Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  64.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) ...สายโลหิต...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
   
================================================
 
              .....ชายหาดสีขาวละเอียดที่ทอดยาว เกือบ 5 กิโลเมตร ของเกาะทองคำเคยถูกยกย่องจากนิตยสารเกี่ยวกับการท่องเที่ยวหลายฉบับ ว่าเป็นชายหาดที่สวยงามติด 1 ใน 5 ของทวีป ซึ่งถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะมีสงครามเกิดขึ้นบนเกาะอย่างไม่ขาดสาย  ชายหาดแห่งนี้คงจะกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแน่ๆ .....
 
                น่าเสียดายที่หลังจากคืนนี้ไป ชายหาดแห่งนี้จะเหลือเพียงแค่ความทรงจำเท่านั้นเพราะผลจากการต่อสู้ระหว่าง 2 จอมเวทย์ ที่แทบจะเข้าขั้นจอมเวทย์แห่งยุค  ตอนนี้ตลอดทั้งชายหาดดูเหมือนจะแปรสภาพกลายเป็นหลุมบ่ออันขรุขระราวกับพื้นผิวดวงจันทร์  บางหลุมยังปรากฎควันกรุ่นๆ และไฟลุกโชนอยู่ด้วยซ้ำ
 
                แม้ว่าการปะทะกันจะเกิดขึ้นเพียงไม่ถึง 10 นาที แต่เรย์ลาลีนกลับมีสภาพ ราวกับผ่านสมรภูมิมาแล้วหลายชั่วโมง  แม้บาดแผลตามร่างกายจะดูไม่ร้ายแรง แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาใช้ เวทย์สุดยอดแห่งการป้องกัน คันฉ่องเทพวายุ  เพื่อปกป้องตัวเองไปหลายต่อหลายครั้ง  ....ไม่งั้นสภาพของเขาตอนนี้อาจจะย่ำแย่กว่าอาการ หอบหายใจทางปาก แบบที่กำลังเป็นอยู่ก็ได้
 
                ที่น่าประหลาดใจระคนหงุดหงิดเป็นที่สุดคือ ทั้งๆ ที่ จอมเวทย์สาวฝั่งตรงข้ามใช้พลังเวทย์มากกว่าเขาเทียบแล้วเกือบเท่าตัวแท้ๆ  แต่กลับไม่มีอาการอันแสดงให้เห็นเลยว่าจะหมดพลัง  ราวกับว่าเธอผู้นี้ มีขีดจำกัดพลังเวทย์ที่ไร้ขีดจำกัด จนใช้ได้ไม่มีวันหมด
 
                 ถึงแม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่จอมเวทย์สาวนิรนามผู้นี้ คือคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เท่าที่เขาเคยเจอมาเลยทีเดียว
 
                 " อารายกาน......หมดมุกเสียแล้วเหรอ? เรย์ลาลีน คอบร้า " จอมเวทย์สาวตะโกนถามกลั้วเสียงหัวเราะ  ซึ่งเรย์ลาลีนได้แต่กัดฟันกรอด
 
                 เอาเข้าจริงเขาก็เริ่มหมดมุกจริงๆ แล้วซะด้วยสิ
 
                 ' ฮึ่ม ! ขีดจำกัดพลังเวทย์ของเราตอนนี้ยังฟื้นสภาพได้ไม่สมบูรณ์ซะด้วย ...เมื่อคืนวานดันใช้เวทย์ไปซะเยอะเลย  วันนี้มัน วันซวยมหาวินาศ  อะไรยังงี้วะ?! '  เขานึกสาปแช่งความเฮงซวยของโชคชะตาตัวเอง  ก่อนจะใจหายวาบ! รีบกระโดดหลบ ศรเวทย์น้ำแข็ง  เกือบร้อยดอกที่จอมเวทย์สาวประเคนใส่เข้ามา
 
                 ' ราโชฯ ดันให้เวลาไว้ตั้ง 20 นาที ...ทีแรกก็จะด่าว่าให้น้อยเกินไปอยู่หรอก ...แต่พอเจออีแบบนี้ อย่าว่าแต่รอให้ครบ 20 นาทีเลย...แค่ประคองตัวให้รอดไปได้อีกซัก 5 นาที ก็บุญหัวแล้ว '  
 
                  เรย์ลาลีนเลือกที่จะใช้เวทย์บทเล็กๆ เสริมความเร็วให้กับตัวเอง ก่อนจะพุ่งหายเข้าไปในเขตป่าใกล้ๆ กับแท่นขุดเจาะน้ำมัน .....ตอนนี้การประคองตัวเพื่อซื้อเวลา เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่เขาคิดออก  เพราะขืนใช้เวทย์บทใหญ่ๆ อีกซัก 3-4 ครั้ง เขามีหวังได้ตัวระเบิดเพราะรับพลังเวทย์จนเกินขีดจำกัดร่างกายแน่ๆ
 
                 " ไม่เอาน่า! ..... เรย์ลาลีน คอบร้า ....ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะประลองกันให้มันสนั่นลั่นโลก  ไม่ใช่มาเล่นซ่อนหาแบบนี้นะ! "  จอมเวทย์สาวบ่นดังๆ อย่างไม่ได้ดั่งใจ
 
                 " เออเซ่ ! .... เธอไม่ได้เป็นฝ่ายโดนไล่ต้อนจน กรอบ  เป็นสาหร่ายอบแห้งแบบฉันนี่หว่า "   
 
                 เขาบ่นอุบอิบอยู่บนยอดไม้ ใช้ม่านใบไม้กำบังกาย พร้อมกับพยายามลบไอเวทย์ของตัวเองให้ได้มากที่สุด ......เรื่องลบไอเวทย์เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เรย์ลาลีนภาคภูมิใจว่าเขาทำได้สมบูรณ์แบบที่สุด ....ดูได้จากจำนวนสาวๆ ที่มาติดพัน เพราะการกลบไอเวทย์ของเขาดูสิ
 
                 ทางฝ่ายจอมเวทย์สาว เธอก็ประสบปัญหาการหาตัวเรย์ลาลีนเช่นว่าจริงๆ  เธอยอมรับว่าเรย์ลาลีนหายตัวได้โดยสิ้นเชิง แต่...
 
                  " ถ้าคิดว่าแค่นี้จะเป็นปัญหาของฉันล่ะก็....นายคิดผิดแล้ว ! "
 
                  เธอหยิบแหวนสีดำปลอดเป็นประกายออกมาจากกระเป๋าด้านในผ้าคลุม ออกมาสวมที่นิ้วกลางด้านซ้าย ก่อนจะพึมพำบางอย่างเบาๆ จับใจความได้เพียงประโยคสุดท้ายว่า
 
                   " ...ในนามของผู้สืบทอดพันธสัญญาเลือด .... ข้าขออัญเชิญเจ้า .... คิตสึเนะ ! "
 
                   ปรากฎวงเวทย์สว่างวาบเบื้องหน้า เมื่อแสงสว่างจางลง ปรากฎสุนัขจิ้งจอกตัวมหึมาที่มีขนเป็นเพลิงสีน้ำเงิน สุนัขจิ้งจอกตัวนั้นวิ่งวนไปรอบๆ จอมเวทย์สาวอย่างยินดี
 
                   " พอเลยๆ...ฉันไม่ได้เรียกแกมาเล่นด้วยนะ กรี๊ด! อย่ากระโดดเข้ามานะ ! คิดว่าตัวแกตอนนี้มันเล็กๆ เหมือนเมื่อก่อนรึไง ....." ก่อนจอมเวทย์สาวจะสั่งอีกครั้ง
 
                   " คิตสึเนะ....แกจำกลิ่นของจอมเวทย์ที่พึ่งสู้กับฉันได้ใช่ไหม? ....ดีมาก ไปจัดการเล้ยยย !! ....เอ๋? จะเอาแบบ มีเดี้ยม แรร์  หรือเผาให้ดำเป็นถ่านเหรอ? ......อือ......ฉันอยากจะคุยกับเขาอีกหน่อยน่ะสิ .....งั้นเอาเป็นแค่ ปางตาย  ก็พอนะ... "  
 
                   เธอพูดกับสุนัขจิ้งจอกภูติตัวเท่าลูกม้าที่เธออัญเชิญมา ด้วยน้ำเสียงราวกับสาวน้อยพูดกับลูกหมาตัวเล็กๆ โดยไม่นับรูปแบบประโยคที่น่าขนลุกราวกับฆาตกรโรคจิต  ในขณะที่เรย์ลาลีนที่ยังคงแอบอยู่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเอามือขยี้ตาซ้ายแรงๆ พร้อมกับบ่นเบาๆ
 
                   " ....ทำไมหางตาซ้ายมันกระตุกแปลกๆ พิกล ว้า..... "
 
 
..........................................
 
 
                    ....ราชวังหลวงฝ่ายใน....
 
                    " เซเรย์ลีน .....นั่งลง ....อย่าเสียมารยาท... "  ราโชลีนพูดปรามน้องชายเรียบๆ เขายังคงนั่งอยู่ด้วยอาการสงบ แม้ว่าจะพึ่งได้ฟังในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอดีตของเขาไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ตาม
 
                    " แกจะบ้าเหรอ! ราโชฯ !! ....จะตายด้านก็ให้มันบันยะบันยังมั่งสิฟะ!! ไอ้เรื่องนี้ปกติมันต้องลุกขึ้นกรี๊ด กับย่ำเท้ารัวๆ แล้วนะเฟ้ย !! "
 
                    " ตกลงจะเครียดหรือจะฮา ก็เอาซักอย่างสิฟะ ......นั่งลงไปก่อนได้ไหม..."  ราโชลีนหันกลับไปด่าเบาๆ จนเซเรย์ลีนต้องทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อีกครั้งอย่างเสียไม่ได้  เมื่อเซเรย์ลีนนั่งลงราโชลีนก็หันกลับมาหาราชาคาริออสอีกครั้ง
 
                    " ท่านพ่อบุญธรรม...ขอประทานโทษที่ต้องขัดนะครับ แต่ผมไม่เข้าใจว่า เรื่องนี้ มันเกี่ยวกับการที่ท่านจะเรียกระดมพลพร้อมประกาศกฎอัยการศึก ตรงไหน ? "
 
                    " ก...ก็....ก็กำลังจะเล่าต่ออยู่เนี่ย แต่เซเรย์ลีน ดันมาขัดซะก่อน.... " ราชาคาริออสตอบกลับอย่าง งงๆ ไม่แพ้เซเรย์ลีนเช่นกัน
 
                    " เอ๊า??.....ดูดู๊ ! .....นี่สรุปผมผิดใช่ไหมเนี่ย ?? "
 
                    " เงียบเหอะน่า ...นายกำลังทำให้เราเสียเวลานะ " ราโชลีนหันกลับมาด่าอีกรอบ ทำเอาเซเรย์ลีนอ้าปากค้างก่อนจะบ่นอุบอิบยอมเงียบลงก่อนจะโดนด่าไปมากกว่านี้
 
                    ".....จำที่พ่อพูดได้ใช่ไหม ....ว่าพวกลูก...เกิดจากการตัดต่อและผสมทางพันธุกรรม  ....พ่อไม่ได้มีความรู้ด้านพันธุวิศวกรรมมากนัก แต่ นักพันธุวิศวกรรม เจ้าของโครงการบอกกับพ่อว่า Prototype ที่ 1-3 ใช้พันธุกรรมครึ่งนึงของนักรบจากราชวงศ์เก่าแบบเดียวกัน  ..... ส่วนอีกครึ่งนึงใช้พันธุกรรมแตกต่างกันออกไป ....โดย  Prototype ที่  2 หรือเรย์ลาลีนน่ะ ใช้พันธุกรรมที่แตกต่างจาก พวกเธอเล็กน้อย.... "
 
                    มาถึงประโยคนี้ กษัตริย์ชราก็มือสั่นน้อยๆ ราวกับกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่  ก่อนจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะพูดต่อ
                    
                     " ที่บอกว่าแตกต่าง ก็เพราะ พันธุกรรมอีกครึ่งของเรย์ลาลีน ได้มาจากผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน .....พันธุกรรมที่มาจาก เลือด ของจอมเวทย์ ผู้วิเศษประจำราชสำนักไฮเซนการ์ด แห่ง คริสตัล ฟรอซ์ซ  ผู้สืบสายเลือดผู้ใช้เวทย์มนตร์ที่เก่าแก่ที่สุด .....เลือดของ แม่มดตาเทา  ... เชรีน่า เมโอ คริสตัล  ยังไงล่ะ !! "
 
                      ในขณะที่เซเรย์ลีนกำลังย่อยข้อมูลที่ทะลักทลายเข้ามาอย่างไม่ขาดสายยังไม่ทันหมด  ราโชลีนกลับลุกพรวดขึ้นราวกับโดนน้ำร้อนลวก ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  เขาพูดตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงซีเรียสสุดขีดว่า
 
                     " ท...ท่านพ่อ......อย่า....อย่าบอกนะว่า...."
 
                     " เกรงว่าจะเป็นอย่างที่เธอคิด .... ถ้ามีจะจอมเวทย์ซักคน ที่บุกเดี่ยวขึ้นเกาะทองคำได้ .... เชื่อว่าจอมเวทย์คนนั้น คงไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก เชรีน่า เมโอ คริสตัล .....ผู้เป็นเสมือน แม่ ของเจ้าเรย์ลาลีน  นั่นแหละ !! "
 
 
                      " ...น...นี่ฉันพลาดอะไรไปรึเปล่าฟะ? .... ทำไมถึงไม่ค่อยเก็ทมุกนี้เลยวุ้ย "  
 
                      เซเรย์ลีนเกาหัวแกรกๆ พร้อมทำหน้างง .....คงต้องใช้เวลาอีกซักพักก่อนที่เขาจะย่อยข้อมูลเสร็จ และรู้ว่า เหตูการณ์ตอนนี้มันเครียด เข้าขั้นวิกฤต แค่ไหน
 
 
...........................................................
 
                     
 
              

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา