สามใจหนึ่งฝัน
8.2
เขียนโดย api3api
วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.52 น.
27 ตอน
2 วิจารณ์
27.08K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 09.10 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) My mother.ความทรงจำเมื่อวันวานของฉัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "ผมกลับมาแล้วครับ"
เสียงของใครบางคนที่จักจั่นรู้จักดีและรอคอยดังขึ้นที่หน้าบันใดบ้าน สาวน้อยเดินดุ่มๆไปหาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
"กลับมาแล้วเหรอ"
คำทักทายทายแสนสั้นแต่มากพอที่จะทำให้ผู้พิทักษ์ป่าหนุ่มได้แสดงรอยยิ้มตอบกลับอย่างมากมาย คืนนั้นคนในบ้านได้มานั่งชุมนุมเล็กๆเพื่อฟังเขาเล่าเรื่องให้ฟัง พวกเขาไม่ได้อะไรมากมายนักหรอกนอกจากปีติที่เห็นเขากลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันก็เท่านั้น
แสวงเล่าเรื่องให้จักจั่นกับแม่ของเขาฟังด้วยความตื่นเต้น จักจั่นขยับเสื้อหนาวให้กระชับเพื่อสร้างความอบอุ่น
"ขี้โม้"
"เค้าเปล่านะเรื่องจริง ไม่เชื่อเธอลองเข้าไปดูด้วยตาตัวเองเลยน่ะ ป่าดงดิบเต็มไปด้วยต้นไม้เยอะแยะ ต้นใหญ่ขนาดนี้เลย" เขาทำมือประกอบการอธิบายจนทั้งสามหัวเราะแข่งกัน
ก่อนเข้านอนจักจั่นได้ดึงมือของแสวงไว้จนแสวงแทบล้ม เธอทำท่าแบมือ
"เครื่องรางของฉัน เอาคืนมาได้แล้ว"
"คืนนี้ดาวสวย"
จักจั่นทำหน้าเหรอหราเพราะคำตอบมันคนละเรื่องเลย
"เกี่ยวอะไร มันก็เต็มท้องฟ้าอย่างนี้ของมันนั่นล่ะ"
แสวงยิ้มเขาดึงมือจักจั่นลงมาข้างล่างทั้งสองมาที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นมะขามยักษ์หลังบ้าน ที่นี่มองเห็นได้ทั่วผืนนาจนไปถึงภูเขาที่อยู่ห่างออกไปบนท้องฟ้ามีดาวมากมายส่องระยับ
"เฮ้ย พามาที่นี่ทำใม เครื่องรางฉันล่ะ เอามาได้แล้ว"
แสวงถอดเครื่องรางออกจากคอของเขา เขาเอามันใส่คอให้หญิงสาว จักจั่นคาดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ให้แต่เธอก็ยอมเงียบจนแสวงใส่ให้จนเสร็จ จากนั้นจักจั่นก็ยืนหันหลังให้ชายหนุ่ม
"ฉวยโอกาสหรือเปล่า"
"ทำใมล่ะ ตอนเด็กถอดเข้าถอดออกบ่อยจะตายไม่เห็นบ่นเลย"
"เปล่า ลืมมันเถอะ" เธอก้มหน้าแต่แสวงก็จับหน้าเธอมองขึ้นฟ้า
"เห็นดาวประจำตัวฉันใหมมันส่องสว่างจ้าเลย"
"จำได้แล้วแม่โฉมตั้งให้ใช่ใหม ของเราก็มีข้างๆกันไง แต่แสงมันอ่อยๆหว่า เมฆบัง" ทั้งสองชี้ดาบนับดาวสนุกสนานจนเวลาล่วงเลยไป
"แล้วทำใมแสวงถึงชวนชั้นดูดาววันนี้ล่ะ"
ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินมาข้างหน้าจักจั่นเขาดูดีกลางแสงจันทร์จนจักจั่นแอบยิ้มในใจ
"วันนี้วันเกิดเปิ้ล เที่ยงคืนพอดีเลยจำได้ใหม"
จักจั่นทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ทำหน้าร่าเริงได้แทบจะทันที
"ใช่แล้ว ฉันจำได้แล้ว ดาวสามดวงเรียงกันนั่นมันดาวที่แม่โฉมตั้งให้พวกเรา มันจะส่องสว่างในเดือนนี้มากที่สุดซะด้วยสิ แต่วันเกิดเธอคนนั้นฉันไม่ลืมหรอกฉันเขียนจดหมายไปแล้วป่านนี้คงได้อ่านแล้วล่ะ แสวงฉันง่วงแล้วล่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยต่อได้ใหม"
จักจั่นแยกออกมาและเข้าห้องด้วยใจสั่นๆ จนถึงตอนนี้แสวงก็ยังมีแต่เปิ้ลอยู่เต็มหัวใจ เธอคิดจนเหนื่อยล้า และหลับไป และได้เจอกับโฉมงามในฝัน
โฉมงามยิ้มสวย และอ่อนหวานตลอดเวลาไม่ว่าเมื่อไรแม้แต่ในฝัน
"หนูคิดถึงแม่ คิดถึงมากๆ ตอนนี้จักจั่นต้องการใครสักคนมาคอยปลอบ"
เด็กสาวฟูมฟายในฝันแต่มือที่เอื้อมไปนั้นไม่มีทางถึงเป้าหมายเลย
โฉมงามยิ้มและเริ่มเลือนหาย พร้อมกับคำพูดที่ให้กำลังใจดังที่เคยมีชีวิตอยู่เสมอมา
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ จักจั่น"
เพียงแค่นั้นความฝันของจักจั่นก็มีแต่ฝันที่สร้างรอยยิ้มให้กับเธอจนถึงรุ่งเช้า
................................................................
วันต่อมา จดหมายจากไปษณีย์ก็มาถึงสองฉบับฉบับหนึ่งของป้าแก้วส่งมาจากต่างประเทศเด็กสาวเปิดจดหมายของเปิ้ลออกอ่านด้วยความดีใจ
"ถึงคุณนายจักจั่นผู้น่ารักจากเปิ้ลเอง
อีกสองเดือนเราก็จะได้เจอกันแล้ว ทางนั้นสบายดีฉันก็ดีใจ. บอกไอ้หนุ่มคนนั้นด้วยอย่าฝืนตัวเองนักเดี๋ยวจะไม่ได้เจอกัน อิอิ( ' 3'). ที่นี่ฉันทุ่มเทเต็มเหนี่ยวเลยทั้งเรื่องเรียน ชมรม และเรื่องการแสดงด้วย. ในตอนแรกไอ้เราคิดว่าจะไปไม่รอดซะแล้ว ตอนนี้มีคนสนใจมากๆเลยและฉันจะพาพวกเขาไปปลูกป่าด้วยกันที่นั่น. ฉันอยากแนะนำกิ่งกับเหมียวให้รู้จัก บางทีนะใครบางคนอาจจะเจอฝาแฝดล่ะ. อ้อ วันเกิดฉัน ขอบคุณกับคำอวยพรสำหรับของขวัญน่ะเหรอแค่จดหมายน้อยๆที่เขียนมาฉันก็ดีใจอย่างเต็มที่แล้ว
ปล.กิ่งกับเหมียวใจดีและตลกมากล่ะ
จ.ม.น้อยจากใจหญิงเปิ้ล"
จั๊กจั่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เธอพับจดหมายใส่ซองเช่นเดิม และยังไม่ลืมเอาจดหมายไปให้ป้าแก้ว ป้าแก้วเปิดจดหมายออกแล้วทำหน้ายุ่ง
"จักจั่นอ่านให้ป้าฟังหน่อย ป้าไม่ได้เรียนอ่านไม่ค่อยออก"
จักจั่นเลยรับมาอ่านให้ป้าฟัง
"ถึงกิ่งแก้ว
หลายปีเลยที่ฉันไม่ได้ติดต่อมา จั๊กจั่นคงโตเป็นสาวแล้ว......"
"จักจั่นเอามาให้ป้า"
ป้าแก้วตวาดเสียงดังจนจักจั่นสะดุ้งตกใจเธอรีบยื่นให้ป้าแก้ว และแก้วก็พับเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างเร็ว
"ใครเหรอจ้ะป้า เขารู้จักฉันด้วย"
ป้าแก้วมองหน้าหญิงสาว ทำหน้าลำบากใจที่จะอธิบายให้ฟัง
"ผู้หญิงใจร้ายอย่าใส่ใจเลย เดี๋ยวป้าไปวัดก่อนนะ"
กิ่งแก้วเดินดุ่มๆออกจากบ้านท่ามกลางความงงงวยของจักจั่น
กิ่งแก้วเดินมาที่วัดนางเดินไปที่กุฎิหลวงพ่อนางไปถึงก็ก้มลงกราบนมัสการ
"มีอะไรรึโยมแก้ว"
"อิฉันไม่ได้คิดจะดึงพระมายุ่งกับเรื่องทางโลกนะเจ้าคะ แต่ฉันคิดไม่ตกจริงๆอยากให้หลวงพี่ช่วยคิดเจ้าค่ะ"
หลวงพ่อถอนหายใจท่านหยิบจดหมายที่กิ่งแก้วยื่นให้ ท่านอ่านแล้วถอนหายใจอีกรอบ
"มันเขียนว่ายังไงบ้างหลวงพี่"
"อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วแต่เวรกรรม ของๆเขาเลือดเนื้อเชื้อใขเขา เอาหมากเขามาเคี้ยวเอาเมี่ยงเขามาอมก็อย่างนี้แหละกิ่งแก้ว มันก็ไม่มีอะไรมาก ชุติพรแม่ของจักจั่นมันจะกลับมาประเทศไทย เลยคิดจะมาเยี่ยมดูหน้าเท่านั้นแหละ"
กิ่งแก้วทำหน้าลำบากใจมากไม่รู้จะทำยังไงดี
"คุณพระช่วย แบบนี้จะมีเรื่องอะไรใหมเจ้าคะหลวงพี่"
"เราควรปล่อยวางเสีย ปล่อยให้เป็นตามบุญตามกรรม ผ่านมาหลายปีแล้ว จงคิดให้เป็นกุศล"
กิ่งแก้วก้มกราบแล้วนับศีลพร
"ไอ้แหวงลูกชายมันเป็นอย่างไรบ้างล่ะ"
"เลือดท่านมันแรงมันเป็นผู้พิทักษ์ป่าไปแล้วเจ้าค่ะ"
หลวงพ่อหัวเราะเหอะๆมองดูสีกากิ่งแก้วเดินออกจากวัดด้วยอาการสำรวม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงของใครบางคนที่จักจั่นรู้จักดีและรอคอยดังขึ้นที่หน้าบันใดบ้าน สาวน้อยเดินดุ่มๆไปหาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
"กลับมาแล้วเหรอ"
คำทักทายทายแสนสั้นแต่มากพอที่จะทำให้ผู้พิทักษ์ป่าหนุ่มได้แสดงรอยยิ้มตอบกลับอย่างมากมาย คืนนั้นคนในบ้านได้มานั่งชุมนุมเล็กๆเพื่อฟังเขาเล่าเรื่องให้ฟัง พวกเขาไม่ได้อะไรมากมายนักหรอกนอกจากปีติที่เห็นเขากลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันก็เท่านั้น
แสวงเล่าเรื่องให้จักจั่นกับแม่ของเขาฟังด้วยความตื่นเต้น จักจั่นขยับเสื้อหนาวให้กระชับเพื่อสร้างความอบอุ่น
"ขี้โม้"
"เค้าเปล่านะเรื่องจริง ไม่เชื่อเธอลองเข้าไปดูด้วยตาตัวเองเลยน่ะ ป่าดงดิบเต็มไปด้วยต้นไม้เยอะแยะ ต้นใหญ่ขนาดนี้เลย" เขาทำมือประกอบการอธิบายจนทั้งสามหัวเราะแข่งกัน
ก่อนเข้านอนจักจั่นได้ดึงมือของแสวงไว้จนแสวงแทบล้ม เธอทำท่าแบมือ
"เครื่องรางของฉัน เอาคืนมาได้แล้ว"
"คืนนี้ดาวสวย"
จักจั่นทำหน้าเหรอหราเพราะคำตอบมันคนละเรื่องเลย
"เกี่ยวอะไร มันก็เต็มท้องฟ้าอย่างนี้ของมันนั่นล่ะ"
แสวงยิ้มเขาดึงมือจักจั่นลงมาข้างล่างทั้งสองมาที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นมะขามยักษ์หลังบ้าน ที่นี่มองเห็นได้ทั่วผืนนาจนไปถึงภูเขาที่อยู่ห่างออกไปบนท้องฟ้ามีดาวมากมายส่องระยับ
"เฮ้ย พามาที่นี่ทำใม เครื่องรางฉันล่ะ เอามาได้แล้ว"
แสวงถอดเครื่องรางออกจากคอของเขา เขาเอามันใส่คอให้หญิงสาว จักจั่นคาดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ให้แต่เธอก็ยอมเงียบจนแสวงใส่ให้จนเสร็จ จากนั้นจักจั่นก็ยืนหันหลังให้ชายหนุ่ม
"ฉวยโอกาสหรือเปล่า"
"ทำใมล่ะ ตอนเด็กถอดเข้าถอดออกบ่อยจะตายไม่เห็นบ่นเลย"
"เปล่า ลืมมันเถอะ" เธอก้มหน้าแต่แสวงก็จับหน้าเธอมองขึ้นฟ้า
"เห็นดาวประจำตัวฉันใหมมันส่องสว่างจ้าเลย"
"จำได้แล้วแม่โฉมตั้งให้ใช่ใหม ของเราก็มีข้างๆกันไง แต่แสงมันอ่อยๆหว่า เมฆบัง" ทั้งสองชี้ดาบนับดาวสนุกสนานจนเวลาล่วงเลยไป
"แล้วทำใมแสวงถึงชวนชั้นดูดาววันนี้ล่ะ"
ชายหนุ่มยิ้มแล้วเดินมาข้างหน้าจักจั่นเขาดูดีกลางแสงจันทร์จนจักจั่นแอบยิ้มในใจ
"วันนี้วันเกิดเปิ้ล เที่ยงคืนพอดีเลยจำได้ใหม"
จักจั่นทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็ทำหน้าร่าเริงได้แทบจะทันที
"ใช่แล้ว ฉันจำได้แล้ว ดาวสามดวงเรียงกันนั่นมันดาวที่แม่โฉมตั้งให้พวกเรา มันจะส่องสว่างในเดือนนี้มากที่สุดซะด้วยสิ แต่วันเกิดเธอคนนั้นฉันไม่ลืมหรอกฉันเขียนจดหมายไปแล้วป่านนี้คงได้อ่านแล้วล่ะ แสวงฉันง่วงแล้วล่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยต่อได้ใหม"
จักจั่นแยกออกมาและเข้าห้องด้วยใจสั่นๆ จนถึงตอนนี้แสวงก็ยังมีแต่เปิ้ลอยู่เต็มหัวใจ เธอคิดจนเหนื่อยล้า และหลับไป และได้เจอกับโฉมงามในฝัน
โฉมงามยิ้มสวย และอ่อนหวานตลอดเวลาไม่ว่าเมื่อไรแม้แต่ในฝัน
"หนูคิดถึงแม่ คิดถึงมากๆ ตอนนี้จักจั่นต้องการใครสักคนมาคอยปลอบ"
เด็กสาวฟูมฟายในฝันแต่มือที่เอื้อมไปนั้นไม่มีทางถึงเป้าหมายเลย
โฉมงามยิ้มและเริ่มเลือนหาย พร้อมกับคำพูดที่ให้กำลังใจดังที่เคยมีชีวิตอยู่เสมอมา
"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ จักจั่น"
เพียงแค่นั้นความฝันของจักจั่นก็มีแต่ฝันที่สร้างรอยยิ้มให้กับเธอจนถึงรุ่งเช้า
................................................................
วันต่อมา จดหมายจากไปษณีย์ก็มาถึงสองฉบับฉบับหนึ่งของป้าแก้วส่งมาจากต่างประเทศเด็กสาวเปิดจดหมายของเปิ้ลออกอ่านด้วยความดีใจ
"ถึงคุณนายจักจั่นผู้น่ารักจากเปิ้ลเอง
อีกสองเดือนเราก็จะได้เจอกันแล้ว ทางนั้นสบายดีฉันก็ดีใจ. บอกไอ้หนุ่มคนนั้นด้วยอย่าฝืนตัวเองนักเดี๋ยวจะไม่ได้เจอกัน อิอิ( ' 3'). ที่นี่ฉันทุ่มเทเต็มเหนี่ยวเลยทั้งเรื่องเรียน ชมรม และเรื่องการแสดงด้วย. ในตอนแรกไอ้เราคิดว่าจะไปไม่รอดซะแล้ว ตอนนี้มีคนสนใจมากๆเลยและฉันจะพาพวกเขาไปปลูกป่าด้วยกันที่นั่น. ฉันอยากแนะนำกิ่งกับเหมียวให้รู้จัก บางทีนะใครบางคนอาจจะเจอฝาแฝดล่ะ. อ้อ วันเกิดฉัน ขอบคุณกับคำอวยพรสำหรับของขวัญน่ะเหรอแค่จดหมายน้อยๆที่เขียนมาฉันก็ดีใจอย่างเต็มที่แล้ว
ปล.กิ่งกับเหมียวใจดีและตลกมากล่ะ
จ.ม.น้อยจากใจหญิงเปิ้ล"
จั๊กจั่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เธอพับจดหมายใส่ซองเช่นเดิม และยังไม่ลืมเอาจดหมายไปให้ป้าแก้ว ป้าแก้วเปิดจดหมายออกแล้วทำหน้ายุ่ง
"จักจั่นอ่านให้ป้าฟังหน่อย ป้าไม่ได้เรียนอ่านไม่ค่อยออก"
จักจั่นเลยรับมาอ่านให้ป้าฟัง
"ถึงกิ่งแก้ว
หลายปีเลยที่ฉันไม่ได้ติดต่อมา จั๊กจั่นคงโตเป็นสาวแล้ว......"
"จักจั่นเอามาให้ป้า"
ป้าแก้วตวาดเสียงดังจนจักจั่นสะดุ้งตกใจเธอรีบยื่นให้ป้าแก้ว และแก้วก็พับเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างเร็ว
"ใครเหรอจ้ะป้า เขารู้จักฉันด้วย"
ป้าแก้วมองหน้าหญิงสาว ทำหน้าลำบากใจที่จะอธิบายให้ฟัง
"ผู้หญิงใจร้ายอย่าใส่ใจเลย เดี๋ยวป้าไปวัดก่อนนะ"
กิ่งแก้วเดินดุ่มๆออกจากบ้านท่ามกลางความงงงวยของจักจั่น
กิ่งแก้วเดินมาที่วัดนางเดินไปที่กุฎิหลวงพ่อนางไปถึงก็ก้มลงกราบนมัสการ
"มีอะไรรึโยมแก้ว"
"อิฉันไม่ได้คิดจะดึงพระมายุ่งกับเรื่องทางโลกนะเจ้าคะ แต่ฉันคิดไม่ตกจริงๆอยากให้หลวงพี่ช่วยคิดเจ้าค่ะ"
หลวงพ่อถอนหายใจท่านหยิบจดหมายที่กิ่งแก้วยื่นให้ ท่านอ่านแล้วถอนหายใจอีกรอบ
"มันเขียนว่ายังไงบ้างหลวงพี่"
"อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วแต่เวรกรรม ของๆเขาเลือดเนื้อเชื้อใขเขา เอาหมากเขามาเคี้ยวเอาเมี่ยงเขามาอมก็อย่างนี้แหละกิ่งแก้ว มันก็ไม่มีอะไรมาก ชุติพรแม่ของจักจั่นมันจะกลับมาประเทศไทย เลยคิดจะมาเยี่ยมดูหน้าเท่านั้นแหละ"
กิ่งแก้วทำหน้าลำบากใจมากไม่รู้จะทำยังไงดี
"คุณพระช่วย แบบนี้จะมีเรื่องอะไรใหมเจ้าคะหลวงพี่"
"เราควรปล่อยวางเสีย ปล่อยให้เป็นตามบุญตามกรรม ผ่านมาหลายปีแล้ว จงคิดให้เป็นกุศล"
กิ่งแก้วก้มกราบแล้วนับศีลพร
"ไอ้แหวงลูกชายมันเป็นอย่างไรบ้างล่ะ"
"เลือดท่านมันแรงมันเป็นผู้พิทักษ์ป่าไปแล้วเจ้าค่ะ"
หลวงพ่อหัวเราะเหอะๆมองดูสีกากิ่งแก้วเดินออกจากวัดด้วยอาการสำรวม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ