A DaY ....วันรักวุ่นลุ้นรัก
เขียนโดย fibo6040
วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.02 น.
แก้ไขเมื่อ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557 19.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) YeSteRDay..........ในวันที่ไม่ย้อนกลับมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
หลังจากเข้าเรียนมาได้1เดือนแล้ว อะไรหลายอย่างในโรงเรียนก็ยังดูไม่เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่นับจากวันแรกที่เธอเข้ามา เธอยังคงได้รับความเฉยชาจากเพื่อนร่วมห้องเช่นเดิมโดนเขม่นจากคนที่เธอเคยไปมีเรื่อง
ผู้ชายที่นั่งข้างเธอก็ไม่ค่อยคุยกับเธอ แต่ก็ยังพอจะมีเรื่องดีๆอยู่บ้างอย่างน้อยก็มีเพนนีคุณหนูแสนดีและไนท์ที่คุยกับเธอทำให้ชีวิตในโรงเรียนของเธอไม่เงียบเหงาจนเกินไป และอีกเรื่องหนึ่งก็คือในวันนี้เธอจะได้เครื่องแบบชุดนักเรียนเสียที
เธอไม่ต้องใส่ชุดนักเรียนจากโรงเรียนเก่าอีกต่อไปแล้ว ถ้าเธอใส่ชุดนักเรียนที่เหมือนกับคนอื่นเธออาจจะไม่ดูแปลกแยกอย่างที่เป็นอยู่นี่ก็ได้ คิดได้อย่างนั้น นิลก็หัวเราะคิกให้กับตัวเอง คิงเหลือบตามองคนข้างๆที่เอาแต่หัวเราะอย่างรำคาญจนทนไม่ไหว
“เธอเลิกหัวเราะเป็นคนบ้าซักทีเถอะ” คิงบ่นพร้อมกับถอนหายใจ นิลหันขวับไปจ้องหน้าเขา อะไรกันเนี่ยนานๆจะพูดกับเธอซักทีแต่เรื่องที่พูดกับเธอคือการต่อว่าเธอเนี่ยนะ
“มันเรื่องของเรา เธอเกี่ยวอะไรด้วย” นิลตอบโต้อย่างไม่ค่อยพอใจนัก คิงหรี่ตามองคนตัวเล็กก่อนจะยิ้มกริ่มออกมา
“อาจารย์ครับ โจทย์คณิตศาสตร์ข้อต่อไปนิลกานต์ขอออกไปเฉลยครับ” คิงยกมือบอกอาจารย์ประจำวิชาที่ยืนอยู่หน้าห้อง นิลตาโตมองคิงนายทำฉันได้แสบมากนะ แต่ถึงจะโดนแกล้งนิลก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนักถึงเธอจะไม่ใช่คนฉลาดอะไรแต่ข้อดีของเธอคือเธอเป็นคนขยันดังนั้นเธอจึงเตรียมตัวอ่านหนังสือล่วงหน้ามาอยู่แล้ว
แต่จะว่าไปหลังการต้องออกไปทำโจทย์หน้าชั้นเรียนเธอก็ต้องแอบขอบคุณคิงนิดๆถึงจะไม่อยากก็เถอะ เพราะเขาทำให้เพื่อนๆในห้องเห็นความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเธอ คล้ายๆกับการเปิดตัวตนของเธอเล็กๆเพราะหลังจากนั้นมีเพื่อนบางคนเข้ามาคุยกับเธอนิดหน่อย
หลังจากจบคาบเรียนในตอนเช้า เธอรีบวิ่งไปที่ห้องพักอาจารย์ที่ปรึกษาทันทีเพื่อไปรับเครื่องแบบนักเรียน ถ้าเป็นโรงเรียนอื่นก็แค่เดินเข้าร้านเสื้อผ้าก็คงซื้อชุดนักเรียนได้เรียบร้อย แต่โรงเรียนดาลาโกหรือโรงเรียนทะเลสาบแห่งนี้มีเครื่องแบบที่ต้องสั่งตัดดังนั้นวันนี้เธอจึงอดตื่นเต้นไม่ได้
เครื่องแบบนักเรียนของแผนกมัธยมถ้าเป็นผู้หญิงก็คือเสื้อเชิ้ตตัวหลวมสีขาวที่หน้าอกมีปักสัญลักษณ์โรงเรียนเหมือนกันทั้งชายและหญิง ส่วนกระโปรงจีบรอบตัวสีฟ้าเข้ม และกางเกงขายาวสีฟ้าเข้ม ซึ่งเป็นสีประจำโรงเรียน
ในฤดูหนาวนักเรียนทุกคนจะต้องสวมเสื้อแขนยาวไหมพรมที่เป็นของโรงเรียนเท่านั้นไม่อนุญาตให้นักเรียนสวมเสื้อกันหนาวแบบอื่นเพื่อความเป็นระเบียบและเท่าเทียมกัน
นิลเดินหิ้วถุงชุดเครื่องแบบผ่านทิวต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ออกดอกสีชมพูเต็มต้น ตามรายทางที่เชื่อมอาคารเรียน นิลค่อยๆเดินไปอย่างเชื่องช้าราวกับต้องการเก็บเกี่ยวความสวยงามนี้ไว้นานๆ
ปกติแล้วต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ปีหนึ่งจะออกดอกเต็มต้นแค่ครั้งเดียวแล้วก็เป็นช่วงฤดูร้อน ตอนนี้ช่วงเดือนกรกฏาคมแล้วนับว่าโชคดีที่เธอยังได้เห็นในเดือนสุดท้ายก่อนมันจะทิ้งดอกร่วงจนหมดต้นเพื่อแตกใบเขียวใหม่ เมื่อก่อนที่แถวบ้านเธอก็มีต้นแบบนี้เธอมักจะไปนั่งดูมันกับครอบครัวเสมอ นิลหยุดเดินเมื่อเธอเริ่มคิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด
เธอสูดลมหายใจเข้าแล้วยิ้มให้ตัวเองก่อนที่สายตาเธอจะเหลือบไปเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย นั่งฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ กลีบดอกสีชมพูที่ร่วงหล่นลงบนพื้นสนามหญ้าจนกลบสีเขียวมิดราวกับทั่วบริเวณปูด้วยพรมสีชมพูอ่อน
นิลค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กลัวคนร่างสูงจะตื่น เธอนั่งลงตรงข้ามกับเขายกมือเท้าคางลอบมองใบหน้าของเขา
ความจริงแล้วเธอไม่ได้มีเจตนาจะแอบมองเขาหรอกแค่มารอแกล้งเขาตอนตื่นก็เท่านั้นเอง เสียงข้อความจากโทรศัพท์ของนิลทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าสะดุ้งตื่นและพบดวงตาดำขลับจ้องเขาอยู่ คิงลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ
“นี่เธอมานั่งตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อตะกี้นี่เองแหละ” เธอยังคงยิ้มอยู่
“มีอะไร” เขาถามห้วนๆ เขาพยายามเว้นระห่างกับเธอ แต่ดูเหมือนคนตรงข้ามจะไม่ค่อยรับรู้ว่าเขาไม่อยากยุ่งกับเธอ
“เรามีผมหยักศกเหมือนกันเลยนะดูสิ”นิลบอกพร้อมกับชี้ไปที่ผมหยักศกเป็นลอนสวยที่ยาวประบ่าของเธอ คิงมองอีกฝ่ายอย่างประเมิน
“นี่เธอต้องการอะไรจากฉัน”
“ไม่ได้ต้องการอะไรเลยนะ เรานั่งเรียนใกล้กันนะทำไมเราไม่เป็นเพื่อนกันล่ะ ทำไมคิงไม่ค่อยจะคุยกับเราเลย” นิลถามเขาตรง
“ฉันไม่ชอบผูกมิตรกับใคร ฉันมีเพื่อนในจำนวนที่ฉันพอใจ ไม่ได้อยากมีเพื่อนเพิ่ม” เขาพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินหนีไปทันที นิลอ้าปากค้างกับคำตอบเขาเป็นคนยังไงกันแน่ล่ะเนี่ยพิลึกจัง
หลังจากคิงลุกออกไปนิลหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากระโปรงขึ้นมาเปิดอ่าน ‘เราต้องคุยกัน รับสายฉัน’ นิลมีสีหน้าหนักใจขึ้นมาทันทีเธอลบข้อความนั้นทิ้งทันทีราวกับว่ากลัวเจ้าของข้อความจะโผล่ออกมาจากโทรศัพท์ เธอกดปิดเครื่องเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง
เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นนิลถอนหายใจนี่เรายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยนี่นา เธอรีบเดินไปตึกเรียนระหว่างที่รีบเดินขึ้นบันได ขาของใครคนหนึ่งยื่นมาขวางทาง นิลไม่ได้มองทางเธอสะดุดล้มหัวเข่ากระแทกขั้นบันได สีหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บ
เธอมองคนที่แกล้งขัดขาเธออย่างไม่พอใจ แต่ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าแน่นอนว่าเธอเลือกที่จะไม่มีเรื่องและลุกขึ้นเดินต่อเพื่อเข้าห้องเรียนดีกว่า
“แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน วันหนึ่ง........เกิดอะไรขึ้นเอ่ย.....มันถูกฝน ไหลหล่นจากบนหลังคา พระอาทิตย์ส่องแสง น้ำแห้งเหือดไปลับตา มันรีบไต่ขึ้นฝา .........แล้วทำอะไรจ๊ะ........หันหลังมาทำตาลุกวาว”
เสียงเพลงแมงมุมลายดังขึ้นในตอนเย็นหลังเลิกเรียน นิลร้องเพลงไปพร้อมกับคะยั้นคะยอให้เด็กน้อยที่เดินจูงมือมาด้วยกันร้องตามเธอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีปฏิกิริยาร่วมกับเธอซักนิด นิลยิ้มบางๆมองดูเด็กชายตัวน้อยที่เดินข้างๆเธอ
“วันนี้แวะเล่นที่สวนสาธารณะไหม แล้วค่อยกลับบ้าน” เด็กชายพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วปล่อยมือเธอวิ่งไปที่สวนสาธารณะเล็กๆก่อนจะถึงคอนโดมิเนียมที่พักของทั้งสอง
เด็กชายวิ่งไปเล่นบริเวณลานทรายที่มีม้าหมุนจิ๋ว สำหรับเด็กตัวเล็กอย่างเขา นิลเดินไปนั่งไกวชิงช้าเบาๆนั่งมองดูหลานชายเล่นอย่างเพลิดเพลิน
“วันนี้ที่โรงเรียนสนุกไหมจ๊ะ” นิลร้องถามเด็กชายนกกระเต็น หลานชายหันมามองอาของเขาสีหน้าหม่นลง เงียบไม่มีเสียงใดเอ่ยออกมา
“นี่กระเต็น เย็นนี้กินอะไรดี” เธอยังไม่ละความพยายามที่จะชวนหลานชายคุย แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมาอยู่ดี
เธอถอนใจวันนี้ยอมแพ้ก่อน เธอปล่อยให้หลานชายนั่งเล่นต่อไป ส่วนตัวเธอก็มองดูหลานชายอย่างเป็นห่วง ทั้งๆที่เมื่อก่อนรอบตัวเธอมีแต่เสียงหัวเราะและความสุขแท้ๆ ทำไมตอนนี้ถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ
อาการของหลานชายเป็นเรื่องที่นิลหนักใจมากที่สุดเพราะอาการ PTSD ซึ่งเป็นสภาวะเครียดของจิตใจหลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนจิตใจรุนแรง ของหลานชายทำให้เธอตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่เมืองเล็กๆนี้เพื่อเยียวยาจิตใจของหลานชายที่ช็อคกับเรื่องร้ายในครอบครัวเธอจนไม่ยอมพูดอีกเลย
เธอรู้ดีว่าลำพังแค่เด็กมัธยมปลายอย่างเธอคงทำอะไรมากไม่ได้ บางทีเธอก็นึกโกรธตัวเองที่ทำไมไม่โตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ เธอจะได้ทำอะไรเพื่อหลานชายมากกว่านี้ เด็กชายผละจากกองทรายมาหาอานิลที่ชิงช้า
เด็กชายยกมือเล็กแตะหัวเข่าของนิลที่มีรอยม่วงช้ำ จากการโดนแกล้งเมื่อกลางวัน เธอยิ้มรู้ดีว่าเด็กชายอยากถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“อาซุ่มซ่ามเดินชนโต๊ะมาจ้ะ ไม่เป็นอะไรหรอก” นิลยิ้มให้หลานชาย เด็กชายกอดอาสาวแน่น นิลกอดตอบหลานชายราวกับเธออยากถ่ายทอดความเข้มแข็งและความห่วงใยไปสู่หลานชายตัวน้อยมากๆ
“กลับบ้านกันดีกว่า ว่าแต่วันนี้ใครอยากกินไก่ทอดยกมือขึ้น”
นิลและเด็กชายนกกระเต็นยกมือขึ้นพร้อมกัน ทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างสนุกสนานก่อนเดินจูงมือกันเดินกลับบ้าน
อีกด้านหนึ่งคิงที่กำลังจะเดินกลับบ้าน เขาบังเอิญเห็นนิลกับเด็กชายตัวเล็กที่สวนสาธารณะจึงหยุดมองคนทั้งคู่ เมื่อทั้งสองเดินออกมา คนร่างสูงหลบวูบก่อนที่จะเดินตามหลังไปอย่างห่างๆ
นิลรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามเธอหันหลังกลับไปมองทันทีทำให้คนที่เดินตามมาหยุดชะงัก คิงถอยหลังผงะไปเล็กน้อยเขาหน้าเจื่อนไปมองหาที่หลบตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เด็กชายนกกระเต็นยืนหลบข้างหลังอาสาวอย่างกลัวๆ นิลหรี่ตามองอีกฝ่าย
“สตอร์กเกอร์” * stalker พวกชอบติดตาม
“เฮ้ย ไม่ใช่ซะหน่อย”
“ถ้าไม่ใช่แล้วมาเดินตามคนอื่นเขาทำไม”
“ก็เอ่อบ้านฉันไปทางนี้”
นิลหมดความสนใจจะต่อล้อต่อเถียงกับคิงเธอยังเคืองเขาไม่หายในเรื่องที่เขาบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ เธอจูงมือหลานชายเดินต่อ ส่วนคิงได้แต่เกาหัวแกรกๆวางตัวไม่ถูกเลยแฮะ
คอนโดมิเนียมหรูด้านหลังมองเห็นวิวทะเลสาบซึ่งเป็นที่พักของสองอาหลาน คิงมองดูทั้งสองคนเดินเข้าไปส่วนเขาข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามเปิดประตูรั้วเหล็กดัดลายดอกไม้เดินเข้าบ้านไป
นิลหันกลับมามองแล้วถึงพบว่าบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามคอนโดนั้นคือบ้านของคิงนั่นเอง
“กลับมาแล้วเหรอคิง”เสียงทุ้มต่ำของผู้เป็นบิดาทักขึ้นเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจังไม่มีคนไข้หรือครับ”
“พ่อกลับมาอาบน้ำเดี๋ยวจะกลับโรงพยาบาลแล้ว วันนี้ได้ไปที่โรงพยาบาลหรือเปล่า”
คิงที่กำลังจะขึ้นบันไดชะงักเท้า ก่อนจะพยักหน้าแทนการตอบรับ นายแพทย์จักรินทร์ถอนใจมองดูลูกชายคนเดียวของเขาที่ยืนนิ่ง
“พ่อไปทำงานก่อนนะ อย่าลืมกินข้าวล่ะ”
เสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้านในขณะที่คิงล้มตัวลงบนเตียงนอนในห้องของตัวเอง เขานอนหงายมองดูเพดานนิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเนิ่นนาน
‘คิง เราชอบคิงนะ ชอบมานานแล้ว แล้วคิงคิดยังไงกับเรา’
‘เราคิดกับบลูแค่เพื่อนเอง ขอโทษนะถ้าทำให้เข้าใจผิด’
‘ไม่เป็นไรขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ’
‘นี่คิงเรามีผมหยักศกเหมือนกันเลยดูสิ’
คิงสะดุ้งตื่นจากฝัน เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงเพิ่งจะสองทุ่ม เขาเผลอหลับไปและฝันถึงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนที่เกิดกับเขาแต่ในตอนสุดท้ายทำไมถึงนึกถึงนิลขึ้นมาเพราะคำพูดไร้สาระของนิลแท้ๆทำให้เขาฝันอะไรสะเปะสะปะไปหมด คิงเดินลงมาจากชั้นสองตรงเข้าห้องครัวทำอาหารง่ายๆกินคนเดียว
บ้านหลังใหญ่แต่กลับมีเพียงเขาและพ่ออยู่กันแค่สองคน ส่วนแม่บ้านจะมาทำงานในตอนเช้าและกลับไปตอนเย็น
ถ้าแม่ยังอยู่ก็คงไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ พ่อกับแม่ของเขาเจอกันที่ประเทศอิตาลี แน่นอนเรื่องไม่ได้โรแมนติกอะไรก็แค่คนรู้จักของพ่อแนะนำให้พ่อรู้จักเพื่อนของเขาในตอนที่พ่อไปเที่ยวที่นั่นและสุดท้ายก็แต่งงานกัน พ่อเรียนจบมาเป็นหมอและสืบทอดกิจการโรงพยาบาลของครอบครัว ส่วนแม่ก็เป็นครูสอนดนตรีทำให้บ้านของเขามีแต่เสียงเพลงตลอดเวลา
ตอนเขาอยู่ประถมแม่ก็จากไป จากนั้นมาบ้านหลังใหญ่ก็เงียบลงทันที เขามองรูปของแม่ที่แขวนไว้ที่ผนัง ผมหยักศกเป็นลอนยาวสวยสีน้ำตาลเข้มดวงตาสีเขียวอ่อนเป็นประกายรอยยิ้มที่แสนหวานดูเหมือนเขาจะได้จากแม่มาทั้งหมดเขายิ้มให้กับรูปนั้นอย่างเศร้าๆ
อากาศยามเช้าที่แสนจะอบอ้าวนิลเดินจูงมือเด็กชายนกกระเต็นออกจากคอนโดเพื่อไปโรงเรียน เป็นจังหวะเดียวกับที่คิงข้ามถนนมายังฝั่งคอนโดพอดี นิลหันไปสบตากับคนตัวสูงเธอยิ้มทักทายแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย
นิลเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเดินจูงมือหลานชายให้ออกเดิน คิงเดินตามหลังสองอาหลานไปอย่างช้าๆ นิลเดินไปส่งเด็กชายนกกระเต็นที่ฝั่งอนุบาล ส่วนคิงเดินไปที่ตึกเรียน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณคิง”เพนนีเอ่ยทักเมื่อเห็นคนร่างสูงเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเรียน อีกฝ่ายเพียงยกมือขึ้นเป็นเชิงทักตอบก่อนที่จะฟุบหลับที่โต๊ะเรียน
“คุณคิงคะดิฉันแนะนำให้คุณคิงหยิบจดหมายที่ลิ้นชักใต้โต๊ะมาเปิดอ่านซักหน่อยน่าจะดีนะคะ”
คิงเงยหน้าขึ้นมาหันไปหาเพนนีที่ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เขามองใต้โต๊ะเรียนตนเอง เขามองตามและพบซองจดหมายขนาดเล็กสีชมพูสอดไว้ เขาหยิบขึ้นมาเปิดอ่านแล้วฟุบหลับต่อ
“คนใจร้าย ใจดำ ใจยักษ์ ใจมาร” เพนนีเอ่ยขึ้นลอยๆก่อนที่เธอจะหันไปเล่นเกมส์ในไอแพดของเธอต่อ คิงที่รู้สึกเหมือนโดนแขวะ เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
“อย่ากวนประสาทฉันแต่เช้านะเพนนี”
“คุณคิงจะไม่สนใจใยดีกับจดหมายนั่น มันออกจะใจร้ายไปหน่อยนะคะ”
“เธออ่านจดหมายนี่แล้วใช่ไหมเพนนี”
“ไม่ต้องอ่านดิฉันก็พอจะรู้ค่ะว่าจดหมายเขียนว่าอะไร เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อยที่คุณคิงได้จดหมายรัก”
“เฮ้อ ฉันไม่คิดจะคบใครซักหน่อย” คิงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เพนนีละสายตาจากจอเกมส์ของเธอมองคิงนิ่งๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปบอกเธอคนนั้นซะสิคะ อย่าหนีปัญหาไปเฉยๆสิคะ คุณคิงจะนึกถึงแต่ตัวเองไม่ได้หรอกนะคะ”
“เฮ้ นี่คุณหนูเพนนีโตจนสั่งสอนคนอื่นได้แล้วเหรอเนี่ย”คิงหยอกเพนนีอย่างล้อเลียนคนถูกล้อแก้มป่องไม่พอใจ เธอหมดความสนใจจากคิงทันทีเมื่อเห็นนิลเดินเข้ามา คิงลุกขึ้นเดินถือจดหมายสวนกับนิลออกนอกห้องเรียน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณนิล” เพนนีเอ่ยทักอย่างยิ้มแย้ม
“ดีจ้ะเพนนี เออแล้วนี่คิงเดินออกไปไหนล่ะ”
“อยากรู้ไหมล่ะคะ ถ้าอย่างนั้นเราสะกดรอยตามไปดีกว่า”
“แต่จะได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะ”
“วันนี้ช่วงเช้าเราไม่มีเรียนค่ะเพราะอาจารย์ประชุม ไหนๆก็ว่างแล้วดิฉันจะพาคุณนิลชมโรงเรียนเองละกันนะคะ ไปกันเถอะ” เพนนีไม่รอให้นิลตอบรับเธอฉุดนิลให้ลุกขึ้นตามเธอไปทันที ทั้งสองแอบเดินตามคิงไปเงียบๆ
ที่ทางเดินเชื่อมอาคารระหว่างอาคารเรียนของชั้นม.5 และม.4 เพนนีและนิลลอบมอง คนร่างสูงที่กำลังยืนคุยอยู่กับนักเรียนหญิงรุ่นน้องหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง
“จดหมายนี่ของน้องสินะ” คิงเอ่ยถามพร้อมยื่นจดหมายคืนให้รุ่นน้องที่ยืนก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย
“หนูทำให้พี่ลำบากใจหรือเปล่าคะ”เธอเอ่ยถามอย่างกลัวๆ
“ใช่ น้องไม่คิดว่ามันตลกบ้างหรอเราไม่รู้จักกันแล้วจะมารักกันได้ยังไง การแอบมองบ่อยๆนี่ไม่ได้เรียกว่าความรักนะ ” เพนนีและนิลที่แอบฟังทำสีหน้าตกตะลึง ไหงพูดจาเย็นชาอย่างนั้นล่ะ
“หนูขอโทษค่ะ” พูดเสร็จเธอก็วิ่งหนีไปทันที คิงถอนหายใจจบเรื่องซักที
“ไม่มีมารยาทนะมาแอบดูคนอื่นแบบนี้น่ะ” คิงรู้ตัวตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าสองสาวแอบตามเขามา ทั้งสองออกจากที่ซ่อน
“รู้ได้ยังไงเนี่ย อุตส่าห์หาที่ซ่อนดีๆแล้วแท้ๆ”เพนนีบ่น คิงร้องหึเบาๆ เขาเหลือบมองนิลที่ยืนจ้องเขาเขม็ง
“อะไรจ้องฉันทำไม” คิงถามนิล นิลยักไหล่
“เปล่า แค่คิดว่าคนไม่มีมนุษยสัมพันธ์อย่างเธอ ทำไมถึงมีคนมาชอบ”
“ก็เพราะว่า ฉันมันรูปหล่อ บ้านรวย เรียนเก่งเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียน น่ะสิ” คิงตอบหน้าตาเฉยซึ่งที่เขาพูดมาก็ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด แต่เมื่อมันออกมาจากปากของคนตรงหน้า นิลซึ่งฟังแล้วอดจะหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้ เพนนียกมือปิดปากหัวเราะกับคนร่างสูง
“หา! เธอนี่น่าหมั่นไส้จริงๆเลยอะไปเหอะเพนนีเราไม่อยากเสวนากับคนหลงตัวเองแบบนี้แล้ว” นิลดึงเพนนีให้เดินตาม
คิงมองตามร่างเล็กๆของสองสาวไปอย่างอารมณ์ดี โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นแสดงสายเรียกเข้า คิงหยิบขึ้นสีหน้าหม่นลงแล้วกดรับสาย
“คุณนิลอย่าไปโกรธคุณคิงเลยนะคะ”
“ทำไมล่ะ”
“เมื่อก่อนคุณคิงไม่ใช่คนแบบนี้หรอกนะคะ ความจริงคุณคิงเป็นคนอ่อนโยนแล้วก็ใจดีมากๆนะคะ” เพนนีพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มเมื่อนึกถึงคิงในอดีต
“จริงเหรอ แต่เห็นจากที่ตอบน้องคนนั้นแล้ว ยังไงก็ห่างไกลคำว่าอ่อนโยนไปไกลโขเลยนะเพนนี”
“ค่ะ ถ้าไม่เกิดเรื่องซะก่อนก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“เกิดเรื่อง?” นิลทวนคำพูดเพนนี
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวคุณนิลรู้จักคุณคิงไปเรื่อยๆก็จะเข้าใจเอง”เพนนียิ้มให้ นิลพยักหน้างงๆ
“คุณนิลได้กลิ่นอะไรไหมคะ” เพนนีเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น นิลทำจมูกฟุดฟิด
“ชอคโกแลต”ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน
“เราไปชมรมคหกรรมกันถอะค่ะ”
“เพนนีไปก่อนนะ เราขอไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วจะตามไป”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณไนท์”เพนนีส่งเสียงเจื้อยแจ้วทัก ไนท์ที่ตอนนี้กำลังสาละวนกับการแต่งหน้าเค้กชอคโกแลตเงยหน้ามองเพนนีที่เดินเข้ามา
“ไงเพนนี มีอะไรหรือเปล่า อ้าววันนี้ไม่ได้ถักเปียมานี่นา” ไนท์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเพนนีวันนี้ปล่อยผมดำยาวสยายเต็มแผ่นหลังผมหน้าม้าดูชื้นเหงื่อนิดๆเพราะเธอวิ่งมา
“ค่ะเมื่อเช้ารีบมากไปหน่อย ว่าแต่คุณไนท์ทำอะไรเอ่ย ดิฉันลอยตามกลิ่นชอคโกแลตมาล่ะค่ะ”
“ทำเค้กชอคโกแลตน่ะสิ พอดีว่ารุ่นพี่ม.6มาขอให้ชมรมทำให้น่ะ แล้วนี่มาคนเดียวเหรอคนอื่นๆล่ะ”
“มากับคุณนิลค่ะ วันนี้ดิฉันรับหน้าที่พาคุณนิลเที่ยวนะคะ”
“ใจดีจังเลยนะ ว่าแต่จะกินขนมไหมพอดีอบคุกกี้ไว้ด้วยนะ อยู่ในโหลน่ะหยิบได้เลย” เพนนีตาโตเมื่อพูดถึงขนม เพราะเธอชอบกินขนมหวานฝีมือไนท์มากที่สุด ไนท์มองตามเพนนีแล้วส่ายหน้าเบาๆ
ไนท์ หรือ อัศวิน รองประธานชมรมคหกรรม เขาชื่นชอบการทำขนมและทำอาหารเป็นชีวิตจิตใจ รูปร่างที่สูงโปร่ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาทำให้สาวๆในโรงเรียนชื่นชอบอยู่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องความรักเท่าไหร่
เขามักจะอยู่ที่ชมรมเพื่อคิดค้นสูตรขนมใหม่หรือไม่ก็หัดทำขนมที่ไม่เคยทำโดยมีประธานชมรมซึ่งเป็นรุ่นพี่ของเขาที่เป็นคู่หูเข้าร่วมการแข่งขันด้วยกันบ่อยๆ
นิลโผล่หน้าเข้ามาในห้องชมรมคหกรรม เธอกวาดตามองอุปกรณ์ทำขนมที่สุดแสนจะทันสมัยราวกับอยู่ในร้านทำขนม กลิ่นชอคโกแลตหวานหอมอบอวลทั่วทั้งห้องเธอเหลือบเห็นเพนนีที่นั่งกินคุกกี้อยู่ด้านของห้องชมรม
“อ้าวนิลมาแล้วเหรอ มากินคุกกี้กับเพนนีสิ” ไนท์เอ่ยเชิญชวนเมื่อเห็นนิลเดินเข้ามา เธอหยิบขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง
“อร่อยจังไนท์ทำเหรอ”
“คุกกี้นี่ไม่ใช่ฝีมือเราหรอกเป็นฝีมือประธานชมรมน่ะ ว่าแต่อยากแต่งหน้าคุกกี้ไหมล่ะ” ไนท์ชวนสองสาวพยักหน้าอย่างตื่นเต้น ไนท์หยิบครีมสีสดใสมาให้สาวๆได้ลองทำอย่างสนุกสนาน
“เพนนีเดี๋ยวเอาไปฝากคิงด้วยนะ รายนั้นถ้าไม่ได้น้ำตาลเข้าเส้นเลือดบ้างวันนี้คงเอาแต่หลับแน่นอน”
สองสาวตกแต่งหน้าคุกกี้อย่างเพลิดเพลิน เพนนีหยิบคุกกี้ใส่กล่องกระดาษเล็กๆมาสามสี่ชิ้นเพื่อเอาไปให้คิงและชวนนิลไปดูที่อื่นๆของโรงเรียนกันต่อ
“แล้วเจอกันตอนบ่ายนะคะคุณไนท์” ไนท์พยักหน้าแล้วยิ้มให้อีกฝ่ายจนตาหยี
ที่ด้านหนึ่งของอาคาร ใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์คิงฟุบหลับที่โต๊ะม้าหินอ่อน เพนนีและนิลค่อยๆย่องไปใกล้ แล้ววางกล่องคุกกี้ไปตรงหน้าเขา แล้วพวกเธอกีบวิ่งกลับห้องเรียนไป
คิงค่อยๆลืมตามองสองสาวและกล่องคุกกี้ เขาเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นคุกกี้หน้าปีศาจแยกเขี้ยวซึ่งเขาเดาว่าคงเป็นฝีมือของนิล
“ถ้าไม่นับฝีมือแต่งหน้าประหลาดๆ คุกกี้นี่รสชาติอร่อยแฮะ” คิงบ่นเบาๆ แต่ก็กินจนหมด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ