รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น
เขียนโดย ploythara
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) บทที่ 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1
หลังจากการสวรรคตของอดีตฮ่องเต้สองสัปดาห์รัชทายาทมู่ว่านหรงก็ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หรงใช้ศักราชเทียนอวี้เป็นศักราชประจำรัชกาล เหล่าพระญาติฝ่ายชายได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องปกครองเมืองต่างๆในแคว้นเป่ยมู่ทั้ง 15 เมือง และโปรดฯให้สร้างวังที่ประทับให้แก่ท่านอ๋องแต่ละองค์ด้วย
ตำหนักชิงหยวน จวนจินอ๋อง เมืองไผ่เขียว
มู่จินหยวนกำลังนั่งชมเหล่าสาวงามที่ผ่านการคัดเลือกเป็นชายาเอกของตนแสดงความสามารถพิเศษ พวกนางเหล่านี้ล้วนเป็นธิดาของคหบดีและผู้มีอำนาจทั้งในเป่ยมู่และแคว้นใกล้เคียง เขาผ่านการคัดเลือกพระชายามานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่กลับไร้ชายาเคียงข้างนั่นเพราะเขายังไม่พึงใจในสตรีนางใดเลย กงซุนเสวี่ยเหมยก็มารับการคัดเลือกในครั้งนี้ด้วยนี่เป็น ‘แผนพิชิตสามีในดวงใจ’ ขั้นแรกของนาง การแข่งขันดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายผู้ที่ผ่านการคัดเลือกมีเพียงสามนางสองในสามนางนี้จะได้ตำแหน่งชายาเอกและชายารองของจินอ๋อง ผู้ที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ กงซุนเสวี่ยเหมย ฟงเป่าเปา แล จูเก๋อเซี่ยงผิง พวกนางทั้งสามต้องทำอาหารให้จินอ๋องเสวย ซึ่งผู้ที่ตกรอบไปคือเว่ยเป่าเปา ถึงแม้นางจะตกรอบแต่ก็ยังได้รับตำแหน่งชายาลำดับที่สามไปครอง
ส่วนผู้ชนะคือจูเก๋อเซี่ยงผิงได้เป็นชายาเอก แม้นางจะได้เป็นแค่ชายารองแต่ก็จะไม่ยอมแพ้นางจะต้องเป็นสตรีหนึ่งเดียวในดวงใจเขาให้จงได้! การรับชายาพร้อมกันถึงสามนางของจินอ๋องผู้เย็นชาสร้างความแปลกใจไปทั่วแคว้นเป่ยมู่ ฮ่องเต้ทรงดีพระทัยเป็น
อย่างยิ่งที่พี่สามได้คู่ครองพร้อมกันถึงสามนางจึงทรงจัดงานฉลองสมรสให้จินอ๋องแลพระชายาทั้งสามอย่างสมเกียรติ
1 เดือนผ่านไป
ชายาเอกและชายาสามได้รัยความโปรดปรานจากจินอ๋องเป็นอย่างมาก พวกนางทั้งสอง นางหนึ่งเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นหนานฟง อีกนางเป็นธิดาคหบดีจูเก๋อแห่งเป่ยหลี่
รูปโฉมงดงามไม่แพ้กัน แต่นิสัยต่างกันรางฟ้ากับเหว จูเก๋อเซี่ยงผิงนั้นทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง ส่วนฟงเป่าเปาเรียบร้อยดังผ้าพับไว้ กิริยาอ่อนช้อยนุ่มนวล แต่มีความเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือนางทั้งสองต่างก็เป็นผู้ที่ร้ายลึก เก็บงำความชั่วร้ายไว้กับตัวโดยที่ผู้อื่นหาทราบไม่ ทุกผู้ในจวนจินอ๋องทราบดีว่ากงซุนเสวี่ยเหมยไม่เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องผู้เป็นสวามี หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขามาพักที่เรือน ‘หิมะโปรย’ กับนางนับครั้งได้ บ่าวและสาวใช้ไม่น้อยกลายเป็นพวกของชายาเอกแลชายาสาม
“เสวียเสวี่ยไปชงปี้หลัวชุนมาให้ข้ากานึงสิ” มู่จินหยวนที่นั่งอยู่กับพระชายาทั้งสามหันไปสั่งกงซุนเสวี่ยเหมยราวกับนางเป็นสาวใช้
“ข้าไม่ใช่สาวใช้นะ สาวใช้ก็ยืนอยู่ตั้งหลายนางไยท่านพี่ต้องมาสั่งข้า” กงซุนเสวี่ยเหมยกล่าวอย่างไม่พอใจ
“เจ้าเป็นถึงคุณหนูรองผู้เยี่ยมยุทธแห่งจวนเสนาบดีไยแค่ชงชาจึงทำไม่ได้ อีกอย่างเจ้าควรเรียกข้าว่าท่านอ๋องหาใช่ท่านพี่ข้ายังไม่ได้ร่วมหอกับเจ้า” มู่จินหยวนกล่าว
“เจ้าค่ะท่านอ๋อง เสวียเสวี่ยจะไปชงชาให้พวกท่านทั้งสาม” นางกล่าวพลางมองไปที่ผู้เป็นสวามี
“โอ๊ย! น้องฟงไยต้องขัดขาข้าด้วย” นางล้มลงที่หน้าศาลา ‘เมฆา’ แล้วมองไปยังฟงเป่าเปา
“ข้ามิได้ขัดขาเจ้า เจ้าเองต่างหากที่ซุ่มมาสะดุดขาข้าล้ม” ฟงเป่าเปากล่าว
“เจ้าขัดข้าชัดๆยังจะมาตำหนิข้าอีกท่านอ๋องก็เห็นใช่ไหมเพคะ” นางหันไปถามสวามีที่นั่งชมเหตุการณ์อยู่แต่กลับไม่มาช่วยพยุงนาง
“ข้าเห็นว่าเจ้าเดินมาสะดุดขาของเป่าเอ๋อร์เอง รีบไปให้พ้นหน้าข้าได้แล้ว ชาเชออะไรข้าไม่ดื่มแล้ว เซี่ยงผิง เป่าเอ๋อร์พวกเราไปไม่ต้องไปสนนาง” เขากล่าวกับชายาทั้งสอง
“เจ้าค่ะ/เจ้าค่ะ” ชายาทั้งสองรับคำแล้วรีบเดินออกจากศาลาโดยมีมู่จินหยวนโอบไว้ซ้ายขวา แม้เขาจะเห็นนางล้มอยู่แต่ก็หาได้สนใจไม่ น้ำตาหยดใสไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายด้วยความเสียใจ
“ท่านอ๋องสักวันข้าจะทำให้ท่านหันมาสนใจชายารองผู้นี้ให้ได้” นางกล่าวไล่หลังพระสวามีไม่คิดว่าจะมีผู้ได้ยิน ทว่ามีเสียงทุ้มเสียงหนึ่งตอบกลับมา
“อย่าเสียเวลาเลยเสวียเสวี่ยข้าไม่มีทางรักเจ้า ข้าแค่หาข้ออ้างเพื่อช่วยเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของหนันกงเลี่ยงเท่านั้น เจ้าลืมเรื่องนั้นไปเสียเถิดมันผ่านไปแล้ว”
ชายาเอกและชายาสามยิ้มพรายทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้จากปากของผู้เป็นสวามี พวกนางกำลังวางแผนกำจัดกงซุนเสวี่ยเหมยแลคู่แข่งที่เหลือเพื่อครองตำแหน่งชายาเอกคนเดียวของจินอ๋อง ชายาเอกผู้ทะเยอทะยานมิได้อยากร่วมมือกับชายาสามเท่าใดนักเพราะนางริษยาที่สวามีรักและเอาใจใส่ชายาสามมากกว่าตน นางจึงวางแผนกำจัดชายาสามอย่างลับๆเช่นกัน
ยามเซิน
ห้องเสวยในตำหนักจินอ๋องเต็มไปด้วยอาหารที่แม่ครัวประจำตำหนักทำถวายเหมือนเช่นทุกครั้งแต่ที่แตกต่างออกไปคือมีอาหารที่พระชายารองเป็นผู้ทำรวมอยู่ด้วยสามชนิด แม้พระชายารองผู้มีพรสวรรค์ด้านการทำอาหารมักขลุกอยู่ในเรือนต้นห้องเสมอจะไม่เป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องแต่นางกลับซื้อใจของบ่าว สาวใช้ แลแม่ครัวในเรือนต้นห้องได้ด้วยความใส่ใจแลอัธยาศัยไมตรีที่นางมอบให้พวกเขาจากใจจริง
“ท่านพี่ชิมจานนี้สิเพคะ” ชายาเอกกล่าว
“จานนี้รสชาติยิ่งนัก เยี่ยหลันใครเป็นผู้ทำไปพานางมาพบข้าด้วย” มู่จินหยวนกล่าว
“จินอ๋อง จานนี้คือ ‘สวรรค์บันดาลรัก’ พระชายารองเป็นผู้ทำเจ้าค่ะ” เยี่ยหลันทูลตอบ
“จานนี้เล่า”เขาชี้ไปยังอีกจานหนึ่ง
“จานนี้คือ ‘พยัคฆาวาจาสิทธิ์’ พระชายารองเป็นผู้ทำเช่นกันเจ้าค่ะ” เยี่ยนอินสาวใช้อีกนางหนึ่งกล่าว
“แล้วจานนี้เล่า” ชายาเอกและชายาสามถามพร้อมกัน
“พี่จูเก๋อ น้องฟง จานนี้คือ ‘อิทธิฤทธ์แปดเซียน’ ข้าเป็นผู้ทำเอง” กงซุนเสวี่ยเหมยตอบ
“ก็รสชาติธรรมดา ไม่เห็นรสชาติดีที่ตรงไหน” ชายาเอกแลชายาสามกล่าวพร้อมกัน
“เจ้าทำอาหารได้ดีแต่ถ้าเป็นการออกรบเจ้าจะกล้าไหม ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะร่วมรบกับข้าและกองทัพเป่ยมู่ได้ดีเหมือนทำอาหาร” เขากล่าว
“ข้าจะร่วมรบกับท่านอ๋องเพื่อพิสูจน์ว่าข้าสามารถรบได้ดีเหมือนทำอาหาร แลพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าจริงใจกับท่านมากเพียงใด” นางกล่าว
“ดี ถ้าเจ้าทำได้อย่างที่กล่าวข้าไม่เพียงจะชื่นชมเจ้า ยังจะยกย่องเจ้าให้ทัดเทียมพวกนางทั้งสองด้วย” เขากล่าว
วันที่ 2 เดือน 6 ยามเหม่า
เทียนอวี้ฮ่องเต้กรีฑาทัพออกจากวังหลวงเป่ยมู่ พระเชษฐาและพระอนุชาทั้งหลายตามเสด็จออกรบรวมทั้งจินอ๋องและพระชายารองของเขาซึ่งเป็นบุตรีของอัครมหาเสนาบดีกงซุนเหยียนหลี่ พระชายารองได้พบหน้าบิดา พี่สาวแลน้องสาวอีกครั้งหลังจากแต่งไปอยู่ที่วังจินอ๋องเป็นเวลาหนึ่งเดือน การพบหน้าครานี้ทำให้กองทัพมีแต่ความครึกครื้นรื่นเริงเพราะธิดาของท่านอัครมหาเสนาบดีไม่เพียงรูปโฉมงดงามเท่านั้นแต่ยังเชี่ยวชาญศิลปมากมายหลายแขนงอีกด้วย กงซุนเสวี่ยเหมยเป็นนักขี่ม้าและนักยิงธนูมือชมังมาตั้งแต่อายุเจ็ดปี สามารถอ่านโคลงกลอนของกวีทั้งหลายได้
ตั้งแต่อายุแปดปี เย็บปักถักร้อยอย่างประณีตงดงามตั้งแต่อายุเก้าปี เทียนอวี้ฮ่องเต้แลท่านอ๋องทั้งหลายต่างชมพระชายารองของจินอ๋องไม่ขาดปาก ขณะนั้นเองม้าเร็วที่องค์หญิงห้าแห่งเป่ยมู่ส่งมาก็นำสาส์นลับมาให้ในสาส์นมีใจความว่า
“กวงอวี้ฮ่องเต้แห่งหนานหลี่ไม่ให้เกีรยติคณะทูตจากเป่ยมู่เลย ซ้ำยังให้ข้าแลน้องแปดเป็นสาวใช้อีกด้วย ส่วนแม่ทัพหมิงถูกลดยศเป็นนายทหารชั้นผู้น้อย ข้าเคราะห์ดีอย่างยิ่งที่ยังได้ทำงานอยู่ในวังแต่น้องแปดถูกส่งไปอยู่ในจวนราชครูซี่งอยู่ทางตอนเหนือ ของแคว้น น้องแปดมีชีวิตที่ลำบากยากเข็ญนัก”
เสี่ยวเชียน
เมื่อเทียนอวี้ฮ่องเต้ได้อ่านสาส์นลับแล้วโทสะที่ระงับไว้มานานก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกเร่งกรีฑาทัพให้ถึงชายแดนหนานหลี่โดยเร็วแต่เส้นทางสายนี้ทุรกันดารมากจึงมีโจรป่าชุกชุมเสบียงไม่น้อยถูกพวกโจรป่าปล้นสดมภ์
เทียนอวี้ฮ่องเต้ทรงส่งสาส์นลับกลับไปให้พระขนิษฐาเพื่อไต่ถามความเป็นอยู่ของพวกเขาทั้งสาม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ