[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง
เขียนโดย หมาน้อยพิทักษ์ดวงดาว
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #04
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[4]
คาร์ลที่เพิ่งออกมาจากห้องทำงานที่ชั้นสองของบ้านตัวเอง กำลังจะไปยืดเส้นยืดสาย เดินผ่านห้องใกล้กัน
และได้ยินเสียงฮัมเพลงอย่างมีความสุขแว่วออกมา เขาจึงหยุดเงี่ยฟังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเปิดเข้าไป
“อ้าว พ่อ...” ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าใบใหญ่หันมามองคนที่บุกเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “นี่ถ้า
พ่อเข้ามาก่อนหน้านี้สักสิบวินะ พ่อคงอึ้งไปแล้ว” โจลันทำเป็นขยับผ้าขนหนูสีส้มอ่อนบนร่างกายท่อนล่าง
ของตัวเองให้เข้าที่
คนเป็นพ่อหัวเราะฮึแล้วหาที่นั่งให้ตัวเองที่หน้าโต๊ะทำงานซึ่งสุมไปด้วยเอกสารที่ไร้ระเบียบ “ทำไมฉัน
ต้องอึ้งด้วย ในเมื่อฉันเห็นของแกมาตั้งแต่ยังเป็นหนอนชาเขียว”
โจลันทำฮึดฮัดแต่ก็หันกลับไปสนใจเสื้อผ้าในตู้อีกครั้ง
“แกจะไปไหน ถึงได้ดูอารมณ์ดีจนน่าหมั่นไส้แบบนี้?” ชายสูงวัยกว่าถามขณะมองดูข้าวของในห้อง
ลูกชายที่ตัวเองไม่ได้เข้ามาสักพักแล้ว
“ดินเนอร์ครับ” โจลันหยิบเสื้อเชิ้ตสีเทาอ่อนตัวหนึ่งออกมาทาบตัว หันซ้ายหันขวากับกระจกแล้วเก็บเข้าที่เดิม
“แล้ว...” คนถามอยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้
โจลันหันมามองพ่อตัวเอง ก่อนจะขยับออกมาจากหน้าตู้เสื้อผ้าและคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่ปลาย
เตียงมาเช็ดผม “แล้วอะไรครับ?” เขาแกล้งตีหน้างง
คาร์ลมองลูกชายด้วยหางตา อีกฝ่ายจึงต้องรีบคายข้อมูลที่ชายสูงวัยต้องการ
“ผมนัดกับเอวีน่าไปทานมื้อค่ำกันที่ร้านโปรดของเธอครับ”
“หืม?” คาร์ลเลิกคิ้วสูง “นี่สนิทกันจนแกกล้าชวนหนูเอวีน่าไปทานมื้อค่ำแล้วหรอ... อ้อ ลืมไปว่าเรื่องแบบ
นี้แกเร็วและไม่เคยพลาด...” ประโยคหลังดูเหมือนจะบ่นกับตัวเอง แต่ทำเอาคนฟังน้อยใจไปหน่อยนึง
“โธ่พ่อก็พูดไป ผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย นี่ก็ไปดินเนอร์เพื่อคุยงานต่างหาก”
“แค่เรื่องงานจริงหรอ” คาร์ลมองลูกชายอย่างรู้ทัน
โจลันไม่รู้จะแก้ตัวยังไงจึงได้แต่พยักหน้ายอมรับความจริง “ก็เรื่องอื่นด้วย...” เสียงฟังดูจ๋อยๆ
“ฉันขอเตือนแกไว้ก่อนนะ...” ท่านประธานใหญ่ยืดตัวขึ้นและใช้สายตาจริงจังนั้นมองดุไปที่ลูกชาย “ถ้า
แกทำให้หนูเอวีน่าต้องร้องไห้เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่แกคบแล้วสลัดพวกเธอทิ้ง ฉันกับไอเบนไม่ปล่อย
แกให้มีโอกาสไปทำเจ้าชู้กับใครอีกแน่”
“โห น่ากลัวนะเนี่ย ...แต่ผมรับรองครับว่าจะไม่เล่นๆ กับเอวีน่า พ่อกับลุงเบนสบายใจได้เลย”
“ฉันจะคอยจับตาดูแก” คาร์ลขู่ “แต่จะว่าไปหนูเอวีน่าคงไม่สนแกหรอกมั่ง ก็แกมันไม่น่าเชื่อถือสักนิด”
เขาพูดแล้วก็ขยับหนีไปที่ประตู
“ผมไม่น่าเชื่อถือตรงไหนเนี่ยพ่อ” โจลันไม่ทันได้คำตอบอีกฝ่ายก็ปิดประตูใส่หน้าเขาแล้ว “คอยดูให้ดีนะ
พ่อ ผมนี่ล่ะที่เป็นคนพิชิตใจเอวีน่า” เขาบ่นกับประตู
...
โจลันดับเครื่องยนต์รถเบนซ์สีดำที่ยืมมาจากพ่อแล้วจัดทรงผมให้เข้าที่ เขาออกมายืนดูความเรียบร้อย
ของเสื้อผ้าอีกครั้งกับเงาที่สะท้อนบนรถ ก่อนสูดหายใจเข้าเต็มปอด และเดินไปตามทางเดินอิฐเข้าสู่ร้าน
อาหาร
พนักงานต้อนรับสาวสวยยิ้มต้อนรับ และเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มเลือกที่นั่ง โจลันมองหาเอวีน่า แต่ดูเหมือน
เธอยังมาไม่ถึง เขาจึงเลือกโต๊ะที่ระเบียง โจลันนั่งลงและแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มีดาวเล็กๆ กระจายตัว
ไปทั่ว บรรยากาศช่างเป็นใจเหลือเกิน
“รายการอาหารค่ะ” บริกรสาววางเล่มรายการอาหารลงบนโต๊ะ และเสริฟน้ำเย็นในแก้วทรงสูง
“ผมรอเพ.. เออ แฟนในอนาคตอยู่ครับ สักครู่ค่อยสั่ง” โจลันยิ้มหวานให้บริกรสาว แต่เธอหุบยิ้มอย่าง
รวดเร็วและเดินออกไปจากระเบียง
โจลันกำลังจัดทรงผมของตัวเองจากเงาข้างแก้วเป็นครั้งที่สี่อยู่เมื่อหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวพอดีเข่า
สีเบจพลิ้วไหวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
“รอนานมั้ยคะ?” เอวีน่าผูกผมยักศกนั้นเป็นหางม้าเผยไหล่ขาวกลมกลึงชวนมอง
“ไม่เลยครับ” โจลันทะลึ่งตัวลุกขึ้นและรีบไปเลื่อนเก้าอี้ให้สาวสวย
“ฮึ” เสียงนั้นฟังแล้วกวนประสาทหูของชายหนุ่มไม่น้อย
โจลันหันไปมองตามเสียง คนๆ นั้นอยู่ในชุดกระโปรงสั้นสีขาวกับรองเท้าส้นสูงสีเงินและมีใบหน้า
ละหม้ายคล้ายเอวีน่า แต่เธอแต่งหน้าเข้มที่ไม่ค่อยจะเข้ากับชุดและใช้สายตาหยามๆ มองไปที่โจลัน
“เลื่อนเก้าอี้ให้ฉันด้วยสิ” เซน่าสั่ง
โจลันที่กำลังงงกับการปรากฏตัวของเธอคนนี้จึงต้องขยับไปเลื่อนเก้าอี้อีกตัวด้วย
“ไม่เอานะเซน่า ทำตัวดีๆ หน่อยสิ พี่อุตสาห์ยอมพาน้องมาด้วยแล้วนะ” เอวีน่าดุ
“หนูไม่ได้ทำอะไรผิดนี่ สุภาพบุรุษก็ต้องบริการสุภาพสตรีอยู่แล้ว”
เส้นประสาทตรงขมับของโจลันกระตุกเล็กน้อย ทั้งด้วยความงงและเพราะได้ยินคำพูดและท่าทางที่ชวน
ให้อยากจับเด็กสาวที่เขารู้แล้วว่าเป็นน้องสาวของคนที่เขาหมายปองมาตีก้นสักป้าบ
“ไม่เป็นไรครับ จริงอย่างที่น้องเซน่าพูด” เอาเหอะตอนนี้ต้องทำตัวเป็นคนดีก่อน
เซน่าดูจะตกใจเล็กน้อย เธอจ้องโจลันเขม็งเหมือนบนหน้าเขากำลังมีกระเป๋าเชนเนลลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นต์
แขวนอยู่ “ไปกินอะไรผิดมารึเปล่าเนี่ย” เธอถามท่าทางอยากรู้จริงๆ
“ทะ..ทำไมหรอครับ” โจลันพยายามเก็บอาการเลิ่กลั่กของตัวเอง
แต่เซน่าไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ถึงจะอย่างนั้น เธอก็ยังเอาแต่จ้องจับผิดชายหนุ่มตรงหน้าต่อไปด้วย
ความสงสัย
“เราสั่งอาหารกันเลยนะครับ” โจลันยิ้มแห้งๆ ให้เด็กสาวแล้วเรียกพนักงานใกล้ๆ มาสั่งอาหาร
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ บนโต๊ะก็เกิดสภาวะบางอย่างที่ชวนให้โจลันอึดอัด เขาไม่กล้าหันไปมองเด็กสาว
ก้างขวางคออีกแล้ว ด้วยเพราะรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากเซน่า มันดำทะมึนและพร้อมจะ
จู่โจมเขาทุกเมื่อ... ยัยเด็กเปรี้ยวซ่าคนนี้ทำเอาโจลันไปไม่ถูกเลย แต่ไม่ได้ๆ เขาพูดกับตัวเองในใจ คน
อย่างโจลัน ผู้ที่ใครๆ ก็ขนานนามว่ารูปหล่อเจ้าคารมอย่างเขาจะไม่มาแพ้กับความกดดันแค่นี้ง่ายๆ แน่
“คืนนี้เอวีน่าสวยจังนะครับ” เขาหยอดคำหวานที่ทำให้หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามออกอาการเขิน
“ฮึ” เสียงกวนประสาทนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
โจลันหันไปมองเจ้าของเสียงแต่เซน่ากลับทำไม่รู้ไม่ชี้
“บรรยากาศร้านนี้ดีนะครับ ผมชักชอบแล้วสิ” โจลันลองใหม่
“รสชาติอาหารก็ดีนะคะ คุณโจลันได้ชิมแล้วจะติดใจ” เอวีน่ามีการตอบสนองที่ดีมากผิดกับคนข้างๆ ที่
แอบทำท่าอ้วกใส่โจลัน
“งั้นสงสัยวันหลังผมต้องชวนเอวีน่ามาทานอีก...” โจลันโปรยยิ้มทรงเสน่ห์
เซน่าเตะเข้าที่หน้าแข้งของโจลัน ชายหนุ่มนั้นร้องโอ๊ยแล้วลุกพรวดขึ้นด้วยความเจ็บ
“เป็นอะไรไปคะ?” เอวีน่ามองโจลันอย่างเป็นห่วง
โจลันหันไปยิ้มดุเดือดให้เด็กสาวที่นั่งลอยหน้าลอยตา “เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
ก่อนที่โจลันจะได้แก้เผ็ดเด็กสาว อาหารก็ถูกลำเลียงมาเสริฟเสียก่อน ทำให้บนโต๊ะอาหารดูจะมีเรื่องอื่นๆ
ให้หันไปสนใจบ้าง
“อร่อยนะครับ” โจลันเอ่ยปากชมอาหารจานโปรดของเอวีน่า
เอวีน่ายิ้มมีความสุข “ดีแล้วค่ะที่คุณชอบ คุณพ่อเองก็ชอบมาทานที่นี่ ฉันกับเซน่าเลยติดรสที่นี่ไปด้วย”
“แล้วน้องเซน่าล่ะครับ อร่อยมั้ย?” โจลันพยายามยิ้มแบบที่คิดว่าอ่อนโยนสุดๆ ให้เด็กสาวที่เอาแต่ทาน
แบบไม่สนใจคำถามที่เขาส่งให้
เซน่าวางมือจากซุบและเงยหน้ามองโจลันอย่างเคลือบแคลงใจเต็มที่ แต่เธอก็ยิ้มกวนๆ “ถ้าไม่มีนายมานั่ง
อยู่ตรงข้าม อาหารมื้อนี้คงอร่อยกว่านี้... ว่าแต่นายเลี้ยงใช่มั้ย”
“เอ่อ ครับ...”
เซน่ายิ้มและหันไปหาบริกรพร้อมสั่งอาหารไปสองสามอย่าง ที่โจลันคุ้นๆ ว่ามันจะอยู่ในหน้ารายการ
อาหารที่เขียนว่าอาหารพิเศษนำเข้าแต่ของชั้นเลิศ
ผู้ชายในชุดสูทแสนจะเนี้ยบคนนี้ดูแปลกไป.. เซน่าแอบมองโจลันที่หางตา ความรู้สึกเวลาที่ได้คุยกับ
โจลันคนตรงหน้า ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา วันนี้ดูเขาจะเป็นคนดีขึ้นมานิดหน่อย ทำไมกันนะ... ไม่ได้ๆ
ห้ามโดนไอโรคจิตที่ทำดีเฉพาะต่อหน้าเอวีน่าหลอกเอาได้ เซน่าฮึกเหิมอยู่ในใจ พอลับหลังเจ้าหมอนี้ก็
คงกวนประสาทอีก คนโรคจิตแบบนี้จะเชื่อใจไม่ได้เด็ดขาด...
“หน้าผมมีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เปล่า” เด็กสาวตอบสั้นและห้วนจนคนถามไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว
โจลันดูจำนวนตัวเลขในบิลที่พนักงานสาวส่งมาให้กับเงินสดในกระเป๋าสตางค์แล้วเหงื่อตก เป็นเพราะ
ยัยแสบเซน่าที่ทำเอาค่าอาหารมื้อนี้สูงทะลุชั้นโอโซนไปอย่างไม่คาดคิด แถมยังทำเป็นยิ้มหวานกวน
โมโหอีก เขาถอนหายใจ ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตที่เขาอุตสาห์ถนอมเงินในนั้นเพื่อเอาไว้แต่งอัลฟ่าโรมิโอ
ของเขาวางลงบนสมุดปกหนังเล่มเล็ก
“ขอบคุณนะคะที่เป็นเจ้ามือวันนี้ วันหลังฉันขอเลี้ยงคุณบ้างได้มั้ยค่ะ” เอวีน่ามองท่าทางโจลันยิ้มๆ
“ยินดีครับ” ถึงจะเสียดายเงินแต่ผลตอบแทนถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย
“หน้าไม่อายให้ผู้หญิงเลี้ยง” เซน่าพูดแทรกขึ้น
“ไม่เอานะเซน่าทำตัวไม่น่ารักอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือสาเด็กๆ” โจลันรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยที่ได้เห็นหน้าตาทุกข์ร้อนของยัยตัวแสบบ้าง
ทั้งสามเดินออกมาที่ลานจอดรถพร้อมกัน ในระหว่างที่เอวีน่าไปเตรียมรถ เซน่าก็หันกลับมามองโจลัน
อย่างเหม็นขี้หน้า
“วันนี้นายแสดงเป็นคนดีอย่างเต็มที่เลยนะ คงจะเหนื่อยล่ะสิ” เซน่ายิ้มเยาะ แต่โจลันงง “แต่ถึงจะทำดียังไง
นายมันก็เจ้าชู้และยังเป็นไอโรคจิตอยู่ดี”
“หืม? โรคจิต.. ทำไมน้องเซน่าถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็นายทำเรื่องอะไรเอาไว้ล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าลืมแล้ว” เซน่ามือเท้าเอวหาเรื่องเต็มที่
“อ้อ..อ้อ เรื่องนั้นเอง” โจลันไหลตามน้ำ ทั้งที่ในหัวกำลังขุดหาข้อมูลที่อาจจะตกหล่นอยู่ในเสี้ยวสมอง
“..ผมไม่ใช่คนโรคจิตหรอกครับ เอ่อ ผมไปก่อนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์” เขารีบเดินหนีเด็กสาวไปที่ประตูฝั่ง
คนขับที่เอวีน่าเข้าไปนั่งแล้ว และบอกลาหญิงสาวเร็วๆ
...
“เล่ามาให้หมด” โจลันพูดขึ้นทันทีที่ประตูคอนโดบนชั้นสามสิบเปิดออก
คอลล์หน้างงและขยี้ตางัวเงีย “อะไร” น้ำเสียงหงุดหงิดเพราะโดนปลุก
คนเป็นพี่ผลักน้องให้ไปนั่งที่โซฟาและเปิดโคมไฟขึ้นดวงหนึ่ง
คอลล์ดูนาฬิกาเหนือโทรทัศน์ “ป่านนี้แล้วยังมากวนฉันอีก”
“เรื่องด่วนเฟ้ย” โจลันกระโดดขึ้นนั่งบนโซฟาอีกตัว “เมื่อกี้ฉันไปดินเนอร์กับเอวีน่ามา...”
“แล้วไง” คอลล์ถอนหายใจและไหลไปตามโซฟาด้วยความง่วง “คุณเอวีน่าไม่ไปตามนัดหรอ” คนน้อง
แกล้งหยอก
“ไม่ใช่ เอวีน่าน่ะไม่มีปัญหาอะไร แต่กับยัยเด็กแสบที่เธอพามาด้วยต่างหากที่เป็นปัญหา” โจลันกอดอก
หน้าเครียด แต่คอลล์กลับหัวเราะ
“เจอฤทธิ์เซน่าแล้วสิ...”
“ยัยเด็กนั้นมาหาว่าฉันเป็นคนโรคจิต คำก็โรคจิต สองคำก็โรคจิต แถมยังพูดถึงเหตุการณ์อะไรสักอย่างด้วย”
คอลล์หัวเราะชอบใจ
“คายออกมาให้หมดเลยนะ”
คอลล์หยุดหัวเราะและเล่าเรื่องราวการพบกันครั้งแรกที่แสนจะประทับใจ (มั่ง) ของเธอกับเด็กสาวแต่ง
หน้าเข้มที่แสนจะกวนประสาทคนนั้นให้โจลันฟัง
“...แล้วฉันกับเซน่าก็เลยได้ปะทะฝีปากกันนิดหน่อย”
โจลันพยักหน้า “แกเกือบทำความลับแตกแล้วนะ” เขาทำขู่ “ว่าแต่ แบบนี้เส้นทางความรักของฉันกับ
เอวีน่าก็เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามน่ะสิ” เขากุมขมับแล้วเปลี่ยนเป็นซุกหน้ากับหมอนอิง
“น่าสงสารคุณเอวีน่าจริงๆ ที่มีคนอย่านายมาชอบ ที่จริงนายน่าจะเหมาะกับยัยแสบมากกว่านะ ดูท่าแล้ว
เซน่าจัดการนายได้ง่ายๆ เลยนี่” คอลล์บอกน้ำเสียงรื่นเริงแต่ใบหน้าในเงาแสงโคมไฟกลับเรียบเฉย
โจลันขว้างหมอนใส่น้องสาว “อย่ามาแย่งคนรักของพี่นะโว้ย”
“เออ รู้น่า แล้วถึงฉันจะไม่แย่ง น้ำหน้าอย่างนาย คุณเอวีน่าก็คงไม่สนใจหรอก” คอลล์หัวเราะอยู่ใต้
หมอนที่โจลันขว้างมา
“อะไรกันเนี่ยทั้งพ่อ ทั้งแกเห็นฉันเป็นอะไร ฉันเนี่ยคาสโนว่าของแท้นะเฟ้ย แค่จีบสาวแค่นี้เรื่องจิ๊บๆ”
คอลล์ลุกขึ้นนั่งมองพี่ชาย “ถ้านายเล่นๆ กับคุณเอวีน่า งั้นนายก็เลิกจีบเธอเถอะ”
“เฮ้ยไอบ้า อย่ามาทำหน้าตาจริงจังแบบนั้นดิ” โจลันขว้างหมอนอีกใบใส่คอลล์แต่อีกฝ่ายรับไว้ได้ “ฉันจริง
จังมากต่างหาก”
“งั้น..ก็ดี” คอลล์ลุกขึ้นยืน “หมดธุระแล้วใช่มั้ย ฉันจะไปนอน”
“เออๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน แล้วรีบทำงานให้เสร็จล่ะ”
“อืม”
โจลันมองน้องสาวที่เดินเข้าห้องนอนจนลับสายตาไป เขาคิดไปเองรึเปล่านะที่เมื่อกี้รู้สึกได้ว่าน้องฝาแฝด
ของเขากำลังเศร้า...
...........................................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ