THE SUN เพราะว่ารัก กูถึงต้องร้าย!!! (Yaoi'Boys love )

9.7

เขียนโดย Musun

วันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.55 น.

  9 ตอน
  3 วิจารณ์
  36.63K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 14.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) THE SUN :8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ



THE SUN : 8

   

       เช้านี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ซอลตื่นขึ้นมาแต่เช้าทั้งๆที่ปรกติเป็นคนที่ตื่นสายเอามากๆ และสิ่งแรกที่ซอลรู้สึกได้ในเช้าวันนี้ก็คงหนีไม่พ้นอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวสาเหตุก็คงไม่พ้นการซ้อมอย่างหนักเมื่อวานแล้วต้องมาทะเลาะกับซันอย่างรุนแรงแถมยังต้องนอนบนโซฟามาตลอดทั้งคืนอีกเล่นเอาร่างทั้งร่างปวดหนึบไปเลยทีเดียว เมื่อวานจากที่ซอลคิดว่าจะนอนพักเอาแรงแปบเดียวแต่กลายเป็นว่าหลับยาวจนเช้าน้ำท่าก็ไม่ได้อาบข้าวก็ไม่ได้กิน

 

"เฮ้ออ!!วันนี้จะโดนอะไรอีกมั้ยวะเนี่ย"ร่างโปร่งนอนทำใจอยู่สักพักก็ต้องรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนและก็ต้องขมวดคิ้วนิดๆอย่างแปลกใจเมื่อเห็นผ้าห่มนวมสีเทาที่คลุมร่างตัวเองอยู่ซึ่งซอลแน่ใจมากว่าก่อนนอนมันไม่มีและก็ไม่ต้องถามเลยว่ามันมาอยู่ได้อย่างไร

 

"กูตามอารมณ์มึงไม่ทันเลยจริงๆ"ซอลบ่นเบาๆกับตัวเองพร้อมกับมองไปยังประตูห้องนอนที่ยังคงปิดสนิท อย่างสับสน ร่างโปร่งสะบัดหน้าเบาๆบอกตัวเองว่าอย่าไปหาเหตุผลอะไรจากคนอย่างซันเพราะชาตินี้ทั้งชาติคงหาไม่เจอ

 

          มือเรียวเอื้อมไปเปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือที่สุด เพราะไม่อยากไปรบกวนการนอนของเจ้าของห้องจนโดนเล่นงานอีก ซอลใช้เวลาไม่นานในการอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมอุปกรณ์การเรียน เวลาหกโมงครึ่งร่างโปร่งในชุดนักเรียนก็ออกมายืนหันซ้ายหันขวาอยู่กลางห้องสูทสุดหรูของซันอย่างไม่รู้จะทำอะไรต่อดี

 

"หาอะไรกินก่อนก็ได้วะ" ร่างโปร่งตัดสินใจในที่สุดก่อนจะเดินเข้าไปทำแซนวิสทานเป็นอาหารเช้าและไม่ลืมที่จะทำเผื่อเจ้าของห้องด้วย

 

          ก่อนออกมาจากห้องนอนซอลแอบไปเห็นตารางเรียนของซันว่าวันนี้ร่างสูงมีเรียนถึงเย็น ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องสนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงกลัวร่างสูงจะเรียนหนักจนไม่มีเวลาทานข้าว

 

"ทำอะไรน่ะ" เสียงเข้มๆของเจ้าของห้องทำให้ซอลสะดุ้งนิดก่อนจะทำเป็นไม่สนใจและทำแซนวิสต่อไป เมื่อวานซอลยอมรับแบบแมนๆเลยว่ากลัวอารมณ์ซันมาก

 

"มึงจะทำให้กูอารมณ์เสียแต่เช้านะซอล" เสียงเข้มเอ่ยออกมาอีกทำให้ซอลต้องถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปมองร่างสูงที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษาที่ผิดระเบียบทุกระเบียบนิ้ว

 

"ทำแซนวิส " ร่างโปร่งตอบออกไปอย่างเสียไม่ได้

 

"ทำเป็นด้วยเหรอวะ" ร่างสูงถามขึ้นอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเดินเข้าดูซอลที่ทำแซนวิสชิ้นสุดท้ายเสร็จพอดี

 

"ไม่เป็นมั้ง " ซอลพูดตอบอย่างอารมณ์เสียนิดๆที่ซันทำเหมือนซอลเป็นพวกคุณหนูไม่ได้เรื่องทำอะไรไม่เป็น

 

"หึ กูแค่ถามดู ไหนชิมอันดิ " ไม่พูดเปล่ามือหนาเอื้อมไปหยิบแซนวิสชิ้นหนึ่งในจานขึ้นมากินทันที และก็ต้องแปลกใจอีกรอบเมื่อรสชาติมันไม่ได้ห่วยแตกอย่างที่คิด

 

"กูทำอาหารเป็นเถอะ ถึงจะไม่อร่อยเท่าไหร่แต่กินกันตายได้" ซอลพูดบอกพลางรินนมใส่แก้วให้ตัวเองและซันคนละแก้ว ก่อนจะยื่นให้ร่างสูง และมาถือจานใส่แซนวิสไปวางบนโต๊ะทานข้าว

 

" หึ หึ"

 

          เสียงหัวเราะขำเบาๆของร่างสูงที่ยืนพิงซิงค์ล้างจานอยู่ทำให้ซอลที่กำลังนั่งทานแซนวิสมื้อเช้าอยู่หันไปมองอย่างสงสัย

 

"ขำอะไรวะ" และก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปอย่างสงสัย

 

"กูพึ่งรู้ว่าเมียกูก็เป็นแม่ศรีเรือนเหมือนกัน " ร่างสูงพูดพร้อมยกยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มตัวผ่านซอลไปหยิบแซนวิสมากินอย่างอารมณ์ดี

 

     !!!!!!!

 

          ซอลได้แต่นั่งอึ้งไปกับคำพูดของซันและรู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองกำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆและมันต้องแดงมากแน่ๆ

 

" พูดไปเรื่อยนะมึง จะรีบๆแดกเข้าไปจะได้ไปเรียนสักที" ร่างโปร่งพูดออกมาด้วยเสียงอ้อมแอ้มด้วยความอายและซันก็เข้าใจดีเลยไม่ได้ว่าอะไรต่อ

 

          ซอลกลับมาคิดอีกทีมันก็เป็นจริงอย่างที่ซันบอก เพราะที่เขาทำให้ซันนั้นมันก็เหมือนหน้าที่เมียดีๆนี่เอง ยิ่งคิดใบหน้าใสก็ยิ่งแดง และทุกการกระทำของร่างโปร่งก็ตกอยู่ในสายตาของร่างสูงตลอดเวลา

 

          เมื่อทั้งสองจัดการกับอาหารเช้าฝีมือซอลจนหมดก็ถึงเวลาไปเรียน โดยที่ร่างสูงเป็นคนมาส่งซอลที่โรงเรียน และบอกว่าจะมารับซึ่งซอลก็บอกไปเหมือนเดิมว่าตัวเองมีซ้อมบาสถึงหกโมงร่างสูงก็ยังคงยืนยันว่าจะมารับอยู่ดี การที่ซันทำทุกอย่างเหมือนปรกติเหมือนกับว่าเมื่อวานทั้งคู่ไม่ได้ทะเลาะกันปานจะฆ่ากันตายแบบนี้มันทำให้ซอลสับสนในอารมณ์ของร่างสูงอยู่ไม่น้อย

.

.

.

.

 

 

          ตลอดเวลาที่นั่งเรียนตั้งแต่คาบแรกจนใกล้เวลาพักเที่ยงซอลรู้สึกว่ามีคนจ้องตัวเองอยู่ตลอดเวลา และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ทำทีเป็นไม่สนใจ จนอาจารย์ที่ยืนบ่นให้ความรู้ที่ชวนหลับอยู่หน้าห้องสั่งให้พักได้นั้นแหละนักเรียนที่ทำท่าจะหลับมิหลับแหล่อยู่ในห้องเมื่อครู่ก็ลุกแตกหือออกจากห้องไปก่อนอาจารย์ซะอีก

 

     ปึง!!

 

"ไอ้ซอล!!! " เสียงทุบโต๊ะและพลังเสียงแปดหลอดของเครฟทำให้ซอลที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของอยู่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างเอือมๆ

 

" กูอยู่แค่นี่มึงจะตะโกนทำไม " ร่างโปร่งถามเพื่อนตัวเองเสียงเรียบอย่างเอือมระอา

 

"มึงไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลยนะซอลบอกพวกกูมาให้หมดว่าไอ้คนเมื่อวานมันเป็นใคร อย่าคิดจะมาปกปิดพวกกูด้วย" เมื่อวานหลังจากที่อยู่ๆก็มีผู้ชายเข้ามาอาระวาดใส่ซอลทั้งเครฟ ชัตเตอร์ ดีฟและข้าวปั้นต่างก็ตกใจมาก ขนาดพวกเขาแค่ยืนดูอยู่ห่างๆยังดูออกเลยว่าทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่ และที่สงสัยมากก็คงจะเป็นการที่ซอลดูหง่อยๆหลังจากที่เดินออกจากโรงยิมไปแล้วยังหายไปกับผู้ชายคนนั้นอีกมันสร้างความสงสัยให้กับเพื่อนๆเป็นอย่างมาก

 

" ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า มึงจะโวยวายทำไมวะเครฟ" ซอลเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตัวเองหลังจากที่เก็บของเสร็จและพบว่าเพื่อนคนอื่นๆก็มองตัวเองอยู่เหมือนกัน

 

"มึงไม่ต้องมาตีหน้ามึนใส่กูเลยนะ บอกเลยตอนนี้กูพร้อมเสือกและมึงต้องให้กูเสือกด้วย!"ใบหน้าของคนที่บอกว่าพร้อมจะเสือกจ้องมองมายังหน้าขาวใสของคนตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบตอบสำหรับเรื่องที่อย่างรู้

 

"เสียใจด้วยสำหรับเรื่องนี้กูไม่มีอะไรให้มึงเสือกวะเครฟ" ซอลตอบกลับและทำหน้านิ่งๆที่เพื่อนๆชอบบอกว่า 'ตีหน้ามึน'

 

"ตะ!!"

 

" พอเครฟ ถ้ามันไม่อยากบอกก็อย่าไปชักมัน ไปหาไรกินกัน " ชัตเตอร์ที่นั่งฟังอยู่แต่แรกพูดขึ้นเรียบๆก่อนจะทำท่าว่าจะลุกเดินออกจากห้องไปตามที่พูดจริงๆ ทำให้อีกสามคนมองหน้ากันเลิกลั่นแต่สักพักก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เลยทำท่าว่าจะลุกตามชัตเตอร์ออกไป

 

" เดี๋ยว! เออแม่ง!กูบอกก็ได้ " ด้วยความที่เป็นคนห่วงความรู้สึกเพื่อนมากทำให้ซอลอดไม่ได้ที่จะกลัวว่าเพื่อนจะโกรธเพราะ ระหว่างซอลกับเพื่อนกลุ่มนี่ไม่เคยมีความลับต่อกัน

 

"ไม่เป็นไรวะ กูไม่อยากบังคับมึง " ชัตเตอร์ยังคงตีหน้านิ่งและพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเดิมก่อนจะทำท่าว่าจะหันหลังเดินต่อ

 

"เออๆแม่งไม่ต้องมากดดันกูด้วยวิธีนี้เลยนะมึง กูบอกก็ได้วะ " ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานทำให้ทั้งห้ารู้ดีว่าเพื่อนแต่ละคนเป็นยังไง และชัตเตอร์ที่รู้จักซอลดีจึงมักจะจับทางซอลได้เสมอและซอลเองก็มักจะแพ้ทางชัตเตอร์เสมอเหมือนกัน

 

" ฮ่าๆๆ เตอร์แม่งสุดยอดเลยวะ ทำไอ้ดื้อแพ้ราบตลอด" พอเห็นปฏิกิริยาของซอลก็ทำเอาเพื่อนๆถึงกับขำออกมาเลยทีเดียว เพราะเป็นที่รู้กันว่าซอลนั้นเป็นคนที่อยู่เหนือความคาดหมายของคนอื่น แต่คนที่อยู่เหนือกว่าซอลก็คือชัตเตอร์

 

หึ “ ชัตเตอร์ไม่ได้พูดตอบอะไรเพียงแค่ส่งเสียงขำเบาๆในลำคอ พอให้รู้ว่าสะใจที่เอาชนะซอลได้ และเสียงนั้นของชัตเตอร์ก็ทำให้ซอลถึงกับต้องหันไปค้อนให้เพื่อนรักทันที

 

ไอ้เตอร์ แม่ง เล่นงี้ตลอดเลยมึงอ่ะ “ ซอลพูดขึ้นอย่างเคืองๆ แต่นั้นกับทำให้เสียงหัวเราจากเพื่อนๆดังขึ้นเป็นเท่าตัว

 

เอาๆไม่ต้องมาเปลี่ยเรื่องเลยไอ้ซอล เล่ามาให้หมดนะ ไม่หมดวันนี้มึงไม่ได้เรียนแน่กูบอกเลย” เครฟพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าซอลพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องให้ใกล้ออกไปจากเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่

 

เออๆเล่าแล้วๆ แม่งชีวิตไอ้ซอลเจอแต่คนกดขี่ข่มเหง”

 

          ร่างโปร่งพูดบ่นกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆฟังตั้งแต่เรื่องที่ตัวเองแข่งแพ้แล้วต้องมาเป็นเบ๊หนึ่งเดือนตามคำพูดที่ตัวเองได้พูดไว้ โดยได้เล่าข้ามเรื่องที่ตัวเองโดนขู่และบังคับต่างๆนานา รวมถึงเรื่องสาเหตุของรอยบนตัวของร่างโปร่งด้วย และเรื่องเมื่อวานซอลเลือกที่จะเล่าความจริงให้เพื่อนๆฟังว่าตามความเข้าใจของตัวเองว่า ที่ทะเลาะกับซันเมื่อวานนั้นเพราะซันโกรธที่มีคนมายุ่งวุ่นวายกับสมบัติของตัวเอง เพราะซันเป็นพวกอารมณ์ร้อนและขี้หวง และดูเหมือนพวกเพื่อนๆจะยอมเชื่อกันและไม่ได้ถามอะไรต่อ แต่แล้วอยู่ๆคนที่ดูเหมือนจะไม่มีบทบาทอะไรมากมายอย่างดีฟก็เอ่ยปากถามขึ้นมาดื้อๆ

 

แล้วรอยตามตัวมึงที่พวกกูเห็นเมื่อวานมันคือรอยอะไรวะซอล “ หลังจากที่นั่งฟังอยู่นานดีฟที่เงียบมาตลอดก็ถามขึ้นเมื่อนึกได้ ทำเอาคนที่คิดว่ากำลังจะรอด ถึงกับสะดุดกลางอากาศ และคำถามนั้นของดีฟก็ทำเอาเพื่อนๆที่กำลังละความสนใจไปหันมามองหน้าซอลอีกรอบ

 

อะ เออ คือกูโดนแมลงอะไรไม่รู้กัดว่ะรู้สึกจะแพ้แล้วมันคันกูเลยเกาจนเป็นรอย” ร่างโปร่งเริ่มแถสดทันที จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่ารอยพวกนั้นเกิดจากการกระทำของซัน

 

          พอเห็นอาการอึกๆอักๆของซอลทั้งสี่คนก็หันกลับมาจ้องซฮลเขม่นอย่างจับผิด แต่ซอลก็ตีหน้ามึนพยักหน้าสำทับเอเลือกความหน้าเชื่อถือกับมา

 

เฮ้อ มึงนี้นะซอล รู้ว่าแพ้ง่ายยังไม่ระวังตัวไปให้อะไรไม่รู้กัดมาจนได้เรื่อง ถ้าเกิดมึงแพ้มากจนเป็นอะไรไปทำไงวะ ” ชัตเตอร์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อเริ่มเชื่อว่ารอยพวกนั้นเกิดจากการถูกแมลงกัดจริงๆ

 

แหะๆ ก็กูไม่รู้นี้หว่า” ซอลแอบลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆเริ่มเชื่อที่ตนเองพูดแล้ว

 

มึงก็อย่างนี้ทุกทีละซอล เอ่อ ว่าแต่นี้มันสมัยไหนแล้ววะยังมีคนมาทำอะไรโบราณๆแบบการหาเบ๊ส่วนตัวแบบนี้อีกเหรอวะ มันไม่รู้หรือไงว่าเขาเลิกทาสไปนานแล้ว” เครฟพูดขึ้นบาง และคำพูดกึ่งประชดนั้นก็เรียกรอยยิ้มจากเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี

 

แต่กูว่าที่โง่กว่าไอ้พี่ซันนั้นก็ ไอ้หมาซอลนี้ละวะ แม่งสมองมึงคิดไรอยู่ถึงไปยอมรับข้อเสนอแบบนั้นวะ โง่ชิบหายเลย” ดีฟพูดพลางมองหน้าซอลที่นั่งตีหน้ามึนอยู่ข้างๆข้าวปั้น

 

มึงไม่เข้าใจคำว่าศักดิ์ศรีหรือไงวะ “ ซอลเถียงขึ้นมาเสียงอ่อยๆ เพราะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะโดนรุ่ม

 

ศักด์ศรีมันกินได้เหมือนข้าวราดแกงมั้ยครับคุณซอล “ ข้าวปั้นพูดขึ้นอีกคนทำเอาซอลถึงกับพูดไม่ออก เพราะรู้ว่าเถียงไปก็เท่านั้น “ผมว่านะศักด์ศรีทุกคนก็มีเหมือนกัน แต่เราก็ควรจะรู้ว่าเวลาไหนควรใช้มันเวลาไหนไม่ควรใช้มันนะครับ ศํกด์ศรีเป็นของเราไม่มีใครมาเหยียบมันได้นอกจากตัวเราเองหรอกนะครับซอล”

 

สาธุ!!!”

 

          สิ้นคำพูดยาวเหยียดของขาวปั้นก็ทำเอาเพื่อนๆอีกสี่คนถึงกับต้องยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วกล่าวสาธุออกมาดังๆ แต่ทำเอาร่างบางเจ้าของคำพูดถึงกับค้อนให้วงใหญ่ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราจากเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี

 

พอๆพวกมึงก็ชอบไปแหย่ปั้นมัน เออ กูลืมบอกไปวันนี้เราไม่ได้ซ้อมนะ เฮียแกต้องไปประชุม” ชัตเตอร์พูดขึ้นอย่างนึกได้ ปรกติทุกเย็นหลังเลิกเรียนพวกเขาจะต้องไปซ้อมบาสเพราะเป็นนักกีฬาโรงเรียน แต่วันนี้เนื่องจากอาจารย์ที่คุมทีมหรือเฮียที่ทุกคนเรียกติดธุระเลยต้องยกเลิกการซ้อมไปก่อน

 

เยส!!สบายหมาอีกแล้ว แสดงว่าวันนี้เลิกเร็วงั้นเราไปชิวที่สยามกันป่ะ” เครฟพูดขึ้นนัยตาเป็นประกายจนเพื่อนๆนึกหมั่นไส้

 

พลัก!!!

 

เยอะนะมึงน่ะ “ ดีฟที่นั่งอยู่ข้างๆกันเลยโบกไปหนึ่งทีแบบเต็มๆ พลางสายหน้าเอือมระอาอย่างสุดๆ

 

แต่กูว่าก็ดีนะ พวกเราไม่ได้ไปชิวนานแล้วนะเว้ย” ร่างโปร่งพูดขึ้นอย่างนึกสนุก แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อคำพูดของร่างสูงลอยเข้ามาในสมอง

 

อืมมม ปั้นว่าก็ดีนะ “ ข้าวปั้นพยักหน้เสนับสนุน ทำให้สายตาสี่คู่หันไปมองเพื่อนหน้านิ่งที่นั่งเล่นเกมส์อยู่อย่างสบายอารมณ์

 

อะไร มองทำไม “ ชัตเตอร์ถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่นัยตาสีอัลมอลล์นั้นไม่ได้อยู่ที่จอเกมส์อีกแล้ว

 

เตอร์มึงเอาไงพวกกูจะไปชิวที่สยาม” ซอลเอ่ยถามเพื่อนสนิท

 

กูยังไงก็ได้ แล้วแต่พวกมึง” คำตอบนั้นทำเอาอีกสี่คนถึงกับยิ้มไม่หุบเลยที่เดียว

 

          ครืนนน! ครืนนน!

 

          ซอลที่กำลังคุยเฮฮาอยู่กับเพื่อนๆหันมามองโทรศัพท์ของตัวเองที่สั่นอยู่บนโต๊ะก่อนจะขมวดคิ้วนิดๆกับเบอร์ที่โทรเข้ามาเพราะมันเป็นเบอร์แปลกที่ไม่ได้เมมไว้ในเครื่อง

 

เห้ย เดี๋ยวกูมานะ “ ร่างโปร่งตะโกนบอกเพื่อนก่อนจะเดินออกไปนอกห้องเพื่อรับสายที่โทรเข้ามา ด้วยความอยากรู้นิดๆว่าใครที่โทรมาตอนนี้

 

ฮัลโหล “ ร่างโปร่งกดรับแล้วพูดทักไปก่อน

 

(กูเองนะ ) เสียงปลายสายที่พูดมา มันคุ้นหูร่างโปร่งเป็นอย่างมาก

 

กูน่ะใครครับ “ร่างโปร่งถามกลับไปอีก เมื่อไม่รู้ว่าคนที่โทรมานั้นคือใคร

 

(ผัวมึงไงครับ ) เท่านั้นแหละ ร่างโปร่งแทบกดตัดสายทิ้ง ใบหน้าขาวใสเริ่มบึ้งตึงเมื่อรู้ว่าปลายสายที่โทรมาคือใคร

 

โทรมาไม “ น้ำเสียงห้วนๆถามกลับไปอีกครั้ง

 

(ทำเสียงให้มันดีๆหน่อย เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยนะมึง )เสียงเข้มพูดขู่มาตามสาย แต่มันกับทำให้ใบหน้าที่บึ้งตึงอยู่แล้วยิ่งงอง้ำขึ้นไปอีก

 

เออ มีไรว่ามาดิ เสียเวลากู “ ซอลพยายามที่จะไม่พูดให้ร่างสูงโมโหเพราะตนมีเรื่องจะบอกซันอยู่เหมือนกัน

 

(วันนี้กูไปรับไม่ได้นะ ต้องไปธุระ มึงนั่งแท็กซี่กลับเองแล้วกันนะ ) เหมือนเสียงสวรรค์มาโปรด เมื่อได้ยินคำพูดของซันทำเอาซอลแทบจะตะโกนออกมาด้วยความดีใจ แต่ก็เงียบไว้เพื่อไม่อยากให้ซันสงสัย

 

เออ แค่นี้ใช่มั้ยกูจะไปเรียนแล้ว “ ร่างโปร่งพูดกลบเกลื่อนอาการดีใจ

 

(กูไม่ได้ไปรับ อย่าเถลไถลนะมึง ไม่งั้นมึงได้เจ็บตัวแน่) ร่างสูงพูดขู่มาตามสายแต่มันกับไม่ทำให้ซอลหงุดหงิดเหมือนทุกครั้ง

 

เออ รู้แล้วน่า แค่นี้นะ “

 

          พูดจบร่างโปร่งก็กดตัดสายไปทันที โดยไม่คิดที่จะบอกซันเลยว่าวันนี้ตนเองจะปชิวกับกลุ่มเพื่อนที่สยาม ก่อนจะคิดว่าวันนี้คงจะเป็นวันที่มีความสุขที่สุดแล้วในรอบสามสี่วันที่ผ่านมา โดยที่ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาเลยสักนิด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา