คุณหนูหน้าร้ายกับสาวใช้หน้าปลวก(yuri)
-
เขียนโดย rinjung
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.10 น.
8 chapter
0 วิจารณ์
18.46K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 22.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ขิงก็รา ข่าก็แรง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความแสงแดดอ่อนในช่วงหน้าฝนส่องแสงเข้ามาในทุ่งทานตะวันทีเหลืองสดชูช่อไสวไปตามแรงลมอากาศในวันนี้ช่างเป็นใจให้เธอและบุษบาได้นอนชมท้องฟ้ากลางทุ่งทานตะวันโดยไม่มีแดดส่องรบกวนแม้จะเป็นเวลาในช่วงบ่ายโมง
“คิดยังไงค่ะ ถึงพาแก้วมาเที่ยวที่นี่”บุษบาพูดขณะแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีสดใส
“จะซักไซ้อะไรมากมาย พามาเที่ยวก็บุญหนักหนาแล้ว”รินลดาชำเลืองตามองแววตาครุ่นคิดแผนร้ายในใจ
“ฉันจะวาดรูปเราสองคน นอนอยู่กลางทุ่งทานตะวัน”รินลดาฉุกคิดพลางคว้ากระเป๋าหาดินสอและสมุดเล่มเล็กบรรจงวาดลงบนกระดาษแผ่นขาว บุษบาพลิกตัวนอนคว่ำชะโงกลงมามองดูศิลปินมือโปร
“ฮา ฮา คุณหนูขา นั่นวาดคนหรือขี้ก้างค่ะ ตั้งท่าซะดีเชียว เอามานี่ บุษจะวาดให้ดู”
“ฮืม ไม่เอาอะ ฉันจะวาดให้ ขี้ก้างแล้วมันไม่สวยตรงไหน”
“ไม่รู้ละ แก้ววาดสวยกว่าตั้งเยอะ”บุษบาลุกขึ้นนั่งตั้งหน้าตั้งตาวาดรูปรินลดามองดูใจจดใจจ่อแค่ลากเส้นไม่กี่เส้นก็กลายเป็นรูปวาดที่เป็นรูปเป็นร่างรินลดาจ้องมองตาปริบๆด้วยความตื่นเต้นและแปลกใจ
“เหอะ ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย”รินลดาขยับคิ้วบางเข้าหากันทำเป็นหน้าเชิด
“คุณหนูก็ ชมกันสักนิดก็ไม่ได้”บุษบาบ่นกระปอดกระแปด
เจ้านายและสาวใช้นอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูแมลงปอปีกใสบินล้อลม ฝูงนกน้อยใหญ่บินโฉบไปมา ท้องฟ้ายามถูกแต่งแต้มไปด้วยเมฆหมอกสีขาวอมฟ้า ไม่มีเสาไฟฟ้า ถนนคอนกรีต มลพิษและรถยนต์วิ่งไปมาให้รำคาญใจ สงบและน่านอนเป็นที่สุด รินลดาขยับตัวขยุกขยิก พาดแขนบนตัว ก่อนจะพาดขาลงมาทับซ้ำเสียงกรนเล็กๆ หลุดออกมาทำให้บุษบาหัวเราะเบาๆ ความสุขเล็กน้อยและแสนสั้นแต่มันก็มีค่ากว่ารวมเวลาหลายชั่วโมงไว้ด้วยกัน ภาพคนตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอความสุขอย่างบอกไม่ถูก เวลาหลับน่ารักน่าเอ็นดูไม่มีพิษสงแต่ยามตื่นน่าบีบจมูกนัก ดวงตาเพ่งพิศมองใบหน้าสวยจนไม่อยากละสายตา บุษบาระบายยิ้มอ่อน มือเรียวไล้ลูบจากหางคิ้วลงมายังจมูกโด่งสวยรับกับใบหน้า อยากให้นาฬิกาหยุดเวลาไว้ อยากอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ตลอดไป....
ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่บุษบาหลับไปแบบไม่รู้สึกตัว เธอลืมตาตื่นขึ้นมาขยี้ตาตัวเองให้มองสิ่งรอบข้างได้ชัด สิ่งแรกที่มองหาคือรินลดา แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เธอหันไปเห็นโน๊ตบนแผ่นกระดาษที่ถูกหินทับ
“กลับบ้านเองนะ ยัยหน้าปลวก หึหึ”บุษบาหันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดกลัวตะวันกำลังจะตกดินทุกอย่างกำลังจะปกคลุมไปด้วยความมืด เธอมันโง่เองที่หลงเชื่อรินลดา บุษบาน้ำตาตกไหลรินอาบลงแก้ม ร้องให้สะอื้นอยู่เพียงลำพัง ทั้งกลัวและเสียใจ และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร มองไปทางไหนก็เป็นทุ่งทานตะวันและป่า สิ่งเดียวที่บุษบานึกถึงคือโทรศัพท์เธอล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์แต่นึกขึ้นได้ว่าเธอวางมันไว้ในรถก็ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย เป็นความโชคร้ายที่หลงไว้ใจผู้หญิงคิดไม่ซื่ออย่างรินลดาแล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป ทางเดินจากตรงนี้ไปถนนใหญ่อีกยาวไกล ฟ้าก็คืบคลานความมืดมาทุกที บุษบาเข่าอ่อนทรุดลงก่อนจะเอามือปิดหน้าร้องให้ หรือเธอจะต้องนอนตายอยู่ที่นี่
“ฮือ ทำไมพิมพ์ถึงใจร้ายขนาดนี้ พิมพ์คนที่บุษเคยรู้จักทำไมเป็นคนแบบนี้”ทั่วทั้งทุ่งหญ้ารัตติกาลคืบคลาน สุดท้ายสวรรค์เข้าข้างบุษบาได้ยินเสียงรถจากทางด้านหลัง คิดไปต่างๆนาๆว่ารินลดากลับมารับเธอ แต่ไม่ใช่เลย เมื่อหันกลับไปเป็นรถกระบะคันเก่าบรรทุกของ บุษบายืนขาสั่นด้วยความกลัวและร้องให้สะอื้นยิ่งกว่าเดิมความกลัวมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยเท่า
“บุษบานะบุษบา เธอหายไปไหนของเธอ”เดือนหยาดเดินไปเดินมาสายตามองนาฬิกาอยู่ตลอด ไม่มีแม้แต่เสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาซักถามรินลดาก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นแถมยังทำตัวร่าเริงผิดปกติ หรือการหายตัวไปของบุษบาคือรินลดาที่เป็นตัวต้นเหตุ เดือนหยาดยิ่งคิดยิ่งกลุ้มใจจะต้องไปถามรินลดาให้รู้เรื่อง พอดีกับที่รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน และเป็นบุษบาที่ก้าวลงจากรถ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ถ้าหากบุษบาเป็นอะไรไปเธอจะบอกกลับกลอยแก้วว่ายังไง
“ให้ตายเถอะ นี่มันเที่ยงคืนแล้ว หายไปไหนมา ทำไมไม่ยอมโทรมาบอกกันบ้าง ฉันเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว”บุษบารีบปาดน้ำตา เธอเหนื่อยและอ่อนล้าหลังจากนั่งร้องให้มาตลอดทาง โชคยังดีที่เจอคนใจดีมาส่งขึ้นครึ่งทางพอให้เธอได้หาทางกลับบ้านถูก
“ขอโทษนะคะ คุณป้า ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”บุษบายกมือไหว้ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยห้ามมันไม่อยู่
“เป็นเพราะยัยพิมใช่ไหม”
“ใช่คะ แต่คุณนายอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปนะค่ะ บุษขอจัดการเอง”บุษบารีบเดินเข้าบ้านไปหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้
“อ๊า...พิมพ์ขา ได้โปรด....อ๊า”สองร่างนัวเนียอยู่บนเตียงนุ่มสีขาวสะอาดตา สาวน้อยเริ่มจะทนไม่ไหวกับการปรนเปรอที่รินลดามอบให้
“พิมพ์ขา ไม่ไหวแล้ว หนูนาไม่ไหวแล้ว”รินลดามอบบทรักให้สาวน้อยชนิดไม่หยุดยั้ง รินลดาก้มลงจูบใช้ลิ้นชอนไชหาความหวานจากริมฝีปากนิ่ม ไล่วนไปมาอย่างต่อเนื่อง
“เฮ้ย เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”ร่างเปลือยเปล่ารีบผละออกจากกันและดึงผ้าขึ้นมาคลุมหน้าตาซีดเผือด
“คุณหนูทำแบบนี้ทำไม คุณหนูทิ้งแก้วไว้ที่นั่น หากแก้วโดนทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง”บุษบาตวาดใส่รินลดาพลางตวัดสายตาไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อฝ่ายที่ถูกมองอยู่นั้นรู้ตัวรีบใส่เสื้อผ้าลวกๆ และวิ่งหนีออกไป
“ใคร ใครมันจะทำร้ายเธอ เขาเห็นหน้าเธอ เขาก็คิดว่าเป็นผี”
“แค่แก้วหน้าตาขี้เร่แต่คุณหนูทำเหมือนแก้วเป็นโจรผู้ร้าย มันยุติธรรมแล้วเหรอค่ะ”
“เธอมันมารขวางความสุขฉัน ถ้าไม่มีเธอฉันก็ทำอะไรได้สะดวกขึ้น”รินลดาจาบจ้วงด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นดวงตานั้นไม่แยแสแม้แต่นิดเดียว
“ที่แท้ก็อยากจะกำจัดแก้วออกไปเพราะแก้วเป็นตัวขัดความสุขนี่เอง ต่อไปนี้ คุณหนูจะไม่มีโอกาสได้อยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนไหนอีก จำเอาไว้”เสียงบุษบาพูดออกมาเยือกเย็นขณะที่ยังจับจ้องหน้ารินลดานิ่ง
“เธอคิดจะประกาศสงครามกับฉันเหรอ ยัยแก้วหน้าม้า”รินลดาตะคอกลั่นจนได้ยินกันทั่วบ้าน
“ใช่คะ ให้มันรู้ไปว่าแก้วเปลี่ยนคุณหนูให้เป็นผู้หญิงแท้ๆ ไม่ได้”บุษบาเค้นเสียงรอดไรฟัน
“เธอไม่มีวันเปลี่ยนสิ่งที่ฉันเป็นได้หรอก”
“ในสมองของคุณหนูมันก็มีแต่ตัณหา ราคะ วันๆ คิดได้แค่เรื่องแบบนี้”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ฉัน ฉันจะเป็นยังไง มันก็สิทธิส่วนตัวของฉัน”
“ถ้าสิทธิส่วนตัวแล้วทำให้คุณหนูมีนิสัยแบบนี้ แก้วคงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วละคะ”บุษบาบีบแขนแรงมากจนกระดูกแทบหักและคนถูกบีบดิ้นขลุกขลักพยายามสลัดแขนตัวเองออกจากนิ้วเหล็กที่บีบแน่นมากขึ้นทุกขณะ
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ”รินลดาพูดพร้อมแกะมือบุษบาออกแต่แน่นอนแรงบีบยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อรู้ว่าเธอพยายามแกะมันออกหน้าสวยเหยเกจากแรงบีบ
“อ้อนวอน ขอร้องก่อนซิค่ะ แล้วแก้วจะปล่อย”บุษบาหัวเราะในลำคอตวัดร่างรินลดามาไว้ในอ้อมกอดรัดแน่นจนรินลดาหายใจติดขัด
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ทำไมฉันต้องอ้อนวอนเธอด้วย เธอคิดว่าเธอเป็นใคร วิเศษวิโสมาจากไหน เธอมันก็แค่ขยะหน้ารังเกียจ โสโครก โสมม”ดวงตาดุร้ายมองคนตรงหน้าด้วยสายตาชิงชัง
“แต่สิ่งที่คุณหนูทำมันสกปรกโสมมกว่าแก้วหลายเท่า”บุษบาพูดเพียงเท่านั้นเอียงหน้าซุกจมูกลงแก้มเนียนทั้งกดทั้งจูบลากต่ำลงมาถึงลำคอ
เพี๊ยะ!!!! ใบหน้าบุษบาหันไปตามแรงตบที่บัดนี้มันเป็นรอยแดงมือเล็กยกขึ้นกอบกุมใบหน้า ก่อนจะตวัดสายตากร้าว ร่างบางของรินลดาถูกผลักลงบนเตียงนุ่มอย่างรุนแรงจนทำให้เธอสะดุ้งตกใจราวกับกำลังอยู่บนเตาไฟรอที่ร้อนระอุ ร่างบุษบาก้าวยาวขึ้นมาบนเตียง และคร่อมร่างของเธอไว้
“รู้ไหมผลตอบแทนของรอยตบ เป็นอะไร”รินลดาส่ายหัวไปมาเร็วๆมือสองข้างถูกจับกดไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ดันใบหน้าน่ารังเกียจไปซุกที่คอของเธอรุนแรงรินลดาร้องให้ตัวสั่นตามแรงสะอื้นพยายามผลักดันร่างที่เธอแสนเกลียดชังออกแต่เรี่ยวแรงทำไมมันหายไปหมดมือที่เหลืออีกข้างลุกล้ำอยู่บนเรือนร่างเธอ ร่างกายสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เธอจะมาเสียตัวให้ผู้หญิงหน้าตาสกปรกแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด รินลดาฮึดขึ้นสู้ดิ้นขลุกขลักชุดนอนของเธอกำลังถูกปลดกระดุมทีละเม็ด ซอกคอเธอกำลังถูกแตะต้อง
“กรี๊ดดดด ปล่อยฉันนะ ปล่อย ฮือ ฮือ ปล่อยซิ ไอ้คนเลว ปล่อยฉันนะ”รินลดาร้องแผดสุดเสียงจนกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดและถูกดึงออกไปจนเหลือแค่เพียงเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า
“อยากให้ปล่อยไหม”รินลดาพยักหน้าทั้งน้ำตาหน้าอกอวบอูมถูกบดขยี้และปากของบุษบากำลังขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางเข้าไปทุกที
“ปล่อยฉันเถอะ ขอร้องละ ให้ทำอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น”ร่างบางอ้อนวอนขอความเมตตา แก้มที่เปียกชื้นด้วยคราบน้ำตาถูกฟันเหยินเก็บกินไปจนหมด
“ยอมอ้อนวอนแล้ว เข้าใจแล้วซินะ ว่าความกลัวเป็นยังไง ตอนที่แก้วถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวที่นั่น แก้วก็มีความรู้สึกเหมือนกับคุณหนูตอนนี้”บุษบาพูดด้วยแววตาเต็มไปด้วยเชื้อเพลิงและพาตัวเองออกจากตัวรินลดาถอยลงจากเตียงยืนมองรินลดาที่กำลังร้องให้จนตัวสั่น อยู่บนเตียงกว้างด้วยความกลัว กระทั่งสาวใช้เดินออกไปเธอรีบก้าวลงจากเตียงวิ่งมาล็อคประตู
บุษบาเดินเข้ามาในห้องอาการเซื่องซึม ยืนนิ่งอยู่นานน้ำตาไหลลงอย่างไม่ขาดสาย ไม่อยากจะเชื่อว่ารินลดาจะเป็นคนใจร้ายใจดำถึงเพียงนี้ เด็กน้อยคนนั้นที่เคยรู้จักไม่เหลืออีกแล้ว เหลือแค่คนที่ทำตัวก้าวร้าวเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล เธอยังคงเสียใจมากแม้จะไม่ได้มาในฐานะเพื่อนสนิทในวัยเด็ก แต่คนก็มีค่าไม่ใช่เพียงแค่พอใจพาไปทิ้งก็ทิ้ง ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ยิ่งอยากร้องให้ แต่เธอจะทำให้ตัวเองอ่อนแอไม่ได้ เธอยังไม่ได้ดัดนิสัยก้าวร้าวของรินลดา พรุ่งนี้เธอจะต้องเดินหน้าต่อไป ทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ
รุ่งเช้าวันต่อมา…
“ตื่นแล้วเหรอค่ะ คุณหนูขา”เสียงออดอ้อนยียวนปลุกคนงัวเงียให้ตื่นและพบกับหน้าอกกลมกลึงอยู่บนหน้ารินลดาหอบหายใจแรงพยายามดันร่างน่ารังเกียจของสาวใช้แต่เหมือนว่ายิ่งหนักขึ้น หนักขึ้น หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นเหมือนลูกโป่ง จนเธอหายใจไม่ออกแทบจะขาดใจ
“ไม่นะ ออกไปไปเดี๋ยวนี้ ออกไป๊”รินลดาสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อแตกพลั่กโซมกาย
“เฮ้ย อย่าเข้ามานะ.....เข้ามาฉันจะต่อยหน้าเธอจริงๆ ด้วย”หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าเป็นเพียงความฝันรินลดาถึงกับดีใจจนเนื้อเต้น แต่แล้วฝันร้ายของเธอก็ปรากฏอยู่กับหน้าเธอถอยไปติดหัวเตียงกำหมัดสองข้างขึ้น
“ฮา ฮา นี่กลัวแก้วขนาดนี้เลยเหรอค่ะ ที่รักขา หรือว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน”รินลดาขนลุกซู่ เกลียดนักใบหน้าอันเย้ยหยันของยัยหน้าปลวก
“หุบปากนะ อย่ามาเรียกฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”รินลดาร้องเสียงดังลั่น
“ที่รักขา ที่รักขา”บุษบาเดินเข้ามาหาใกล้รินลดาเข้าไปทุกที รินลดากำมือแน่นตัวเกร็งไปหมด
“อย่าเข้ามา ออกไป ออกไปซิ”รินลดาหยิบหมอนได้ก็ขวางปาเข้าหน้าบุษบา
“สงสัยจะกลัวแก้วจริงๆ ฮา ฮา ดีจังเลยนะค่ะ กลัวแบบนี้แก้วชอบ”
“เธอนะมันนางมารร้าย หลอนอยู่ในโลกความจริงไม่พอ ยังตามไปหลอนฉันในความฝันอีก”
“ดีใจจังที่คุณหนูคิดถึงบุษบาจนเก็บเอาไปฝัน รีบลงไปทานข้าวนะคะ แก้วจะรออยู่ข้างล่าง”บุษบากำลังจะก้าวเดินผ่านประตูไปแล้วหันมาทำเสียงมาและเต้นท่าม้ารินลดาปาหมอนใส่ในขณะที่ประตูเปิดลงพอดี
“อี๋ แหวะ ฝันเข้าไปได้ยังไง ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องอาบน้ำล้างซวย”รินลดาวิ่งเข้าห้องน้ำ
“ล้าง ล้าง ถู คราบสกปรก ล้างออกให้หมด คราบน่ารังเกียจ”รินลดาคว้าประปุกขัดผิวเทใส่ตัวจนหมดกระปุกนั่งแช่นั่งขัดอยู่ในห้องน้ำนานจนตัวจะซีด
หลังจากอาหารเช้ารินลดาวางแผนไว้ว่าจะพาสาวสวยไปช้อปปิ้งในวันหยุดสุดสัปดาห์แต่หลังจากที่ก้าวเข้ามานั่งในรถหัวใจแทบวาย
“จะไปไหนค่ะ คุณหนู ขอแก้วไปด้วยคนได้ไหมค่ะ”บุษบากำลังโผล่หน้าครึ่งหนึ่งออกมาจากจากด้านหลังเบาะนั่ง
“เฮ้ย....ยัยหน้าปลวก โผล่มาแบบนี้ฉันหัวใจวายไปเธอจะชดใช้ยังไง ลงจากรถฉันไปเดี๋ยวนี้เลย ลงไปซิ”รินลดาเบี่ยงตัวหลบผลักหน้าน่ารังเกียจออกแต่บุษบากดหน้าตัวเองเข้ามาใกล้มากขึ้น
“ขอไปด้วยนะค่ะ คุณหนูขา บุษก็อยากไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง”
“ถ้าเธออยากไปเที่ยวก็ไปเองซิ เรื่องอะไรจะตามฉันไปด้วยเล่า ยัยบ้า”รินลดาเสียงกร้าว ตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ
“แน่ใจเหรอค่ะ ว่าไม่ให้แก้วไปด้วย”บุษบายื่นหน้ามาใกล้อีกหนรินลดากุมขมับอยากจะจับบุษบายัดใส่ถังน้ำมันจัง
“ก็ได้ อยากไปใช่ไหม มานั่งข้างหน้าซิ ไปนั่งทำไมข้างหลัง”บุษบายิ้มเฉ่งแทนที่เธอจะเปิดประตูก้าวลงมานั่งข้างหน้าแต่กลับใช้กระเถิบตัวจากเบาะด้านหลังมาด้านหน้าจนก้นไปชนกับหน้ารินลดา
“ว้ายยยย ยัยหน้าปลวก หนอยแน๊ะ น่าโมโหนัก เธอจะเปิดประตูรถลงไปดีๆไม่ได้หรือไงห๊ะ”
“แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ค่ะ ไม่เปลืองแรง ไม่เสียเวลา ถ้าทำแบบนั้น ไหนจะต้องเปิดประตูก้าวลงไป ไหนจะต้องเปิดประตูก้าวขึ้นมา มันซับซ้อนแก้วไม่ชอบคะ”วันแห่งความสุขของรินลดาจบสิ้นลงเพราะบุษบาคนเดียวใจคอจะไม่ปล่อยให้เธอมีความสุขเลยหรือไง
“นั่งดีๆละ”รินลดาอมยิ้มคิดแผนร้าย ถึงเวลาที่ถูกแกล้งคืนบ้างแล้วยัยหน้าปลวก บุษบาหันมาสบตาคมกริบเสียงเหยียบคันเร่งเป็นการเตือนให้รีบคาดเข็มขัดตัวเอี้ยวเพิ่มความดังของเสียงเพลงเหยียดมุมปากยิ้มหยันคนนั่งข้างๆ รินลดาจดจ่อถนนเบื้องหน้าตั้งหน้าตั้งตาเหยียบคันเร่งจนรถทะยานพุ่งไปอย่างเร็ว เร็วจนมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง รถคันหรูปาดแซงซ้ายแซงขวาจนบุษบาปวดเศียรเวียนหัวกระตุกแขนเสื้อให้รินลดาลดความเร็วลงไม่อย่างนั้นเธอจะแย่ไปกว่านี้ รินลดาเหยียบจนมิดไมล์ครั้งสุดท้าย ก่อนจะผ่อนความเร็วลงและเบรกรถอย่างกะทันหัน เมื่อรถจอดลงบุษบาก้าวลงจากรถพร้อมกับอาเจียนจนหมดเรี่ยวแรงเวียนหัวโลกโคลงเคลง
“ฮา ฮา ฮา เป็นไงละ อยากจะไปต่อไหม ถ้าจะไปต่อก็ขึ้นมา”รินลดาชะโงกหน้ามาดูหัวเราะจนท้องแข็ง
“ไปต่อเลยค่ะ แก้วสู้ตาย”บุษบาเริ่มรู้สึกดีขึ้นจึงกลับมานั่งที่เบาะสมองมึนงงเหนื่อยล้าอ่อนแรง
“ห๋า นี่ยังไหวอยู่อีกเหรอ”บุษบาพยักหน้ายกนิ้วโป่งสองข้างขึ้น รินลดาส่ายหัวอ่อนใจกับความดื้อด้านของสาวใช้
“เธอนี่มันน้องสีจริงๆ ทนได้ทุกสถานการณ์”รินลดาส่ายหน้ากับความดื้อด้านของบุษบา พลางเคลื่อนรถไปตามถนนช้าๆเปิดเพลงเบาๆ
รินลดาเดินดูของหน้าห้างสรรพสินค้าเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาความเซ็ง บุษบาก็ไม่ยอมเหนื่อยหน่ายและปริปากบ่นสักคำขนาดเธอเองเดินไปเดินมายังเมื่อยเท้าอยากจะนั่งพัก แต่ต้องสะดุดกับสร้อยในตู้กระจกแต่ทำได้เพียงแค่ยืนมองล้วงกระเป๋าเงินออกมาดูทอดถอนใจเงินของเดือนนี้ได้ถูกใช้จนเกือบหมดแล้วขืนเอามาซื้อสร้อยคงจะหมดตัวแน่
“ชอบแต่เงินไม่พอที่จะซื้อ ว่างั้น”บุษบาเยาะเย้ยยักคิ้วทำหน้ายียวน
“หุบปากไปเลย”รินลดาตบหน้าผากบุษบาดังแป๊ะ ทำหน้าเรียบเฉยเก็บอาการไว้กลัวเสียฟอร์ม บุษบายังยืนมองจี้ลูกโลกสีทองสีสันดูแปลกตาราคาก็ไม่แพงมากนักแล้วก็รู้ว่ารินลดาคงอยากจะได้สังเกตจากสายตาที่มองเจ้าสร้อยเส้นนี้
“อ้าว พิมพ์ ฉันไปหาแกที่บ้านไม่เจอ ที่แท้แอบมาหนีเที่ยวไม่บอกเพื่อนนี่เอง”สายป่านเดินเข้าทักพลางหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มาก็ดีแล้ว ไปเที่ยวกับฉันหน่อย ยัยหน้าปลวก เธอกลับบ้านเองแล้วกันนะ”รินลดารีบเข้ามากระชากข้อมือสายป่าน
“อ้าว แกจะทิ้งเขาไว้แบบนั้นได้ไง หรือว่ายัยหน้าปลวกที่แกบอกคือเขา”สายป่านยังคงหันมองหลังกลับไปมองหญิงสาวหุ่นดีผิวขาวเนียนละเอียด คิวบางเรียว ดวงตาหวานช่ำชวนหลงใหลติดเพียงแค่มีใบหน้าที่ตลกเท่านั้น นอกจากนั้นดูสมบูรณ์แบบหมด
“ฉันไม่ได้จุดธูปเชิญให้มาด้วยสักหน่อย อยากจะตามฉันมาเอง”รินลดาบ่นงุบงิบหน้าง่ำงอปากกับจมูกจะชนกันอยู่แล้ว
“ฉันว่าเขาดูเพอร์เฟควะ นี่ถ้าไปดัดฟันสักนิด ขัดหน้าสักหน่อย เป็นนางเอกหนังได้เลยนะเว้ย”
“แน่ใจเหรอ ว่าที่แกใช้มองนะเป็นตา ดูยังไงว่ายัยนั่นเพอร์เฟค เหอะ หาข้อดีไม่ได้เลย ขี้เร่ หน้าตาน่าเกลียดสุดๆ”
“แกตาไม่ถึงต่างหากเล่า นี่ถ้าหน้าตาเขาไม่ดูน่าเกลียด สเปคแกเลยนะเว้ย”
“หุบปาก ถ้าแกยังไม่หุบปาก ฉันจะทิ้งแกไว้เหมือนยัยนั่นอีกคน”สายป่านรีบหุบปากทันทีที่สายตาพิฆาตกำลังมองมา
“นี่เธอยังไม่กลับบ้านไปอีกเหรอ ยัยหน้าปลวก”รินลดาหอบหิ้วของต่างๆ เดินกลับมาที่รถ มองสาวใช้ยืนพิงรถด้วยอารมณ์ครุกรุ่น
“ก็แก้วกลับไม่ถูกนี่ค่ะ”บุษบาพูดพลางทำแก้มป่อง
“เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากชีวิตฉันซะทีนะ”รินลดาเดินเข้ามานั่งฝั่งข้างคนขับและปิดประตูกระแทกรถแรงๆชักสีหน้าใส่สาวใช้
“แก้วจะอยู่กับคุณหนูไปจนวันตายค่ะ”บุษบากระแทกลงนั่งบนรถแล้วอมยิ้ม
“รอไปเถอะ ยัยหน้าปลวก”รินลดาเอื้อมมือไปเปิดเพลงจนเสียงดังสนั่นบุษบาต้องเอามือสองข้างปิดหูตัวเอง ทำอย่างกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่บนรถคันนี้
"เอ่อ คุณหนูค่ะ ช่วยเบาเสียงเพลงลงหน่อยได้ไหมค่ะ"บุษบาแผดเสียงบอกแข่งกับเสียงเพลงแต่เจ้ารินลดากลับวางท่าเฉยเมย เธอจึงเอื้อมไปเบาเสียงเพลงลง
"เธอเป็นแค่คนใช้ มิสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้"รินลดาตอบกระชากเสียง
"ก็ใช่ค่ะ เป็นคนใช้ ไม่มีสิทธิ์ แต่หูแก้วจะแตกอยู่แล้ว คุณหนูช่วยเบาเสียงเพลงลงบ้างไม่ได้เหรอค่ะ"บุษบาเถียงเสียงแข็ง ถึงแม้จะเป็นคนอารมณ์เย็นบางครั้งก็หลุดได้เหมือนกัน
"ฉันจะเปิด ฉันพอใจ"รินลดาเอื้อมมือไปทำท่าจะเปิดเพลงให้ดังขึ้นแต่ถูกบุษบากระชากข้อแขน
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้"รินลดาเพ่งตามองบุษบาเดือดดาล
"ไม่ปล่อยคะ"
"ถ้าเธอไม่ปล่อยเราสองคนได้ลงไปนอนเล่นข้างทางแน่"
"ก็ลองดูซิคะ”บุษบายื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มใสแล้วพึมพำเบาๆ รินลดาขนลุกเกรียวกระเถิบตัวจนชิดประตูรถ
"ถ้ากลัว ก็ขับรถไปดีๆ ไม่ต้องเปิดเพลง ตกลงไหมค่ะ"รินลดาสูดหายใจเข้าเก็บอารมณ์ ส่งสายตาดุดันไปมองบุษบาราวกับว่าเป็นเชื้อโรคอันน่ารังเกียจ
“กลับมาแล้วเหรอ มาซิ มาทานข้าว แม่เพิ่งให้ส้วมจัดเตรียมอาหารเสร็จเมื่อสักพักนี้เอง”บุษบายิ้มกริ่ม รินลดาดวงตาคมกริบฉายแววไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง แต่สักพักหนึ่งปากบางคลี่ยิ้ม ขยับปลายเท้าตัวเองเหยียบเข้าที่เท้าของบุษบา
“โอ๊ย!!”รินลดากดเหยียบเข้าที่เท้าจนสิ้นแรงและลากปลายเท้าออก
“ของโปรดของพิมพ์ทั้งนั้นเลย”น้ำเสียงสดใสทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปล้างมือล้างไม้ก่อนซิคะ คุณหนูขา”บุษบาทำท่าจะหยิบอาหารทานแต่ถูกมือของบุษบาตีที่หลังมือดังแป๊ะ!!
“มาตีมือฉันทำไม คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“เมื่อกี้นี้คุณหนูเหยียบเท้าแก้ว ถือว่าเป็นการเอาคืนแล้วกันนะ”บุษบากระซิบลงที่หูเล็ก
“แก้วเขาพูดถูกนะ ไปล้างไม้ล้างมือ แล้วค่อยมานั่งทาน”
“คุณแม่ก็ดีแต่เข้าข้างมัน”สายตาวาวโรจน์ที่มองมาหากเผาบุษบาให้มอดไหม้ได้คงจะทำไปแล้ว
“ก็ดี พาฉันไปล้างมือหน่อยซิ แก้วหน้าม้า”รอยยิ้มหวานคลี่บนปากเรียวสวย แต่อีกฝ่ายอารมณ์ลุกโชนเป็นไฟ
“ให้ฉันช่วยล้างให้ดีกว่านะ มือเธอสกปรกมากก”รินลดากระชากมือบุษบาถูแรงๆทิ้งรอยแดงช้ำที่หลังมือ
“คุณหนู เบาๆซิค่ะ แก้ว เจ็บนะค่ะ”บุษบาร้องครางรินลดาทำปากแสยะแพ้สะบัดมือคนที่เธอแสนรังเกียจออก
“ระวังให้ดีเถอะ ไม่วันใดวันหนึ่งฉันจะเฉดหัวเธอออกจากบ้าน”
“ตายจริง เริ่มจะกลัว ทำไงดีละ ทำไงดี”บุษบาทำตาเบิกกว้างแกล้งตกใจ รินลดากัดฟันกรอดจวักน้ำใส่หน้าบุษบา
“ฉันเกลียดเธอ”กัดฟันกรอดพูดเสียงรอดไรฟัน
“เคยได้ยินที่เขาพูดกันว่า ยิ่งเกลียดเธอ ยิ่งเจอรักไหมคะ”
“ไม่มีวันซะหรอก เกลียดคือเกลียดไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้"หน้าสวยเชิดขึ้นอย่างคนหยิ่งยโสสะบัดหน้าพรึดแล้วก้าวออกไป
“คิดยังไงค่ะ ถึงพาแก้วมาเที่ยวที่นี่”บุษบาพูดขณะแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีสดใส
“จะซักไซ้อะไรมากมาย พามาเที่ยวก็บุญหนักหนาแล้ว”รินลดาชำเลืองตามองแววตาครุ่นคิดแผนร้ายในใจ
“ฉันจะวาดรูปเราสองคน นอนอยู่กลางทุ่งทานตะวัน”รินลดาฉุกคิดพลางคว้ากระเป๋าหาดินสอและสมุดเล่มเล็กบรรจงวาดลงบนกระดาษแผ่นขาว บุษบาพลิกตัวนอนคว่ำชะโงกลงมามองดูศิลปินมือโปร
“ฮา ฮา คุณหนูขา นั่นวาดคนหรือขี้ก้างค่ะ ตั้งท่าซะดีเชียว เอามานี่ บุษจะวาดให้ดู”
“ฮืม ไม่เอาอะ ฉันจะวาดให้ ขี้ก้างแล้วมันไม่สวยตรงไหน”
“ไม่รู้ละ แก้ววาดสวยกว่าตั้งเยอะ”บุษบาลุกขึ้นนั่งตั้งหน้าตั้งตาวาดรูปรินลดามองดูใจจดใจจ่อแค่ลากเส้นไม่กี่เส้นก็กลายเป็นรูปวาดที่เป็นรูปเป็นร่างรินลดาจ้องมองตาปริบๆด้วยความตื่นเต้นและแปลกใจ
“เหอะ ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย”รินลดาขยับคิ้วบางเข้าหากันทำเป็นหน้าเชิด
“คุณหนูก็ ชมกันสักนิดก็ไม่ได้”บุษบาบ่นกระปอดกระแปด
เจ้านายและสาวใช้นอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองดูแมลงปอปีกใสบินล้อลม ฝูงนกน้อยใหญ่บินโฉบไปมา ท้องฟ้ายามถูกแต่งแต้มไปด้วยเมฆหมอกสีขาวอมฟ้า ไม่มีเสาไฟฟ้า ถนนคอนกรีต มลพิษและรถยนต์วิ่งไปมาให้รำคาญใจ สงบและน่านอนเป็นที่สุด รินลดาขยับตัวขยุกขยิก พาดแขนบนตัว ก่อนจะพาดขาลงมาทับซ้ำเสียงกรนเล็กๆ หลุดออกมาทำให้บุษบาหัวเราะเบาๆ ความสุขเล็กน้อยและแสนสั้นแต่มันก็มีค่ากว่ารวมเวลาหลายชั่วโมงไว้ด้วยกัน ภาพคนตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอความสุขอย่างบอกไม่ถูก เวลาหลับน่ารักน่าเอ็นดูไม่มีพิษสงแต่ยามตื่นน่าบีบจมูกนัก ดวงตาเพ่งพิศมองใบหน้าสวยจนไม่อยากละสายตา บุษบาระบายยิ้มอ่อน มือเรียวไล้ลูบจากหางคิ้วลงมายังจมูกโด่งสวยรับกับใบหน้า อยากให้นาฬิกาหยุดเวลาไว้ อยากอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้ตลอดไป....
ตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ที่บุษบาหลับไปแบบไม่รู้สึกตัว เธอลืมตาตื่นขึ้นมาขยี้ตาตัวเองให้มองสิ่งรอบข้างได้ชัด สิ่งแรกที่มองหาคือรินลดา แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า เธอหันไปเห็นโน๊ตบนแผ่นกระดาษที่ถูกหินทับ
“กลับบ้านเองนะ ยัยหน้าปลวก หึหึ”บุษบาหันซ้ายแลขวาด้วยความหวาดกลัวตะวันกำลังจะตกดินทุกอย่างกำลังจะปกคลุมไปด้วยความมืด เธอมันโง่เองที่หลงเชื่อรินลดา บุษบาน้ำตาตกไหลรินอาบลงแก้ม ร้องให้สะอื้นอยู่เพียงลำพัง ทั้งกลัวและเสียใจ และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าจะกลับบ้านได้อย่างไร มองไปทางไหนก็เป็นทุ่งทานตะวันและป่า สิ่งเดียวที่บุษบานึกถึงคือโทรศัพท์เธอล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์แต่นึกขึ้นได้ว่าเธอวางมันไว้ในรถก็ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย เป็นความโชคร้ายที่หลงไว้ใจผู้หญิงคิดไม่ซื่ออย่างรินลดาแล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป ทางเดินจากตรงนี้ไปถนนใหญ่อีกยาวไกล ฟ้าก็คืบคลานความมืดมาทุกที บุษบาเข่าอ่อนทรุดลงก่อนจะเอามือปิดหน้าร้องให้ หรือเธอจะต้องนอนตายอยู่ที่นี่
“ฮือ ทำไมพิมพ์ถึงใจร้ายขนาดนี้ พิมพ์คนที่บุษเคยรู้จักทำไมเป็นคนแบบนี้”ทั่วทั้งทุ่งหญ้ารัตติกาลคืบคลาน สุดท้ายสวรรค์เข้าข้างบุษบาได้ยินเสียงรถจากทางด้านหลัง คิดไปต่างๆนาๆว่ารินลดากลับมารับเธอ แต่ไม่ใช่เลย เมื่อหันกลับไปเป็นรถกระบะคันเก่าบรรทุกของ บุษบายืนขาสั่นด้วยความกลัวและร้องให้สะอื้นยิ่งกว่าเดิมความกลัวมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกลับเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยเท่า
“บุษบานะบุษบา เธอหายไปไหนของเธอ”เดือนหยาดเดินไปเดินมาสายตามองนาฬิกาอยู่ตลอด ไม่มีแม้แต่เสียงโทรศัพท์โทรเข้ามาซักถามรินลดาก็บอกว่าไม่รู้ไม่เห็นแถมยังทำตัวร่าเริงผิดปกติ หรือการหายตัวไปของบุษบาคือรินลดาที่เป็นตัวต้นเหตุ เดือนหยาดยิ่งคิดยิ่งกลุ้มใจจะต้องไปถามรินลดาให้รู้เรื่อง พอดีกับที่รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน และเป็นบุษบาที่ก้าวลงจากรถ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ถ้าหากบุษบาเป็นอะไรไปเธอจะบอกกลับกลอยแก้วว่ายังไง
“ให้ตายเถอะ นี่มันเที่ยงคืนแล้ว หายไปไหนมา ทำไมไม่ยอมโทรมาบอกกันบ้าง ฉันเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว”บุษบารีบปาดน้ำตา เธอเหนื่อยและอ่อนล้าหลังจากนั่งร้องให้มาตลอดทาง โชคยังดีที่เจอคนใจดีมาส่งขึ้นครึ่งทางพอให้เธอได้หาทางกลับบ้านถูก
“ขอโทษนะคะ คุณป้า ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”บุษบายกมือไหว้ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยห้ามมันไม่อยู่
“เป็นเพราะยัยพิมใช่ไหม”
“ใช่คะ แต่คุณนายอย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปนะค่ะ บุษขอจัดการเอง”บุษบารีบเดินเข้าบ้านไปหาตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้
“อ๊า...พิมพ์ขา ได้โปรด....อ๊า”สองร่างนัวเนียอยู่บนเตียงนุ่มสีขาวสะอาดตา สาวน้อยเริ่มจะทนไม่ไหวกับการปรนเปรอที่รินลดามอบให้
“พิมพ์ขา ไม่ไหวแล้ว หนูนาไม่ไหวแล้ว”รินลดามอบบทรักให้สาวน้อยชนิดไม่หยุดยั้ง รินลดาก้มลงจูบใช้ลิ้นชอนไชหาความหวานจากริมฝีปากนิ่ม ไล่วนไปมาอย่างต่อเนื่อง
“เฮ้ย เข้ามาทำไมไม่เคาะประตู”ร่างเปลือยเปล่ารีบผละออกจากกันและดึงผ้าขึ้นมาคลุมหน้าตาซีดเผือด
“คุณหนูทำแบบนี้ทำไม คุณหนูทิ้งแก้วไว้ที่นั่น หากแก้วโดนทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง”บุษบาตวาดใส่รินลดาพลางตวัดสายตาไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อฝ่ายที่ถูกมองอยู่นั้นรู้ตัวรีบใส่เสื้อผ้าลวกๆ และวิ่งหนีออกไป
“ใคร ใครมันจะทำร้ายเธอ เขาเห็นหน้าเธอ เขาก็คิดว่าเป็นผี”
“แค่แก้วหน้าตาขี้เร่แต่คุณหนูทำเหมือนแก้วเป็นโจรผู้ร้าย มันยุติธรรมแล้วเหรอค่ะ”
“เธอมันมารขวางความสุขฉัน ถ้าไม่มีเธอฉันก็ทำอะไรได้สะดวกขึ้น”รินลดาจาบจ้วงด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นดวงตานั้นไม่แยแสแม้แต่นิดเดียว
“ที่แท้ก็อยากจะกำจัดแก้วออกไปเพราะแก้วเป็นตัวขัดความสุขนี่เอง ต่อไปนี้ คุณหนูจะไม่มีโอกาสได้อยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนไหนอีก จำเอาไว้”เสียงบุษบาพูดออกมาเยือกเย็นขณะที่ยังจับจ้องหน้ารินลดานิ่ง
“เธอคิดจะประกาศสงครามกับฉันเหรอ ยัยแก้วหน้าม้า”รินลดาตะคอกลั่นจนได้ยินกันทั่วบ้าน
“ใช่คะ ให้มันรู้ไปว่าแก้วเปลี่ยนคุณหนูให้เป็นผู้หญิงแท้ๆ ไม่ได้”บุษบาเค้นเสียงรอดไรฟัน
“เธอไม่มีวันเปลี่ยนสิ่งที่ฉันเป็นได้หรอก”
“ในสมองของคุณหนูมันก็มีแต่ตัณหา ราคะ วันๆ คิดได้แค่เรื่องแบบนี้”
“เธอไม่มีสิทธิ์มาวิจารณ์ฉัน ฉันจะเป็นยังไง มันก็สิทธิส่วนตัวของฉัน”
“ถ้าสิทธิส่วนตัวแล้วทำให้คุณหนูมีนิสัยแบบนี้ แก้วคงต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวแล้วละคะ”บุษบาบีบแขนแรงมากจนกระดูกแทบหักและคนถูกบีบดิ้นขลุกขลักพยายามสลัดแขนตัวเองออกจากนิ้วเหล็กที่บีบแน่นมากขึ้นทุกขณะ
“ปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บ”รินลดาพูดพร้อมแกะมือบุษบาออกแต่แน่นอนแรงบีบยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อรู้ว่าเธอพยายามแกะมันออกหน้าสวยเหยเกจากแรงบีบ
“อ้อนวอน ขอร้องก่อนซิค่ะ แล้วแก้วจะปล่อย”บุษบาหัวเราะในลำคอตวัดร่างรินลดามาไว้ในอ้อมกอดรัดแน่นจนรินลดาหายใจติดขัด
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ ทำไมฉันต้องอ้อนวอนเธอด้วย เธอคิดว่าเธอเป็นใคร วิเศษวิโสมาจากไหน เธอมันก็แค่ขยะหน้ารังเกียจ โสโครก โสมม”ดวงตาดุร้ายมองคนตรงหน้าด้วยสายตาชิงชัง
“แต่สิ่งที่คุณหนูทำมันสกปรกโสมมกว่าแก้วหลายเท่า”บุษบาพูดเพียงเท่านั้นเอียงหน้าซุกจมูกลงแก้มเนียนทั้งกดทั้งจูบลากต่ำลงมาถึงลำคอ
เพี๊ยะ!!!! ใบหน้าบุษบาหันไปตามแรงตบที่บัดนี้มันเป็นรอยแดงมือเล็กยกขึ้นกอบกุมใบหน้า ก่อนจะตวัดสายตากร้าว ร่างบางของรินลดาถูกผลักลงบนเตียงนุ่มอย่างรุนแรงจนทำให้เธอสะดุ้งตกใจราวกับกำลังอยู่บนเตาไฟรอที่ร้อนระอุ ร่างบุษบาก้าวยาวขึ้นมาบนเตียง และคร่อมร่างของเธอไว้
“รู้ไหมผลตอบแทนของรอยตบ เป็นอะไร”รินลดาส่ายหัวไปมาเร็วๆมือสองข้างถูกจับกดไว้เหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว ดันใบหน้าน่ารังเกียจไปซุกที่คอของเธอรุนแรงรินลดาร้องให้ตัวสั่นตามแรงสะอื้นพยายามผลักดันร่างที่เธอแสนเกลียดชังออกแต่เรี่ยวแรงทำไมมันหายไปหมดมือที่เหลืออีกข้างลุกล้ำอยู่บนเรือนร่างเธอ ร่างกายสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว เธอจะมาเสียตัวให้ผู้หญิงหน้าตาสกปรกแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด รินลดาฮึดขึ้นสู้ดิ้นขลุกขลักชุดนอนของเธอกำลังถูกปลดกระดุมทีละเม็ด ซอกคอเธอกำลังถูกแตะต้อง
“กรี๊ดดดด ปล่อยฉันนะ ปล่อย ฮือ ฮือ ปล่อยซิ ไอ้คนเลว ปล่อยฉันนะ”รินลดาร้องแผดสุดเสียงจนกระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดและถูกดึงออกไปจนเหลือแค่เพียงเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า
“อยากให้ปล่อยไหม”รินลดาพยักหน้าทั้งน้ำตาหน้าอกอวบอูมถูกบดขยี้และปากของบุษบากำลังขยับเข้ามาใกล้ริมฝีปากบางเข้าไปทุกที
“ปล่อยฉันเถอะ ขอร้องละ ให้ทำอะไรฉันก็ยอมทั้งนั้น”ร่างบางอ้อนวอนขอความเมตตา แก้มที่เปียกชื้นด้วยคราบน้ำตาถูกฟันเหยินเก็บกินไปจนหมด
“ยอมอ้อนวอนแล้ว เข้าใจแล้วซินะ ว่าความกลัวเป็นยังไง ตอนที่แก้วถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวที่นั่น แก้วก็มีความรู้สึกเหมือนกับคุณหนูตอนนี้”บุษบาพูดด้วยแววตาเต็มไปด้วยเชื้อเพลิงและพาตัวเองออกจากตัวรินลดาถอยลงจากเตียงยืนมองรินลดาที่กำลังร้องให้จนตัวสั่น อยู่บนเตียงกว้างด้วยความกลัว กระทั่งสาวใช้เดินออกไปเธอรีบก้าวลงจากเตียงวิ่งมาล็อคประตู
บุษบาเดินเข้ามาในห้องอาการเซื่องซึม ยืนนิ่งอยู่นานน้ำตาไหลลงอย่างไม่ขาดสาย ไม่อยากจะเชื่อว่ารินลดาจะเป็นคนใจร้ายใจดำถึงเพียงนี้ เด็กน้อยคนนั้นที่เคยรู้จักไม่เหลืออีกแล้ว เหลือแค่คนที่ทำตัวก้าวร้าวเอาแต่ใจไม่มีเหตุผล เธอยังคงเสียใจมากแม้จะไม่ได้มาในฐานะเพื่อนสนิทในวัยเด็ก แต่คนก็มีค่าไม่ใช่เพียงแค่พอใจพาไปทิ้งก็ทิ้ง ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ยิ่งอยากร้องให้ แต่เธอจะทำให้ตัวเองอ่อนแอไม่ได้ เธอยังไม่ได้ดัดนิสัยก้าวร้าวของรินลดา พรุ่งนี้เธอจะต้องเดินหน้าต่อไป ทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ
รุ่งเช้าวันต่อมา…
“ตื่นแล้วเหรอค่ะ คุณหนูขา”เสียงออดอ้อนยียวนปลุกคนงัวเงียให้ตื่นและพบกับหน้าอกกลมกลึงอยู่บนหน้ารินลดาหอบหายใจแรงพยายามดันร่างน่ารังเกียจของสาวใช้แต่เหมือนว่ายิ่งหนักขึ้น หนักขึ้น หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นเหมือนลูกโป่ง จนเธอหายใจไม่ออกแทบจะขาดใจ
“ไม่นะ ออกไปไปเดี๋ยวนี้ ออกไป๊”รินลดาสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย เหงื่อแตกพลั่กโซมกาย
“เฮ้ย อย่าเข้ามานะ.....เข้ามาฉันจะต่อยหน้าเธอจริงๆ ด้วย”หลังจากที่ลืมตาตื่นขึ้นก็พบว่าเป็นเพียงความฝันรินลดาถึงกับดีใจจนเนื้อเต้น แต่แล้วฝันร้ายของเธอก็ปรากฏอยู่กับหน้าเธอถอยไปติดหัวเตียงกำหมัดสองข้างขึ้น
“ฮา ฮา นี่กลัวแก้วขนาดนี้เลยเหรอค่ะ ที่รักขา หรือว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อคืน”รินลดาขนลุกซู่ เกลียดนักใบหน้าอันเย้ยหยันของยัยหน้าปลวก
“หุบปากนะ อย่ามาเรียกฉันแบบนี้ ฉันไม่ชอบ”รินลดาร้องเสียงดังลั่น
“ที่รักขา ที่รักขา”บุษบาเดินเข้ามาหาใกล้รินลดาเข้าไปทุกที รินลดากำมือแน่นตัวเกร็งไปหมด
“อย่าเข้ามา ออกไป ออกไปซิ”รินลดาหยิบหมอนได้ก็ขวางปาเข้าหน้าบุษบา
“สงสัยจะกลัวแก้วจริงๆ ฮา ฮา ดีจังเลยนะค่ะ กลัวแบบนี้แก้วชอบ”
“เธอนะมันนางมารร้าย หลอนอยู่ในโลกความจริงไม่พอ ยังตามไปหลอนฉันในความฝันอีก”
“ดีใจจังที่คุณหนูคิดถึงบุษบาจนเก็บเอาไปฝัน รีบลงไปทานข้าวนะคะ แก้วจะรออยู่ข้างล่าง”บุษบากำลังจะก้าวเดินผ่านประตูไปแล้วหันมาทำเสียงมาและเต้นท่าม้ารินลดาปาหมอนใส่ในขณะที่ประตูเปิดลงพอดี
“อี๋ แหวะ ฝันเข้าไปได้ยังไง ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องอาบน้ำล้างซวย”รินลดาวิ่งเข้าห้องน้ำ
“ล้าง ล้าง ถู คราบสกปรก ล้างออกให้หมด คราบน่ารังเกียจ”รินลดาคว้าประปุกขัดผิวเทใส่ตัวจนหมดกระปุกนั่งแช่นั่งขัดอยู่ในห้องน้ำนานจนตัวจะซีด
หลังจากอาหารเช้ารินลดาวางแผนไว้ว่าจะพาสาวสวยไปช้อปปิ้งในวันหยุดสุดสัปดาห์แต่หลังจากที่ก้าวเข้ามานั่งในรถหัวใจแทบวาย
“จะไปไหนค่ะ คุณหนู ขอแก้วไปด้วยคนได้ไหมค่ะ”บุษบากำลังโผล่หน้าครึ่งหนึ่งออกมาจากจากด้านหลังเบาะนั่ง
“เฮ้ย....ยัยหน้าปลวก โผล่มาแบบนี้ฉันหัวใจวายไปเธอจะชดใช้ยังไง ลงจากรถฉันไปเดี๋ยวนี้เลย ลงไปซิ”รินลดาเบี่ยงตัวหลบผลักหน้าน่ารังเกียจออกแต่บุษบากดหน้าตัวเองเข้ามาใกล้มากขึ้น
“ขอไปด้วยนะค่ะ คุณหนูขา บุษก็อยากไปเที่ยวบ้างอะไรบ้าง”
“ถ้าเธออยากไปเที่ยวก็ไปเองซิ เรื่องอะไรจะตามฉันไปด้วยเล่า ยัยบ้า”รินลดาเสียงกร้าว ตัวสั่นระริกด้วยความโกรธ
“แน่ใจเหรอค่ะ ว่าไม่ให้แก้วไปด้วย”บุษบายื่นหน้ามาใกล้อีกหนรินลดากุมขมับอยากจะจับบุษบายัดใส่ถังน้ำมันจัง
“ก็ได้ อยากไปใช่ไหม มานั่งข้างหน้าซิ ไปนั่งทำไมข้างหลัง”บุษบายิ้มเฉ่งแทนที่เธอจะเปิดประตูก้าวลงมานั่งข้างหน้าแต่กลับใช้กระเถิบตัวจากเบาะด้านหลังมาด้านหน้าจนก้นไปชนกับหน้ารินลดา
“ว้ายยยย ยัยหน้าปลวก หนอยแน๊ะ น่าโมโหนัก เธอจะเปิดประตูรถลงไปดีๆไม่ได้หรือไงห๊ะ”
“แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ค่ะ ไม่เปลืองแรง ไม่เสียเวลา ถ้าทำแบบนั้น ไหนจะต้องเปิดประตูก้าวลงไป ไหนจะต้องเปิดประตูก้าวขึ้นมา มันซับซ้อนแก้วไม่ชอบคะ”วันแห่งความสุขของรินลดาจบสิ้นลงเพราะบุษบาคนเดียวใจคอจะไม่ปล่อยให้เธอมีความสุขเลยหรือไง
“นั่งดีๆละ”รินลดาอมยิ้มคิดแผนร้าย ถึงเวลาที่ถูกแกล้งคืนบ้างแล้วยัยหน้าปลวก บุษบาหันมาสบตาคมกริบเสียงเหยียบคันเร่งเป็นการเตือนให้รีบคาดเข็มขัดตัวเอี้ยวเพิ่มความดังของเสียงเพลงเหยียดมุมปากยิ้มหยันคนนั่งข้างๆ รินลดาจดจ่อถนนเบื้องหน้าตั้งหน้าตั้งตาเหยียบคันเร่งจนรถทะยานพุ่งไปอย่างเร็ว เร็วจนมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง รถคันหรูปาดแซงซ้ายแซงขวาจนบุษบาปวดเศียรเวียนหัวกระตุกแขนเสื้อให้รินลดาลดความเร็วลงไม่อย่างนั้นเธอจะแย่ไปกว่านี้ รินลดาเหยียบจนมิดไมล์ครั้งสุดท้าย ก่อนจะผ่อนความเร็วลงและเบรกรถอย่างกะทันหัน เมื่อรถจอดลงบุษบาก้าวลงจากรถพร้อมกับอาเจียนจนหมดเรี่ยวแรงเวียนหัวโลกโคลงเคลง
“ฮา ฮา ฮา เป็นไงละ อยากจะไปต่อไหม ถ้าจะไปต่อก็ขึ้นมา”รินลดาชะโงกหน้ามาดูหัวเราะจนท้องแข็ง
“ไปต่อเลยค่ะ แก้วสู้ตาย”บุษบาเริ่มรู้สึกดีขึ้นจึงกลับมานั่งที่เบาะสมองมึนงงเหนื่อยล้าอ่อนแรง
“ห๋า นี่ยังไหวอยู่อีกเหรอ”บุษบาพยักหน้ายกนิ้วโป่งสองข้างขึ้น รินลดาส่ายหัวอ่อนใจกับความดื้อด้านของสาวใช้
“เธอนี่มันน้องสีจริงๆ ทนได้ทุกสถานการณ์”รินลดาส่ายหน้ากับความดื้อด้านของบุษบา พลางเคลื่อนรถไปตามถนนช้าๆเปิดเพลงเบาๆ
รินลดาเดินดูของหน้าห้างสรรพสินค้าเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาความเซ็ง บุษบาก็ไม่ยอมเหนื่อยหน่ายและปริปากบ่นสักคำขนาดเธอเองเดินไปเดินมายังเมื่อยเท้าอยากจะนั่งพัก แต่ต้องสะดุดกับสร้อยในตู้กระจกแต่ทำได้เพียงแค่ยืนมองล้วงกระเป๋าเงินออกมาดูทอดถอนใจเงินของเดือนนี้ได้ถูกใช้จนเกือบหมดแล้วขืนเอามาซื้อสร้อยคงจะหมดตัวแน่
“ชอบแต่เงินไม่พอที่จะซื้อ ว่างั้น”บุษบาเยาะเย้ยยักคิ้วทำหน้ายียวน
“หุบปากไปเลย”รินลดาตบหน้าผากบุษบาดังแป๊ะ ทำหน้าเรียบเฉยเก็บอาการไว้กลัวเสียฟอร์ม บุษบายังยืนมองจี้ลูกโลกสีทองสีสันดูแปลกตาราคาก็ไม่แพงมากนักแล้วก็รู้ว่ารินลดาคงอยากจะได้สังเกตจากสายตาที่มองเจ้าสร้อยเส้นนี้
“อ้าว พิมพ์ ฉันไปหาแกที่บ้านไม่เจอ ที่แท้แอบมาหนีเที่ยวไม่บอกเพื่อนนี่เอง”สายป่านเดินเข้าทักพลางหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“มาก็ดีแล้ว ไปเที่ยวกับฉันหน่อย ยัยหน้าปลวก เธอกลับบ้านเองแล้วกันนะ”รินลดารีบเข้ามากระชากข้อมือสายป่าน
“อ้าว แกจะทิ้งเขาไว้แบบนั้นได้ไง หรือว่ายัยหน้าปลวกที่แกบอกคือเขา”สายป่านยังคงหันมองหลังกลับไปมองหญิงสาวหุ่นดีผิวขาวเนียนละเอียด คิวบางเรียว ดวงตาหวานช่ำชวนหลงใหลติดเพียงแค่มีใบหน้าที่ตลกเท่านั้น นอกจากนั้นดูสมบูรณ์แบบหมด
“ฉันไม่ได้จุดธูปเชิญให้มาด้วยสักหน่อย อยากจะตามฉันมาเอง”รินลดาบ่นงุบงิบหน้าง่ำงอปากกับจมูกจะชนกันอยู่แล้ว
“ฉันว่าเขาดูเพอร์เฟควะ นี่ถ้าไปดัดฟันสักนิด ขัดหน้าสักหน่อย เป็นนางเอกหนังได้เลยนะเว้ย”
“แน่ใจเหรอ ว่าที่แกใช้มองนะเป็นตา ดูยังไงว่ายัยนั่นเพอร์เฟค เหอะ หาข้อดีไม่ได้เลย ขี้เร่ หน้าตาน่าเกลียดสุดๆ”
“แกตาไม่ถึงต่างหากเล่า นี่ถ้าหน้าตาเขาไม่ดูน่าเกลียด สเปคแกเลยนะเว้ย”
“หุบปาก ถ้าแกยังไม่หุบปาก ฉันจะทิ้งแกไว้เหมือนยัยนั่นอีกคน”สายป่านรีบหุบปากทันทีที่สายตาพิฆาตกำลังมองมา
“นี่เธอยังไม่กลับบ้านไปอีกเหรอ ยัยหน้าปลวก”รินลดาหอบหิ้วของต่างๆ เดินกลับมาที่รถ มองสาวใช้ยืนพิงรถด้วยอารมณ์ครุกรุ่น
“ก็แก้วกลับไม่ถูกนี่ค่ะ”บุษบาพูดพลางทำแก้มป่อง
“เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากชีวิตฉันซะทีนะ”รินลดาเดินเข้ามานั่งฝั่งข้างคนขับและปิดประตูกระแทกรถแรงๆชักสีหน้าใส่สาวใช้
“แก้วจะอยู่กับคุณหนูไปจนวันตายค่ะ”บุษบากระแทกลงนั่งบนรถแล้วอมยิ้ม
“รอไปเถอะ ยัยหน้าปลวก”รินลดาเอื้อมมือไปเปิดเพลงจนเสียงดังสนั่นบุษบาต้องเอามือสองข้างปิดหูตัวเอง ทำอย่างกับว่าเธอไม่มีตัวตนอยู่บนรถคันนี้
"เอ่อ คุณหนูค่ะ ช่วยเบาเสียงเพลงลงหน่อยได้ไหมค่ะ"บุษบาแผดเสียงบอกแข่งกับเสียงเพลงแต่เจ้ารินลดากลับวางท่าเฉยเมย เธอจึงเอื้อมไปเบาเสียงเพลงลง
"เธอเป็นแค่คนใช้ มิสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้"รินลดาตอบกระชากเสียง
"ก็ใช่ค่ะ เป็นคนใช้ ไม่มีสิทธิ์ แต่หูแก้วจะแตกอยู่แล้ว คุณหนูช่วยเบาเสียงเพลงลงบ้างไม่ได้เหรอค่ะ"บุษบาเถียงเสียงแข็ง ถึงแม้จะเป็นคนอารมณ์เย็นบางครั้งก็หลุดได้เหมือนกัน
"ฉันจะเปิด ฉันพอใจ"รินลดาเอื้อมมือไปทำท่าจะเปิดเพลงให้ดังขึ้นแต่ถูกบุษบากระชากข้อแขน
"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้"รินลดาเพ่งตามองบุษบาเดือดดาล
"ไม่ปล่อยคะ"
"ถ้าเธอไม่ปล่อยเราสองคนได้ลงไปนอนเล่นข้างทางแน่"
"ก็ลองดูซิคะ”บุษบายื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มใสแล้วพึมพำเบาๆ รินลดาขนลุกเกรียวกระเถิบตัวจนชิดประตูรถ
"ถ้ากลัว ก็ขับรถไปดีๆ ไม่ต้องเปิดเพลง ตกลงไหมค่ะ"รินลดาสูดหายใจเข้าเก็บอารมณ์ ส่งสายตาดุดันไปมองบุษบาราวกับว่าเป็นเชื้อโรคอันน่ารังเกียจ
“กลับมาแล้วเหรอ มาซิ มาทานข้าว แม่เพิ่งให้ส้วมจัดเตรียมอาหารเสร็จเมื่อสักพักนี้เอง”บุษบายิ้มกริ่ม รินลดาดวงตาคมกริบฉายแววไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง แต่สักพักหนึ่งปากบางคลี่ยิ้ม ขยับปลายเท้าตัวเองเหยียบเข้าที่เท้าของบุษบา
“โอ๊ย!!”รินลดากดเหยียบเข้าที่เท้าจนสิ้นแรงและลากปลายเท้าออก
“ของโปรดของพิมพ์ทั้งนั้นเลย”น้ำเสียงสดใสทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไปล้างมือล้างไม้ก่อนซิคะ คุณหนูขา”บุษบาทำท่าจะหยิบอาหารทานแต่ถูกมือของบุษบาตีที่หลังมือดังแป๊ะ!!
“มาตีมือฉันทำไม คิดว่าตัวเองเป็นใคร”
“เมื่อกี้นี้คุณหนูเหยียบเท้าแก้ว ถือว่าเป็นการเอาคืนแล้วกันนะ”บุษบากระซิบลงที่หูเล็ก
“แก้วเขาพูดถูกนะ ไปล้างไม้ล้างมือ แล้วค่อยมานั่งทาน”
“คุณแม่ก็ดีแต่เข้าข้างมัน”สายตาวาวโรจน์ที่มองมาหากเผาบุษบาให้มอดไหม้ได้คงจะทำไปแล้ว
“ก็ดี พาฉันไปล้างมือหน่อยซิ แก้วหน้าม้า”รอยยิ้มหวานคลี่บนปากเรียวสวย แต่อีกฝ่ายอารมณ์ลุกโชนเป็นไฟ
“ให้ฉันช่วยล้างให้ดีกว่านะ มือเธอสกปรกมากก”รินลดากระชากมือบุษบาถูแรงๆทิ้งรอยแดงช้ำที่หลังมือ
“คุณหนู เบาๆซิค่ะ แก้ว เจ็บนะค่ะ”บุษบาร้องครางรินลดาทำปากแสยะแพ้สะบัดมือคนที่เธอแสนรังเกียจออก
“ระวังให้ดีเถอะ ไม่วันใดวันหนึ่งฉันจะเฉดหัวเธอออกจากบ้าน”
“ตายจริง เริ่มจะกลัว ทำไงดีละ ทำไงดี”บุษบาทำตาเบิกกว้างแกล้งตกใจ รินลดากัดฟันกรอดจวักน้ำใส่หน้าบุษบา
“ฉันเกลียดเธอ”กัดฟันกรอดพูดเสียงรอดไรฟัน
“เคยได้ยินที่เขาพูดกันว่า ยิ่งเกลียดเธอ ยิ่งเจอรักไหมคะ”
“ไม่มีวันซะหรอก เกลียดคือเกลียดไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้"หน้าสวยเชิดขึ้นอย่างคนหยิ่งยโสสะบัดหน้าพรึดแล้วก้าวออกไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ