THE SUN เพราะว่ารัก กูถึงต้องร้าย!!! (Yaoi'Boys love )
9.7
เขียนโดย Musun
วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.55 น.
9 ตอน
3 วิจารณ์
36.39K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 14.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) THE SUN : 9.........(มาฆีย์ & x ปุ้น )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความTHE SUN : 9.........(มาฆีย์ & x ปุ้น )
ร่างสูงของหนุ่มลูกเสี้ยวผู้มีชื่อเสียงในวงการนักแข่งนั่งหลับตาอย่างอ่อนล้าอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่ในห้องพักนักแข่ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาร่างสูงอดหลับอดนอนเพื่อตามหาตัวเพื่อนรักคนสำคัญแต่จนถึงวันนี้ก็ยังหาไม่เจอจนร่างสูงใหญ่เริ่มอ่อนล้าเนื่องจากไม่ค่อยได้พักผ่อน และวันนี้หลังจากที่ขับรถวนหาซอลไปจนทั่วกรุงเทพร่างสูงก็พาร่างกายอันอ่อนล้ากับมาที่สนามแข่งเพื่อรอการแข่งรถที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้
“ ยังหาไม่เจออีกเหรอวะ “ เสียงเข้มที่เคยขี้เล่นของเพ้นท์ถามขึ้นเมื่อร่างสูงเดินมานั่งลงข้างๆกับเพื่อนรักพลางถามถึงความคืบหน้า
“ ไม่มีวี่แววเลยวะ “ มาฆีย์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเนื่องจากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอมาหลายวัน และมันก็สะสมจนทำให้ร่างสูงแทบจะทรงตัวไม่ไหว ทั้งแข่งรถ ทั้งตามหาคนมันทำให้มาฆีย์รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก
“ แม่งจะเล่นอะไรของพวกมันวะ ถ้าซอลเป็นอะไรขึ้นมากูเอาพวกแม่งตายแน่ “ นัยตาสีน้ำตาลอ่อนของหนุ่มเพ้นท์วาวโรจน์ทั้งกลัวทั้งเป็นห่วง หลายวันที่ผ่านมามันทำเอาเขาแทบบ้าเหมือนกัน
“ ไม่ต้องให้ถึงมือมึงหรอก กูนี่แหละจะฆ่ามันเองถ้ามันบังอาจแตะต้องซอล” ร่างสูงที่นั่งหลับตาอยู่เปิดเปลือกตาขึ้นเผยให้เห็นนัยตาสีรัตติกาลที่ดูลึกลับน่าค้นหา และตอนนี้มันเต็มไปด้วยความดุดันและแข็งก้าว
“เฮ้อ ว่าแต่มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าพวกมันทำแบบนี้ทำไม “ เพ้นท์ถอนหายใจเบาๆกับอารมณ์ของเพื่อนรักของตนเป็นอันรู้ดีอยู่แล้วว่ามาฆีย์เป็นคนที่มีอารมณ์เหนือการคาดเดามาก เพื่อนรักของเขานั้นสามารถทำอะไรๆที่คนอื่นๆไม่คิดว่าจะมีคนกล้าทำได้ นัยตาสีน้ำตาลอ่อนมองเพื่อนรักอย่างรอคำตอบ
“ มึงจำเกรซได้มั้ย “ ร่างสูงถามเกริ่น
“ เด็กเก่ามึงน่ะเหรอ “ เพ้นพูดตอบอย่างนึกได้
“อืม คนนั้นแหละ “มาฆีย์พยักหน้าตอบรับ ทำให้คิ้วเข้มๆของคนเป็นเพื่อนอย่างเพ้นท์ขมวดขึ้นอย่างสงสัย
“ แล้วเกรซมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ “ ไม่ต้องรอช้าเพ้นท์ถามกลับไปอย่างอยากรู้ทันที
“เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว กูพึ่งได้รู้ว่าเกรซเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่กราฟ “ มาฆีย์พูดบอกด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร แต่แววตากับเต็มไปด้วยความกังวลจนเพ้นท์จับสังเกตได้
“ หรรษาอีกแล้วชีวิต “ เพ้นท์หัวเราะฝืดๆในลำคอก่อนจะพูดออกมาประชดชีวิต
“ หึ มีหรรษากว่านั้นอีก มึงรู้ใช่มั้ยว่าหลังจากที่เกรซเลิกกับกูไป เธอทำใจไม่ได้จนเกือบฆ่าตัวตาย” ร่างสูงเล่าต่อโดยที่มุมปากยกยิ้มเยาะๆตัวเอง
“ เออรู้ เป็นความคิดที่โบราณมากอกหักแล้วฆ่าตัวตาย" มาถึงตรงนี้เพ้นท์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเพื่อนรักจะมาระลึกความหลังให้เขาฟังทำไม
“หึ กูก็ว่างั้น “ มาฆีย์ตอบรับด้วยแววตาหม่นๆ
" แล้วไงต่อวะ มันเกี่ยวไรกับเกรซกับพี่กราฟในเมื่อคนที่พาซอลไปคือไอ้ซันเด็กในทีมพี่กราฟ “ เพ้นท์จับสังเกตเพื่อนรักได้แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีจึงพยายามทำเป็นไม่สนใจ
“เกี่ยวดิ เกี่ยวมากเลยล่ะ ในเมื่อซันมันเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวพี่กราฟ!!! “
ความจริงที่พึ่งได้รู้ทำเอาเพ้นท์ถึงกับอึ้งไปเลยที่เดียว ถ้าเป็นแบบนี้เขาเดาได้เลยว่าที่เรื่องเป็นแบบนี้เพราะฝ่ายนั้นต้องการแก้แค้นให้เกรซที่เป็นน้องสาวแน่ๆ พอรู้ความจริงมันก็ทำให้เพ้นท์เคลียดขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเพราะ แค่ซันพาตัวซอลไปน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าซันต้องการแก้แค้นให้เกรซนั้นหมายความว่าพวกมันจะต้องทำทุกอย่างให้มาฆีย์ทุรนทุราย และที่มันเลือกจะทำกับซอลเพราะมันรู้ว่าซอลสำคัญกับมาฆีย์มากแค่ไหน
“เหอะๆ ตลกร้ายเกินไปแล้ว “ เพ้นท์หัวเราะฝืดๆกับโชคชะตาที่เล่นตลก
“ หึ ตลกจนกูกลัวเลยละ....”
ร่างสูงของเพ้นได้แต่มองเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เพราะเท่าที่คบกันมามันทำให้เพ้นท์รู้ว่าถ้าเป็นเรื่องของซอลมาฆีย์จะเคลียดเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร และตอนนี้เพื่อนรักของเขาคงกำลังโทษตัวเองที่ทำให้คนสำคัญต้องมาตกอยู่ในอันตรายแบบนี้
.
.
.
23: 23 ณ สนามแข่ง XYZ
ร่างบางในชุดนักศึกษาชายออกวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะหนีให้พ้นจากการเป็นของเล่นให้กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายแท้ๆของเขา ร่างบางวิ่งตรงไปยังอีกฝากหนึ่งของสนามซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามที่คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ถ้าเขาเข้าไปหลบในนั้นได้นั้นย่อมหมายความว่าเขาจะรอดจากการถูกพี่ชายแท้ๆนำไปเป็นของพนันในการแข่งรถคืนนี้
“ อีกนิดเดียวเท่านั้นปุ้น แฮ่กๆๆ “ ร่างบางพูดให้กำลังใจตัวเองสองเท้ายังคงวิ่งไม่ยอมหยุด
และในที่สุดร่างบางก็พาตัวเองมาจนถึงเป้าหมายได้อย่างปลอดภัย ปุ้นรับพาตัวเองหลบไปยังหลังรถยนต์สุดหรุคันหนึ่งที่จอดอยู่บริเวณจุดพักรถเพื่อรอลงแข่งขัน และตอนนี้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางรถคันนี้ และถ้าพวกนั้นมาเจอเข้ากับปุ้นมันจะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ
“เอาไงดีๆๆ “ ปุ้นพยายามคิดหาทางออกให้ตัวเอง
แล้วเหมือนสวรรค์เป็นใจเมื่อนัยตากลมโตหันไปเจอเข้ากับฝากระโปร่งท้ายรถ ร่างบางไม่รอช้าเอื้อมมือไปเปิดมันออกทันที และก็เหมือนสวรรค์กำลังเข้าข้างเมื่อมันเปิดออกได้อย่างง่ายดาย ปุ้นรีบพาร่างเล็กๆของตัวเองเข้าไปหลบอยู่ในนั้นโดยแงมฝาประโปร่งไว้นิดๆเพื่อให้หายใจได้
โดยที่ร่างบางไม่คิดเลยว่าเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถคันนี้แล้วชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล.....
.
.
.
.
“เห้ย ฆีย์ถึงเวลาแล้ว “ ดิสโก้ผู้ชายมาดขรึมเดินเข้ามาบอกร่างสูงที่นั่งพักสายตาอยู่ในห้องพักนักแข่ง พลางเหลือบตาไปมองเพื่อนรักอีกคนที่นั่งต่อโลโก้อยู่บนพื้นหน้าโซฟาอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างสักนิด
“อืม กูแข่งรอบเดียวนะ “ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาเบดตัวใหญ่ก่อนจะใช้เท้าสะกิดเพื่อนอีกคนให้ออกไปข้างนอกพร้อมกัน
“มึงจะเรียกกูดีๆไม่ได้เหรอวะ “เพ้นท์บ่นออกมาเบาๆแต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนรักทั้งสองออกไปอยู่ดี
ถึงที่นี้จะเป็นสนามแข่งที่ถูกกฎหมาย แต่บรรยายกาศก็ยังคงความดิบเถื่อนไม่แพ้สนามแข่งที่อื่นๆสักนิด นัยตาสีรัตติกาลกวาดมองไปรอบๆเพื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับแสงจ้าๆของไฟสปอร์ตไรท์ที่สองอยู่ มาฆีย์ได้ชื่อว่าเป็นมือหนึ่งของสนามนี้ และเขามักจะลงแข่งแค่คืนละหนึ่งครั้งเท่านั้น และปรกติก็มักจะลงในรอบสุดท้ายที่มีแต่ตัวเจ๋งๆลงกัน แต่วันนี้ที่ร่างสูงเลือกที่จะแข่งรอบแรกเพราะมีนักแข่งหน้าใหม่มาท้าทายอำนาจมืดของเขาและเขาก็พร้อมจะจัดให้แบบไม่บ่ายเบี่ยง
“นั้นน่ะคู่แข่งมึงคืนนี้” ดิสโก้พูดพลางพยักหน้าส่งๆไปยังอีกฝากหนึ่งของสนามที่มีนักแข่งอีกกลุ่มยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ และจากที่ร่างสูงมองบรรยากาศตรงนั้นมันดูปั่นป่วนแปลกๆ
“ อืม ส่งคนไปเก็บของพนันได้แล้ว “ ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะพูดบอกเพื่อนตัวเอง วูบหนึ่งมาฆีย์รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ทำให้ร่างสูงต้องหันไปมอง แต่ก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี
“ไหวแน่นะ “ภูมิเดินเข้ามาถามเพื่อนรักอีกคนโดยมีพ้อยท์ที่ยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง เพราะทุกคนรู้ดีว่ามาฆีย์เคลียดแค่ไหนตั้งแต่ที่ซอลถูกพาตัวไป
“ อืม ไหว “ร่างสูงยังคนรับคำนิ่งๆเหมือนเดิม
“ งั้นมึงไปประจำที่ได้แล้ว “
มาฆีย์พยักหน้ารับคำเพื่อนรักก่อนจะเดินตรงไปยัง จาร์กัว สีดำสุดหรูที่จะใช้ในการแข่งขันในวันนี้ โดยตลอดเวลาร่างสูงรับรู้ได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ แต่เมื่อมองหาโดยรอบแล้วก็ยังไม่พบใครอยู่ดี
เมื่อมาฆีย์และคู่แข่งเข้าประจำตำแหน่งคนขับแล้ว เพียงไม่กี่นาทีต่อมาเสียงปืนก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้วรถยนต์คันหรูทั้งสองพุ่งทะย้านออกไปจากจุดเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ตอนนี้มาฆีย์ยังคงตามหลังคู่แข่งอยู่ และการแข่งรอบนี้ก็ถือเป็นรอบพิเศษเพราะจะแข่งกันแค่สามรอบ ทั้งที่ปรกติต้องขับวนถึงสิบรอบ แต่เพราะอำนาจมืดในมือมันทำให้มาฆีย์สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ตามที่ใจคิด
การแข่งในวันนี้ถือว่าเป็นการแข่งที่สบายๆสำหรับร่างสูง เพราะเขาไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไรมากแถมยังขับเหมือนกับว่ากำลังขับรถเล่น หลายครั้งที่ร่างสูงเหยียบคันเร่งเหมือนจะแซงแต่ก็ผ่อนไม่แซงทำแบบนั้นอยู่หลายรอบจนเพื่อนๆที่ยืนดูอยู่ริมสนามถึงกับหลุดยิ้มร้ายๆออกมา แต่การกระทำนั้นกับสร้างความหงุดหงิดให้กับคู่แข่งเป็นอย่างมาก
“ หึ ถึงเวลาดูของจริงแล้วไอ้หนู “ ร่างสูงพูดอย่างอารมณ์ดี
ตลอดสองรอบที่แข่งมามาฆีย์เป็นผู้ตามมาโดยตลอด แต่พอเข้าถึงรอบที่สามจาร์กัวคันหรูที่มีผู้ขับที่หน้าตาหล่อเหลาป่านเทพบุตรพุ่งทะย้านออกไปอย่างรวดเร็วและมันก็เร็วพอที่แจะแซงคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย มาฆีย์มองกระจกหลังอย่างสะใจพร้อมหักพวงมาลัยเข้าโค้งไปด้วย
พลัก!!!!!
เสียงของการกระแทกที่ดังขึ้นด้านหลังรถทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย แต่ก็ยังนิ่งอยู่ก่อน เมื่อถึงโค้งสุดท้ายร่างสูงก็หักเข้าโค้งอย่างแรงอีกรอบ
พลัก!!!!!
และเสียงเดิมๆก็ยังคงอยู่มันจึงทำให้ร่างสูงยกยิ้มร้ายกาจขึ้นมาทันใด มาฆีย์เหยีบคันเร่งนำพาตัวเองเข้าสู่เส้นชัยอย่างสวยงามโดยทิ้งห่างคู่แข่งมากพอตัว
“เจ๋งมากมึง วันนี้ไปฉะ หะ เห้ย ทำไรวะฆีย์ “
ร่างสูงไม่สนใจคำทักท้วงของเพื่อนหลงจากที่เปิดประตูลงจากรถได้ก็ก้าวขายาวๆเดินตรงไปยังกระโปร่งท้ายรถทันที และไม่รอช้าที่จะเปิดมันออกเพราะเขาแน่ใจแล้วว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรถของเขา!!!
ปึง!!
“ หะ เห้ย!!! “
ทันทีที่ร่างสูงเปิดกระโปร่างท้ายรถขึ้น คนที่หลบซ้อนตัวอยู่ในนั้นก็อุทานออกมาอย่างตกใจ โดยที่เจ้าของรถร่างสูงยืนจ้องมองร่างบางหน้าตามอมแมมที่นอนขดตัวอยู่ท้ายรถเขาอย่างสงสัย
“มึงเป็นใคร “ เสียงเข้มเอ่ยตาม พร้อมนัยตาสีรัตติกาลที่จ้องมองร่างบางอย่างกดดัน
“อะ เอ่อ คือ ผะ ผม คือ “ ร่างบางเริ่มรนรานทำอะไรไม่ถูกเมื่อโดนกดดันจากสายตาของร่างสูงที่จ้องมองมายังตนอย่างต้องการคำตอบ
“กูถามว่าเป็นเป็นใคร!!!” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการร่างสูงก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ พลางจ้องเขม่นไปยังร่างบาง
“ผะ ผม คุณช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย!!! “ ร่างบางที่กำลังจะเอ่ยปากตอบตะเกียดตะกายออกมาจากท้ายรถแล้ววิ่งไปหลบหลังร่างสูงอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าพี่ชายของเขาและกลุ่มเพื่อนกำลังเดินตรงมาทางนี้
“เห้ย!!อะไรของมึงวะ!! “มาฆีย์ที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งอารมณ์เสียขึ้นไปอีกเมื่อร่างบางวิ่งมาหลบหลังตนแถมจับเกาะแขนร่างสูงไว้แน่น
“ช่วยผมด้วยเถอะนะ ช่วยผมด้วย “ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและแววตาตื่นๆนั้นก็ทำให้ร่างสูงต้องมองไปตามทางที่สายตาคู่นั้นของร่างบางกำลังโฟกัสอยู่
พอเห็นสิ่งที่ทำในร่างบางของผู้ชายตรงหน้านี้หวาดกลัวแล้วร่างสูงก็ได้แต่ยิ้มเยาะกับโชคชะตาที่ชอบกลั่นแกล้งคนที่กำลังจนมุมแบบนี้ และมันก็ทำให้ร่างสู.ได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เขาหรอกที่โดยโชคชะตากลั่นแกล้ง
“ รู้สึกว่าจะไม่ใช่เรื่องของกู “ มาฆีย์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆพร้อมกับแกะมือที่เกาะแขนตัวเองอยู่ออกไปอย่างไม่ใยดีก่อนจะทำท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงหนั้น
“มะ ไม่ ช่วยผมด้วย ขอร้องล่ะ ช่วยผมทีนะ ฮะ ฮึก “ ความหวาดกลัวที่เกาะกุมอยู่ในใจทำให้ร่างบางของปุ่นผวาตามร่างสูงที่กำลังจะเดินหนีไป มือบางรั้งแขนแกร่งไว้อีกครั้ง ปุ้นรู้สึกได้ว่าถ้าผู้ชายคนนี้ยอมช่วยตน ปุ้นจะรอดจากคืนนี้ไปได้แน่
“ กูกับมึงรู้จักกันเหรอ ทำไมกูต้องช่วยมึง “ ร่างสูงพูดออกมาอย่างไม่ใยดี และไม่หันกับมามองปุ้นเลยสักนิด
“ขอร้องเถอะนะครับ ช่วยผมที ฮะ ฮึก ไม่งั้นพี่ฝุ่นต้องขายผมให้เพื่อนเขาแน่ “ ร่างบางอ้อนวอนเจือเสียงสะอื้น มันเป็นความจริงที่ว่าพี่ชายของเขานั้นต้องการจะขายเข้าเพื่อแลกกับเงิน
“ โทษทีนะ พอดีกูไม่ใจดีขนาดนั้น ปล่อย!!” มาฆีย์พูดพลางสะบัดแขนเพื่อจะให้หลุดจากการเกาะกุมของร่างบาง แต่ปุ้นก็ยังไม่ยอมปล่อยเพราะตอนนี้พวกพี่ชายกับกลุ่มเพื่อนใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
“ฮะ ฮึก ฮึก ผะ ผมสัญญา ถ้าคุณช่วย ผมจะ จะ “ ร่างบางพูดไปสะอื้นไป ตอนนี้ปุ้นยอมรับว่าเขากลัวมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เสียงสะอื้นของร่างบางทำให้คนอื่นๆบริเวณนั้นได้แต่ยืนมองด้วยความสงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากคนที่ร่างบางอยากให้ช่วยนั้นคือมาฆีย์ ไม่ใช่พวกเขา
“จะอะไรละ “ ร่างสู.หันมามองคที่เกาะแขนตนอยู่แล้วเอ่ยถามอย่างอยากรู้
“ผะ ผมจะยอมคุณทุกอย่าง คะ แค่ช่วยผม “ ปุ้นพูดออกไปในที่สุด
“หึ น่าสนใจ.....” ร่างบางกำลังจะเผยยิ้มออกมาแต่แล้วก็ต้องหุบลงเมื่อร่างสูงพูดต่อ
“ ...แต่กูไม่สนใจวะ “ มาฆีย์สบัดมือจนหลุดแล้วเดินต่อเข้าไปยังห้องพักนักแข่งเป็นเวลาเดียวที่กลุ่มพี่ชายของปุ้นเดินมาถึงพอดีแล้วดึงร่างของปุ้นออกไป แต่แล้วขายาวๆที่กำลังก้าวเดินก็ต้องชะงักเมื่อเสียงสะอื้นร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวของคนที่เขาพึ่งปฏิเสษไปดังขึ้นมาซะก่อน
“ฮะ ฮึก ฮือออ ไม่นะ!!! ชะ ช่วยผมด้วย!!!! ฮือออ!!”
ร่างบางของปุ้นดิ้นรนเอาตัวรอดออกจากแขนแกร่งของพี่ชายที่กำลังล็อคตัวร่างบางอยู่ ตอนนี้ปุ้นยอมทำทุกอย่างแล้วขอแค่รอดออกไปจากนาทีนรกนี้ อะไรก็ยอมทั้งนั้น
“มึงหลุดแหกปากสักทีไอ้ปุ้น!!! กูเสียเวลากับมึงมามากแล้วนะ อยู่นิ่งๆไม่งั้นมึงเจ็บตัวแน่!!!”
“ ปล่อยผม!!! ฮึก ปล่อยยย!!” ร่างบางดิ้นรนหาทางรอดให้ตัวเอง เป็นภาพที่น่าสงสารยิ่งนักสำหรับคนที่กำลังมองดูอยู่
“กูบอกให้มึงเงียบ!! อยากลองดีใช่มั้ยห้ะ!!!”
เพียะ!!!
ฝ่ามือหนักๆของผู้เป็นพี่ตบลงที่ใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของปั้นอย่างแรงจนร่างบางเลือดกลบปาก และวินาทีนั้นมันทำให้มาฆีย์ตัดสิ้นใจอะไรบางอย่าง อย่างช่วยไม่ได้
“หยุด!” เสียงเข้มเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังจะโดนตบอีกรอบ ก่อนจะเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่ยืนจับล็อคตัวร่างบางไว้
“มึงมีปัญหาอะไรวะ “ ฝุ่นพี่ชายของปั้นถามขึ้น
“ กูขอซื้อตัวน้องมึง “ มาฆียพูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทำให้แววตาที่หิวกระหายเงินของพี่ชายปุ้นวาววับขึ้นมาอย่างน่าสมเพชในสายตามาฆีย์
“ ห้าแสน สำหรับค่าตัวน้องชายกู “และฝุ่นก็ไม่รอช้าที่จะต่อรองราคาทันที
“ ได้ เดี๋ยวกูให้เด็กเอาไปให้ “ ใบหน้าของร่างสูงยังคงเรียบนิ่งและไม่สื่ออารมณ์ใดๆเหมือนน้ำเสียง
“กูจะแน่ใจได้ไงว่ามึงจะไม่ตุกติก “ พี่ชายของปุ้นถามอย่างไว้เชิง
“กูชื่อ มาฆีย์ “
เพียงแค่ชื่อนั้นหลุดออกมาทำให้ฝุ่นถึงกับกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ผู้ชายที่ชื่อมาฆีย์นั้นโหดร้ายเพียงใด และเป็นผู้ชายที่ไม่น่าต่อกรด้วยที่สุดแล้ว
“อะ เออ อย่าตุกติกนะมึง เฮ้ย ปล่อยไอ้ปุ้นได้แล้ว” ประโยคแรกฝุ่นพูดกับมาฆีย์แต่ประโยคต่อมาหันไปพูดกับคนของตัวเองก่อนจะถอยออกไปยังถิ่นเดิมของตัวเอง
มาฆีย์ยืนมองร่างบางที่นั่งคลุกดินคลุกฝุ่นอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเฉยชา ที่เขาตัดสินใจช่วเพียงเพราะว่า คนตรงหน้าเขานี้มีช่วยหนึ่งที่เหมือนซอลคนสำคัญของเขาเท่านั้นเอง....
“ลุกขึ้นแล้วตามกูไปที่รถ “ ร่างสูงบอกเสียงนิ่งก่อนจะเดินนำร่างบางออกไปยังปอร์เช่ 911 สุดหรูของตัวเอง โดยไม่หันมามองร่างบางอีก
ปุ้นเองเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่พยุงตัวขึ้นแล้วเดินตามมาฆีย์ไปอย่างช้าๆเพราะมีอาการเจ็บที่ขาจากการดิ้นรนเมื่อครู่ ปุ้นคิดว่าอย่างน้อยการที่ตัวเองได้ไปอยู่กับคนที่ช่วยตัวเองไว้มันคงจะดีกว่าถูกนำไปขายในกับคนใจชั่ว เพราะจากที่ปุ้นดูแล้วมาฆีย์น่าจะเป็นคนดีอยู่ไม่น้อยไม่งั้นเขาคงไม่ช่วยปุ้นหรอก
โดยที่ปุ้นไม่รู้เลยว่า ตัวเองกำลังจะเดินเข้าสู่แทนประหารของซาตานตัวร้าย.....
ร่างสูงของหนุ่มลูกเสี้ยวผู้มีชื่อเสียงในวงการนักแข่งนั่งหลับตาอย่างอ่อนล้าอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่ในห้องพักนักแข่ง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาร่างสูงอดหลับอดนอนเพื่อตามหาตัวเพื่อนรักคนสำคัญแต่จนถึงวันนี้ก็ยังหาไม่เจอจนร่างสูงใหญ่เริ่มอ่อนล้าเนื่องจากไม่ค่อยได้พักผ่อน และวันนี้หลังจากที่ขับรถวนหาซอลไปจนทั่วกรุงเทพร่างสูงก็พาร่างกายอันอ่อนล้ากับมาที่สนามแข่งเพื่อรอการแข่งรถที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้
“ ยังหาไม่เจออีกเหรอวะ “ เสียงเข้มที่เคยขี้เล่นของเพ้นท์ถามขึ้นเมื่อร่างสูงเดินมานั่งลงข้างๆกับเพื่อนรักพลางถามถึงความคืบหน้า
“ ไม่มีวี่แววเลยวะ “ มาฆีย์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเนื่องจากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอมาหลายวัน และมันก็สะสมจนทำให้ร่างสูงแทบจะทรงตัวไม่ไหว ทั้งแข่งรถ ทั้งตามหาคนมันทำให้มาฆีย์รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก
“ แม่งจะเล่นอะไรของพวกมันวะ ถ้าซอลเป็นอะไรขึ้นมากูเอาพวกแม่งตายแน่ “ นัยตาสีน้ำตาลอ่อนของหนุ่มเพ้นท์วาวโรจน์ทั้งกลัวทั้งเป็นห่วง หลายวันที่ผ่านมามันทำเอาเขาแทบบ้าเหมือนกัน
“ ไม่ต้องให้ถึงมือมึงหรอก กูนี่แหละจะฆ่ามันเองถ้ามันบังอาจแตะต้องซอล” ร่างสูงที่นั่งหลับตาอยู่เปิดเปลือกตาขึ้นเผยให้เห็นนัยตาสีรัตติกาลที่ดูลึกลับน่าค้นหา และตอนนี้มันเต็มไปด้วยความดุดันและแข็งก้าว
“เฮ้อ ว่าแต่มึงจะบอกกูได้หรือยังว่าพวกมันทำแบบนี้ทำไม “ เพ้นท์ถอนหายใจเบาๆกับอารมณ์ของเพื่อนรักของตนเป็นอันรู้ดีอยู่แล้วว่ามาฆีย์เป็นคนที่มีอารมณ์เหนือการคาดเดามาก เพื่อนรักของเขานั้นสามารถทำอะไรๆที่คนอื่นๆไม่คิดว่าจะมีคนกล้าทำได้ นัยตาสีน้ำตาลอ่อนมองเพื่อนรักอย่างรอคำตอบ
“ มึงจำเกรซได้มั้ย “ ร่างสูงถามเกริ่น
“ เด็กเก่ามึงน่ะเหรอ “ เพ้นพูดตอบอย่างนึกได้
“อืม คนนั้นแหละ “มาฆีย์พยักหน้าตอบรับ ทำให้คิ้วเข้มๆของคนเป็นเพื่อนอย่างเพ้นท์ขมวดขึ้นอย่างสงสัย
“ แล้วเกรซมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ “ ไม่ต้องรอช้าเพ้นท์ถามกลับไปอย่างอยากรู้ทันที
“เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว กูพึ่งได้รู้ว่าเกรซเป็นน้องสาวคนเดียวของพี่กราฟ “ มาฆีย์พูดบอกด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร แต่แววตากับเต็มไปด้วยความกังวลจนเพ้นท์จับสังเกตได้
“ หรรษาอีกแล้วชีวิต “ เพ้นท์หัวเราะฝืดๆในลำคอก่อนจะพูดออกมาประชดชีวิต
“ หึ มีหรรษากว่านั้นอีก มึงรู้ใช่มั้ยว่าหลังจากที่เกรซเลิกกับกูไป เธอทำใจไม่ได้จนเกือบฆ่าตัวตาย” ร่างสูงเล่าต่อโดยที่มุมปากยกยิ้มเยาะๆตัวเอง
“ เออรู้ เป็นความคิดที่โบราณมากอกหักแล้วฆ่าตัวตาย" มาถึงตรงนี้เพ้นท์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเพื่อนรักจะมาระลึกความหลังให้เขาฟังทำไม
“หึ กูก็ว่างั้น “ มาฆีย์ตอบรับด้วยแววตาหม่นๆ
" แล้วไงต่อวะ มันเกี่ยวไรกับเกรซกับพี่กราฟในเมื่อคนที่พาซอลไปคือไอ้ซันเด็กในทีมพี่กราฟ “ เพ้นท์จับสังเกตเพื่อนรักได้แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีจึงพยายามทำเป็นไม่สนใจ
“เกี่ยวดิ เกี่ยวมากเลยล่ะ ในเมื่อซันมันเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวพี่กราฟ!!! “
ความจริงที่พึ่งได้รู้ทำเอาเพ้นท์ถึงกับอึ้งไปเลยที่เดียว ถ้าเป็นแบบนี้เขาเดาได้เลยว่าที่เรื่องเป็นแบบนี้เพราะฝ่ายนั้นต้องการแก้แค้นให้เกรซที่เป็นน้องสาวแน่ๆ พอรู้ความจริงมันก็ทำให้เพ้นท์เคลียดขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเพราะ แค่ซันพาตัวซอลไปน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ถ้าซันต้องการแก้แค้นให้เกรซนั้นหมายความว่าพวกมันจะต้องทำทุกอย่างให้มาฆีย์ทุรนทุราย และที่มันเลือกจะทำกับซอลเพราะมันรู้ว่าซอลสำคัญกับมาฆีย์มากแค่ไหน
“เหอะๆ ตลกร้ายเกินไปแล้ว “ เพ้นท์หัวเราะฝืดๆกับโชคชะตาที่เล่นตลก
“ หึ ตลกจนกูกลัวเลยละ....”
ร่างสูงของเพ้นได้แต่มองเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เพราะเท่าที่คบกันมามันทำให้เพ้นท์รู้ว่าถ้าเป็นเรื่องของซอลมาฆีย์จะเคลียดเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร และตอนนี้เพื่อนรักของเขาคงกำลังโทษตัวเองที่ทำให้คนสำคัญต้องมาตกอยู่ในอันตรายแบบนี้
.
.
.
23: 23 ณ สนามแข่ง XYZ
ร่างบางในชุดนักศึกษาชายออกวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อที่จะหนีให้พ้นจากการเป็นของเล่นให้กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชายแท้ๆของเขา ร่างบางวิ่งตรงไปยังอีกฝากหนึ่งของสนามซึ่งเปรียบได้ว่าเป็นสถานที่ต้องห้ามที่คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ถ้าเขาเข้าไปหลบในนั้นได้นั้นย่อมหมายความว่าเขาจะรอดจากการถูกพี่ชายแท้ๆนำไปเป็นของพนันในการแข่งรถคืนนี้
“ อีกนิดเดียวเท่านั้นปุ้น แฮ่กๆๆ “ ร่างบางพูดให้กำลังใจตัวเองสองเท้ายังคงวิ่งไม่ยอมหยุด
และในที่สุดร่างบางก็พาตัวเองมาจนถึงเป้าหมายได้อย่างปลอดภัย ปุ้นรับพาตัวเองหลบไปยังหลังรถยนต์สุดหรุคันหนึ่งที่จอดอยู่บริเวณจุดพักรถเพื่อรอลงแข่งขัน และตอนนี้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางรถคันนี้ และถ้าพวกนั้นมาเจอเข้ากับปุ้นมันจะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ
“เอาไงดีๆๆ “ ปุ้นพยายามคิดหาทางออกให้ตัวเอง
แล้วเหมือนสวรรค์เป็นใจเมื่อนัยตากลมโตหันไปเจอเข้ากับฝากระโปร่งท้ายรถ ร่างบางไม่รอช้าเอื้อมมือไปเปิดมันออกทันที และก็เหมือนสวรรค์กำลังเข้าข้างเมื่อมันเปิดออกได้อย่างง่ายดาย ปุ้นรีบพาร่างเล็กๆของตัวเองเข้าไปหลบอยู่ในนั้นโดยแงมฝาประโปร่งไว้นิดๆเพื่อให้หายใจได้
โดยที่ร่างบางไม่คิดเลยว่าเมื่อขึ้นมาอยู่บนรถคันนี้แล้วชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปตลอดกาล.....
.
.
.
.
“เห้ย ฆีย์ถึงเวลาแล้ว “ ดิสโก้ผู้ชายมาดขรึมเดินเข้ามาบอกร่างสูงที่นั่งพักสายตาอยู่ในห้องพักนักแข่ง พลางเหลือบตาไปมองเพื่อนรักอีกคนที่นั่งต่อโลโก้อยู่บนพื้นหน้าโซฟาอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างสักนิด
“อืม กูแข่งรอบเดียวนะ “ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาเบดตัวใหญ่ก่อนจะใช้เท้าสะกิดเพื่อนอีกคนให้ออกไปข้างนอกพร้อมกัน
“มึงจะเรียกกูดีๆไม่ได้เหรอวะ “เพ้นท์บ่นออกมาเบาๆแต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนรักทั้งสองออกไปอยู่ดี
ถึงที่นี้จะเป็นสนามแข่งที่ถูกกฎหมาย แต่บรรยายกาศก็ยังคงความดิบเถื่อนไม่แพ้สนามแข่งที่อื่นๆสักนิด นัยตาสีรัตติกาลกวาดมองไปรอบๆเพื่อปรับสายตาให้คุ้นเคยกับแสงจ้าๆของไฟสปอร์ตไรท์ที่สองอยู่ มาฆีย์ได้ชื่อว่าเป็นมือหนึ่งของสนามนี้ และเขามักจะลงแข่งแค่คืนละหนึ่งครั้งเท่านั้น และปรกติก็มักจะลงในรอบสุดท้ายที่มีแต่ตัวเจ๋งๆลงกัน แต่วันนี้ที่ร่างสูงเลือกที่จะแข่งรอบแรกเพราะมีนักแข่งหน้าใหม่มาท้าทายอำนาจมืดของเขาและเขาก็พร้อมจะจัดให้แบบไม่บ่ายเบี่ยง
“นั้นน่ะคู่แข่งมึงคืนนี้” ดิสโก้พูดพลางพยักหน้าส่งๆไปยังอีกฝากหนึ่งของสนามที่มีนักแข่งอีกกลุ่มยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ และจากที่ร่างสูงมองบรรยากาศตรงนั้นมันดูปั่นป่วนแปลกๆ
“ อืม ส่งคนไปเก็บของพนันได้แล้ว “ ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะพูดบอกเพื่อนตัวเอง วูบหนึ่งมาฆีย์รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่ทำให้ร่างสูงต้องหันไปมอง แต่ก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี
“ไหวแน่นะ “ภูมิเดินเข้ามาถามเพื่อนรักอีกคนโดยมีพ้อยท์ที่ยืนมองอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วง เพราะทุกคนรู้ดีว่ามาฆีย์เคลียดแค่ไหนตั้งแต่ที่ซอลถูกพาตัวไป
“ อืม ไหว “ร่างสูงยังคนรับคำนิ่งๆเหมือนเดิม
“ งั้นมึงไปประจำที่ได้แล้ว “
มาฆีย์พยักหน้ารับคำเพื่อนรักก่อนจะเดินตรงไปยัง จาร์กัว สีดำสุดหรูที่จะใช้ในการแข่งขันในวันนี้ โดยตลอดเวลาร่างสูงรับรู้ได้ว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ แต่เมื่อมองหาโดยรอบแล้วก็ยังไม่พบใครอยู่ดี
เมื่อมาฆีย์และคู่แข่งเข้าประจำตำแหน่งคนขับแล้ว เพียงไม่กี่นาทีต่อมาเสียงปืนก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันเริ่มขึ้นแล้วรถยนต์คันหรูทั้งสองพุ่งทะย้านออกไปจากจุดเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ตอนนี้มาฆีย์ยังคงตามหลังคู่แข่งอยู่ และการแข่งรอบนี้ก็ถือเป็นรอบพิเศษเพราะจะแข่งกันแค่สามรอบ ทั้งที่ปรกติต้องขับวนถึงสิบรอบ แต่เพราะอำนาจมืดในมือมันทำให้มาฆีย์สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้ตามที่ใจคิด
การแข่งในวันนี้ถือว่าเป็นการแข่งที่สบายๆสำหรับร่างสูง เพราะเขาไม่ได้เอาจริงเอาจังอะไรมากแถมยังขับเหมือนกับว่ากำลังขับรถเล่น หลายครั้งที่ร่างสูงเหยียบคันเร่งเหมือนจะแซงแต่ก็ผ่อนไม่แซงทำแบบนั้นอยู่หลายรอบจนเพื่อนๆที่ยืนดูอยู่ริมสนามถึงกับหลุดยิ้มร้ายๆออกมา แต่การกระทำนั้นกับสร้างความหงุดหงิดให้กับคู่แข่งเป็นอย่างมาก
“ หึ ถึงเวลาดูของจริงแล้วไอ้หนู “ ร่างสูงพูดอย่างอารมณ์ดี
ตลอดสองรอบที่แข่งมามาฆีย์เป็นผู้ตามมาโดยตลอด แต่พอเข้าถึงรอบที่สามจาร์กัวคันหรูที่มีผู้ขับที่หน้าตาหล่อเหลาป่านเทพบุตรพุ่งทะย้านออกไปอย่างรวดเร็วและมันก็เร็วพอที่แจะแซงคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย มาฆีย์มองกระจกหลังอย่างสะใจพร้อมหักพวงมาลัยเข้าโค้งไปด้วย
พลัก!!!!!
เสียงของการกระแทกที่ดังขึ้นด้านหลังรถทำให้คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย แต่ก็ยังนิ่งอยู่ก่อน เมื่อถึงโค้งสุดท้ายร่างสูงก็หักเข้าโค้งอย่างแรงอีกรอบ
พลัก!!!!!
และเสียงเดิมๆก็ยังคงอยู่มันจึงทำให้ร่างสูงยกยิ้มร้ายกาจขึ้นมาทันใด มาฆีย์เหยีบคันเร่งนำพาตัวเองเข้าสู่เส้นชัยอย่างสวยงามโดยทิ้งห่างคู่แข่งมากพอตัว
“เจ๋งมากมึง วันนี้ไปฉะ หะ เห้ย ทำไรวะฆีย์ “
ร่างสูงไม่สนใจคำทักท้วงของเพื่อนหลงจากที่เปิดประตูลงจากรถได้ก็ก้าวขายาวๆเดินตรงไปยังกระโปร่งท้ายรถทันที และไม่รอช้าที่จะเปิดมันออกเพราะเขาแน่ใจแล้วว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรถของเขา!!!
ปึง!!
“ หะ เห้ย!!! “
ทันทีที่ร่างสูงเปิดกระโปร่างท้ายรถขึ้น คนที่หลบซ้อนตัวอยู่ในนั้นก็อุทานออกมาอย่างตกใจ โดยที่เจ้าของรถร่างสูงยืนจ้องมองร่างบางหน้าตามอมแมมที่นอนขดตัวอยู่ท้ายรถเขาอย่างสงสัย
“มึงเป็นใคร “ เสียงเข้มเอ่ยตาม พร้อมนัยตาสีรัตติกาลที่จ้องมองร่างบางอย่างกดดัน
“อะ เอ่อ คือ ผะ ผม คือ “ ร่างบางเริ่มรนรานทำอะไรไม่ถูกเมื่อโดนกดดันจากสายตาของร่างสูงที่จ้องมองมายังตนอย่างต้องการคำตอบ
“กูถามว่าเป็นเป็นใคร!!!” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการร่างสูงก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ พลางจ้องเขม่นไปยังร่างบาง
“ผะ ผม คุณช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย!!! “ ร่างบางที่กำลังจะเอ่ยปากตอบตะเกียดตะกายออกมาจากท้ายรถแล้ววิ่งไปหลบหลังร่างสูงอย่างหวาดกลัวเมื่อเห็นว่าพี่ชายของเขาและกลุ่มเพื่อนกำลังเดินตรงมาทางนี้
“เห้ย!!อะไรของมึงวะ!! “มาฆีย์ที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งอารมณ์เสียขึ้นไปอีกเมื่อร่างบางวิ่งมาหลบหลังตนแถมจับเกาะแขนร่างสูงไว้แน่น
“ช่วยผมด้วยเถอะนะ ช่วยผมด้วย “ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและแววตาตื่นๆนั้นก็ทำให้ร่างสูงต้องมองไปตามทางที่สายตาคู่นั้นของร่างบางกำลังโฟกัสอยู่
พอเห็นสิ่งที่ทำในร่างบางของผู้ชายตรงหน้านี้หวาดกลัวแล้วร่างสูงก็ได้แต่ยิ้มเยาะกับโชคชะตาที่ชอบกลั่นแกล้งคนที่กำลังจนมุมแบบนี้ และมันก็ทำให้ร่างสู.ได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เขาหรอกที่โดยโชคชะตากลั่นแกล้ง
“ รู้สึกว่าจะไม่ใช่เรื่องของกู “ มาฆีย์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆพร้อมกับแกะมือที่เกาะแขนตัวเองอยู่ออกไปอย่างไม่ใยดีก่อนจะทำท่าว่าจะเดินออกไปจากตรงหนั้น
“มะ ไม่ ช่วยผมด้วย ขอร้องล่ะ ช่วยผมทีนะ ฮะ ฮึก “ ความหวาดกลัวที่เกาะกุมอยู่ในใจทำให้ร่างบางของปุ่นผวาตามร่างสูงที่กำลังจะเดินหนีไป มือบางรั้งแขนแกร่งไว้อีกครั้ง ปุ้นรู้สึกได้ว่าถ้าผู้ชายคนนี้ยอมช่วยตน ปุ้นจะรอดจากคืนนี้ไปได้แน่
“ กูกับมึงรู้จักกันเหรอ ทำไมกูต้องช่วยมึง “ ร่างสูงพูดออกมาอย่างไม่ใยดี และไม่หันกับมามองปุ้นเลยสักนิด
“ขอร้องเถอะนะครับ ช่วยผมที ฮะ ฮึก ไม่งั้นพี่ฝุ่นต้องขายผมให้เพื่อนเขาแน่ “ ร่างบางอ้อนวอนเจือเสียงสะอื้น มันเป็นความจริงที่ว่าพี่ชายของเขานั้นต้องการจะขายเข้าเพื่อแลกกับเงิน
“ โทษทีนะ พอดีกูไม่ใจดีขนาดนั้น ปล่อย!!” มาฆีย์พูดพลางสะบัดแขนเพื่อจะให้หลุดจากการเกาะกุมของร่างบาง แต่ปุ้นก็ยังไม่ยอมปล่อยเพราะตอนนี้พวกพี่ชายกับกลุ่มเพื่อนใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว
“ฮะ ฮึก ฮึก ผะ ผมสัญญา ถ้าคุณช่วย ผมจะ จะ “ ร่างบางพูดไปสะอื้นไป ตอนนี้ปุ้นยอมรับว่าเขากลัวมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เสียงสะอื้นของร่างบางทำให้คนอื่นๆบริเวณนั้นได้แต่ยืนมองด้วยความสงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากคนที่ร่างบางอยากให้ช่วยนั้นคือมาฆีย์ ไม่ใช่พวกเขา
“จะอะไรละ “ ร่างสู.หันมามองคที่เกาะแขนตนอยู่แล้วเอ่ยถามอย่างอยากรู้
“ผะ ผมจะยอมคุณทุกอย่าง คะ แค่ช่วยผม “ ปุ้นพูดออกไปในที่สุด
“หึ น่าสนใจ.....” ร่างบางกำลังจะเผยยิ้มออกมาแต่แล้วก็ต้องหุบลงเมื่อร่างสูงพูดต่อ
“ ...แต่กูไม่สนใจวะ “ มาฆีย์สบัดมือจนหลุดแล้วเดินต่อเข้าไปยังห้องพักนักแข่งเป็นเวลาเดียวที่กลุ่มพี่ชายของปุ้นเดินมาถึงพอดีแล้วดึงร่างของปุ้นออกไป แต่แล้วขายาวๆที่กำลังก้าวเดินก็ต้องชะงักเมื่อเสียงสะอื้นร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวของคนที่เขาพึ่งปฏิเสษไปดังขึ้นมาซะก่อน
“ฮะ ฮึก ฮือออ ไม่นะ!!! ชะ ช่วยผมด้วย!!!! ฮือออ!!”
ร่างบางของปุ้นดิ้นรนเอาตัวรอดออกจากแขนแกร่งของพี่ชายที่กำลังล็อคตัวร่างบางอยู่ ตอนนี้ปุ้นยอมทำทุกอย่างแล้วขอแค่รอดออกไปจากนาทีนรกนี้ อะไรก็ยอมทั้งนั้น
“มึงหลุดแหกปากสักทีไอ้ปุ้น!!! กูเสียเวลากับมึงมามากแล้วนะ อยู่นิ่งๆไม่งั้นมึงเจ็บตัวแน่!!!”
“ ปล่อยผม!!! ฮึก ปล่อยยย!!” ร่างบางดิ้นรนหาทางรอดให้ตัวเอง เป็นภาพที่น่าสงสารยิ่งนักสำหรับคนที่กำลังมองดูอยู่
“กูบอกให้มึงเงียบ!! อยากลองดีใช่มั้ยห้ะ!!!”
เพียะ!!!
ฝ่ามือหนักๆของผู้เป็นพี่ตบลงที่ใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของปั้นอย่างแรงจนร่างบางเลือดกลบปาก และวินาทีนั้นมันทำให้มาฆีย์ตัดสิ้นใจอะไรบางอย่าง อย่างช่วยไม่ได้
“หยุด!” เสียงเข้มเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังจะโดนตบอีกรอบ ก่อนจะเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่ยืนจับล็อคตัวร่างบางไว้
“มึงมีปัญหาอะไรวะ “ ฝุ่นพี่ชายของปั้นถามขึ้น
“ กูขอซื้อตัวน้องมึง “ มาฆียพูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ทำให้แววตาที่หิวกระหายเงินของพี่ชายปุ้นวาววับขึ้นมาอย่างน่าสมเพชในสายตามาฆีย์
“ ห้าแสน สำหรับค่าตัวน้องชายกู “และฝุ่นก็ไม่รอช้าที่จะต่อรองราคาทันที
“ ได้ เดี๋ยวกูให้เด็กเอาไปให้ “ ใบหน้าของร่างสูงยังคงเรียบนิ่งและไม่สื่ออารมณ์ใดๆเหมือนน้ำเสียง
“กูจะแน่ใจได้ไงว่ามึงจะไม่ตุกติก “ พี่ชายของปุ้นถามอย่างไว้เชิง
“กูชื่อ มาฆีย์ “
เพียงแค่ชื่อนั้นหลุดออกมาทำให้ฝุ่นถึงกับกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ผู้ชายที่ชื่อมาฆีย์นั้นโหดร้ายเพียงใด และเป็นผู้ชายที่ไม่น่าต่อกรด้วยที่สุดแล้ว
“อะ เออ อย่าตุกติกนะมึง เฮ้ย ปล่อยไอ้ปุ้นได้แล้ว” ประโยคแรกฝุ่นพูดกับมาฆีย์แต่ประโยคต่อมาหันไปพูดกับคนของตัวเองก่อนจะถอยออกไปยังถิ่นเดิมของตัวเอง
มาฆีย์ยืนมองร่างบางที่นั่งคลุกดินคลุกฝุ่นอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเฉยชา ที่เขาตัดสินใจช่วเพียงเพราะว่า คนตรงหน้าเขานี้มีช่วยหนึ่งที่เหมือนซอลคนสำคัญของเขาเท่านั้นเอง....
“ลุกขึ้นแล้วตามกูไปที่รถ “ ร่างสูงบอกเสียงนิ่งก่อนจะเดินนำร่างบางออกไปยังปอร์เช่ 911 สุดหรูของตัวเอง โดยไม่หันมามองร่างบางอีก
ปุ้นเองเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่พยุงตัวขึ้นแล้วเดินตามมาฆีย์ไปอย่างช้าๆเพราะมีอาการเจ็บที่ขาจากการดิ้นรนเมื่อครู่ ปุ้นคิดว่าอย่างน้อยการที่ตัวเองได้ไปอยู่กับคนที่ช่วยตัวเองไว้มันคงจะดีกว่าถูกนำไปขายในกับคนใจชั่ว เพราะจากที่ปุ้นดูแล้วมาฆีย์น่าจะเป็นคนดีอยู่ไม่น้อยไม่งั้นเขาคงไม่ช่วยปุ้นหรอก
โดยที่ปุ้นไม่รู้เลยว่า ตัวเองกำลังจะเดินเข้าสู่แทนประหารของซาตานตัวร้าย.....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ