รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น
-
เขียนโดย ploythara
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.
13 ตอน
0 วิจารณ์
17.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ2
อาณาจักรลิ่วกั๋ว แคว้นหนานหลี่ เมืองหงเฟิ่ง
นี่เป็นเวลาเดือนเต็มแล้วที่ ‘หนอนบ่อนไส้’ ทั้งสามจากเป่ยมู่มาอาศัยอยู่ในเมืองหงเฟิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นหนานหลี่ สององค์หญิงกับหนึ่งแม่ทัพมิได้มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนอยู่ในบ้านเกิด พวกเขาถูกจับแยกกันไปคนละทิศทาง คนหนึ่งเป็นนางกำนัลประจำองค์หญิงสามแห่งหนานหลี่ คนหนึ่งเป็นสาวใช้จวนราชครู คนหนึ่งเป็นนายทหารชั้นผู้น้อย แต่ละวันพวกเขาต้องทนรับคำติเตียนนับไม่ถ้วนจากผู้มีตำแหน่ง
สูงกว่า
ตำหนักหงส์เริงรื่น วังหลวงหนานหลี่
“เสี่ยวเชียนข้าบอกกี่ครั้งแล้วหา! ว่าข้าไม่ชอบชาอู่หลงเจ้าไปชงชาหลงจิ่งมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” เสียงบริภาษขององค์หญิงมั่นเถียนดังขึ้นพร้อมกับถ้วยชาที่หล่นลงบนพื้น
“เพคะองค์หญิง” เสี่ยวเชียนรับคำ
“รัชทายาทเสด็จ” เสียงขันทีหน้าตำหนักดังขึ้น
“มั่นเถียนเจ้าเป็นอันใดอีกน้องพี่” รัชทายาทกล่าว
“เสี่ยวเชียนนางชงชาผิดอีกแล้วเพคะเสด็จพี่รัชทายาท” องค์หญิงมั่นเถียนกล่าว
“นางกำนัลผู้นั้นน่ะหรือ ข้าว่านางสมองช้าแถมยังเบาปัญญาอีก” รัชทายาทกล่าว
มู่เสี่ยวเชียนที่เดินไปชงชาหลงจิ่งเมื่อครู่กลับมาพอดีแลได้ยินสิ่งที่พวกเขาทั้งสองสนทนากันชัดเจนนางจึงกล่าวขึ้นว่า
“ข้ามิได้สมองช้าแลเบาปัญญาอย่างที่รัชทายาทกล่าวหา”
จวนราชครู
“หลันเอ๋อร์เจ้ามัวแต่ทำอันใดอยู่กัน นายท่านเรียกหานานแล้วยังไม่รีบไปอีก” ป้าซุนหัวหน้าแม่บ้านถาม
“ข้ากำลัง…………”นางยังตอบไม่ถึงประโยคเสียงเกรี้ยวกราดของนายท่านผู้นั้นก็ดังขึ้น
“หลันเอ๋อร์เจ้าทำอะไรกับห้องสมุดของข้า ทำไมรุงรังเช่นนี้ ข้าให้เจ้าเก็บกวาดมิได้ให้รื้อของ”
“ข้าก็เก็บกวาดอย่างไรเล่า ไม่เห็นหรือไรว่ามันสะอาดกว่าเดิมมากแล้ว” นางตอบ
“นี่! เรียกว่าเก็บกวาดหรือ เรียกว่ารักษาสภาพห้องให้เป็นแบบเดิมจะดีกว่ากระมัง เจ้าแอบหนีงานอีกใช่หรือไม่ เย็นนี้ไม่ต้องทานข้าว” นายท่านกล่าวบริภาษแลคาดโทษนางเหมือนเคย
ค่ายทหารชายแดนหนานหลี่
“อวิ๋นซานเจ้าทหารชั่วช้า นี่มันเวลาใดแล้วไยเจ้าไม่ไปซ้อมรบกับผู้อื่น” แม่ทัพเซี่ยกล่าวกับหมิงอวิ๋นซาน
“ท่านแม่ทัพ ขาของข้าเจ็บอยู่เดินไม่สะดวก ข้าได้แจ้งกับรองแม่ทัพแล้ว” หมิงอวิ๋นซานกล่าว
“นี่มิใช่ข้ออ้างที่ดีของเจ้าเลย รีบแต่งตัวแล้วไปเข้าฝึกซะวันนี้องค์รัชทายาทและองค์หญิงมั่นเถียนจะเสด็จมาดูด้วย” แม่ทัพเซี่ยกล่าวแล้วเดินออกนอกกระโจมของ
หมิงอวิ๋นซาน
“นางจะมาที่นี่อีกแล้วหรือ เป็นสตรีแท้ๆไยจึงชอบอยูในวงล้อมของบุรุษนักไม่รู้จักระวังตนเลย” เขากล่าว เสียงใสราวระฆังแก้วเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเขา
“ข้าจะไปที่ใดก็เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้าไอ้ทหารชั้นต่ำ”
“ถึงข้าจะเป็นเพียงทหารชั้นต่ำแต่ก็ไม่ชอบสตรีที่ไม่รักนวลสงวนตัวเช่นเจ้า จำไว้ต่อให้ในอาณาจักรลิ่วกั๋วเหลือเจ้าเป็นสตรีนางสุดท้ายที่ยังไม่มีคู่ครอง ข้าก็จะไม่ชายตาแลเจ้าองค์หญิงมั่นเถียน” เขากล่าว
“ข้าเองก็เช่นกัน ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้าหมิงอวิ๋นซาน แม้เจ้าจะเป็นบุรุษที่เหลือเป็นคนสุดท้ายในอาณาจักรลิ่วกั๋ว” องค์หญิงมั่นเถียนกล่าวแล้วเดินปึงปังออกไปทันที
…......นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นจากการเป็นอริเท่านั้น…………
วันที่ 4 เดือน 6 ยามเฉิน
ทั้งสามนัดพบกันที่โรงเตี๊ยมมังกรขาวทางด้านตะวันออกของเมือง เมื่อมากันครบทุกคนแล้ว องค์หญิงห้าแห่งเป่ยมู่จึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาแสร้งเป็นสั่งอาหารเพื่อไม่ให้คนทีสะกดรอยตามนางมาสงสัย
“เสี่ยวเอ้อร์ขอชาหนึ่งกา ปีกไก่ทอดน้ำมันดอกกุ้ยฮวาหนึ่งจาน ซาลาเปาไส้ถั่วดำสองจาน”
“ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์รับคำแล้วจดรายการอาหาร
“ถวายพระพรองค์หญิงทั้งสอง” แม่ทัพหมิงอวิ๋นซานทูล
“มิต้องมากพิธี ด้านหลังมีคนสะกดรอยเรานั่งอยู่ ท่านสืบมาได้ความอันใดบ้าง” องค์หญิงแปดมู่เซียงหลันกล่าว
“พวกทหารบอกกระหม่อมว่าประตูเมืองด้านตะวันออกเปิดทุกสองชั่วยาม กระหม่อมคิดว่าเราควรกราบทูลฝ่าบาทให้กรีฑาทัพผ่านทางประตูเมืองด้านตะวันออกพะยะค่ะ” หมิงอวื๋นซานทูล
“ดี เช่นนั้นข้าจะเขียนสาส์นถึงเสด็จพี่ฮ่องเต้ให้เร่งกรีฑาทัพมาโดยเร็ว ข้าอยากกลับไปเป่ยมู่ยิ่งนัก” องค์หญิงห้ามู่เสี่ยวเชียนกล่าว
“อาหารที่สั่งได้แล้วขอรับคุณชาย คุณหนู” เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารมาส่งถึงโต๊ะ
พวกเขาทั้งสามนั่งทานอาหารอีกสักครู่แล้วแยกกันไปปฏิบัติภารกิจของแต่ละคน เมื่อกลับมาถึงเรือนนางกำนัลภายในตำหนักหงส์เริงรื่นเสี่ยวเชียนก็รีบเขียนสาส์นส่งกลับไปยังค่ายทหารทางตะวันตกซึ่งเป็นที่พักแรมของกองพลเป่ยมู่ บ่ายวันต่อมาพิราบส่งสาส์นก็บินไปถึงปลายทาง ทหารที่ยืนเวรอยู่นำสาส์นไปถวายแด่เทียนอวี้ฮ่องเต้โดยทันที
อาณาจักรลิ่วกั๋ว แคว้นหนานหลี่ เมืองหงเฟิ่ง
นี่เป็นเวลาเดือนเต็มแล้วที่ ‘หนอนบ่อนไส้’ ทั้งสามจากเป่ยมู่มาอาศัยอยู่ในเมืองหงเฟิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นหนานหลี่ สององค์หญิงกับหนึ่งแม่ทัพมิได้มีชีวิตที่สุขสบายเหมือนอยู่ในบ้านเกิด พวกเขาถูกจับแยกกันไปคนละทิศทาง คนหนึ่งเป็นนางกำนัลประจำองค์หญิงสามแห่งหนานหลี่ คนหนึ่งเป็นสาวใช้จวนราชครู คนหนึ่งเป็นนายทหารชั้นผู้น้อย แต่ละวันพวกเขาต้องทนรับคำติเตียนนับไม่ถ้วนจากผู้มีตำแหน่ง
สูงกว่า
ตำหนักหงส์เริงรื่น วังหลวงหนานหลี่
“เสี่ยวเชียนข้าบอกกี่ครั้งแล้วหา! ว่าข้าไม่ชอบชาอู่หลงเจ้าไปชงชาหลงจิ่งมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” เสียงบริภาษขององค์หญิงมั่นเถียนดังขึ้นพร้อมกับถ้วยชาที่หล่นลงบนพื้น
“เพคะองค์หญิง” เสี่ยวเชียนรับคำ
“รัชทายาทเสด็จ” เสียงขันทีหน้าตำหนักดังขึ้น
“มั่นเถียนเจ้าเป็นอันใดอีกน้องพี่” รัชทายาทกล่าว
“เสี่ยวเชียนนางชงชาผิดอีกแล้วเพคะเสด็จพี่รัชทายาท” องค์หญิงมั่นเถียนกล่าว
“นางกำนัลผู้นั้นน่ะหรือ ข้าว่านางสมองช้าแถมยังเบาปัญญาอีก” รัชทายาทกล่าว
มู่เสี่ยวเชียนที่เดินไปชงชาหลงจิ่งเมื่อครู่กลับมาพอดีแลได้ยินสิ่งที่พวกเขาทั้งสองสนทนากันชัดเจนนางจึงกล่าวขึ้นว่า
“ข้ามิได้สมองช้าแลเบาปัญญาอย่างที่รัชทายาทกล่าวหา”
จวนราชครู
“หลันเอ๋อร์เจ้ามัวแต่ทำอันใดอยู่กัน นายท่านเรียกหานานแล้วยังไม่รีบไปอีก” ป้าซุนหัวหน้าแม่บ้านถาม
“ข้ากำลัง…………”นางยังตอบไม่ถึงประโยคเสียงเกรี้ยวกราดของนายท่านผู้นั้นก็ดังขึ้น
“หลันเอ๋อร์เจ้าทำอะไรกับห้องสมุดของข้า ทำไมรุงรังเช่นนี้ ข้าให้เจ้าเก็บกวาดมิได้ให้รื้อของ”
“ข้าก็เก็บกวาดอย่างไรเล่า ไม่เห็นหรือไรว่ามันสะอาดกว่าเดิมมากแล้ว” นางตอบ
“นี่! เรียกว่าเก็บกวาดหรือ เรียกว่ารักษาสภาพห้องให้เป็นแบบเดิมจะดีกว่ากระมัง เจ้าแอบหนีงานอีกใช่หรือไม่ เย็นนี้ไม่ต้องทานข้าว” นายท่านกล่าวบริภาษแลคาดโทษนางเหมือนเคย
ค่ายทหารชายแดนหนานหลี่
“อวิ๋นซานเจ้าทหารชั่วช้า นี่มันเวลาใดแล้วไยเจ้าไม่ไปซ้อมรบกับผู้อื่น” แม่ทัพเซี่ยกล่าวกับหมิงอวิ๋นซาน
“ท่านแม่ทัพ ขาของข้าเจ็บอยู่เดินไม่สะดวก ข้าได้แจ้งกับรองแม่ทัพแล้ว” หมิงอวิ๋นซานกล่าว
“นี่มิใช่ข้ออ้างที่ดีของเจ้าเลย รีบแต่งตัวแล้วไปเข้าฝึกซะวันนี้องค์รัชทายาทและองค์หญิงมั่นเถียนจะเสด็จมาดูด้วย” แม่ทัพเซี่ยกล่าวแล้วเดินออกนอกกระโจมของ
หมิงอวิ๋นซาน
“นางจะมาที่นี่อีกแล้วหรือ เป็นสตรีแท้ๆไยจึงชอบอยูในวงล้อมของบุรุษนักไม่รู้จักระวังตนเลย” เขากล่าว เสียงใสราวระฆังแก้วเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเขา
“ข้าจะไปที่ใดก็เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับเจ้าไอ้ทหารชั้นต่ำ”
“ถึงข้าจะเป็นเพียงทหารชั้นต่ำแต่ก็ไม่ชอบสตรีที่ไม่รักนวลสงวนตัวเช่นเจ้า จำไว้ต่อให้ในอาณาจักรลิ่วกั๋วเหลือเจ้าเป็นสตรีนางสุดท้ายที่ยังไม่มีคู่ครอง ข้าก็จะไม่ชายตาแลเจ้าองค์หญิงมั่นเถียน” เขากล่าว
“ข้าเองก็เช่นกัน ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้าหมิงอวิ๋นซาน แม้เจ้าจะเป็นบุรุษที่เหลือเป็นคนสุดท้ายในอาณาจักรลิ่วกั๋ว” องค์หญิงมั่นเถียนกล่าวแล้วเดินปึงปังออกไปทันที
…......นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความรักที่เริ่มก่อตัวขึ้นจากการเป็นอริเท่านั้น…………
วันที่ 4 เดือน 6 ยามเฉิน
ทั้งสามนัดพบกันที่โรงเตี๊ยมมังกรขาวทางด้านตะวันออกของเมือง เมื่อมากันครบทุกคนแล้ว องค์หญิงห้าแห่งเป่ยมู่จึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาแสร้งเป็นสั่งอาหารเพื่อไม่ให้คนทีสะกดรอยตามนางมาสงสัย
“เสี่ยวเอ้อร์ขอชาหนึ่งกา ปีกไก่ทอดน้ำมันดอกกุ้ยฮวาหนึ่งจาน ซาลาเปาไส้ถั่วดำสองจาน”
“ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์รับคำแล้วจดรายการอาหาร
“ถวายพระพรองค์หญิงทั้งสอง” แม่ทัพหมิงอวิ๋นซานทูล
“มิต้องมากพิธี ด้านหลังมีคนสะกดรอยเรานั่งอยู่ ท่านสืบมาได้ความอันใดบ้าง” องค์หญิงแปดมู่เซียงหลันกล่าว
“พวกทหารบอกกระหม่อมว่าประตูเมืองด้านตะวันออกเปิดทุกสองชั่วยาม กระหม่อมคิดว่าเราควรกราบทูลฝ่าบาทให้กรีฑาทัพผ่านทางประตูเมืองด้านตะวันออกพะยะค่ะ” หมิงอวื๋นซานทูล
“ดี เช่นนั้นข้าจะเขียนสาส์นถึงเสด็จพี่ฮ่องเต้ให้เร่งกรีฑาทัพมาโดยเร็ว ข้าอยากกลับไปเป่ยมู่ยิ่งนัก” องค์หญิงห้ามู่เสี่ยวเชียนกล่าว
“อาหารที่สั่งได้แล้วขอรับคุณชาย คุณหนู” เสี่ยวเอ้อร์นำอาหารมาส่งถึงโต๊ะ
พวกเขาทั้งสามนั่งทานอาหารอีกสักครู่แล้วแยกกันไปปฏิบัติภารกิจของแต่ละคน เมื่อกลับมาถึงเรือนนางกำนัลภายในตำหนักหงส์เริงรื่นเสี่ยวเชียนก็รีบเขียนสาส์นส่งกลับไปยังค่ายทหารทางตะวันตกซึ่งเป็นที่พักแรมของกองพลเป่ยมู่ บ่ายวันต่อมาพิราบส่งสาส์นก็บินไปถึงปลายทาง ทหารที่ยืนเวรอยู่นำสาส์นไปถวายแด่เทียนอวี้ฮ่องเต้โดยทันที
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ