Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง
-
เขียนโดย MightySoul
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.
26 บท
0 วิจารณ์
29.42K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) บทที่ 16 ความเป็นจริงอันน่ากลัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 16
ความเป็นจริงอันน่ากลัว
ส่วนตัวแล้วฉันเป็นคนที่ไม่ชอบที่จะนั่งรถนานๆสักเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีที่จังหมัดไซตามะที่ถือเป็นที่แรกในการจัดไลฟ์ทัวน์ของดูโอแองเกิ้ลนั้น เป็นจังหวัดที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากกรุงโตเกียวมากนัก ฉันจึงใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆในการเดินทางในครั้งนี้ และควรจะเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำถ้าการจราจรปลอดโปร่งราบรื่นไม่ติดขัดตลอดทาง
ฮอลล์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ต้นไม้ที่ถูกดูแลรดน้ำพรวนดินอย่างดีสวยงามราวกับต้นไม้พลาสติกประดับสีสดใส เคล้ากับเหล่ามวลดอกไม้สีต่างๆที่ขึ้นแสมตัดกับหญ้าเขียวขจี เป็นภาพที่ไม่ว่าใครได้เห็นแล้วก็ไม่อาจลืมลง
“เอาจริงเหรอ...ริกะ” เสียงของฮานะเปี่ยมไปด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นิดเดียวเอง” ฉันค่อยๆใช้ปลายนิ้วกดปิดปลายด้านหนึ่งของหลอด หลังจากที่มันดูดน้ำขึ้นมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว
“ไม่ตื่นนักใช่มั้ย คุณชาย”
“โอ๊ย ฉันจะกลั้นไว้ไม่อยู่อยู่แล้ว” ฮานะพยายามใช้มือปิดปากกลั้นหัวเราะ
“ชู่ว์ เงียบๆสิ ถ้าเขาเกิดดันตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็เสียแผนกันพอดี”
น้ำเย็นเจี๊ยบที่กักเก็บไว้ในหลอดค่อยๆไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก หลังจากที่นิ้วที่ปิดปลายถูกปล่อยออก
ทันทีที่มันกระทบกับหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ฟีลตะโกนร้อง จ๊าก ตามแผนที่พวกเราวางเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน
ฉันและฮานะกลั้นหัวเราะไม่ไหว จนปลดปล่อยออกมาดังลั่นไปทั่วทั้งรถ
“นี่พี่สาวเล่นบ้าอะไรเนี้ย”
“ตื่นแล้วเหรอค่ะ คุณชายขี้เซา”
ฟีลหันซ้านหันขวาไปมาด้วยอาการมึนงง ธรรมดาของคนเพิ่งตื่นนอน
“ที่นี่คือ...”
“ถึงแล้วล่ะ คนอื่นเขาลงไปกันหมดแล้วด้วย” เจ้าแอนนาที่นั่งอยู่บนไหล่ของฉันตะโกนร้องขู่ฟีลตามนิสัยของมันที่ดูจะไม่ค่อยถูกกับเขาสักเท่าไหร่
“ขะ..ขอโทษครับ ฮานะซัง ที่นอนเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกฟีลซัง รีบลงไปสักทีเถอะ คนอื่นเขารอกันหมดแล้ว”
ในที่สุดพวกเราทั้งสามคนก็ได้ฤกษ์เดินลงจากรถที่บัดนี้ไร้ซึ่งผู้คน ดูเหมือนสถานที่จัดคอนเสิร์ตแห่งนี้จะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเด็กบ้านนอกเข้ากรุงข้างๆพอสมควร
“ที่นี่ใหญ่จังเลยนะครับเนี้ย อากาศก็ดี ทิวทัศน์ก็สวย” เขาวิ่งไปมาด้วยความตื่นตาตื่นใจจนไปชนกับพนักงานที่กำลังขนของออกจากรถ จนต้องขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ฉันอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“เป็นไง โดนด่าเลยล่ะสิ” ฟีลวิ่งกลับมาด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“ผมขอโทษแล้วแท้ๆนะเนี้ย ทำไมต้องด่ากันด้วยก็ไม่รู้”
“เอาน่าๆ อย่าใส่ใจเลย”
ในที่สุดฮานะที่แยกตัวออกตั้งแต่ลงจากรถก็เดินกลับมาคล้ายว่าเธอจะเพิ่งไปทำธุระบางอย่างกลับมา
“ฮานะซัง แล้ว...ริกะซังมาถึงรึยังครับ”
ฮานะหันมาจ้องมองที่ฉันวูบหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
“อ่า ถึงแล้วล่ะ แต่ว่าเธอไม่ค่อยสบายน่ะ ก็เลยไปพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมแล้ว” สมกับเป็นฮานะ เป็นคำตอบที่ไร้ซึ่งช่องโหว่ และไม่มีทางที่ฟีลจะสงสัยอะไรได้
“ละ...แล้วเธอ...เป็นอะไรมากเหรอเปล่าครับ”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่เมารถไฟน่ะ เป็นอาการประจำของเธออยู่แล้ว”
“อย่างงั้นเหรอครับ” ฟีลถอนหายใจ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าสีหน้าเขาจะเปลี่ยนไป ทันทีที่พูดถึงตัวฉันในนามริกะ
“แหมๆเป็นห่วงจังเลยนะ ริกะเนี้ย สงสัยคงอยากเจอมากสินะ” ฮานะถามคล้ายจะแกล้งฉัน
ฟีลนิ่งไปสักพักก่อนที่จะพยักหน้าหงึกๆจนฮานะหัวเราะออกมาคล้ายกำลังสนุก ผิดกับฉันที่ใบหน้าเริ่มมีสีแดงเรื่อๆ
“กะ..ก็ ริกะซังเป็นเพื่อนของฮานะซังนี่ครับ ผมจะห่วงนิดห่วงหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดาไมใช่เหรอครับ” ฟีลพูดคล้ายพยายามกลบเกลื่อน ก่อนที่จะวิ่งออกไปช่วยพนักงานคนอื่นยกของเพื่อไม่ให้ฮานะถามอะไรไปได้มากกว่านี้โดยที่ไม่ลืมแสดงความเปิ่นโดยการสะดุดล้มกระแทกพื้นแต่ก็ยังลุกขึ้นมาได้และวิ่งต่อไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามอง
“ฟีลซังเนี้ย น่ารักจังเลยนะ ถึงจะดูซุ่มซ่ามบ้าๆบอๆ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งทีเดียว”
“นั้นสิ ฉันก็คิดเหมือนกัน”
“ฉันว่าก่อนที่เขาจะไป เธอน่าจะบอกความจริงกับเขาได้แล้วล่ะมั้ง”
“ไม่เอาอ่ะ กำลังสนุกได้ที่เลย ยังไงๆฟีลก็ต้องอยู่กับเราไปอีกสักระยะหนึ่งอยู่แล้ว”
ฮานะทำหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน
“หมายความว่าเขาจะยังไม่ออกผจญภัยงั้นเหรอ”
“อืม เป็นความต้องการของเจ้าตัวที่อยากจะอยู่จนกว่างานนี้จะจบน่ะ”
“นี่เธอจะบ้าเหรอเปล่าเนี้ย!!!” ฮานะตะโกนเสียงดัง
“ทะ...ทำไมล่ะ”
ฮานะหันซ้ายหันขวาก่อนที่จะเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู “เธอไม่มีเวลามากพอที่จะเล่นบทริกะและนาโอะพร้อมๆกันตลอดทัวน์ได้หรอกนะ แค่บทริกะบทเดียวก็แทบจะไม่มีเวลาอะไรอยู่แล้ว”
“ตะ...แต่ว่า” สิ่งที่ฮานะพูดมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“ถ้าเธออยากจะให้เขาอยู่ต่อไป เธอจะต้องบอกความจริงเขาไปซะ”
ข้อเสนอของฮานะเป็นสิ่งที่น่าสนใจและควรจะเป็น แต่ก็ดูเหมือนมีบางอย่างในตัวฉันที่ยังพยายามดื้อดึงไม่ให้เปิดเผยตัวจริงสักที
“เอาน่าฮานะ ฉันจัดการเวลาได้น่า อีกอย่างเขาก็คงไม่มายุ่งอะไรกับฉันมากหรอก แค่ทำตัวห่างๆเอาไว้ เดี๋ยวฟีลก็ลืมเองแหละ”
“แล้วถ้าเขาไม่ลืมล่ะ อย่าลืมสิว่าในที่นี้เขาสนิทกับเธอที่สุด”
ฉันมองหน้าฮานะที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะได้เห็น
“ฮานะจัง อย่าคิดอะไรมากเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แล้วอีกอย่าง ถ้าช่วงไหนที่ฉันยุ่งมากๆจนเป็นนาโอะไม่ได้ ก็แค่บอกเขาไปตรงๆ หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้นาโอะไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าได้ช่วงนั้น ก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
“แล้วถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ”
“ก็หาวิธีอื่น หรือไม่ก็ไปตายเอาดาบหน้า” ฉันพูดอย่างไร้ซึ่งความกังวล
“ริกะ ไม่ว่าจะกี่ปี เธอก็เป็นคนที่คิดอะไรง่ายจริงๆ”
“งะ...งั้นเหรอ”
ในที่สุดเพื่อนสาวก็ถอดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะยิ้มให้มา “แต่ก็แบบนี้แหละ ถึงสมกับเป็นริกะ”
ฉันมองหน้าฮานะผ่านแว่นกันแดดสีดำ ถึงแม้เลนส์ของมันจะสามารถบดบังรังสีของดวงอาทิตย์ได้ในระดับหนึ่ง แต่มันกลับไม่สามารถป้องกันสิ่งที่เรียกว่า ความเจิดจรัส ที่เปล่งออกมาจากตัวฮานะได้เลย
“จะทำอะไรก็ทำไป ฉันจะคอยช่วยเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน”
“ขอบใจนะ ฮานะ”
“เป็นเพื่อนกับเธอนี่มันเหนื่อยๆจริงแหะ ต้องมาตามช่วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด”
“ชินแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอยู่กับเธอนี่มีแต่เรื่องปวดหัว วุ่นๆเกิดเต็มไปหมดจริงๆ”
“แหะๆ ตราบใดที่เธอยังคู่กับฉัน ก็คงต้องทนเอาล่ะ”
ฉันและฮานะหัวเราะออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่มีใครเป็นคู่ได้ดีเท่าฮานะแล้วจริงๆ เพราะมีเธอฉันถึงมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้
“เอาล่ะ ได้เวลาที่เธอต้องเปลี่ยนกลับไปเป็นบทริกะเหมือนเดิมแล้ว ฉันจะคอยดู ว่าเธอจะรอดแผนแตกไปได้อีกสักกี่น้ำ”
“รู้แล้วน่าๆ จะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้แหละ”
ฉันวิ่งเข้าไปในฮอลค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับเพื่อนสาวและเจ้าแอนนาที่เปลี่ยนจากนั่งยืดตัวสบายบนไหล่มาเป็นวิ่งด้วยขาเรียวเพรียวทั้งสี่ขา แต่ฉันยังไม่ลืมที่จะหันมามองฟีล ที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจะทำอะไรเปิ่นๆซุ่มซ่ามๆจนถูกเทศน์หนักอยู่เบื้องหลัง
ฟีล...ตอนนี้เทียนไขในใจของฉันกำลังลุกโชติช่วงจริงๆ บางอย่างในตัวนาย กำลังส่งต่อมาถึงฉันโดยที่ไม่ทันจะรู้ตัวซะด้วยซ้ำ
ความเป็นจริงอันน่ากลัว
ส่วนตัวแล้วฉันเป็นคนที่ไม่ชอบที่จะนั่งรถนานๆสักเท่าไหร่ แต่ก็โชคดีที่จังหมัดไซตามะที่ถือเป็นที่แรกในการจัดไลฟ์ทัวน์ของดูโอแองเกิ้ลนั้น เป็นจังหวัดที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลจากกรุงโตเกียวมากนัก ฉันจึงใช้เวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆในการเดินทางในครั้งนี้ และควรจะเร็วกว่านี้ด้วยซ้ำถ้าการจราจรปลอดโปร่งราบรื่นไม่ติดขัดตลอดทาง
ฮอลล์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสนามหญ้าที่ถูกตกแต่งไว้อย่างเป็นระเบียบสวยงาม ต้นไม้ที่ถูกดูแลรดน้ำพรวนดินอย่างดีสวยงามราวกับต้นไม้พลาสติกประดับสีสดใส เคล้ากับเหล่ามวลดอกไม้สีต่างๆที่ขึ้นแสมตัดกับหญ้าเขียวขจี เป็นภาพที่ไม่ว่าใครได้เห็นแล้วก็ไม่อาจลืมลง
“เอาจริงเหรอ...ริกะ” เสียงของฮานะเปี่ยมไปด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นิดเดียวเอง” ฉันค่อยๆใช้ปลายนิ้วกดปิดปลายด้านหนึ่งของหลอด หลังจากที่มันดูดน้ำขึ้นมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว
“ไม่ตื่นนักใช่มั้ย คุณชาย”
“โอ๊ย ฉันจะกลั้นไว้ไม่อยู่อยู่แล้ว” ฮานะพยายามใช้มือปิดปากกลั้นหัวเราะ
“ชู่ว์ เงียบๆสิ ถ้าเขาเกิดดันตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็เสียแผนกันพอดี”
น้ำเย็นเจี๊ยบที่กักเก็บไว้ในหลอดค่อยๆไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก หลังจากที่นิ้วที่ปิดปลายถูกปล่อยออก
ทันทีที่มันกระทบกับหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข คงไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ฟีลตะโกนร้อง จ๊าก ตามแผนที่พวกเราวางเอาไว้ไม่ผิดเพี้ยน
ฉันและฮานะกลั้นหัวเราะไม่ไหว จนปลดปล่อยออกมาดังลั่นไปทั่วทั้งรถ
“นี่พี่สาวเล่นบ้าอะไรเนี้ย”
“ตื่นแล้วเหรอค่ะ คุณชายขี้เซา”
ฟีลหันซ้านหันขวาไปมาด้วยอาการมึนงง ธรรมดาของคนเพิ่งตื่นนอน
“ที่นี่คือ...”
“ถึงแล้วล่ะ คนอื่นเขาลงไปกันหมดแล้วด้วย” เจ้าแอนนาที่นั่งอยู่บนไหล่ของฉันตะโกนร้องขู่ฟีลตามนิสัยของมันที่ดูจะไม่ค่อยถูกกับเขาสักเท่าไหร่
“ขะ..ขอโทษครับ ฮานะซัง ที่นอนเพลินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกฟีลซัง รีบลงไปสักทีเถอะ คนอื่นเขารอกันหมดแล้ว”
ในที่สุดพวกเราทั้งสามคนก็ได้ฤกษ์เดินลงจากรถที่บัดนี้ไร้ซึ่งผู้คน ดูเหมือนสถานที่จัดคอนเสิร์ตแห่งนี้จะเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของเด็กบ้านนอกเข้ากรุงข้างๆพอสมควร
“ที่นี่ใหญ่จังเลยนะครับเนี้ย อากาศก็ดี ทิวทัศน์ก็สวย” เขาวิ่งไปมาด้วยความตื่นตาตื่นใจจนไปชนกับพนักงานที่กำลังขนของออกจากรถ จนต้องขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ซึ่งเป็นภาพที่ทำให้ฉันอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“เป็นไง โดนด่าเลยล่ะสิ” ฟีลวิ่งกลับมาด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“ผมขอโทษแล้วแท้ๆนะเนี้ย ทำไมต้องด่ากันด้วยก็ไม่รู้”
“เอาน่าๆ อย่าใส่ใจเลย”
ในที่สุดฮานะที่แยกตัวออกตั้งแต่ลงจากรถก็เดินกลับมาคล้ายว่าเธอจะเพิ่งไปทำธุระบางอย่างกลับมา
“ฮานะซัง แล้ว...ริกะซังมาถึงรึยังครับ”
ฮานะหันมาจ้องมองที่ฉันวูบหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
“อ่า ถึงแล้วล่ะ แต่ว่าเธอไม่ค่อยสบายน่ะ ก็เลยไปพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมแล้ว” สมกับเป็นฮานะ เป็นคำตอบที่ไร้ซึ่งช่องโหว่ และไม่มีทางที่ฟีลจะสงสัยอะไรได้
“ละ...แล้วเธอ...เป็นอะไรมากเหรอเปล่าครับ”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่เมารถไฟน่ะ เป็นอาการประจำของเธออยู่แล้ว”
“อย่างงั้นเหรอครับ” ฟีลถอนหายใจ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องทำแบบนั้น แต่ดูเหมือนว่าสีหน้าเขาจะเปลี่ยนไป ทันทีที่พูดถึงตัวฉันในนามริกะ
“แหมๆเป็นห่วงจังเลยนะ ริกะเนี้ย สงสัยคงอยากเจอมากสินะ” ฮานะถามคล้ายจะแกล้งฉัน
ฟีลนิ่งไปสักพักก่อนที่จะพยักหน้าหงึกๆจนฮานะหัวเราะออกมาคล้ายกำลังสนุก ผิดกับฉันที่ใบหน้าเริ่มมีสีแดงเรื่อๆ
“กะ..ก็ ริกะซังเป็นเพื่อนของฮานะซังนี่ครับ ผมจะห่วงนิดห่วงหน่อยก็เป็นเรื่องธรรมดาไมใช่เหรอครับ” ฟีลพูดคล้ายพยายามกลบเกลื่อน ก่อนที่จะวิ่งออกไปช่วยพนักงานคนอื่นยกของเพื่อไม่ให้ฮานะถามอะไรไปได้มากกว่านี้โดยที่ไม่ลืมแสดงความเปิ่นโดยการสะดุดล้มกระแทกพื้นแต่ก็ยังลุกขึ้นมาได้และวิ่งต่อไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามอง
“ฟีลซังเนี้ย น่ารักจังเลยนะ ถึงจะดูซุ่มซ่ามบ้าๆบอๆ แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งทีเดียว”
“นั้นสิ ฉันก็คิดเหมือนกัน”
“ฉันว่าก่อนที่เขาจะไป เธอน่าจะบอกความจริงกับเขาได้แล้วล่ะมั้ง”
“ไม่เอาอ่ะ กำลังสนุกได้ที่เลย ยังไงๆฟีลก็ต้องอยู่กับเราไปอีกสักระยะหนึ่งอยู่แล้ว”
ฮานะทำหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน
“หมายความว่าเขาจะยังไม่ออกผจญภัยงั้นเหรอ”
“อืม เป็นความต้องการของเจ้าตัวที่อยากจะอยู่จนกว่างานนี้จะจบน่ะ”
“นี่เธอจะบ้าเหรอเปล่าเนี้ย!!!” ฮานะตะโกนเสียงดัง
“ทะ...ทำไมล่ะ”
ฮานะหันซ้ายหันขวาก่อนที่จะเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหู “เธอไม่มีเวลามากพอที่จะเล่นบทริกะและนาโอะพร้อมๆกันตลอดทัวน์ได้หรอกนะ แค่บทริกะบทเดียวก็แทบจะไม่มีเวลาอะไรอยู่แล้ว”
“ตะ...แต่ว่า” สิ่งที่ฮานะพูดมาเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“ถ้าเธออยากจะให้เขาอยู่ต่อไป เธอจะต้องบอกความจริงเขาไปซะ”
ข้อเสนอของฮานะเป็นสิ่งที่น่าสนใจและควรจะเป็น แต่ก็ดูเหมือนมีบางอย่างในตัวฉันที่ยังพยายามดื้อดึงไม่ให้เปิดเผยตัวจริงสักที
“เอาน่าฮานะ ฉันจัดการเวลาได้น่า อีกอย่างเขาก็คงไม่มายุ่งอะไรกับฉันมากหรอก แค่ทำตัวห่างๆเอาไว้ เดี๋ยวฟีลก็ลืมเองแหละ”
“แล้วถ้าเขาไม่ลืมล่ะ อย่าลืมสิว่าในที่นี้เขาสนิทกับเธอที่สุด”
ฉันมองหน้าฮานะที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะได้เห็น
“ฮานะจัง อย่าคิดอะไรมากเลย อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แล้วอีกอย่าง ถ้าช่วงไหนที่ฉันยุ่งมากๆจนเป็นนาโอะไม่ได้ ก็แค่บอกเขาไปตรงๆ หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้นาโอะไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้าได้ช่วงนั้น ก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
“แล้วถ้ามันไม่ได้ผลล่ะ”
“ก็หาวิธีอื่น หรือไม่ก็ไปตายเอาดาบหน้า” ฉันพูดอย่างไร้ซึ่งความกังวล
“ริกะ ไม่ว่าจะกี่ปี เธอก็เป็นคนที่คิดอะไรง่ายจริงๆ”
“งะ...งั้นเหรอ”
ในที่สุดเพื่อนสาวก็ถอดหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะยิ้มให้มา “แต่ก็แบบนี้แหละ ถึงสมกับเป็นริกะ”
ฉันมองหน้าฮานะผ่านแว่นกันแดดสีดำ ถึงแม้เลนส์ของมันจะสามารถบดบังรังสีของดวงอาทิตย์ได้ในระดับหนึ่ง แต่มันกลับไม่สามารถป้องกันสิ่งที่เรียกว่า ความเจิดจรัส ที่เปล่งออกมาจากตัวฮานะได้เลย
“จะทำอะไรก็ทำไป ฉันจะคอยช่วยเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน”
“ขอบใจนะ ฮานะ”
“เป็นเพื่อนกับเธอนี่มันเหนื่อยๆจริงแหะ ต้องมาตามช่วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด”
“ชินแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็นะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอยู่กับเธอนี่มีแต่เรื่องปวดหัว วุ่นๆเกิดเต็มไปหมดจริงๆ”
“แหะๆ ตราบใดที่เธอยังคู่กับฉัน ก็คงต้องทนเอาล่ะ”
ฉันและฮานะหัวเราะออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่มีใครเป็นคู่ได้ดีเท่าฮานะแล้วจริงๆ เพราะมีเธอฉันถึงมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้
“เอาล่ะ ได้เวลาที่เธอต้องเปลี่ยนกลับไปเป็นบทริกะเหมือนเดิมแล้ว ฉันจะคอยดู ว่าเธอจะรอดแผนแตกไปได้อีกสักกี่น้ำ”
“รู้แล้วน่าๆ จะรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้แหละ”
ฉันวิ่งเข้าไปในฮอลค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าพร้อมกับเพื่อนสาวและเจ้าแอนนาที่เปลี่ยนจากนั่งยืดตัวสบายบนไหล่มาเป็นวิ่งด้วยขาเรียวเพรียวทั้งสี่ขา แต่ฉันยังไม่ลืมที่จะหันมามองฟีล ที่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจะทำอะไรเปิ่นๆซุ่มซ่ามๆจนถูกเทศน์หนักอยู่เบื้องหลัง
ฟีล...ตอนนี้เทียนไขในใจของฉันกำลังลุกโชติช่วงจริงๆ บางอย่างในตัวนาย กำลังส่งต่อมาถึงฉันโดยที่ไม่ทันจะรู้ตัวซะด้วยซ้ำ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ