Vampire Bangkok แวมไพร์ แบงค็อก

8.3

เขียนโดย justin

วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.33 น.

  23 ตอน
  1 วิจารณ์
  29.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 13.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) เจ้านาง (1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
เมื่อข้าเรียกหาผู้สร้างข้า และไม่เคยได้ยินคำตอบ การนิทราอันยาวนาน จึงเป็นสิ่งที่ข้าทำ และเมื่อข้าได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้ สยามได้พลัดแผ่นดินใหม่ ข้าลุกขึ้นมาในรัชสมัยพระมหากษัตรีย์แห่งราชวงศ์จักรีปกครองดินแดนสยาม ในยุคแห่งการเลิกทาส และยุคแห่งการล่าอาณานิคมจากชาวตะวันตก


ข้าได้เดินทางขึ้นไปทางเหนือ เพื่อหลบหลีกเลี่ยงความว้าวุ่นของเมืองสยาม ข้าได้เดินทางเข้าสู่นครเชียงตุง นครที่ได้รับสมญานามว่า เมืองแห่ง 3 จอม 7 เชียง 9 หนอง 12 ประตู เป็นแว่นแคว้นที่เจริญรุ่งเรืองด้วยวัฒนธรรม อุดมไปด้วยป่าไม้ และ มีเจ้าฟ้าที่เข้มแข็งปกครอง


ในวันนั้น ข้าย่างกายเข้าไปดึงร่างมนุษย์มาดูดเลือดอย่างดูดดื่ม และทิ้งร่างมนุษย์ผู้โชคร้ายไว้แทบเท้า ไม่ว่าเพราะอาหารมื้อแรกหรือการหลับใหลนับทศวรรษ ข้าไม่แน่ใจ แต่ข้ารู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาก สติอันเฉียบแหลมนำข้าไปสู่ยุคสมัย สู่เครื่องมือชุบชีวิตข้าให้ฟื้นคืน ข้าเล่นอยู่ในบ้านใหม่ของที่ข้าไม่คุ้นเคย

ข้าปรากฏกายจากเงามืดเดินผ่านประตูเมืองป่าแดง แวบแรกในยามค่ำคืนนั้นข้าได้พบแม่หญิงนางหนึงต้องใจข้ายิ่งนัก นางนุ่งผ้าซิ่นไหมคำยาวกรอมเท้า แล้วคาดเข็มขัดทับ สวมเสื้อปิ๊ดจ่าทรงกระบอกพอดีตัว ติดกระดุม ทรงผมเกล้ามวยสูงไว้กลางศีรษะ ประดับด้วยเครื่องงามแตะต้องใจข้ายิ่งนัก


ข้าเคลื่อนตนเองเข้าไปหาแม่นางจนนางมองมาที่ข้า ข้าก้มหัวโค้งคำนับแม่หญิงงามผู้นั้น นางยิ้มตอบกลับข้า หัวใจของข้าพองโตคล้ายจะสั่นเต้นเหมือนกับมนุษย์ที่มีชีวิต ข้าตั้งใจที่จะเผยตัวให้นางเห็น


“ท่านไม่ใช่ชาวเมืองนครเชียงตุงหรือ”

“มิได้ขอรับแม่นาง ข้ามิใช่ชาวเมืองนี้”

“แล้วท่านเดินทางมาจากที่ใดเล่า และจะไปที่ใด”

“แม่นางผู้เป็นหญิงงามกว่าหญิงใดที่ข้าเคยพานพบมา ข้าเดินทางมาจากดินแดนสยาม และหมายมั่นจะพักพิงที่นครเชียงตุงนี้ขอรับ”

นางเดินเข้ามาใกล้ๆ ข้า จนข้าได้กลิ่นกายของนาง ความงดงามของนางทำให้ตะลึงไปชั่วขณะจิต

“ยินดีต้อนรับนะ ชาวเมืองนครเชียงตุงเราอยู่กันอย่างสงบสุขและเป็นมิตรกับผู้คนเสมอ”

“ขอรับแม่นาง”

สายตาข้าดังต้องมนต์เสน่ห์ของนางจนไม่อาจละไปที่อื่นที่ใดได้

“แม่นางขอรับ หากมิเป็นการรังเกียจ ข้าผู้เป็นชาวต่างบ้านต่างเมือง จักขอทราบนามของแม่นางได้หรือไม่”

นางมองมาที่ข้าอย่างอ่อนโยน ความอ่อนโยนของนางแทบจะละลายข้าให้ลงไปกองตรงนั้น

“ข้าชื่อ ฟ้อนแก้ว”

ก่อนที่ข้าจะบอกกับแม่นางว่าข้าชื่อเสียงเรียงนามเช่นใด มีเสียงหญิงนางหนึงเรียกแม่หญิงงามของข้ามาจากทางด้านหลังของนาง

“จ้าวนางเจ้า จ้าวนางเจ้า”

นางหันไปมองหญิงรับใช้เจ้าของเสียงนั้น

“มีอันหยั่งคำสร้อย”

“จ้าวนางอู้กับผู้ใดอยู่เจ้า”

เมื่อสิ้นเสียงของคำสร้อย เจ้านางฟ้อนแก้วบิดตัวกลับมามองที่ข้า แต่ข้าไม่ได้อยู่ที่นั้นอีกแล้ว

“บ่อมีอันหยั่งคำสร้อย”

“เจ้า....จ้าวอุ่นคำเมืองฮื้อมาตามปิ๊กที่คุ้มเจ้า”

สายตาของคำสร้อยยังหันรีหันขวามองไปรอบๆ

“ปิ๊กคุ้มเถอะนะเจ้า นี่ก็ดึกดื่นค่ำคืนนักแล้ว จ้าวนางจะบ่สบายเอานะเจ้า”

“อืม”


แม่นางกับหญิงรับใช้เดินหายเข้าไปในคุ้มคำหลวง ขณะที่สายตาข้าไม่ได้ลดละจากนางเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาข้าเฝ้ามองนาง เฝ้าติดตามนาง ในมโนนึกแล้วข้าคิดถึงนางเสียยิ่งกว่าสิ่งใด



“สวัสดีแม่นาง ข้อขอโทษที่มาสาย”

“มิเป็นไรหรอกท่าน เอ้อ....”

“นามข้า อาทิต”

“เหตุใดท่านจึงจักลงหลักปักฐานที่นครเชียงตุงนี้”

“คราแรกข้าเพียงจะผ่านไปเท่านั้น แต่เมื่อข้าได้พบหญิงงามเช่นท่าน ทำให้ความคิดข้าเปลี่ยนไป”

“ผู้ชายเมืองใต้จากแดนสยาม ปากหวานเหมือนท่านทุกคนหรือเปล่า”

“ฮ่าๆๆ เปล่าหรอกจ้าวนาง”

ข้าก้าวเท้าอย่างกายเข้าไปจนเกือบประชิดนาง

"เจ้าตัวสั่น"

"ข้าหนาว"

ข้าถอดผ้ากำมะหยี่ที่คลุมกาย โอบคลุมไล่ของนางไว้ โอบรอบไหล่ที่กำลังสั่นเทา

"ยังหนาวอยู่เหรอ"

"ไม่แล้วละ"


ข้าเอามือช้อนคางของนางขึ้นมามอง ดวงตาของนางอ่อนหวานเย้ายวนเหลือคณา

“จ้าวนาง ท่านช่างงดงามยิ่งนัก งามกว่าหญิงใดที่ข้าเคยพานพบมา ดวงตาของท่านทำให้ข้าแทบสลายไปเสียทีเดียว”

“ท่านอาทิต ท่านทำเช่นไม่ได้นะ ข้าเป็นจ้าวนางของคุ้มคำหลวง การที่จะมีชายแตะต้องตัวข้าเป็นสิ่งต้องห้ามในนครนี้”

“ข้าขออภัย ใจของข้ามันเรียกร้อง มันเรียกร้องถึงท่านอยู่ตลอดเวลา”

“ข้าคุยกับท่านได้ไม่นานนักนะ เดี๋ยวคำสร้อยก็ออกมาตามอย่างเคย”

“จ้าวนางฟ้อนแก้ว ข้ารักแม่นาง หัวใจของข้า ข้ามอบให้กับแม่นางเพียงผู้เดียว”



หลังจากนั้นข้ากับจ้าวนางฟ้อนแก้วต่างก็พูดคุยกันอย่างออกรส หลายเรื่อง นางพูดคุยกับข้าความเป็นกันเอง จนแสงของจันทราเลื่อนคล้อยขึ้นสู่กลางนภาในยามค่ำคืน


ก่อนที่จ้าวนางฟ้อนแก้วจะเดินกลับลับตาหายไปในคุ้มคำหลวง นางหันมาและส่งยิ้มให้ข้า เหมือนประหนึงว่านางได้ตอบรักข้าแล้ว จากนั้นเราทั้งสองก็พบเจอกัน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี




.................................. * ......................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา