[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง
8.4
เขียนโดย หมาน้อยพิทักษ์ดวงดาว
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.
12 ตอน
1 วิจารณ์
18.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #05
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[5]
กระดาษแผ่นใหญ่สำหรับร่างแบบถูกม้วนไว้เป็นระเบียบบนโต๊ะกาแฟแล้วตั้งแต่เช้า ส่วนคนที่สร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นขึ้นมากำลังจิบกาแฟดำเข้มๆ อยู่ที่ระเบียง เหยียดร่างสูงน่ามองไปบนเก้าอี้พลาสติก หาวยาวครั้งหนึ่งเมื่อกาแฟในแก้วพร่องไปเกินครึ่ง
เรื่องราวความรักที่ก่อตัวขึ้นช้าๆ ของพี่ชายและหญิงสาวน่ารักคนนั้น ทำเอาคอลล์นอนไม่หลับ เธอพลิกตัวไปมาก็แล้ว นับแกะก็แล้ว นับแพะก็แล้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเธอสงบพอจะหลับตาลงได้ เธอรู้ตัวดีว่าเธอไม่คู่ควรกับเอวีน่าเท่าโจลันพี่ชายฝาแฝด เจ้าพี่คนนั้นถึงจะเสเพลแค่ไหน แต่เขาก็เป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนเก่ง หล่อ รวยอารมณ์ขัน ผิดกับตัวเธอที่วันๆ ก็ได้แต่พูดกวนโอ๊ยกับคนอื่นๆ ไปทั่ว ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจแต่เพราะเธอเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก มันจึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ
คอลล์ดื่มกาแฟอึกสุดท้ายแล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมาคลายเมื่อย ส่งยิ้มบางให้แสงสีส้มตรงขอบฟ้า ข้อดีอย่างเดียวของการนอนไม่หลับก็คืองานที่โดนสั่งให้ทำเสร็จสมบูรณ์จนได้... เมื่องานที่ต้องทำที่นี่จบลง บางทีเธอก็ควรไปจากที่นี่เสียที กลับไปในที่เดิมของเธอ ที่ที่ไม่มีเรื่องให้คิดมากจนข่มตาหลับไม่ลง
“กู้ดมอนิ่ง...” โจลันเปิดประตูเข้ามาแบบไม่เคาะ “..แกนี่ไม่จำเลยนะ บอกให้ล็อคประตูทุกครั้งที่เปิดปิดมัน” เขาบ่นพลางเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะกระต่ายคู่โปรด
คอลล์ใช้สายตาไม่พอใจส่งให้พี่ชาย “ถึงมันจะไม่ล็อค นายก็ควรจะเคาะประตูตามมารยาทหน่อยนะ”
“ก็ฉันรู้ไงว่าแกไม่ล็อค” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงใส ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นของที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกาแฟหน้าชุดโซฟา “อย่าบอกนะว่า...”
“เออ อย่างที่นายคิด ฉันทำเสร็จแล้ว ...แล้ว อย่าลืมจ่ายเงินส่วนที่นายค้างอยู่ด้วยล่ะ ฉันจะได้กลับฝรั่งเศส” คอลล์ล้างแก้วอยู่ที่อ่างล้างจาน ก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็นดึงเอาอาหารกล่องสำเร็จรูปยัดใส่ไมโครเวฟ
โจลันวางม้วนกระดาษไว้ที่เดิมแล้วเดินไปที่มุมครัว “เงินอะฉันจ่ายอยู่แล้ว...” เขาเท้าคางบนเคาน์เตอร์ “แต่ทำไมแกไม่กลับมาอยู่บ้านซะเลยล่ะ?”
คอลล์ดันร่างกายตัวเองขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ข้างไมโครเวฟ มองหน้าคนตรงหน้าอยู่อึดใจ “ถึงนายจะรั้งฉัน ฉันก็จะกลับอยู่ดี”
“ตอบไม่เคลียร์...”
แฝดน้องถอนหายใจ “ฉันอยากออกแบบชุดมากกว่า”
“นี่สมองแกเชือนแล้วรึไง บริษัทของเรารับออกแบบและผลิตเสื้อผ้าเป็นหลักนะเว้ย แล้วไองานฟรีครั้งนี้ก็แค่ลุงเบนของช่วยเท่านั้น” โจลันกอดอก พิจารณาท่าทางรุกรนน้อยๆ ของน้องสาวอย่างสงบ
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากอยู่ที่นี่เท่าไหร่...” พูดออกไปจนได้
“หืม? เพราะอะไร” โจลันเลิกคิ้วสูงแสดงความแปลกใจเต็มที่ “ทั้งที่แกก็ชอบทะเล ชอบนั่งรับลมเนี่ยนะ... ถ้าไม่ชอบที่นี่ฉันหาคอนโดใหม่ให้ก็ได้ หรือจะกลับไปอยู่บ้านก็ดี พ่อคงดีใจที่แกกลับมาอยู่บ้าน”
คอลล์หลบตาพี่ชายและมองกล่องข้าวในไมโครเวฟที่หมุนอยู่ช้าๆ “...จะลองคิดดูแล้วกัน”
โจลันยิ้มออก “ดี ถ้าได้แกมาช่วย ฉันจะได้สบายสักที” เขาหัวเราะถูกใจคำพูดตัวเองและไม่สนคิ้วย่นๆ ของคอลล์
คอลล์วางกล่องอาหารสำเร็จรูปไว้บนจานและชงกาแฟมาสองแก้ว เธอวางแก้วหนึ่งให้โจลันที่กำลังดูแบบร่างในม้วนกระดาษ
“เป็นไง” เจ้าของผลงานถามหวั่นๆ
โจลันเปิดดูจนครบ แล้วจึงม้วนทุกแผ่นไว้ด้วยกันอย่างถนอม “ไม่เสียแรงที่เรียกตัวแกกลับมา” เขายิ้มกว้างและดื่มกาแฟรวดเดียวหมด “ฉันเอาไปโชว์เอวีน่าดีกว่า” เขาลุกพรวดพลาด
คอลล์เดินตามพี่ชายมาที่หน้าประตู มองดูเขาเปลี่ยนรองเท้า “อย่าลืมค่าจ้างล่ะ”
โจลันกระแทกประตูตู้รองเท้าแล้วหันมาตบหัวน้องสาวเบาๆ “แกนี่งกเหมือนใครเนี่ย ทวงบ่อยๆ เดี๋ยวฉันทำลืมซะเลย”
“ถ้านายลืม ฉันก็จะเอาเจ้านี่ไปขาย..ดีมั้ย” คอลล์หมุนกุญแจคอนโดไปมา “ห้องนี้คงได้หลายล้านอยู่นะ”
“แกนี่มัน โค-รต งกเลยว่ะ น้องใครเนี่ย”
คอลล์ฉีกยิ้มเป็นคำตอบ “แล้วอย่าลืมโทรมาบอกด้วยล่ะว่าคุณเอวีน่าถูกใจงานรึเปล่า”
“ได้ๆ ไปนะ..ล็อคประตูด้วยล่ะ”
“คร้าบ...”
.....
โจลันจอดอัลฟ่าโรมิโอสีแดงแปร๊ดของเขาที่หน้าสำนักงานชั่วคราวใกล้ๆ ตึกที่กำลังก่อสร้าง หญิงสาวคนเดียวในสำนักงานเงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนก่อนจะยิ้มกว้างอย่างยินดี
“นี่ครับ” โจลันส่งกล่องทรงกระบอกให้เอวีน่าหลังจากที่ทั้งสองนั่งด้วยกันที่โต๊ะทำงานของฝ่ายหญิง
“เอ๋? เสร็จแล้วหรอค่ะ”
“ครับ ผมเร่งมือทำให้เป็นพิเศษเลย”
เอวีน่ายิ้มกว้างแทบหุบไม่ได้ และรับกล่องยาวนั้นไปเปิดดู เธอดูจะถูกใจกับผลงานในมือไม่น้อย เพราะบนใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม ซึ่งชวนให้คนตรงข้ามแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย
“สวยมากเลยค่ะ” เอวีน่าดูงานอีกรอบ “คุณพ่อต้องดีใจมากแน่เลย” เธอยังไม่หยุดชื่นชมลายเส้นนุ่มนวลแต่เฉียบขาดนั้น
โจลันพิงพนักเก้าอี้และมองหญิงสาวตรงหน้าที่ยังคงชื่นชมผลงานของคอลล์ ...ถ้าเอวีน่ารู้ว่าคนที่วาดงานสวยๆ พวกนี้ไม่ใช่เขา เธอจะยิ้มกว้างน่ามองแบบนี้ให้เขาอีกมั้ย
“คุณโจลันคะ? คิดอะไรอยู่หรอคะ”
“ปะ เปล่าครับ” โจลันผละจากภวังค์มาที่โต๊ะทำงาน
“คุณเก่งมากเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะเอางานไปให้คุณพ่อดู แล้วจะได้สั่งโรงงานให้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ตามแบบเลย” เอวีน่าเกี่ยวผมยาวไว้ที่หลังหูและจดบันทึกลงในสมุด
“ถ้าลุงเบนชอบ ผมก็ดีใจแล้วครับ”
เอวีน่ายิ้มหวาน “ถ้ายังไงฉันขอเลี้ยงมื้อค่ำตอบแทนที่คุณช่วยเร่งงานให้ฉันได้มั้ยคะ”
“ยินดีครับ อ้อ ผมขอเสนอบางอย่างได้มั้ยครับ”
“ค่ะ...”
“เราเปลี่ยนจากทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารเป็นจัดปาร์ตี้เล็กๆ ที่คอนโดของผมดีมั้ยครับ จะได้คุยเรื่องงานกันได้สะดวกๆ” โจลันพยายามเก็บอาการตื่นเต้นของตัวเอง
“ได้สิคะ งั้นฉันขอตัวเอางานไปให้คุณพ่อดูก่อนนะคะ”
“ครับ ตอนเย็นผมจะไปรับคุณที่บ้านนะครับ” โจลันลุกขึ้นและเดินตามหลังเจ้าของสำนักงานออกไปด้านนอก โบกมือให้เธอเมื่อเอวีน่าแยกไปที่รถของเธอ
เขารีบล้วงโทรศัพท์ออกมาทันทีที่เข้านั่งในรถ เลื่อนนิ้วไปที่เบอร์น้องฝาแฝดของเขาด้วยความเบิกบานใจ
“เอวีน่าชอบงานแกมาก” โจลันกรอกเสียงลงไปทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย
“อืม ก็ดี... งั้นฉันไปนอนก่อน..”
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นดิน้องรัก”
“เวลานายเรียกฉันแบบนั้น ฉันซวยทุกที...” คอลล์บอกเรียบและหาวให้โจลันฟัง
โจลันหัวเราะแห้งๆ ที่โดนรู้ทัน “เออ ก็นิดหน่อย คือว่าเย็นนี้ฉันกับเอวีน่าจะจัดปาร์ตี้แบบส่วนตั๊วส่วนตัวกัน...”
ไม่มีเสียงตอบสนองใดจากปลายสาย โจลันจึงพูดต่อ “...ที่คอนโด...”
“แล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน...” เสียงปลายสายแข็งกร้าวพร้อมหาเรื่องขึ้นทันที “จะให้ฉันแอบเหมือนหนูอยู่ในตู้เสื้อผ้ารึไง”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ถ้าจำเป็นแกก็ต้องทำเหละ” โจลันพูดติดตลกแต่ไม่ได้ทำให้บรรยากาศคลายตัวได้เลย “แกก็แค่ทำตัวเงียบๆ อยู่ในห้องนอน สักสองสามชั่วโมงเท่านั้น..”
“ทำไมไม่ไปร้านอาหาร”
“ก็ฉันอยากอยู่กับเอวีน่าสองต่อสองบ้าง ...ถ้าแกไม่อยากแอบอยู่ในห้อง แกก็ออกไปเที่ยวที่ไหนก็ได้สักพักเอามั้ยล่ะ”
“ไม่ล่ะ ฉันอยู่แกล้งนายที่ห้องดีกว่า”
“เฮ้ย หยุดความคิดบ้าๆ ไปเลยนะไอน้อง งานนี้พี่ขอ”
คอลล์ไม่ได้ตอบอะไร แต่โจลันรู้ดีว่าถึงแม้น้องของเขาจะปากเสียหรือขี้รำคาญขนาดไหนแต่คอลล์ไม่มีวันทำให้เขาต้องลำบากใจแน่ “ช่วยฉันหน่อยละกัน ฉันไม่มีที่อื่นแล้วด้วย”
เสียงถอนหายใจดังมาตามสาย “ได้ ฉันจะแอบอยู่ในห้องนอน ทำตัวเงียบๆ เหมือนไม่มีตัวตน”
“ขอบใจ... เอ่อ อีกเรื่อง ถ้าไงแกช่วยเตรียมอาหาร กับอะไรอื่นๆ ด้วยได้มั้ย”
“ได้คืบจะเอาศอกนะ... แล้วอะไรอื่นๆ ที่ว่านี่คืออะไร”
“ก็พวกดอกไม้ เทียน เพลง อะไรก็ได้ที่ทำให้เอวีน่าประทับใจ จัดเต็มไปเลย”
“ค่าใช้จ่ายรวมค่าแรงทั้งหมด หนึ่งล้านถ้วน ห้ามต่อ...”
“ไมแพงจัง ลดหน่อยนะจ้ะน้องรัก” โจลันทำเสียงอ้อน
“ถ้าอยากได้แบบจัดเต็ม คุณเอวีน่าประทับใจไม่มีวันลืม ก็ต้องราคานี้ล่ะ” คอลล์แอบขำอยู่อีกฟาก
โจลันลังเลแต่ก็ต้องยอมตกลง “งั้นผ่อนจ่ายสองงวดนะ” เสียงจ๋อยอย่างไม่ตั้งใจ
“โอเคๆ เห็นว่าเป็นพี่นะเนี่ย...บาย”
“ไอนี่มันงกจริงหรือแกล้งงกกันแน่ว่ะ?” โจลันได้แต่ถามตัวเอง และไม่แน่ใจกับคำตอบ
.....
รถเบนซ์สีดำสวยหรูคันนั้นเลี้ยวซ้ายผ่านซุ้มโค้งของทางเข้าบ้าน...เอ่อ คฤหาสน์ของเบนเจ้าของเครือโรงแรมที่กิจการรุ่งเรือง มันแล่นไปตามทางปูอิฐสีแดงเข้มจนถึงหน้าบันไดสามสี่ขั้นที่หน้าประตูคฤหาสน์ สาวรับใช้สี่คนยืนต้อนรับอยู่แล้วที่หน้าประตู หนึ่งในนั้นรีบกุลีกุจอมาเปิดประตูให้โจลันที่ไม่ลืมส่งยิ้มหวานไปให้ ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มสุดหล่อของเราจะเดินถึงขั้นบันไดดี เอวีน่าก็ปรากฏกายขึ้นที่ช่องประตู เธออยู่ในชุดราตรียาวสีนวลปักเลื่อมที่ไม่รุ่มร่าม เผยลำแขนกลมกลึงขาวเนียนพร้อมด้วยรองเท้าส้นสูงสองนิ้วเข้าชุด
โจลันก้าวขึ้นบันไดตั้งใจจะไปรับสาวสวยของเขา แต่พอเขายื่นแขนออกไปหวังให้เอวีน่าเกาะ เขาก็ต้องชะงักกึกเหมือนใครกดรีโมทปุ่มสต๊อป
“สวัสดีครับลุงเบน” โจลันเปลี่ยนทิศทางไปทักทายคนที่เดินตามเอวีน่ามา
“สวัสดีๆ” เขายิ้มปนหัวเราะ “ฉันได้ข่าวว่าเธอชวนเอวีน่าไปจัดปาร์ตี้ที่คอนโด ฉันก็เลยอยากร่วมด้วย ได้มั้ย”
“แน่นอนครับ” พูดไปแล้วรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่เขาจะได้อยู่กับเอวีน่าสองต่อสองอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่เป็นไร ยิ่งสนิทกับพ่อตาเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีต่อเขาเท่านั้น...
“ขอบใจๆ ฉันจะได้คุยกับเธอเรื่องงานครั้งนี้ให้มากขึ้น งานเธอถูกใจฉันมากนะ” เบนหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี
“ไปกันเลยมั้ยค่ะคุณพ่อ” เอวีน่าแทรกขึ้นอย่างสุภาพ
“ไปสิๆ พ่อหิวแล้วเหมือนกัน”
“เดี๋ยวค่ะ หนูไปด้วย” เสียงเล็กที่แสนจะระคายโสตประสาทนั่นดังขึ้นที่ข้างหลังชายสูงวัย โจลันเอียงตัวไปมองแล้วกุมขมับ
“อ้าว ไหนลูกบอกว่าต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบไง”
เซน่าเดินอย่างเร็วๆ เข้ามารวมกลุ่ม เธออยู่ในชุดราตรียาวสีดำปักเลื่อมแวววาว ที่ผ่าสูงจนเห็นต้นขาขาวๆ กับส้นสูงหลายนิ้ว และสไตล์การแต่งหน้าเข้มๆ ตามแบบของเธอ
“ตอนแรกก็ใช่ค่ะ แต่พอหนูรู้ว่าป๊ะป๊ากับพี่จะไปกับหมอนี่ หนูก็รู้สึกไม่ไว้ใจ ก็เลยจะตามไปคุ้มกันพี่ไม่ให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าบ้าโรคจิต” เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงนาทีเซน่าก็กัดโจลันเข้าให้แล้ว
เอวีน่าทำหน้าดุปรามน้องสาวแต่เบนกลับหัวเราะความคิดไร้สาระของลูกสาวคนเล็ก
โจลันแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ สงสัยคืนนี้เขาคงไม่ได้มีความสุขอย่างที่ตั้งใจไว้แบบชัวร์ๆ แต่ก่อนที่โจลันจะได้คิดหาทางออกให้กับตัวเองต่อไป เจ้าเหมียวตัวอ้อนกลมขนฟูฟ่องตัวหนึ่งก็เดินออกมาจากข้างประตู มันเดินเนิบๆ พร้อมเสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ่งตามจังหวะการก้าวขาสั้นๆ นั้น มันหยุดยืนห่างจากแขกผู้มาเยือนเล็กน้อยและใช้ดวงตาสีฟ้าที่ไม่ได้เป็นมิตรเลยจ้องโจลัน ฝ่ายคนเองก็จ้องกลับด้วยความรู้สึกแขยงเล็กๆ
“อ้าวไลออน...” เซน่าเข้าช้อนร่างจ้ำม่ำนั้นมากอดไว้อย่างรักใคร่ “ท่าทางเจ้าไลออนอยากจะไปกับเราด้วยค่ะป๊ะป๋า”
“คงไม่ได้หรอกลูก เดี๋ยวเจ้าไลออนก็ไปป่วนห้องคุณโจลันเขานะ” เบนพูดห้ามพลางเกาคอเจ้าตัวขี้อ้อนนั้นพลาง
“แต่มันต้องอยากไปด้วยแน่เลยนะคะ ใช่มั้ยพี่เอวี่” เซน่าหากำลังเสริม แต่คนพี่ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
“น้องต้องถามเจ้าของคอนโดต่างหากจ้ะ”
เซน่าหันขวับมาทางโจลันทันที “นี่นาย..ฉันพาไลออนไปด้วยได้ใช่มั้ย” น้ำเสียงผิดกับที่พูดกับเอวีน่าราวฟ้ากับนรก
โจลันส่งตาดุให้ไลออนที่ดูเหมือนจะทำคอแข็ง เชิดหน้า “ได้สิครับ” กัดฟันพูดจนได้ ทั้งที่ในใจเขาอยากจับไอตัวขนฟูที่แสนจะหยิ่งนั้นไปขังกรงร่วมกับล็อตไวเลอร์สักวันสองวัน “ถ้างั้น เราไปกันเลยนะครับ”
โจลันเปิดประตูรถให้เบนและเอวีน่า และไม่ลืมแกล้งทำลืมเปิดประตูให้เด็กสาวที่คลอเคลียอยู่กับเจ้าตัวขนปุย แต่ดูเหมือนเซน่าจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่...
.....
ทั้งสี่คนกับอีกหนึ่งตัวขึ้นมาถึงบนชั้นที่สามสิบของตึกหรูริมทะเล โจลันไขกุญแจสำรองอย่างหวาดๆ เพราะไม่รู้ว่าที่อีกด้านหนึ่งของประตูจะเรียบร้อยอย่างที่เขาคิดไว้หรือเปล่า
แต่เมื่อประตูเปิดออกโจลันก็โล่งอก เพราะทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี บรรยากาศกำลังดีภายใต้แสงเทียนรำไร แต่นั้นก็ทำให้เขาต้องยิ้มแห้งๆ ให้กับรอยยิ้มรู้ทันของชายสูงวัย
ทันทีที่โจลันเปิดไฟในห้อง ไลออนก็กระโดดออกจากอ้อมแขนเซน่าและถือวิสาสะเข้าไปสำรวจห้องชุดนั้นก่อนใคร
“ห้องของคุณน่ารักดีนะคะ” เอวีน่ามองไปรอบตัว และหยุดชื่นชมแจกันใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบหลากสี ก่อนจะเลยไปยกกรอบรูปบนชั้นหนังสือมาดู
“ก็งั้นๆ เหละ” เซน่ามองไปรอบห้องอย่างประเมิน แล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา ใช้นิ้วเขี่ยดอกเดซี่ในแจกันใบเล็กบนโต๊ะกาแฟ
โจลันเปิดเพลงเบาๆ คลอไปกับปาร์ตี้เล็กๆ ที่กำลังเริ่มขึ้นด้วยการคุยเรื่องงาน สองสาวปลีกตัวไปยกอาหารที่จัดเตรียมไว้แล้วมาวางที่โต๊ะอาหาร
เซน่าสอดส่ายสายตามองอย่างพิจารณาไปทั่วทุกซอกทุกมุมที่ดวงตากลมคู่นั้นจะมองไปถึง ยิ่งมองใบหน้าก็ยิ่งดูยุ่งเหยิง
“พี่ว่าเจ้าหมอนั้นเป็นคนทำทุกอย่างนี่เองรึเปล่า” เซน่ากระซิบเบา
เอวีน่ามองรอบตัวอีกครั้ง “ไม่รู้สิจ้ะ เขาอาจจะสั่งดอกไม้มาจากร้านดอกไม้ แล้วก็สั่งอาหารพวกนี้มาจากร้านอาหารก็ได้”
“แล้วพวกเทียนกับเพลงหวานเลี่ยนเมื่อตอนเราเข้าห้องมาล่ะ”
เอวีน่ายิ้มขำๆ “คุณโจลันอาจจะเป็นคนโรแมนติกก็ได้นะ”
เซน่าไม่ได้เชื่อคำพูดของพี่สาว เธอจึงเริ่มสำรวจค่อนไปทางจับผิดไปรอบห้องครัว เธอเปิดดูในถังขยะและเห็นร่องรอยของการปรุงอาหาร เธอเปิดดูตู้ต่างๆ เพื่อยืนยันความคิด “หนูว่าเจ้าหมอนี่ทำอาหารเองนะ”
เอวีน่ายิ่งขำน้องสาวมากขึ้น “แล้วทำไมจ้ะ?”
“ก็มันแปลกนี่ คนแบบนั้นนะจะทำอาหารแล้วก็ทำเรื่องคิกขุน่ารักแบบนี้” เซน่าดูแจกันดอกเดซี่อีกอันที่วางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว
“นี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขาก็ได้นะจ้ะ... และถ้าใช่ พี่เองก็คงจะแอบปลื้มเขาเหมือนกัน”
“ไม่เอานะ หนูไม่อยากได้พี่เขยแบบเจ้าหมอนั้น”
เอวีน่าตีแขนน้องสาว หน้าหวานนั้นแดงด้วยความเขิน “พูดอะไรน่าเกลียด”
“ทำไมพี่ต้องเขินด้วยล่ะ! หนูห้ามไม่ให้พี่ชอบเจ้านั้นเด็ดขาดเลยนะ”
“ไม่เอาแล้ว พี่ไปคุยงานกับคุณพ่อดีกว่า” พูดเสร็จเอวีน่าก็ยกจานอาหารไป ทิ้งให้เด็กสาวทำหน้าเซ็งอยู่คนเดียว
อาหารพร่องไปเยอะแล้ว แต่การพูดคุยของผู้ใหญ่สามคนดูท่าจะไม่หยุดง่ายๆ เซน่าจึงได้แต่นั่งเบื่อๆ อยู่ที่โซฟาคนเดียว และนั่นทำให้เธอเพิ่งรู้สึกตัวว่าเจ้าไลออนหายตัวไปสักพักแล้ว เธอแอบมองเจ้าของห้องอีกครั้งเพื่อความมั่นใจก่อนจะแอบย่องเข้าสู่ทางเดินแยกไปจากห้องรับแขก
ที่ทางเดินมืดสลัวนั้นเซน่าเห็นเจ้าเหมียวตัวอ้วนกำลังตะกายประตูห้องๆ หนึ่ง ที่เธอเข้าใจว่าคงเป็นประตูห้องนอน เธอจึงตรงเข้าไปอุ้มมัน
“ไม่ได้นะไลออน เดี๋ยวเจ้าของบ้านเขาจะว่าเอา” เธอลูบหัวไลออนอย่างเอ็นดู “ไปหาอะไรกินกันเหอะนะ”
“เมี้ยว..” เจ้าแมวอ้วนทำเสียงไม่พอใจ และพยายามจะดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเจ้านาย
เซน่ายอมปล่อยไลออน มันกลับไปตะกายประตูเหมือนเดิม ด้วยความสงสัยเธอจึงหันกลับไปที่ประตูบานนั้น เอื้อมมือไปจับลูกบิด ลังเลเล็กน้อยว่าควรจะเข้าไปดีมั้ย...
ความอยากรู้อยากเห็นมักมีอำนาจเสมอ... เซน่าค่อยๆ บิดลูกบิดประตู ไม่ให้มีเสียง ข้างในห้องนั้นค่อนข้างมืด มีเพียงแสงบางๆ ที่ลอดผ่านม่านบางเข้ามาเท่านั้น ม่านบางนั้นพลิ้วไหวตามสายลมทะเลที่แทรกกายเข้ามาผ่านทางรอยแง้มของหน้าต่าง ไลออนวิ่งฉิวหายเข้าไปในห้อง
“ไลออน...” เซน่าเรียกเบา แต่ไร้สัญญาณตอบรับจากเจ้าแมวอ้วน
เซน่าคลำไปที่ผนังหาสวิชต์ไฟ แต่เปิดยังไงไฟก็ไม่มีทีท่าว่าจะติด เธอจึงเดินหาไลออนท่ามกลางแสงสลัวด้วยใจตุ้มๆ ต๋อมๆ
กึง..กึงกึง
เซน่าสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงแปลกปลอม เธอถอยหลังไปทางเตียงใหญ่ ดวงตาจ้องอยู่ที่แนวตู้เสื้อผ้าที่ยาวเต็มผนังด้านหนึ่ง
ตึง...
ประตูตู้เสื้อผ้าบานหนึ่งเปิดออกกะทันหัน
“กรี๊ด”
เซน่าเสียหลักสะดุดตัวไลออนและล้มลงบนเตียง พลันโคมไฟข้างหัวเตียงก็ติดขึ้นและดับลงสลับกันไป พร้อมเสียงกึงๆ จากด้านในตู้เสื้อผ้า
“กรี๊ด!!”
..................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ