CatWalk “กูจะดังให้มึงจำ”
เขียนโดย nooonaa
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.54 น.
แก้ไขเมื่อ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556 23.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
34) Catwalk 32 : เพราะรักมากเกินไป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBy nooonaa
Catwalk 32 : เพราะรักมากเกินไป
+น้องหมาเล็ก+
มันคงไม่มีอะไรใช่มั้ย...มันคงมีแต่ความสุขจริงๆแล้วใช่มั้ย
"เฮ้!!" เสียงสองหนุ่งประสานกันลั่นเมื่อลูกกลมๆในทีวีถูกเตะเข้าประตู ก่อนเสียงขวดแก้วจะกระแทกกันดังกิก
กิก
"หนึ่งต่อศูนย์แล้ว! ฮ่าๆ" คราวนี้เป็นเสียงของพ่อที่ดูจะดีใจสุดๆก่อนไอ้ทิวจะหัวเราะตามอีก
นี่ไง...ที่ผมบอกว่า มันคงจะมีแต่ความสุขแล้วจริงๆ
ขอบคุณนะครับพ่อที่เข้าใจผม
ถึงแม้จะรู้สึกแปลกๆที่อยู่ๆพวกท่านก็โทรเรียกพวกผทกลับ ตอนนั้นเล่นเอาเครียดจนแทบทำงานไม่ได้ ก็เลยต้องหันไปอ้อนไอ้ทิวแก้เครียด แล้วยิ่งมาเจอพี่ๆนางแบบแอบจิกกัดเหมือนในละครน้ำเน่าก็ยิ่งเซ็ง ตกลงชีวิตผมกะจะให้เจอทุกอย่างเลยใช่มั้ยเนี่ย
แต่พอได้ยินคำชวนให้ไอ้ทิวดูบอลเป็นเพื่อน มันก็เล่นเอาผมแทบหุบยิ้มไม่ลง แล้วก็ดูเหมือนพวกท่านจะเอ็นดูมันมากเหมือนกัน แต่ผมเองก็อยากรู้ว่าทำไมพ่อถึงยอมรับเรื่องนี้ง่ายๆ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับคนที่มีลูกชายสักเท่าไหร่ แถมยังไม่ขอฟังคำอธิบายจากผมอีก นั่นแหละที่ผมงง
ถึงแม้ว่าพวกท่านจะเป็นอาจารย์เลยอาจจะเจอลูกศิษย์ที่มีแนวโน้มเบี่ยงเบน แต่นี่ผมเป็นลูกชายพวกท่านแท้ๆนะ แล้วทำไมเรื่องถึงเงียบ
นี่ตกลง...เข้าใจผมจริงๆงั้นสิ
"สะใจจริงๆ แล้วนี่เล่นบอลป่าวไอ้ลูกชาย" อยู่ๆพ่อก็สะกิดถามไอ้ทิวที่นั่งข้างๆผม มันก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบเหมือนไม่ได้คิดอะไร
"เล่นสิครับ แต่เล่นช่วงแมทใหญ่ๆนะครับ แมทเล็กๆเสียดายตัง"
หือ...ตรงมากแฟนกู มึงเคยคิดมั้ยว่าพ่อกูเป็นอาจารย์ แล้วเขาจะไม่ชอบเด็กเลวๆอย่างมึงเนี่ย
นี่หมาผมเป็นคนดีหรือตกลงแล้วมันโง่กันแน่อะ...เห้อ
"เออเว้ย นายก็ตรงดีแหะ" แต่พ่อกลับไม่ว่าอะไรมันก่อนท่านจะยิ้มอย่างขำๆ โดยที่มันเองก็ทำเป็นยิ้มกว้างแล้วยกขวดเบียร์ดื่มต่อ
นี่อย่าบอกนะว่าพ่อชอบมันจริวๆอะ...จริงดิ นี่ผมดีใจนะ
"แล้วตอนนี้ทำงานหรือเรียนอยู่" พ่อก็ยังคงถามคำถามต่อโดยที่ไอ้ทิวมันเองก็คงรู้ว่ามันต้องหันมาคุยกับพ่อเขาแบบจริงๆจังๆสักที มันเลยวางขวดเบียร์ลงก่อนจะตอบคำถามนั้นแบบสบายๆ
"เรียนอยู่ครับ ผมเรียนศิลปกรรมด้านออกแบบดีไซน์เนอร์ครับ อีกไม่ถึงเดือนผมก็จะจบแล้ว"
จะจบแล้วหรอเนี่ย...กูยังไม่เคยเห็นมึงจะไปเรียนเลยเถอะ มึงโม้ป่าววะ
"แล้วคิดว่าต้องทำยังไงกับอนาคตตัวเองต่อ" ผมฟังคำถามพ่อที่ถามทันทีเมท่ออีกคนตอบเสร็จ เหมือนกับว่าท่านอยากจะสวบสวนก่อนจะยกลูกสาวสุดรักสุดหวงให้ แต่พ่อครับ...ผมเป็นผู้ชายนะ!
"ผมอยากทำงานตามที่ตัวเองชอบก่อนครับ แล้วค่อยไปช่วยป๊าทำงานต่อ" แล้งงานอะไรที่มันชอบอะ ผมอยู่กับมันก็ไม่เคยเห็นมันทำอะไร นอกจากแวะไปห้องเสื้อไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนั้นก็มานั่งงมผมอยู่ที่ห้อง
แล้วอะไรที่มันคิดจะทำกันนะ
"งานที่ตัวเองชอบคืออะไรงั้นหรอ"
"ผมอยากสร้างแบรนด์ห้องเสื้อของตัวเองให้ประสบความสำเร็จก่อนครับ แบบตามที่ฝันไว้"
อ้อ...ที่พี่กันย์เคยบอกว่าแบรนด์ห้องเสื้อมันกำลังจะโกอินเตอร์อะนะ นี่แฟนผมเก่งขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
"แล้วตอนนี้มันใกล้จะประสบความสำเร็จรึยังล่ะ" พ่อผมนี่ก็อยากรู้จริงอยากรู้จังเลยนะ แต่ผมก็ทำได้แค่นั่งฟังพวกเขาคุยกันก่อนที่ตัวเองจะคว้าขนมขึ้นมากิน
"ตอนนี้ก็ถือว่ามันเป็นไปตามเป้าที่วางไว้แล้วครับ แต่ยังไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งขึ้นใหม่"
"หมายความว่าไง"
"เมื่อสองเดือนก่อนพวกเราวางแผนจะเปิดตลาดแถบเอเซีย ซึ่งมันก็ประสบความสำเร็จเกินคาด ส่วนเป้าหมายใหม่เราที่วางไว้ก็คือ...catwalk ที่ปารีสครับ"
CATWALK
ทำไมพอฟังคำนี้แล้วรู้สึกยิ่งใหญ่ชะมัด
"แล้วคิดว่ามันจะอีกนานมั้ย ที่จะประสบความสำเร็จ"
"น่าจะอีกปีกว่าๆแหละครับ เพราะพวกเราต้องทำฐานทางฝั่งเอเชียให้แน่นก่อน"
ตามตรงเลยนะ ผมไม่เคยเห็นมุมจริงจังแบบนี้จากไอ้ทิวสักเท่าไหร่ นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าเสือซ่อนเล็บ พอถึงเวลามันก็เผยอำนาจของมันออกมาเอง ถึงแม้ว่าเวลาปกติจะเหมือนไม่เอาอ่าว แต่ก็ถือว่ามันประสบความสำเร็จและก้าวข้ามเด็กวัยเดียวกันไปไกลแล้ว
ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกได้ทันที...ว่าหมาใหญ่ของผมเท่ห์จัง
"แล้วความสัมพันธ์ระหว่างนายกับลูกชายฉัน มันต้องเรียกแบบไหน"
อึก!
อยู่ๆท่านก็ถามคำถามที่ดูจะคนละเรื่องออกมา เล่นเอาผมหันไปทางเจ้าของเสียงขวับอย่างตกใจ โดยที่ไอ้ทิวก็คงไม่ต่างจากผม เพราะมันเองก็นิ่งเงียบไปนานเหมือนกัน
นี่พ่อต้องการสื่ออะไรกันแน่
"เงียบทำไมละ ตอบมาสิ"
"พ่อครับ ทำไมถามแบบนั้นอะ" ผมเลยพยายามเปลี่ยนเรื่องแต่พ่อกลับสั่งผมเสียงเรียบ
"แวน...ไปเอาเบียร์ให้พ่ออีกขวดหน่อยสิ"
อะไรนะ ทำไมต้องให้ผมออกไปจากห้องนี้ตอนที่กำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ นี่ตกลงพ่อเข้าใจพวกผมรึป่าว
"พ่อครับ..."
"แวน ไม่ได้ยินที่พ่อสั่งหรอ ไปเอาเบียร์ให้พ่ออีกขวดสิ"
อึก
"ครับ" ผมเลยจำใจต้องลุกออกจากตรงนั้นแล้วเดินไปหยิบเบียร์ที่ห้องครัว แต่พอผมเดินกลับมา ห้องนั่งเล่นที่ผมเคยนั่งก็ถูกปิดล็อกด้วยกระจกบานเลื่อนทำให้ผมไม่สามารถได้ยินเสียงข้างในเลยสักนิด ทำได้แค่เห็นไอ้ทิวกำลังคุยกับพ่อด้วยสีหน้าที่ดูเครียดสุดๆ
ไอ้ทิว...อย่ายอมแพ้นะ
ผมเฝ้ามองสองคนนั้นอยู่นานแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะมือมือเล็กมาวางบนไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ ผมหันไปมองก็เจอแม่กำลังยืนดูสองคนนั่นเหมือนกัน ผมเลยรีบถามท่านเพื่อคลายกังวลที่มีอยู่ตอนนี้
"พ่อเขาคิดจะทำอะไรอะแม่ ผมใจไม่ดีเลย"
"พ่อน่ะหรอ...นั่นสินะ คิดจะทำอะไรกันนะ" เอ๊ะ...ทำไมถึงตอบยียวนแบบนั้น
"นี่แม่รู้อะไรใช่มั้ยครับ ตกลงพ่อกับแม่ไม่ได้คิดจะยอมรับพวกผมใช่มั้ย" ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บจีี๊ดที่หัวใจทันทีที่คิดแบบนั้น ตกลงแล้วที่ผมคิดว่าพวกท่านยอมรับมันก็แค่การแสดงฉากๆหนึ่งเพื่อให้ผมตายใจใช่มั้ย
"ปากร้ายจังน้องแวน พูดแบบนั้นเหมือนไม่รู้จักพ่อกับแม่" เสียงแม่เขาเริ่มนิ่งไม่มีความรู้สึกว่าใจดีเลยสักนิด ผมเลยก้มหน้าลงชิดออกก่อนจะเอ่ยคำขอโทษออกมา
"ผมขอโทษครับ ผมแค่กลัวว่าพ่อกับแม่จะขัดขวางพวกเรา"
ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วผมจะทำยังไง ผมคงต้องมานั่งร้องไห้อีกครั้งใช่มั้ย
"เสียใจหรอ" มือเล็กดึงหน้าผมให้หันไปสบตากันก่อนมืออีกข้างจะทาบเข้ากับแก้ม ผมมองตาท่านแล้วรู้สึกโหวงแปลกๆ เหมือนกับท่านเองก็เครียดอะไรบางอย่าง
"แม่ละครับ...เสียใจมั้ยที่ผมเป็นแบบนี้" ที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน
"เสียใจสิ เพราะพ่อกับแม่อยากมีหลาน" สะอึกเลยครับ คำพูดประโยคนี้มันจุกอยู่ที่คอ แล้วเหมือนจะลามลงไปที่หัวใจ มันบีบรัดอย่างแรงจนผมอยากจะหายไปจากตรงนั้นให้ได้ ท่านจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจกับลูกชายเลวๆอย่างผม
"ขอ ขอโทษครับ ผมขอโทษ" ผมดึงร่างบางตรงหน้าเข้าหาอ้อมกอดก่อนจะซบไหล่บางนั้นแน่น ผมไม่รู้จะทำยังไงกับความเสียใจนี้แล้วจริงๆ ผมไม่อยากจะให้ท่านเสียใจ
"น้องแวน...เรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว พ่อกับแม่ก็เสียใจไปแล้ว ยังไงมันก็ไม่กลับมาหรอก ความรู้สึกดีๆก่อนหน้านั้นน่ะ"
"แม่ครับ...." ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกเจ็บปวดแทนพวกท่านจริงๆ
ขอโทษครับ ผมร้องไห้อยู่บนไหล่บางนั้นอยู่นานโดยมีฝ่ามือเล็กคอยลูบปลอบ แต่ท่านก็ไม่ได้พูดอะไรกับผม ท่านปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้นก่อนเสียงปลดล็อกประตูจะดังขึ้น
บ๊อก
ผมรีบผละออกจากไหล่แม่แล้วหันไปมองทางต้นเสียง ก่อนจะเห็นร่างสูงที่คุ้นตาเดินออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก มันดูเครียดและอ่อนล้าเต็มทน ผมเลยรีบชะเง้อไปมองพ่อที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนท่านจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
"ไอ้ทิว...มึงคุยอะไรกับพ่อ" ผมรีบถามเจ้าตัวก่อนจะกุมมือหนาไว้แน่น
"ไม่ได้คุยอะไรนี่" ตอบแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อกูเห็นกับตาว่ามึงคุยกับพ่อกูอยู่ นี่มึงคิดจะปิดอะไรกูวะ
"ไอ้ทิว บอกกูมา" ผมกดเสียงต่ำจนอีกคนต้องดึงผมให้เดินออกห่างจากตรงนั้น พอลับตาผู้ใหญ่มันก็ดึงผมเข้าไปกอดทันที
"เห้อ...กูเหนื่อยจังมึง กูเหนื่อยจริงๆ"
อะ อะไรวะ ทำไมมึงพูดแบบนั้น
"มึงพูดแบบนั้น...คงไม่คิดจะทิ้งกูไปนะ" ได้โปรดเถอะ มึงอย่าคิดแบบนั้นเชียวนะ อย่าทิ้งให้กูต้องอยู่คนเดียว อย่าทิ้งให้กูต้องคิดถึงมึง
แต่อีกคนกลับไม่ตอบ มันดันตัวผมออกก่อนจะเกี่ยแก้มผมเบาๆอย่างที่ชอบทำ แล้วอยู่ๆรอยยิ้มสวยก็เผยออกมาเมื่อมันเอาแต่จ้องตาผม ไม่นานริมฝีปากหนักๆก็กดทับลงมาช้าๆแต่ดูจืดชืดมาก
แปลกๆ ทำไมมันดูเป็นจูบที่เศร้าขนาดนี้
"ไอ้ทิว...มันเกิดอะไรขึ้น มึงบอกกูมาสิ อย่าทำแบบนี้" พอริมฝีปากบางถอนออก ผมก็เอ่ยถามทันที แต่มันก็ยังคงใช้ความเงียบควบคุมทุกอย่าง แล้วนั่นก็ทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจ
มีอุปสรรคอีกแล้วใช่มั้ย...ความรักครั้งนี้
"น้องแวน...เข้าบ้านได้แล้ว" แต่แล้วแม่ก็ออกมาเรียกให้ผมเข้าบ้าน ผมหันไปมองท่านที่ยืนอยู่ตรงประตูก่อนจะหันกลับมาหาอีกคน มันเองก็เอาแต่มองหน้าผมอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่คิดจะสนใจใครอีด จนเสียงนุ่มเริ่มเปล่งออกมาพร้อมความสั่น
"กูกลับก่อนนะ"
กลับ!
"กะ กลับไปไหน ทำไมต้องกลับ วันนี้จะนอนที่นี่ไม่ใช่หรอ" นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ
"กูต้องกลับไปทำงานน่ะ คืนนี้ก็นอนที่บ้านไปก่อนนะ เดี๋ยวกูจะมารับมึงนะ" งาน! กูอยู่กับมึงมาตั้งสองเดือนกูยังไม่เคยเห็นมึงทำงานสักครั้ง อล้วทำไมต้องมามีงานในวันนี้ด้วย มึงกำลังคิดจะโกหกกูไปถึงเมื่อไหร่วะ
"เดี๋ยวกูกลับมารับจริงๆ" มันคงรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เลยย้ำให้ผมสบายใจ
จะมารับงั้นหรอ...นี่คือสัญญาใช่มั้ย
"จริงนะ มึงไม่ได้โกหกใช่มั้ย" ผมถามเพื่อความมั่นใจก่อนที่ใบหน้าหล่อจะพยักหน้ารับ
"อืม แล้วเจอกันนะ" แล้วมันก็ค่อยๆก้มลงมาหอมแก้มผมซ้ำๆอยู่หลายครั้งก่อนจะยอมหยุดเมื่อมีเสียงหึมในลำคอดังขัดขึ้น มันเลยเงยหน้าหันไปมองพ่อกับแม่ที่มองอยู่แล้วยกมือไหว้พวกท่าน
"ผมลาละครับ"
จะไปจริงๆหรอ
"...."
"ขับรถดีๆนะน้องทิว" มีเพียงแต่แม่เท่านั้นที่รับคำลาก่อนร่างสูงจะค่อยๆเดินออกจากประตูรั้วไป ผมเองก็ทำได้แค่มองตามจนรถมินิสีแดงจะหายลับไปกับตา แล้วมันก็มาพร้อมกับสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ
"เข้าบ้านเถอะน้องแวน เดี๋ยวเป็นหวัดเอานะ" แม่เรียกผมอีกครั้งก่อนผมจะยอมเดินตามพวกท่านไป ถึงแม้ว่าใจผมอยากจะถามเรื่องทั้งหมดจนใจจะขาด แต่ผมก็รู้สึกผิดมากพอที่จะถาม เพราะผมแท้ๆที่ทำเรื่องนี้เกิด ดังนั้นผมจึงไม่ควรโยนความผิดไปที่ใครทั้งนั้น
ผมเดินเข้าไปในห้องตัวเองด้วยความรู้สึกที่ตีรวน เพียงแค่คืนนี้ผมจะไม่ได้นอนกับมันผมก็รู้สึกแย่สุดๆ จนตอนนี้หัวใจผมกำลังทะเลาะกันเพื่อหาข้อสรุป ระหว่างจะทนอยู่ที่นี่หรือจะหนีไปหาอีกคนดี
ถ้าผมเลือกอย่างหลัง ทุกคนจะเสียใจเพิ่มขึ้นมั้ย
ติ้ง!
แต่แล้วเสียงข้อความในโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น ผมเลยรีบคว้ามันขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าคนที่ผมกำลังคิดถึงนั้นเป็นคนส่งมา
'กูรักมึงมากๆนะ หมาเล็ก'
"กูก็รักมึงมากๆเหมือนกัน หมาใหญ่" ผมเผลอพูดตอบประโยคนั้นเหมือนกับอีกคนกำลังนอนกอดอยู่ข้างๆผม ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริงแต่ก็ทำให้ผมคิดว่าตัวเองสามารถที่จะนอนคนเดียวในคืนนี้ได้ ผมเลยส่งข้อความตอบกับพร้อมกับกดจูบลงบนหน้าจอมือถือตัวเองเพื่อที่จะฝากมันไปหาอีกคน
'ผมรักพี่นะครับ...พี่ทิว'
เช้าวันรุ่งขึ้นผมก็รีบแต่งตัวเพื่อรออีกคนที่จะมารับ ก่อนจะลงไปกินข้าวเช้าเมื่อแม่ขึ้นมาเรียก พอลงมาถึงผมก็เห็นพ่อกับแม่กำลังนั่งรอผมอยู่โดยที่พ่อนั้นกำลังอ่านหนังสือพิมพ์เหมือนที่ทำประจำ ผมเลยเดินไปหอมแก้มแม่เหมือนทุกครั้งก่อนจะกลับมานั่งที่ตัวเอง
"นานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ที่เราสามคนพ่อแม่ลูกไม่ได้กินข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้" เสียงแม่ดูดีใจมากเลยครับที่มีวันนี้ ผมเองก็อดยิ้มไม่ได้ก่อนจะตักข้าวสวยร้อนๆใส่จานพ่อและตามด้วยจานของแม่
"งั้นทานเยอะๆนะครับ"
"จ๊ะ/อืม" พ่อกับแม่รับคำผมก่อนที่มือใหญ่จะวางหนังสือพิมพ์ลง ธรรมดาพ่อผมใจดีนะ แล้วก็ไม่ค่อยเงียบแบบนี้ด้วย แล้วทำไมวันนี้ดูแปลกๆ
หรือว่าท่านจะโกรธผมจริงๆ
"พ่อครับ พ่อยังไม่หายโกรธผมหรอ" ผมรีบตักไข่เจียวหมูสับของโปรดท่านแล้วอ้อนเสียงหวาน ท่านเลยเหล่มองผมเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดอะไร แต่ผมเห็นนะ ไอ้แก้มแดงๆทั้งสองข้างนั่นน่ะ แสดงว่าไม่ได้โกรธถึงจะมีท่าทีแบบนั้นก็เถอะ
ยังไงก็รักสินะ...โกรธกันไม่ลงใช่มั้ย
"แหม แล้วแม่ละน้องแวน แม่ก็อยากกินไข่เจียวนะ" แล้วเสียงน้อยใจก็ดังตามมาทันที ผมเลยรีบตักมันให้ก่อนที่ทุกอย่างจะเหมือนหยุดนิ่ง เมือเสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้นกลางโต๊ะอาหาร
"พ่อจะให้เราไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียอาทิตย์หน้า ไปอยู่กับเพื่อนพ่อที่นั่น"
อาทิตย์หน้า!!
"อะไรนะครับ!" ผมถามกลับด้วยความตกใจก่อนจะมองหน้าแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ท่านกลับหลบตาผมแล้วนิ่งเงียบ
"ไม่ต้องถามมาก ไปเรียนที่นู้นซะ แล้วก็เลิกเป็นนายแบบไปเลย" จะบ้าหรอ นั่นมันชีวิตผมนะ ถึงผมจะไม่ได้อยากจะทำมัน แต่ผมก็รักที่จะทำมันนะ แล้วที่สำคัญ...คนรักของผมก็อยู่ที่นี่
"แต่ผมไม่อยากไปนี่ครับ"
"พ่อบอกอะไรก็ทำตามซะ คราวนี้มันก็ควรถึงเวลาที่แวนจะต้องทำตามคำสั่งพ่อได้แล้ว ในเมื่อพ่อเองก็ยอมให้แวนไปเป็นนายแบบเหมือนกัน"
นี่กะจะเอาเรื่องนั้นมาต่อรองกับผมงั้นสิ แต่ผมจะไม่มีทางยอมง่ายๆแน่
"แต่ผมยังเรียนไม่จบเลยนะครับ"
"มันเหลือแค่สองสามอาทิตย์แวนก็จะจบ เดี๋ยวทำเรื่องจบให้แล้วก็ไปเรียนต่อที่นั่นเลย" นี่พ่อคิดไว้นานแล้วใช่มั้ย ถึงได้พูดเหมือนมีนง่ายดายขนาดนั้น แล้วที่พ่อทำเมื่อวานนี่มันหมายความว่ายังไง
"พ่อไม่อยากให้ผมกับพี่ทิวคบกันใช่มั้ยครับ" เอามันตรงๆนี่แหละ ผมอยากรู้เหตุผล แล้วจะได้ไม่ต้องมาอ้างเรื่องอื่นให้เสียความรู้สึก
"ใช่ พวกแกเป็นผู้ชายทั้งคู่ มันทำให้ความน่าเชื่อถือในหน้าที่การงานของพ่อกับแม่เสียหายไปด้วย"
อย่างนี้นี่เอง ที่ต้องการให้ผมไปเรียนเพราะไม่อยากให้ตัวเองโดยคนอื่นว่าสินะ แต่มันก็จริง...ขนาดลูกตัวเองยังรักกับผู้ชายด้วยกัน แล้วจะมีใครกล้าเอาลูกหลานมาให้ท่านอบรมดูแลละ
ผมเข้าใจแล้ว...แต่ผมก็ยังคงไม่อยากไปอยู่ดี
"เข้าใจแล้วครับ" แต่ก็อีกนั่นแหละ ผมใจไม่แข็งพอที่จะเป็นลูกอกัตญญู
"แล้วก็เลิกคบกับเด็กคนนั้นซะ เด็กที่ดูท่าทางจะเลี้ยงดูแกไม่ได้เลยสักนิด คบไปก็รังแต่จะล่มจม"
อะไร! ทำไมต้องว่ากันขนาดนั้น ทั้งๆที่พ่อแทบจะไม่รู้จักอะไรมันเลย แล้วมาตัดสินกันแบบนี้ได้ยังไง
"แต่ผมก็ยอมไปออสเตรเลียแล้วนี่ครับ แล้วทำไมผมต้องเลิก"
ปึก!!
"พ่อสั่งอะไรก็ทำตามซะ" แต่แล้วมือใหญ่ก็ตบลงมาบนโต๊ะเสียงดังก่อนท่านจะดุผมอีกครั้ง ซึ่งมันเล่นเอาผมแทบลืมหายใจ
จบแล้วสินะ
"ครับ" ผมตอบแค่นั้นก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนห้องตัวเองแล้วล็อกประตูอย่างไว ตอนนี้ใจผมสั่นไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ก็ผมไม่อยากจะเลิกกับไอ้ทิวนิ...ก็ผมรักมันมากขนาดนี้
ผมค่อยๆตั้งสติตัวเองให้นิ่งแล้วเริ่มคิดหาทางออก แต่หัวใจผมกลับมีคำสั่งแซงทุกอย่างที่ผมคิดไว้ มันสั่งให้ผมรีบคว้าโทรศัพท์แล้วโทรหามัน
"รับสิวะ" ผมรอปลายสายอยู่นานก็ไม่มีท่าทีที่อีกคนจะรับเลยสักนิด จนมันถูกตัดไป ผมเลยลองโทรอีกครั้งแล้วมันก็เป็นแบบเดิม นี่มันเกิดอะไรขึ้น คนอย่างมันไม่น่าปล่อยโทรศัพท์ไว้ไกลตัว แล้วทำไมถึงไม่รับสายผม หรือว่าเมื่อวาน...พ่อจะพูดกับมันเหมือนที่พูดกับผม ที่ให้เลิกกับผมซะ
บ้าเอ้ย! มันจะอะไรกันหนักวะ มีสักครั้งมั้ยที่กูคนนี้จะมีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป ทำไมไม่ให้กูอยู่สงบๆบ้าง ให้กูมีความสุขสักครั้งได้มั้ยวะ
แม่ง!
ผมทุบเตียงดังตุบหลายต่อหลายครั้งเพื่อระบายความอึดอัดที่อยู่ภายในใจจนเหมือนคนบ้า ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกโกรธที่พ่อบังคับผมแบบนั้น แต่ที่ผมโกรธเพราะไอ้ทิวมันรักผมมากเกินไป มันเป็นเพราะแบบนั้นไงมันถึงยอมทำทุกอย่างเพื่อผม แม้กระทั่งการที่ต้องเลิกกัน
พ่อคงเอาผมมาต่อรองแน่มันถึงยอมง่ายๆ นี่ถ้าพ่อบอกให้มันไปตายมันก็คงจะไป ทำไมวะไอ้ทิว มึงแค่รักกูน้อยลงอีกนิดมึงคงจะไม่ยอมทิ้งกูไปแน่ ทำไมมึงถึงรักกันมากขนาดนั้น
ไอ้หมาบ้า!
แต่ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่ยอมเลิกกับมันเด็ดขาด ผมต้องทำให้เราสองคนอยู่ด้วยกันให้ได้ แม้จะต้องมีใครเสียใจ แต่ผมก็จะไม่สน
ขอแค่มีผมกับมันก็เพียงพอแล้ว
ไอ้ทิว...รอกูก่อนนะ เพราะคราวนี้จะเป็นตากู...ที่กูคนนี้จะไปฉุดมึงให้มาอยู่ในอ้อมกอดของกูบ้าง
รอก่อนนะ
++++++++++++++++++++++++++++++++
131221
แม่เจ้า อีกนิดๆ รอกันนะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ