห้อง เพราะดูเหมือนว่าครูประจำชั้นมีเรื่องจะคุยกับนิลส่วนสองหนุ่มยืนอยู่กับนิล

 

“นิลกานต์ กระเต็นมีปัญหาอะไรกันแน่ ตอนแรกครูเข้าใจว่าเขาแค่ไม่ค่อยชอบพูด ไม่กล้าแสดงออก ตามที่หนูบอก แต่ครูว่าอาการแบบนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว” ครูประจำชั้นเอ่ยถามด้วยสีหน้าลำบากใจ นิลนิ่งเงียบไปนานก่อนจะตอบกลับมา

 

“กระเต็นแค่กลัวเลือดน่ะค่ะ แกเห็นสีแดงที่เลอะพื้นดูเหมือนเลือดแกแค่ตกใจค่ะ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกนะคะคุณครู” นิลจำใจต้องโกหกครูประจำชั้นของกระเต็น เธอไม่อยากให้หลานชายต้องถูกมองว่าเป็นเด็กมีปัญหา

 

“ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ครูก็อยากจะพบผู้ปกครองของหนูอยู่ดี เมื่อไหร่คุณพ่อ คุณแม่ของกระเต็นจะกลับจากต่างประเทศจ๊ะ” นิลหลบสายตาของครูประจำชั้นที่จ้องมองเธออย่างหาคำตอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณครูต้องการพบผู้ปกครองของกระเต็นแต่ทุกครั้งเธอก็จะบ่ายเบี่ยงด้วยการอ้างว่าครอบครัวเธอไปทำงานต่างประเทศยังไม่กลับ

 

“หนูจะพยายามบอกให้พวกเขามาพบคุณครูนะคะ” นิลเอ่ยออกมาเบาๆด้วยคำตอบแบบเดิมที่เคยได้ยินเรื่อยมา เด็กชายนกกระเต็นที่ตอนนี้ใบหน้าสะอาดใสปราศจากคราบน้ำตา แต่ดวงตายังแดงช้ำอยู่ วิ่งเข้ามากอดอาสาว นิลก้มมองเด็กชาย

 

“กระเต็นขอโทษคุณครูสิจ๊ะ ที่ทำให้คุณครูเป็นห่วง” เด็กชายยกมือไหว้คุณครูอย่างว่าง่าย นิลเห็นว่าจบเรื่องแล้วเธอจะกลับไปยังห้องเรียนของเธอเสียที แต่เด็กชายเกาะเธอแน่นไม่ยอมปล่อย

 

“กระเต็นอาต้องกลับแล้วนะ ปล่อยสิจ๊ะเดี๋ยวตอนเย็นก็เจอกันแล้ว”นิลพยายามจะบอกหลานชายแต่ดูเหมือนยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย

 

นิลมองเด็กชายอย่างลำบากใจ เพราะถ้าเธอไม่กลับเพื่อนของเธอก็ต้องอยู่ที่นี่เธอรู้สึกเกรงใจที่ทุกคนต้องเสียการเรียนเพราะเธอ คิงมองสองอาหลานอย่างอ่อนใจ เขาหันไปหาไนท์ที่ยืนข้างกัน

 

“ไนท์ แกเอาลูกอมมาให้ฉันหน่อยสิ” คิงเอ่ยปากขอลูกอมจากไนท์ซึ่งปกติเขาจะชอบพกขนมหวานติดตัวอยู่แล้ว ไนท์เลิกคิ้วมอง เวลาอย่างนี้ยังมีอารมณ์กินขนมอีกเหรอเนี่ย แต่ก็ยอมส่งให้ลูกอมเม็ดกลมสีฟ้าสดห่อด้วยพลาสติกใสแต่โดยดี คิงรับมาเขายิ้มกริ่ม เดินไปนั่งยองๆใกล้กับเด็กชาย

 

“นี่เจ้าหนูมานี่สิ” เด็กชายกระเต็นหันไปตามเสียงเรียก คิงแบมือทั้งสองข้างยื่นไปตรงหน้าเด็กชาย

 

“ดูนี่นะ ในมือไม่มีอะไรเลยนะ”เขาพลิกมือคว่ำหงายสลับกัน เด็กชายจ้องมองอย่างสงสัยว่าคิงจะทำอะไร คิงเอื้อมมือไปที่หลังหูเด็กชายแล้วก็ปรากฏลูกอมเม็ดสีฟ้าน่ากินออกมา เด็กชายนกกระเต็นตื่นเต้นกับมายากลของคิง นิลมองมายากลหลอกเด็กของคิงอย่างขำๆ

 

“อยากได้ไหม”คิงถามเด็กชาย แน่นอนเด็กๆกับขนมเป็นของคู่กันอยู่แล้ว เด็กชายพยักหน้าหงึก คิงยิ้มกริ่มเข้าทาง

 

“พี่จะยกให้ก็ได้แต่ต้องแลกกันนะ” คิงต่อรอง เด็กชายขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าแลกกับอะไร คิงชี้นิ้วไปที่นิล

 

“ลูกอมแลกกับคุณอาตัวเปี๊ยกของนายว่าไงสนใจป่าว อันนี้อร่อยนะจะบอกให้” นิลสะดุด นี่ฉันมีค่าแค่ลูกอมเม็ดเดียวเหรอยะ ตาบ้านี่ ดูเหมือนกระเต็นจะดูลังเลไม่น้อยสุดท้ายก็ยอมปล่อยมือจากอานิลไปเลือกลูกอม คิงระเบิดเสียงหัวเราะออกขยี้หัวเด็กชายอย่างเอ็นดู

 

“ฮ่าๆ เจ้าหนูฉลาดมาก ลูกอมดีกว่าอาตัวเปี๊ยกอยู่แล้ว ฮ่าๆ” นิลมองคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้หมอนี่เอาเธอไปเปรียบกับลูกอม เธอมองดูกระเต็นที่เหมือนจะถูกใจลูกอมไม่น้อย เฮ้อ! นี่เธอแพ้ลูกอมเหรอเนี่ย

 

นิลส่ายหน้าอย่างระอา เธอมองคิงถึงเขาจะน่าหมั่นไส้ไปนิด แต่เธอก็ขอบคุณเขาหรือว่านี่จะเป็นความอ่อนโยนของคิงอย่างที่เพนนีพูด นายเป็นคนยังไงกันแน่นะ ด้วยมายากลของคิงทำให้บรรยากาศภายในห้องผ่อนคลายลงไปถนัดตา

 

นิลล่ำลาครูประจำชั้นและก้มลงหอมแก้มเด็กชายอย่างให้กำลังใจ ก่อนที่ทั้งสี่จะกลับห้องเรียน

 

ทั้งสามคนเดินตามหลังนิลมาช้าๆ ทุกอย่างเงียบกริบไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ยใดๆจากปากของทุกคน นิลหยุดเดินกะทันหันพลอยทำให้ทั้งสามคนที่เดินตามมาสะดุ้งหยุดเดินตามทันที นิลหันมามองทั้งสามอย่างตัดสินใจ

 

“ไนท์มีลูกอมเหลือไหมเราขอเม็ดหนึ่งสิ รู้สึกว่าตัวเองแบตหมดยังไงก็ไม่รู้” ไนท์หัวเราะเขาหยิบลูกอมออกจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ โดยยื่นให้คิงและเพนนีด้วยกันทั้งสองมาเรียกร้องเอาทีหลังเขาขี้เกียจหยิบหลายๆที

 

“เอาล่ะชาร์จพลังเสร็จแล้ว ขอบคุณนะทุกคนที่มาอยู่เป็นเพื่อนเรา” นิลยิ้มให้ทุกคน ซึ่งทั้งสามดูออกว่ามันช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนล้าเหลือเกิน

 

“คุณนิลคะ อย่าฝืนเลยค่ะ”เพนนีจับมือนิลไว้ นิลสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกน้ำตาที่กำลังจะไหลกลับเข้าไป

 

“ความจริงแล้วครอบครัวเราไม่ได้ไปต่างประเทศหรอก” นิลตัดสินใจที่จะพูดเรื่องของเธอกับทั้งสามคนทั้งที่เธอไม่เคยคิดจะเล่าให้ใครฟัง เพราะถ้าเธอพูดมันออกมามันก็เหมือนว่าเธอจะต้องนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นอีก

 

เธอกลัวที่จะนึกถึงมัน เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงมันมาตลอด ทั้งสามยืนฟังเธอเงียบๆเมื่อเธเริ่มจะเล่า สีหน้าและท่าทางอันหมองหม่นของนิลทำให้ทุกคนรู้ดีว่านิลคงมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นในชีวิตเธอแน่นอน

 

“เราเป็นอาของกระเต็นพี่ชายของเราเป็นพ่อของกระเต็น เมื่อสามเดือนก่อนครอบครัวเราประสบอุบัติเหตุตายหมดแล้ว” ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อฟังนิลพูด

 

“พ่อกับแม่ของเราตายคาที่อยู่ในรถ ส่วนพี่ชายเราถูกนำส่งโรงพยาบาลอยู่ในห้องไอซียูสองวันก็ตาย”

 

“เหลือแค่เรา พี่สะใภ้ และกระเต็น ที่ไม่ได้เดินทางไปกับทั้งสามคนนั้น เราคิดว่าอย่างน้อยก็ยังมีพี่สะใภ้มีกระเต็น ครอบครัวของเรายังเหลืออยู่ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น จะต้องผ่านมันไปได้” ร่างของนิลสั่นสะท้านเมื่อเธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

“แต่ก็มีคนหนึ่งที่ผ่านไปไม่ได้ พี่สะใภ้เราเขาฆ่าตัวตาย กรีดข้อมือตัวเอง ถ้าตอนนั้นเราไม่ออกไปหาเพื่อนข้างนอก ถ้าเราไม่นึกถึงแต่ตัวเองแล้วอยู่กับพวกเขา ทุกอย่างมันก็คงไม่เป็นแบบนี้” นิลเล่าอย่างเศร้าสร้อยเจือความรู้สึกผิดต่อครอบครัวอยู่ไม่น้อย ภาพที่พี่สะใภ้เชือดข้อมือตัวเองเลือดแดงฉานไหลเปรอะเตียงนอน โดยมีเด็กชายกระเต็นร้องไห้อย่างน่าเวทนา

 

นิลปล่อยโฮเมื่อเพนนีกอดเธอเอาไว้ไนท์ลูบหัวนิลเบาๆอย่างปลอบใจ คิงยืมมอง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าผู้หญิงน่ารำคาญที่เอาแต่ยิ้มไปยิ้มมาให้เขาทุกวันจะมีอดีตแบบนี้ เขารู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่เคยบอกเธอว่าเขาไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ

 

“หนูขอโทษค่ะพี่ หนูมันเห็นแก่ตัว ฮือๆๆๆๆๆ” นิลกลัวมาตลอด กลัวการร้องไห้ เธอกลัวที่จะหยุดมันไม่ได้ เธอกลัวว่าถ้ากระเต็นไม่หายเขาจะเป็นยังไงต่อไป เธอไม่อยากสูญเสียใครไปอีกแล้ว เป็นเวลานานกว่านิลจะหยุดร้องเธอปาดน้ำตาออกแล้วยิ้มขอบคุณทุกคนที่รับฟังเธอ

 

“เราดีขึ้นแล้วขอบคุณมากนะ”

 

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราเป็นเพื่อนกันนะคะพวกเราจะอยู่ข้างคุณนิลเสมอค่ะคุณนิลเป็นคนเข้มแข็งมากนะคะ” นิลมองเพนนีอย่างขอบคุณ

 

“กลับเข้าห้องเรียนกันได้หรือยังล่ะเนี่ย” คิงเอ่ยปากขึ้นมาเป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาเงียบไปนาน ไนท์ทุบที่กลางหลังคิงเบาๆโทษฐานที่พูดจาทำลายบรรยากาศ

 

“ถ้าอย่างนั้นเราขอไปล้างหน้าก่อน ทุกคนกลับเข้าห้องเรียนก่อนเลยเดี๋ยวเราตามไป” นิลพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปทันทีเพนนีทำท่าจะวิ่งตามแต่คิงกับไนท์ดึงเอาไว้

 

“ปล่อยเขาไปเถอะน่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” เพนนีมองคิง

 

“มองฉันทำไม ก็เธอบอกเองนี่ว่าเขาเข้มแข็ง แล้วกะอีแค่ไปห้องน้ำต้องยกกันไปเป็นพรวนเนี่ยนะ ไปๆไปเรียน” คิงลากเพนนีให้เดินโดยไม่สนใจท่าทางฮึดฮัดของเธอแม้แต่น้อย ไนท์มองตามหลังคิง ทำเป็นพูดดีตัวเองก็เป็นห่วงเหมือนกันนั่นแหละ

 

นิลวักน้ำจากอ่างล้างหน้าที่เธอเปิดรองเอาไว้ใส่หน้าอย่างรวดเร็ว เธอเงยหน้ามองกระจก หยดน้ำเกาะพราวทั่วใบหน้าเนียนใส ดวงตาแดงก่ำจากการร้องไห้ นิลถอนหายใจมนุษย์เรานี่อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้สินะ

 

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความสั้นๆส่งหาใครบางคน ‘ฉันสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วง’ เธอหวังว่าข้อความนี้คงจะทำให้คนอ่านคลายความกังวลเกี่ยวกับตัวเธอไปบ้างสักนิดก็ยังดี

 

นิลเดินออกจากห้องน้ำเธอเดินลัดเลาะผ่านทางหลังอาคารเรียนของชั้นม.6 เพื่อไปยังตึกวิทยาศาสตร์ที่ใกล้กัน

 

คาบเรียนต่อไปเธอเรียนวิชาเคมีกับอาจารย์อรุจซะด้วยขืนเข้าช้าและรู้ว่าเธอไปทำอะไรมารับรองว่าหมอนั่นต้องรีบแล่นมาที่เมืองนี้แน่นอน ด้วยความเร่งรีบของเธอ จึงไม่ได้สังเกตว่าด้านบนมีคนกำลังจะเทน้ำลงจากหน้าต่าง

 

“เฮ้ย น้องระวัง” เสียงของใครคนหนึ่งเรียกนิลไว้และพุ่งตัวมาบังตัวเธอไว้ นิลตะลึงมองเจ้าของเสียงที่ตัวเปียกไปทั่วร่าง เขาสะบัดผมน้ำตาลแดงเพื่อไล่น้ำออก

 

“ขอบคุณค่ะพี่”

 

“ไม่เป็นไร พี่กำลังร้อนพอดี” เขาตอบกลับมาด้วยท่าทางสบายๆไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

“ตะ แต่ว่า มันเป็นน้ำหวานนะคะ”

 

“หะ เฮ้ย! แว้กกก เหนียวอะ ซวยจริง” เขาโวยวายแล้วรีบวิ่งขึ้นตึกเรียนทันที นิลได้แต่มองตามราวกับสมองเธอยังประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ว่าแต่พี่เขาเป็นใคร ชื่ออะไรก็ยังไม่รู้เลย

 

“เฮ้ย ปริ๊นส์ ไปมีเรื่องกับใครมา เลือดเต็มตัว” เจ้าของชื่อหันกลับไปมองเสียงเรียก

 

“ไม่ใช่เลือด น้ำหวานน่ะ ใครก็ไม่รู้เทจากหน้าต่าง ซวยชะมัด” คนฟังหัวเราะออกมา

 

“เออว่าแต่ลืมถามชื่อเลยแฮะ” ปริ๊นส์พึมพำออกมา มัวแต่ตกใจเลยไม่ได้ถาม

 

“แกพูดว่างไงนะ”

 

“เปล่า เออ จี คาบหน้าฉันโดดนะ ไปล่ะ” จีมองตามปริ๊นส์เพื่อนสนิทที่เดินลงบันไดแล้ว

 

“อยู่ม.6 แล้วแท้ๆยังทำตัวสบายอารมณ์อยู่ได้อีกนะ” จีได้แต่บ่นเบาๆกับตัวเอง

 

โรงพยาบาลในเครือ ดา ลาโก เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดตลอดจนเต็มไปด้วยบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำ คลินิกนอกเวลาสำหรับผู้ที่ไม่สามารถมาใช้บริการในเวลาราชการได้

 

นิลปิดประตูห้องตรวจเธอเดินจูงมือหลานชายไปตามทางเดินช้าๆ เธอแวะซื้อขนมและน้ำผลไม้ให้เด็กชายพร้อมกับนั่งเล่นบริเวณสวนหย่อมของโรงพยาบาล

 

เธอครุ่นคิดถึงคำพูดของจิตแพทย์ ใช่วันนี้เธอตัดสินใจพาหลานชายมาพบจิตแพทย์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กระเต็นมาพบจิตแพทย์เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจนั้น เธอก็รู้ถึงความผิดปกติของหลานชาย

 

โรคPTSD หรือ Post-traumatic stress disorder เป็นโรคจิตเวชเนื่องมาจากความเครียดหลังจากเหตุการณ์ร้ายแรง เพราะกระเต็นเห็นแม่ฆ่าตัวตายต่อหน้าโดยไม่สามารถทำอะไรได้ อาการเครียดสะสมและความหวาดกลัวทำให้กระเต็นช็อคและไม่ยอมพูดกับใคร และเหตุการณ์วันนี้ยิ่งตอกย้ำว่าอาการของกระเต็นไม่ดีขึ้นเลย ทั้งๆที่เธอย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้เพื่อเยียวยาจิตใจหลานชาย เธอหวังว่าสภาพแวดล้อมใหม่นี้จะช่วยกระเต็นได้ในไม่ช้า

 

กระเต็นดึงแขนนิล เด็กสาวตื่นจากภวังค์เธอก้มมองหน้าเด็กชาย กระเต็นชี้มือไปที่ทางเดินของโรงพยาบาล นิลมองตามหลานชายเธอพบคนร่างสูงที่คุ้นเคย คิงนั่นเองเขากำลังเดินไปทางตึกผู้ป่วย ในมือถือช่อดอกกุหลาบที่จัดช่อเล็กๆ

 

ด้วยความอยากรู้นิล แอบเดินตามเขาไปทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่เรื่องของเธอและเสียมารยาทมาก แต่เธอก็ดันกลายเป็นคนสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาซะอย่างนั้น

 

คิงมาหยุดที่หน้าห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เขายืนอยู่หน้าห้องซักพักก่อนจะบิดลูกบิดประตูเข้าไป นิลไม่เห็นว่าคนที่คิงมาเยี่ยมเป็นใคร และเธอก็เห็นว่าเย็นมากแล้วเธอจึงพากระเต็นกลับ

 

ภายในห้องพักผู้ป่วย คิงเดินมาหยุดอยู่เตียง เขามองร่างบอบบางที่นอนหลับอย่างสงสาร แม้เวลาจะผ่านมาสองปีแล้วหลังจากเหตุการณ์อุบัติเหตุรถยนต์แหกโค้งคนทำผิดก็ได้รับโทษไปแล้ว แต่บางอย่างนั้นเหมือนจะยังไม่ผ่านไป นั่นคือร่องรอยบาดแผลที่ใบหน้าของเจ้าของร่าง

 

หากไม่มีบาดแผลนี้เธอก็คือเด็กสาวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งความรู้สึกผิดที่เขามีต่อเธอไหลวนอยู่ทั่วร่างและความรู้สึกนึกคิด เขาเอื้อมมือไปจับมือเธออย่างแผ่วเบา เด็กสาวลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ คิงปรับสีหน้าทันทีเขาส่งยิ้มให้เธอ

 

“คิงมานานแล้วหรอ” คิงพยุงร่างบางจัดท่านั่งให้ เขาผละไปเปลี่ยนดอกไม้เก่าและเอาของใหม่ใส่ลงไปในแจกัน

 

“วันนี้ได้ไปทำกายภาพบำบัดหรือเปล่า”คิงชวนคุยเมื่อเห็นว่าห้องนั้นเงียบมาสักพัก

 

“ไปสิ วันนี้เดินได้มากกว่าเมื่อวานอีกนะ หมอบอกว่าอีกไม่นานก็จะกลับมาเดินได้ปกติแล้ว”เธอเล่าไปยิ้มไปวาดฝันถึงวันที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติ

 

“ก็ดีน่ะสิเราจะได้ไปโรงเรียนด้วยกัน” คิงเท้าคางกับเตียงยิ้มให้เด็กสาว

 

“นี่คิงไม่ต้องมาเยี่ยมเราทุกวันก็ได้นะว่างๆค่อยมาก็ได้”

 

“เราอยากมาเยี่ยมบลูทุกวัน มันเป็นความเต็มใจของเรา”บลูยิ้มให้คิง เธอยกมือแตะแก้มอีกฝ่าย

 

“คิงผอมลงนะ กินข้าวเยอะๆสิ”

 

“บลูก็ต้องกินเยอะๆเหมือนกัน เพราะบลูก็ผอมลงเหมือนกัน” คิงต่อรอง

 

“ถ้าอย่างนั้นเรามาแข่งกันดีกว่าใครน้ำหนักขึ้นก่อนคนนั้นชนะ” บลูเอ่ยขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย

 

“ได้เลยเรารับคำท้า” ทั้งสองมองหน้าแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน

 

บลูนั่งเหม่อมองหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงสีส้มเข้ม แสงสุดท้ายก่อนที่เวลาค่ำคืนจะคืบคลานเข้ามา เงาในกระจกสะท้อนใบหน้าของเธอ

 

บลูสางผมยาวตรงดำสนิทของเธอช้าๆก่อนจะเปลี่ยนยกมือลูบใบหน้าด้านซ้ายที่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่เนื่องจากเศษกระจกหน้ารถยนต์คันนั้นบาดเธอ เธอไม่ใช่คนหลงตัวเองแต่เธอก็รู้ตัวว่าเธอเป็นคนสวย เธอไม่เคยทำใจรับสภาพกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอได้เลยแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่

 

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลรินในแต่ละวันที่ผ่านพ้นไปไม่สามารถชะล้างความทุกข์ในใจของเธอยกเว้นเพียงช่วงเวลาที่คิงมาเยี่ยมเธอที่เอจะมีความสุขที่สุด เธออยากให้มันเป็นแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา