อำนาจแห่งแสง...เสกรักให้หน่อย

8.7

เขียนโดย มิโกะ

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.40 น.

  6 ตอน
  9 วิจารณ์
  10.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556 02.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เสียงเรียกของฟินิกซ์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 4   เสียงเรียกของฟินิกซ์

 

         เมื่อคืนทันทีที่เข้ามาในห้องฉันก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงที่แสนนุ่มและหลับไปอย่างรวดเร็ว อาจด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางที่ใช้เวลายาวนานตลอดทั้งวัน หรืออาจเป็นเพราะเรื่องพิลึกพิลันที่เกิดขึ้นกับฉันในวันนี้ จนฉันแทบไม่อยากยอมรับเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องจริงเลย

         แสงแดดในยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องสีขาวสะอาด มีรูปภาพสีน้ำมันสองสามภาพแขวนอยู่บนผนัง โคมไฟเล็กสีขาวบนโต๊ะใกล้ๆกับหัวเตียง ข้างๆกันมีชั้นหนังสือที่จัดหนังสืออยู่อย่างเป็นระเบียบ ฝั่งตรงกันข้ามมีตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำด้วยไม้เข้าชุดกัน

         เสียงขับขานในยามเช้าปลุกตัวฉันให้ตื่นขึ้นจากห้วงแห่งนินทรา ฉันค่อยๆลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงทั้งๆที่ยังไม่ได้ลืมตาเต็มที่นัก เสียงอันไพเราะนั้นยังคงดังกังวานเหมือนถูกส่งผ่านมาจากดินแดนอันแสนไกล หากแต่ฉันกลับได้ยินเสียงนั้นดังชัดเจน เมื่อฉันหันไปมองรอบๆห้องเพื่อหาต้นตอของเสียงก็พบว่ามีนกตัวหนึ่งกำลังเกาะอยู่ที่ขอบระเบียง มีกุหลาบเถ้าเลื้อยพันอยู่ตามระเบียงกำลังออกดอกบานสะพรั่งรับแดดอ่อนๆยามเช้า ฉันเดินออกไปไปที่ระเบียงแล้วค่อยๆเปิดหน้าต่างออกอย่างเบามือเพื่อจะสังเกตเจ้านกที่มีเสียงอันไพเราะราวเสียงดนตรีใกล้ๆ ขนของมันเป็นสีแดงชาดบ้างเป็นประกายเหลืองทอง ดูคล้ายเปลวไฟกำลังลุกไหม้ตัวมันอยู่ ตัวมันใหญ่ราวกับนกอินทรีย์ที่ตัวโตเต็มที่ จะงอยปากและส่วนขาเป็นสีทอง เจ้านกยังคงเกาะนิ่งอยู่ขอบระเบียง ท่าทางเป็นมิตรจนฉันอยากเอื้อมไปสัมผัสเส้นขนบนตัวของมัน ขณะที่ฉันมัวตื่นตะลึงและกำลังจะเอื้อมมือไปจับตัวนกแปลกประหลาดก็เสียงตะโกนจากใครบางคนก็ร้องห้ามมาแต่ไกล

         "อย่าแตะต้องมันเด็ดขาด"

         คนๆนั้นรีบวิ่งเข้ามาใกล้ๆ และหยุดเท้าที่แปลงดอกกุหลาบสีแดงแปลงใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างของห้องฉัน ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองฉัน ใบหน้าคมเข้มลอยเด่นท่ามกลางสีแดงของดอกกุหลาบที่เบ่งบาน คิ้วเข้มขมวดลงเล็กน้อย ดวงตากลมโตสีอำพันราวนัยน์ตาของหมาป่า จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีแดงเรื่อขบเม้นเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด เหงื่อที่ซึมบนหน้าผากทำให้รู้ว่าเขากำลังออกกำลังกายอยู่ รูปร่างสันทัดในชุดกางเกงวอร์มสีเข้มเสื้อยืดแขนกุดจนเห็นกล้ามแขนเป็นมัด

         เหมือนฉันโดนมนตร์สะกดให้จับจ้องเขาเนิ่นนาน จนนึกถึงรูปปั้นของเทพมาร์ส เทพแห่งสงครามในตำนานเทพปกรณัมของโรมัน ที่เคยเห็นตอนทัศนะก่อนจนมัธยมปลายศึกษาในหอศิลปะแห่งชาติ กระทั่งน้ำเสียงดุดันตะโกนสั่งอีกครั้ง

         "อย่าแตะต้องนกของฉันเด็ดขาด"

         "ฉันยังไม่ได้แตะเลยนะ" ฉันรีบแย้งทันที

         "แต่ฉันรู้ว่าเธอคิดจะทำ...เฮลิโอกลับมาหาฉัน" เขาใช้น้ำเสียงแข็งกระด้างในการพูดกับฉัน หากประโยคถัดที่เขาเรียกเจ้านกของเขา กลับมีน้ำเสียงที่อ่อนโยน นุ่นนวลกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ฉันอยากจะกรี๊ดให้ดังลั่น ไม่ได้อิจฉานกหรอกแต่เขาเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันถึงแสดงท่าทางร้ายกาจกับฉันแบบนี้ ทั้งๆที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย

         เจ้านกหันมองเขาที มองฉันที อย่างสงสัย และยังคงเกาะแน่นที่ราวระเบียง ขับขานเสียงร้องอันไพเราะไม่หยุดหย่อน

         "ดูท่านกตัวนี้อยากอยู่ฉันมากกว่านายน่ะ" เมื่อเห็นนกยังนิ่งเฉย ฉันจึงได้โอกาสกวนอารมณ์เขากลับบ้าง

         เขาทำตาเขียวใส่ฉันทันที ก่อนจะเอยสั่งห้ามฉันอีกครั้ง "อย่า..."

         ฉันรีบแทรกขึ้นทันทีก่อนเขาจะพูดจบ โดยแกล้งแน่นทีละคำอย่างกวนประสาท "อย่า แตะ นก ของนาย ชิ ฉันรู้น๊า ฉันไม่แตะมันหรอก"

         ก่อนที่จะทะเลาะกันไปใหญ่โต ฉันจึงหันไปส่งยิ้มผูกมิตรให้เจ้านกประหลาด พร้อมแนะนำตัวให้เจ้านกได้รู้จัก โดยไม่ได้สนใจเจ้าของนกตัวนี้เลยว่าเขากำลังทำสีหน้าเช่นไรอยู่

         "เจ้านกน้อย ฉันมามิโกะ อากินะจ้ะ พึ่งเจอกันวันแรกฝากตัวด้วยนะ"

         เจ้านกน้อยพะงกหัวขึ้นลงช้าๆอย่างรู้ภาษา ทำให้ฉันรู้สึกชอบใจเจ้านกตัวนี้อย่างมาก เสียดายที่เจ้าของไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไร

         "นกนายสวยดีนะ" เมื่อเห็นท่าทางเขายืนเงียบๆอยู่นาน ฉันเลยพยายามชวนคุยอย่างผูกมิตร

         "ชื่อเฮลิโอใช่ไหม เพราะดี" ฉันพยายามพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบต่อไปเรื่อยๆ แม้เขาจะยังนิ่งเฉยเหมือนว่าฉันไม่มีตัวตน

         "เฮลิโอเป็นนกพันธุ์อะไรเหรอฉันไม่เคยเห็น"

         "นี่เธอไม่รู้จักนกฟินิกซ์หรอก" เขาตอบแบบย้อนถามกลับ

         "ฉันเคยอ่านตำราส่องนกมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นนกแบบนี้ในตำราที่ฉันเคยอ่านเลย"ฉันตอบเขาเป็นตามตรง

         "นกฟินิกซ์เป็นนกในเทพนิยาย แต่มันมีอยู่จริงในดินแดนเวทย์" เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วไม่ได้แสดงความเป็นมิตรเพิ่มขึ้นเลย และยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ทั้งสมเพช และเหยียดหยามกันอย่างมาก

         "เธอคงเป็นคนที่ถูกเลือกมาซินะ"

         รอยยิ้มที่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าคมของเขาจางๆ จนทำให้ฉันรู้สึกขนลุกรู้สึก เหมือนเป็นรอยยิ้มของจอมมารร้ายในร่างเทพเจ้าที่น่ายกย่อง ฉันเริ่มแน่ใจแล้วว่าไม่สมควรรู้จักเขาเลยสักนิด

         "เฮลิโอเรากลับกันเถอะ" เขาหันไปเรียกเฮลิโออีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานราวคนละคนเช่นเคย

         (เวลาพูดกับนกล่ะ เสียงหวานเชียว ผู้ชายอะไรไม่เป็นมิตรกับสุภาพสตรีเลย) ฉันแอบค้อนเขาในใจ

         "ฉันขอเตือนเธอไว้ คนที่เป็นแค่คนที่ถูกเลือกอย่างเธอ อย่าได้เข้ามาใกล้ฉัน หรือแม้แต่เฮลิโออีก"

         ฉันเหมือนควันออกจากหูในทันทีที่เขาพูดจบ

         (ใครจะอยากไปเข้าใกล้นายกัน ผู้ชายอะไรปากร้ายชะมัด แม้นถ้าอยู่ใกล้ๆฉันจะต่อยให้คว่ำเลยคอยดู)

         "ฉันก็ขอบอกนายไว้เลย ว่าฉันไม่ได้อยากเข้าใกล้นายหรอกน่ะ ถ้านายไม่ได้เป็นคนที่วิ่งมาเข้ามาหาฉันเอง" ฉันตะคอกเขากลับไปบ้างอย่างโมโหสุดๆ ขบกรามแน่นจนปวดฟันไปหมด สบตาเขาราวกับจะพิฆาตกันและกันผ่านทางสายตา

         แม้จะแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมากที่ฉันกล้าดีไปตะคอกใส่เขา แต่สุดท้ายเขาก็หันหลังเดินกลับไปโดยไม่ได้พูดอะไรอีก นกฟีนิกซ์ส่งเสียงร้องเหมือนบอกลาฉันก่อนจะสยายปีกบินตามไปหาเขา เขายกแขนขึ้นมาตั้งฉากเพื่อให้เฮลิโอลงมาเกาะ

         ฉันยืนมองจนเขาเดินลับหายเข้าไปทางประตูอีกฝั่งหนึ่งของตัวปราสาท ฉันทำให้เทพมาร์ส เทพเจ้าแห่งสงครามอย่างเขาแค้นมากแน่ๆ ความรู้สึกเล็กๆในใจทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า การเป็นคนที่ถูกเลือกมันน่ารังเกียจหรือ ทำไมเขาถึงพูดจาร้ายกาจกับฉันได้ถึงขนาดนั้นทั้งๆที่เราก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลย มันคงไม่ปลอดภัยสำหรับฉันเลยถ้าต้องพบเขาอีกเป็นที่สอง แต่ในเมื่อเขาร้ายมาฉันก็จะร้ายตอบ อยากรู้เหมือนกันว่าเทพมาร์สอย่างเขาจะสักเท่าไร

         จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันจึงได้สติกลับคืนมา ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที มาสเตอร์ฮินะส่งยิ้มทักทายอย่างร่าเริงมาให้

         "ฉันกลัวว่ามิโกะจะยังไม่ตื่น เพราะนอนไม่ค่อยหลับก็เลยมาปลุกน่ะ"

         "เมื่อคืนหลับสบายดีค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง มิโกะกำลังจะแต่งตัวลงไปที่ห้องโถงแล้วล่ะคะ" ฉันรีบอธิบาย

         "จ้ะ ฉันเตรียมชุดของมิโกะไว้ในตู้แล้วนะ" มาสเตอร์ฮินะชี้มือไปที่ตู้เสื้อ

         "ขอบคุณค่ะ มาสเตอร์ฮินะ" ฉันก้มศีรษะอย่างขอบคุณ

         "แล้วรีบลงไปเจอกันที่ห้องโถงน่ะจ้ะ เรามีการเลือกคู่ธาตุกัน"

         "อะไรคือคู่ธาตุค่ะ" คิ้วของฉันทั้งแทบติดเข้าด้วยกันเพราะความไม่เข้าใจกับคำว่าคู่ธาตุ

         "ลงไปแล้วเธอจะรู้" มาสเตอร์ฮินะพูดแล้วเดินออกไป ทำให้ฉันยิ่งสงสัยมาก คิ้วฉันกระตุกถี่ๆทั้งซ้ายและขวา ถ้าเป็นคนไทยคงคิดว่าคิ้วกระตุกขวาร้ายซ้ายดี แต่ถ้ากระตุกทั้งสองข้างฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าจะดีร้ายหรือร้ายดีอย่างไรกันแน่

 

 

 

ขอความคอมเม้นหน่อยน่ะคะ จะได้รู้ว่าดีไม่ดีอย่างไง

มิโกะเป็นนักเขียนมือใหม่ ไม่มีคอนเม้นเลยไปไม่เป็นแล้วค่ะ

รอคำติ-ชมอยู่น่ะคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา