ดาวเสี่ยงเธียร(ปาฏิหาริย์รักในคืนฝนดาวตก)
8.1
เขียนโดย มะมาย
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.02 น.
8 ตอน
5 วิจารณ์
12.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 18.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) วินาทีหวั่นไหว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทั้งสองเดินเข้ามาในผับแห่งหนึ่งท่ามกลางนักท่องราตรีจำนวนมากมาย
‘นี่น่ะหรอที่ว่าจะมาพักผ่อน’ ประกายดาวคิดในใจพลางกวาดตามองชายหญิงขาแดนซ์หลายสิบคนตรงหน้า เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกหล่อนถึงชอบใส่ชุดเปิดหน้าเปิดหลัง กำลังคิดเพลินๆชายหนุ่มก็หยุดเดินซะงั้นทำเอาเธอเกือบชนเข้าให้
เขามองหน้าเธอยังไม่กล้าพูดออกไปซะทีเดียว “…..ตามมาเองก็ช่วยดูแลตัวเองด้วย”
หญิงสาวเห็นว่าด้านหลังเขามีคนกวักมือเรียกยิกๆก็พอจะเดาออกว่าเขาไม่ต้องการให้เธอร่วมโต๊ะด้วยและเธอก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
“เชิญนายตามสบาย ฉันจะนั่งของฉันอยู่ตรงนี้”
ประกายดาวเลือกที่จะนั่งรออยู่ที่โต๊ะใกล้ๆกัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีปัญหาอะไรเธียรทัดก็ขยับเดินไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนกลุ่มใหญ่นั่งรอเขาอยู่
“เห้ยไอ้เธียรอะไรดลใจแกให้หยิบชุดสูทขึ้นมาใส่วะ” เพื่อนในกลุ่มรีบทัก
“จะมีอะไรซะอีกวะ”
ชายหนุ่มบ่นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายพลางปลดเน็คไทออกแล้วนั่งลง
“อย่าบอกนะว่าผู้หญิงที่อยู่โต๊ะนั้น…พ่อแกส่งมา” ทุกสายตาจับจ้องมองไปยังประกายดาว
เธียรทัดเงียบแล้วหยิบแก้วขึ้นมายกดื่มซึ่งนั่นแทนคำตอบว่าคนถามคิดไม่ผิด
“คราวนี้พ่อแกคิดยังไงวะถึงส่งมาซะสาวเชียว”
พอคิดถึงคนก่อนๆที่ไม่ใส่แว่นหน้าเตอะก็สูงอายุจวนจะเรียกแม่ได้แล้วทุกคนก็มองหน้ากันหัวเราะอย่างชอบใจยกเว้นก็แต่เจ้าตัว เพื่อนอีกคนรีบสวนขึ้น
“แต่ฉันว่าแม่นั้นคงไม่ได้มีดีแค่ความสาวความสวยหรอกว่ะ”
“ยังไงวะ?” แทบทั้งกลุ่มยื่นหน้าสลอนด้วยสายตาอยากรู้
“ไอ้โง่!ไม่งั้นไม่มีทางที่ไอ้เธียรจะยอมใส่ชุดที่อยู่บนตัวมันหรอก”
“พูดกันพอหรือยัง”
เธียรทัดขึงตาดุใส่พวกเพื่อนๆของเขาเพราะรู้สึกว่าชักพูดมากไป ทำเอาหน้าจ๋อยกันถ้วนหน้าว่าแล้วจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เรามาฉลองให้กับความสำเร็จของไอ้เธียรมันดีกว่า…ชนนนน”
แล้วทุกคนต่างก็คุยกันเฮฮาตามประสาเพื่อนฝูงที่นานๆจะนัดมาเจอกันสักที งานในวันนี้คงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอีตาคุณเธียรก็ซัดเข้าไปแล้วเต็มๆสองแก้วไอ้คนที่นั่งติดรถมาด้วยอย่างฉันก็คงจะต้องพูดเตือนเขาให้พอ นอกจากเขาจะไม่ยอมฟังฉันแล้วเขายังยื่นแก้วเหล้ามาให้ฉันอีกตั้งหาก
“ทำไมไม่ดื่มล่ะ...กลัวหรอ” สายตาท้าทายส่งถึงคนตรงหน้า
“มันดึกแล้วฉันว่าเราควรรีบกลับบ้านนะ”
“เธอตอบไม่ตรงคำถาม……..ถ้าเธอดื่มหมดแก้วฉันถึงจะยอมกลับ”
เมื่อเห็นว่าฉันลังเลเขาก็รีบยัดแก้วใส่มือฉันไว้
“นี่คุณเธียร!” หญิงสาวกัดฟันกรอดๆพลางระงับอารมณ์ที่คุกกรุ่นอยู่ภายใน
แล้วเสียงเชียร์จากเพื่อนเขาดังขึ้นเสมือนเป็นการกดดันให้ฉันไม่มีทางเลือก ทว่าฉันยืนกรานเสียงแข็งว่าไม่ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าฉันต้องรอเขาต่อไป ฉันจึงปล่อยให้เขาได้สนุกต่ออีกสักหน่อยแล้วหันกลับไปนั่งจับเจ่ารอที่โต๊ะอย่างเก่า จะว่าไปตั้งแต่มาถึงก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องแต่ในเมื่อฉันแตะแอลกอฮอล์ไม่ได้ฉันก็เลยต้องสั่งอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น ซึ่งก็คือน้ำเปล่าแล้วก็ขนมขบเคี้ยวอีกสองสามอย่าง
ระหว่างที่นั่งรอ ดูเหมือนว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อชายหนุ่มบริกรหยิบแก้วของประกายดาวสลับกับของลูกค้ารายอื่นโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ว่าแล้วจึงเดินไปยังโต๊ะของประกายดาว
“เก็บเงินที่ผู้ชายใส่ชุดสูทโต๊ะนั้นนะคะ”
ว่าพลางชี้ไปยังชายที่ว่าซึ่งก็คือเธียรทัด ประกายดาวหัวเราะกับตัวเองอย่างซะใจแล้วคว้าแก้วตรงหน้ามาดื่มถึงแม้มันจะมีกลิ่นและรสชาติแปลกๆก็ตามที เพียงครู่เดียวเธอก็รู้สึกมึนหัว สิ่งรอบตัวมันหมุนติ้วๆอยู่ตลอดเวลาหญิงสาวตาพร่ามัวเหมือนว่าวิญญาณจะถูกกระชากออกจากร่างอาการเหล่านี้ทำให้หญิงสาวรู้ได้เลยว่าไอ้น้ำใสๆนั่นมันไม่ใช่อย่างที่แม้ว่าเธอพยายามเรียกสติกลับคืนมาด้วยการส่ายหน้าถี่ๆแล้วตบหน้าตัวเองหรือแม้แต่หยิบน้ำที่เหลือขึ้นมาราดใส่หัวตัวเองแต่มันก็สายเกินไปแล้ว เธียรทัดเองก็แอบชำเลืองมองหญิงสาวอยู่ตลอดเพราะตั้งแต่มาก็เห็นมีชายหนุ่มแวะเวียนมาจะเกี่ยวเธอเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้เขาไม่พบเธอแล้ว ชายหนุ่มกวาดตามองจนทั่วแต่ก็ไม่เจอครันจะลุกไปตามก็ถูกเพื่อนๆที่เมาได้ที่รั้งตลอด
“เธออยู่ไหนนะประกายดาว”
เขาทนนั่งต่อไปทั้งที่ใจอยู่ไม่สุขแล้วอยู่ๆเพื่อนของคนก็วิ่งหน้าตั้งกลับมา
“เฮ้ยเธียรฉันว่าเมื่อกี๊ฉันเห็นแม่สาวสวยที่มากับแกเต้นรั่วอยู่หน้าเวทีวะ”
เพื่อนเขาคงหมายถึงประกายดาวแต่เท่าที่รู้จักกับเธอมาหลายวันนี้เธอไม่น่ามีพฤติกรรมแบบนั้น
“แกจำผิดคนหรือเปล่าวะ อย่าแม่นั้นไม่น่า….ขนาดไวน์สักแก้วยังไม่แตะ” เขาทำวางใจเย็นอยู่
“ไอ้เธียรแกจะไม่ทำอะไรสักอย่างเลยหรอไงวะ ถ้าแกมัวชักช้าอยู่มีหวังยัยนั่นคงได้ถอดหมดตัวแน่”
“ถอด! ถอดอะไรของแกวะ”
“ก็ถอดเสื้อผ้าไงเล่าโว๊ย”
ห๊ะ!ว่าไงนะ!!!
ได้ยินอย่างนั้นทำเอาเขาแทบจะสำลัก พูดจบเขาทั้งคู่ก็รีบเข้ามาตามหาเธอที่อยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าน้อยชิ้นแถมยังเต้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวท่ามกลางเสียงเชียร์ว่าให้รีบถอดให้หมด! แล้วบังเอิญว่าประกายดาวเองก็บ้าจี้ซะด้วย
การที่ผู้คนต่างมุงดูประกายดาวเป็นกลุ่มก้อนก็เป็นที่สะดุดตาทำให้การตามหาตัวเธอนั้นทำได้ไม่ยากเย็น เธียรทัดเดินเบียดเสียดแทรกตัวผ่านผู้คนแน่นๆเข้ามา สภาพของหญิงสาวในตอนนี้ทำเอาเขาต้องรีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขามาคลุมท่อนบนของเธอไว้แล้วพยายามจะดึงเธอให้ออกไปด้วยกัน ทว่าหล่อนเองกลับขัดขืนและใช้มือทั้งสองโอบคอเขาเอาไว้แน่นแล้วก้มหน้าซบที่หน้าอกของชายหนุ่ม เขารีบดันเธอให้ออกห่างหญิงสาวยิ้มข้างมุมปากจากนั้นเธอก็ถูกเขาเหวี่ยงจนเซไปชนเข้ากับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง เธียรทัดหันหลังเตรียมเดินออกไปแต่แล้วก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหยุดแล้วหันกลับไปหาประกายดาว เขาดึงเธอออกมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกคนที่พยายามจะล่วงเกินเธอ
“อย่ามายุ่ง!”
เธอจ้องเขาอย่างหัวเสีย ดีที่ว่ามีเพื่อนของชายหนุ่มคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ
“ฉันว่าแกรีบพาเธอออกไปเถอะ ขืนปล่อยไว้คงได้ถอดหมดตัวแน่”
เขาตัดสินใจแบกเธอไว้บนหลังแล้วรีบพาไปที่รถอย่างทุลักทุเลและพยายามยัดร่างของเธอไว้ที่เบาะข้างคนขับแต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะประกายดาวที่อารมณ์ยังคุกกรุ่นค้างในความเมามันของเสียงเพลงก็อยากจะกลับเข้าไปอีกครั้งก็เลยขัดขืนสุดใจขาดดิ้น
“ปล่อย!ฉันจะกลับไป”
“จะไปได้ยังไงก็เธอเมาอยู่”
ไม่มีคนเมาที่ไหนบอกว่าตัวเองเมาหรอกเธอที่ยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เมาก็เลยบอกให้เขาปล่อยแขนเพราะเธอจะยืนเองเพื่อพิสูจน์ว่า เธอยังไหว แล้วเขาก็ปล่อยจริงๆแล้วจะเหลือรึหญิงสาวยืนเซไปเซมาในที่สุดก็ล้มลงทว่าเขาเองประครองร่างเธอเอาไว้นับว่าเป็นโชคดีที่ล้มใส่เบาะนี่ถ้าเป็นพื้นคงเลือดตกยางออกเป็นแน่ แต่การล้มในครั้งนี้ก็ทำให้เธอสงบสติอารมณ์เรียกว่าหลับปุ๋ยคารถเลยก็ว่าได้ ทว่าเธียรทัดที่ล้มคล่อมอยู่บนร่างของหญิงสาวกลับมองผู้อยู่ตรงหน้านิ่งด้วยความรู้สึกบางอย่างแต่ท่าทีที่เธอกำลังจะอ้วกทำเอาเขารีบผละตัวเองออกมาแทบไม่ทัน ดูเขาเองก็ยังจะงงๆกับเหตุการณ์เมื่อกี๊ก่อนจะขึ้นมาทำหน้าที่พนักงานขับรถกลับบ้านต่อไป แม้ว่าเขาจะจอดรถให้เธอได้อ้วกมาตลอดทางแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านประกายดาวก็ยังไม่รู้สึกตัว และก็คงเหลือทางเดียวถ้าหากเขาไม่ต้องการให้รถเปื้อนอ้วกของหญิงสาวนั่นก็คือ อุ้ม เขาพาเธอลับมาห้องแล้วสั่งให้กานดาคอยดูแลก่อนเขาจะเดินแยกไปอย่างห่วงๆ
ยามเช้ากับความวุ่นวายภายในครัว
“ความจริงคุณดาวไม่น่ามาช่วยป้าเลยนะคะน่าจะนอนพักต่ออีกสักหน่อย”
“ฉันนอนมาทั้งคืนแล้ว นอนต่ออีกคงไม่ไหว ลงมาช่วยคุณกานดาดีกว่าเยอะเลยคะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แล้วก็ก้มลงหั่นผักต่อ
ดูเหมือนว่าประกายดาวจะช่วยให้ทุกคนยุ่งซะมากกว่าเพราะไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรก็พลอยแต่จะมีอันต้องแตก ต้องหัก ต้องหกอยู่ตลอด ครั้นจะบอกก็ไม่กล้ากลัวเจ้าหล่อนจะเสียใจแต่เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมทั้งหมดจึงยืนประจำทุกตำแหน่งเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากหญิงสาว ทว่าปล่อยให้มือว่างได้ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าหล่อนน่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนที่เธียรทัดไม่ปล่อยเธอทิ้งไว้ที่ผับเมื่อคืน ว่าแล้วจึงหยิบมะนาวซักหอบมือก่อนขยับไปทำน้ำมะนาวปั้นตามที่ตั้งใจ
ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ขณะที่เธียรทัดกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ประกายดาวที่แอบมองอยู่ไกลๆก็กำลังนึกหาคำพูดดีๆเพื่อขอบคุณ หล่อนยืนละล้าละลังหันมาอีกทีก็ไม่พบเจ้าตัวแล้ว
“อะอ้าว!” เธอยังไม่ทันที่จะได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้
หญิงสาววางแก้วน้ำมะนาวปั้นไว้ที่โต๊ะแล้วตัดสินใจขยับเดินตามหลังไวๆของชายหนุ่มไป เธอพบว่าต้นเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มรีบร้อนก็คือหญิงสาวผิวขาวตัวเปียกที่เขาประครองเอาไว้ เธียรทัดไหว้วานประกายดาวให้เป็นคนหาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้หญิงสาวแววตาเศร้าคนนั้น ประกายดาวเดินนำเธอไปยังห้องนอนของหล่อนแล้วจึงเอ่ยปากให้เธอเลือกเสื้อผ้าในตู้ได้ตามใจโดยไม่ได้ถามไถ่อะไรก่อนจะเดินแยกออกไปเพื่อชงน้ำขิงร้อนๆมาให้ กำลังจะเดินเอาไปให้แล้วก็บังเอิญเห็นว่าเธียรทัดกำลังปลอบประโลมหญิงสาวที่กำลังร้องไห้อยู่ทำให้เธอยังไม่ผลีผลามเข้าไปเพียงแต่ยืนดูอยู่ห่างๆ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสองหันมามองทางต้นเสียง
“ขอโทษค่ะพอดีฉันเอาน้ำขิงอุ่นๆมาให้ ฉันวางไว้ตรงนี้ก็แล้วกันนะคะ”
พูดจบก็รีบก้าวออกจากห้องไปเธอถอนหายใจยาวๆแล้วกดรับโทรศัพท์
“ค่ะคุณลุง”
“ทำงานได้ดีมาก”
ทัศไนยกล่าวชื่นชมกับผลงานเมื่อวาน แม้จะเป็นนิมิตหมายที่ดีแต่พอนึกถึงวีรกรรมแสบของเธียรทัดก็ยิ้มไม่ออกเท่าไหร่
“ฉันว่าน่าจะถึงเวลาสำหรับภารกิจใหม่แล้วล่ะ”
ให้ตายสิฉันยังหายใจไม่ทั่วท้องเลยแล้วนี่ฉันจะต้องลุกขึ้นมาสู้รบปรบมือกับเขาอีกแล้วหรอเนี่ย
“รายละเอียดของงานฉันเตรียมไว้ให้ที่เดิมนะ”
ห้องสมุดขนาดย่อมๆของบ้านสหสมุทรที่ภายในสามารถมองผ่านกระจกออกไปเป็นสนามหญ้า ประกายดาวเดินหัวหมุนค้นหาข้อมูลสำหรับภารกิจใหม่ที่ได้รับมอบหมายมา หญิงสาวสรรหาหนังสือที่มีอยู่มากมายภายใต้ชั้นหนังสือที่สูงระลิ่ว ในใจก็เป็นกังวลว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนเธียรทัดถึงจะยอมทำตามโดยไม่มีเงื่อนไข ระหว่างที่เปิดกระดาษแต่ละหน้าอยู่ๆก็มีบางสิ่งหลุดล่วงหล่นลงพื้น เธอก้มเก็บมันขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นภาพถ่ายของเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงสองคนและหากว่าเธอมองไม่ผิดเด็กผู้ชายในภาพก็คงเป็นเธียรทัดแต่เด็กผู้หญิงนี่สิเป็นใครกัน? หล่อนจึงพลิกดูด้านหลังแล้วก็พบข้อความบอกรักตามประสาเด็กๆ
“เกษรางั้นหรอ?”
เธอพินิจรูปใบนั้นอย่างถีถ้วนแล้วตัดสินใจเก็บภาพใบนั้นไว้กับตัวก่อน แล้วก็ลงมือทำในสิ่งที่สำคัญมากกว่า เวลาผ่านไป ประกายดาวได้ข้อมูลตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับออกมาบังเอิญพบกับเธียรทัดเข้าพอดีหล่อนจึงถามถึงผู้หญิงคนนั้น
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอ ทำไมนายดูเป็นห่วงเธอจัง”
“เธอชื่อเกษราเป็นเพื่อนฉันเอง”
“เกษรา?” ประกายดาวทวนอีกรอบแล้วนึกถึงข้อความหลังรูปใบนั้น ถ้าหล่อนเดาไม่ผิดเธียรทัดคงจะแอบหลงรักผู้หญิงที่ชื่อเกษรา แล้วถ้าเป็นอย่างที่คิดไว้เธอก็พอจะหาทางออกให้กับตัวเองได้แล้ว
“เธอเป็นแค่เพื่อนนายจริงๆหรอ” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างจับผิด
“แล้วเธอคิดว่าเขาเป็นใครล่ะ”
“ก็ถ้าดูจากที่นายคอยดูเธอในวันนี้ถ้านายไม่บอกว่าเป็นแค่เพื่อนฉันคงคิดว่านายกับเขาเป็นคนรักกันซะอีกแหนะ”
“พูดให้ดีนะประกายดาว!”
ชายหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินไปทางอื่น
“นั่นสินะนายกับเขาก็คงเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วไม่ใช่หรอ”
ว่าพลางหยิบภาพใบนั้นขึ้นมาดู ชายหนุ่มชะงักหยุดเดินแล้วค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวยืนยิ้มแป้นแล้นรออยู่
“นี่เธอไปเอาภาพนั้นมาได้ยังไง!”
ว่าแล้วจะฉกหยิบจากมือหล่อนมาแต่เธอหลบได้ทันเวลา
“นายแอบชอบคุณเกษรามานานแล้วใช่ไหมล่ะ และดูท่าเธอเองก็ไม่จะรู้ว่านายรู้สึกแบบนั้นหรือว่านายไม่กล้าบอก”
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“นายไม่กล้าบอกจริงด้วย ดีล่ะฉันจะได้ไปบอกให้เอง”
ประกายดาวเตรียมขยับเดินไปทว่าชายหนุ่มออกคำสั่งให้หยุด
“เธอต้องการอะไรกันแน่”
หญิงสาวแสยะยิ้มค่อยๆหันมาเพื่อตอบคำถามนั่น “คิดโปรเจ็คงานของบริษัท”
“ไม่มีทาง!” น้ำเสียงหนักแน่น
“ก็ตามใจ” หล่อนเบ้ปาก
หญิงสาวไม่รอต่อรองในเมื่อเธอเป็นต่ออยู่ชัดๆ แล้วอยู่ๆชายหนุ่มก็พุ่งมาจากทางด้านหลังจะหยิบภาพนั้นไปให้ได้ระหว่างนั้นเกษราเดินออกมาตามหาเธียรทัดพอดีเขาจึงรับเอามือปิดปากประกายดาวเอาไว้เมื่อเห็นว่าเธอจะอ้าปากเรียกคนข้างหน้า แล้วเขาก็ลากเธอไปหลบมุมห้อง เธอสะบัดจนหลุดจากเข้า
“อี๊!” ฉันถูปากสลัดความเค็มออก
“นายจะเอายังไงฉันให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย”
เขาลังเลแต่ก็รับปากส่งๆไปก่อนแต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องคืนภาพใบนั้นให้เขาซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะอะไรน่ะหรอหึหึหึ
“แล้วเธอก็ห้ามออกไปพบกับเขาเด็ดขาดเข้าใจไหม” เธียรทัดชี้หน้าเตือน
หญิงสาวพยักหน้าให้สัญญา(. .)(‘ ‘)(. .)แล้วเขาก็รีบไปหาเกษราที่เดินมาทางนี้พอดีเพื่อไปส่งเธอที่บ้าน
‘นี่น่ะหรอที่ว่าจะมาพักผ่อน’ ประกายดาวคิดในใจพลางกวาดตามองชายหญิงขาแดนซ์หลายสิบคนตรงหน้า เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพวกหล่อนถึงชอบใส่ชุดเปิดหน้าเปิดหลัง กำลังคิดเพลินๆชายหนุ่มก็หยุดเดินซะงั้นทำเอาเธอเกือบชนเข้าให้
เขามองหน้าเธอยังไม่กล้าพูดออกไปซะทีเดียว “…..ตามมาเองก็ช่วยดูแลตัวเองด้วย”
หญิงสาวเห็นว่าด้านหลังเขามีคนกวักมือเรียกยิกๆก็พอจะเดาออกว่าเขาไม่ต้องการให้เธอร่วมโต๊ะด้วยและเธอก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
“เชิญนายตามสบาย ฉันจะนั่งของฉันอยู่ตรงนี้”
ประกายดาวเลือกที่จะนั่งรออยู่ที่โต๊ะใกล้ๆกัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีปัญหาอะไรเธียรทัดก็ขยับเดินไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนกลุ่มใหญ่นั่งรอเขาอยู่
“เห้ยไอ้เธียรอะไรดลใจแกให้หยิบชุดสูทขึ้นมาใส่วะ” เพื่อนในกลุ่มรีบทัก
“จะมีอะไรซะอีกวะ”
ชายหนุ่มบ่นด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายพลางปลดเน็คไทออกแล้วนั่งลง
“อย่าบอกนะว่าผู้หญิงที่อยู่โต๊ะนั้น…พ่อแกส่งมา” ทุกสายตาจับจ้องมองไปยังประกายดาว
เธียรทัดเงียบแล้วหยิบแก้วขึ้นมายกดื่มซึ่งนั่นแทนคำตอบว่าคนถามคิดไม่ผิด
“คราวนี้พ่อแกคิดยังไงวะถึงส่งมาซะสาวเชียว”
พอคิดถึงคนก่อนๆที่ไม่ใส่แว่นหน้าเตอะก็สูงอายุจวนจะเรียกแม่ได้แล้วทุกคนก็มองหน้ากันหัวเราะอย่างชอบใจยกเว้นก็แต่เจ้าตัว เพื่อนอีกคนรีบสวนขึ้น
“แต่ฉันว่าแม่นั้นคงไม่ได้มีดีแค่ความสาวความสวยหรอกว่ะ”
“ยังไงวะ?” แทบทั้งกลุ่มยื่นหน้าสลอนด้วยสายตาอยากรู้
“ไอ้โง่!ไม่งั้นไม่มีทางที่ไอ้เธียรจะยอมใส่ชุดที่อยู่บนตัวมันหรอก”
“พูดกันพอหรือยัง”
เธียรทัดขึงตาดุใส่พวกเพื่อนๆของเขาเพราะรู้สึกว่าชักพูดมากไป ทำเอาหน้าจ๋อยกันถ้วนหน้าว่าแล้วจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เรามาฉลองให้กับความสำเร็จของไอ้เธียรมันดีกว่า…ชนนนน”
แล้วทุกคนต่างก็คุยกันเฮฮาตามประสาเพื่อนฝูงที่นานๆจะนัดมาเจอกันสักที งานในวันนี้คงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอีตาคุณเธียรก็ซัดเข้าไปแล้วเต็มๆสองแก้วไอ้คนที่นั่งติดรถมาด้วยอย่างฉันก็คงจะต้องพูดเตือนเขาให้พอ นอกจากเขาจะไม่ยอมฟังฉันแล้วเขายังยื่นแก้วเหล้ามาให้ฉันอีกตั้งหาก
“ทำไมไม่ดื่มล่ะ...กลัวหรอ” สายตาท้าทายส่งถึงคนตรงหน้า
“มันดึกแล้วฉันว่าเราควรรีบกลับบ้านนะ”
“เธอตอบไม่ตรงคำถาม……..ถ้าเธอดื่มหมดแก้วฉันถึงจะยอมกลับ”
เมื่อเห็นว่าฉันลังเลเขาก็รีบยัดแก้วใส่มือฉันไว้
“นี่คุณเธียร!” หญิงสาวกัดฟันกรอดๆพลางระงับอารมณ์ที่คุกกรุ่นอยู่ภายใน
แล้วเสียงเชียร์จากเพื่อนเขาดังขึ้นเสมือนเป็นการกดดันให้ฉันไม่มีทางเลือก ทว่าฉันยืนกรานเสียงแข็งว่าไม่ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าฉันต้องรอเขาต่อไป ฉันจึงปล่อยให้เขาได้สนุกต่ออีกสักหน่อยแล้วหันกลับไปนั่งจับเจ่ารอที่โต๊ะอย่างเก่า จะว่าไปตั้งแต่มาถึงก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องแต่ในเมื่อฉันแตะแอลกอฮอล์ไม่ได้ฉันก็เลยต้องสั่งอะไรที่นอกเหนือไปจากนั้น ซึ่งก็คือน้ำเปล่าแล้วก็ขนมขบเคี้ยวอีกสองสามอย่าง
ระหว่างที่นั่งรอ ดูเหมือนว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อชายหนุ่มบริกรหยิบแก้วของประกายดาวสลับกับของลูกค้ารายอื่นโดยที่เขาก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน ว่าแล้วจึงเดินไปยังโต๊ะของประกายดาว
“เก็บเงินที่ผู้ชายใส่ชุดสูทโต๊ะนั้นนะคะ”
ว่าพลางชี้ไปยังชายที่ว่าซึ่งก็คือเธียรทัด ประกายดาวหัวเราะกับตัวเองอย่างซะใจแล้วคว้าแก้วตรงหน้ามาดื่มถึงแม้มันจะมีกลิ่นและรสชาติแปลกๆก็ตามที เพียงครู่เดียวเธอก็รู้สึกมึนหัว สิ่งรอบตัวมันหมุนติ้วๆอยู่ตลอดเวลาหญิงสาวตาพร่ามัวเหมือนว่าวิญญาณจะถูกกระชากออกจากร่างอาการเหล่านี้ทำให้หญิงสาวรู้ได้เลยว่าไอ้น้ำใสๆนั่นมันไม่ใช่อย่างที่แม้ว่าเธอพยายามเรียกสติกลับคืนมาด้วยการส่ายหน้าถี่ๆแล้วตบหน้าตัวเองหรือแม้แต่หยิบน้ำที่เหลือขึ้นมาราดใส่หัวตัวเองแต่มันก็สายเกินไปแล้ว เธียรทัดเองก็แอบชำเลืองมองหญิงสาวอยู่ตลอดเพราะตั้งแต่มาก็เห็นมีชายหนุ่มแวะเวียนมาจะเกี่ยวเธอเรื่อยๆ แต่ครั้งนี้เขาไม่พบเธอแล้ว ชายหนุ่มกวาดตามองจนทั่วแต่ก็ไม่เจอครันจะลุกไปตามก็ถูกเพื่อนๆที่เมาได้ที่รั้งตลอด
“เธออยู่ไหนนะประกายดาว”
เขาทนนั่งต่อไปทั้งที่ใจอยู่ไม่สุขแล้วอยู่ๆเพื่อนของคนก็วิ่งหน้าตั้งกลับมา
“เฮ้ยเธียรฉันว่าเมื่อกี๊ฉันเห็นแม่สาวสวยที่มากับแกเต้นรั่วอยู่หน้าเวทีวะ”
เพื่อนเขาคงหมายถึงประกายดาวแต่เท่าที่รู้จักกับเธอมาหลายวันนี้เธอไม่น่ามีพฤติกรรมแบบนั้น
“แกจำผิดคนหรือเปล่าวะ อย่าแม่นั้นไม่น่า….ขนาดไวน์สักแก้วยังไม่แตะ” เขาทำวางใจเย็นอยู่
“ไอ้เธียรแกจะไม่ทำอะไรสักอย่างเลยหรอไงวะ ถ้าแกมัวชักช้าอยู่มีหวังยัยนั่นคงได้ถอดหมดตัวแน่”
“ถอด! ถอดอะไรของแกวะ”
“ก็ถอดเสื้อผ้าไงเล่าโว๊ย”
ห๊ะ!ว่าไงนะ!!!
ได้ยินอย่างนั้นทำเอาเขาแทบจะสำลัก พูดจบเขาทั้งคู่ก็รีบเข้ามาตามหาเธอที่อยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าน้อยชิ้นแถมยังเต้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวท่ามกลางเสียงเชียร์ว่าให้รีบถอดให้หมด! แล้วบังเอิญว่าประกายดาวเองก็บ้าจี้ซะด้วย
การที่ผู้คนต่างมุงดูประกายดาวเป็นกลุ่มก้อนก็เป็นที่สะดุดตาทำให้การตามหาตัวเธอนั้นทำได้ไม่ยากเย็น เธียรทัดเดินเบียดเสียดแทรกตัวผ่านผู้คนแน่นๆเข้ามา สภาพของหญิงสาวในตอนนี้ทำเอาเขาต้องรีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกของเขามาคลุมท่อนบนของเธอไว้แล้วพยายามจะดึงเธอให้ออกไปด้วยกัน ทว่าหล่อนเองกลับขัดขืนและใช้มือทั้งสองโอบคอเขาเอาไว้แน่นแล้วก้มหน้าซบที่หน้าอกของชายหนุ่ม เขารีบดันเธอให้ออกห่างหญิงสาวยิ้มข้างมุมปากจากนั้นเธอก็ถูกเขาเหวี่ยงจนเซไปชนเข้ากับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง เธียรทัดหันหลังเตรียมเดินออกไปแต่แล้วก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาต้องหยุดแล้วหันกลับไปหาประกายดาว เขาดึงเธอออกมาจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอีกคนที่พยายามจะล่วงเกินเธอ
“อย่ามายุ่ง!”
เธอจ้องเขาอย่างหัวเสีย ดีที่ว่ามีเพื่อนของชายหนุ่มคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ
“ฉันว่าแกรีบพาเธอออกไปเถอะ ขืนปล่อยไว้คงได้ถอดหมดตัวแน่”
เขาตัดสินใจแบกเธอไว้บนหลังแล้วรีบพาไปที่รถอย่างทุลักทุเลและพยายามยัดร่างของเธอไว้ที่เบาะข้างคนขับแต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะประกายดาวที่อารมณ์ยังคุกกรุ่นค้างในความเมามันของเสียงเพลงก็อยากจะกลับเข้าไปอีกครั้งก็เลยขัดขืนสุดใจขาดดิ้น
“ปล่อย!ฉันจะกลับไป”
“จะไปได้ยังไงก็เธอเมาอยู่”
ไม่มีคนเมาที่ไหนบอกว่าตัวเองเมาหรอกเธอที่ยังยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เมาก็เลยบอกให้เขาปล่อยแขนเพราะเธอจะยืนเองเพื่อพิสูจน์ว่า เธอยังไหว แล้วเขาก็ปล่อยจริงๆแล้วจะเหลือรึหญิงสาวยืนเซไปเซมาในที่สุดก็ล้มลงทว่าเขาเองประครองร่างเธอเอาไว้นับว่าเป็นโชคดีที่ล้มใส่เบาะนี่ถ้าเป็นพื้นคงเลือดตกยางออกเป็นแน่ แต่การล้มในครั้งนี้ก็ทำให้เธอสงบสติอารมณ์เรียกว่าหลับปุ๋ยคารถเลยก็ว่าได้ ทว่าเธียรทัดที่ล้มคล่อมอยู่บนร่างของหญิงสาวกลับมองผู้อยู่ตรงหน้านิ่งด้วยความรู้สึกบางอย่างแต่ท่าทีที่เธอกำลังจะอ้วกทำเอาเขารีบผละตัวเองออกมาแทบไม่ทัน ดูเขาเองก็ยังจะงงๆกับเหตุการณ์เมื่อกี๊ก่อนจะขึ้นมาทำหน้าที่พนักงานขับรถกลับบ้านต่อไป แม้ว่าเขาจะจอดรถให้เธอได้อ้วกมาตลอดทางแต่เมื่อกลับมาถึงบ้านประกายดาวก็ยังไม่รู้สึกตัว และก็คงเหลือทางเดียวถ้าหากเขาไม่ต้องการให้รถเปื้อนอ้วกของหญิงสาวนั่นก็คือ อุ้ม เขาพาเธอลับมาห้องแล้วสั่งให้กานดาคอยดูแลก่อนเขาจะเดินแยกไปอย่างห่วงๆ
ยามเช้ากับความวุ่นวายภายในครัว
“ความจริงคุณดาวไม่น่ามาช่วยป้าเลยนะคะน่าจะนอนพักต่ออีกสักหน่อย”
“ฉันนอนมาทั้งคืนแล้ว นอนต่ออีกคงไม่ไหว ลงมาช่วยคุณกานดาดีกว่าเยอะเลยคะ”
ฉันเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้แล้วก็ก้มลงหั่นผักต่อ
ดูเหมือนว่าประกายดาวจะช่วยให้ทุกคนยุ่งซะมากกว่าเพราะไม่ว่าจะหยิบจะจับอะไรก็พลอยแต่จะมีอันต้องแตก ต้องหัก ต้องหกอยู่ตลอด ครั้นจะบอกก็ไม่กล้ากลัวเจ้าหล่อนจะเสียใจแต่เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมทั้งหมดจึงยืนประจำทุกตำแหน่งเพื่อป้องกันการแทรกแซงจากหญิงสาว ทว่าปล่อยให้มือว่างได้ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าหล่อนน่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนที่เธียรทัดไม่ปล่อยเธอทิ้งไว้ที่ผับเมื่อคืน ว่าแล้วจึงหยิบมะนาวซักหอบมือก่อนขยับไปทำน้ำมะนาวปั้นตามที่ตั้งใจ
ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ ขณะที่เธียรทัดกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ประกายดาวที่แอบมองอยู่ไกลๆก็กำลังนึกหาคำพูดดีๆเพื่อขอบคุณ หล่อนยืนละล้าละลังหันมาอีกทีก็ไม่พบเจ้าตัวแล้ว
“อะอ้าว!” เธอยังไม่ทันที่จะได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้
หญิงสาววางแก้วน้ำมะนาวปั้นไว้ที่โต๊ะแล้วตัดสินใจขยับเดินตามหลังไวๆของชายหนุ่มไป เธอพบว่าต้นเหตุที่ทำให้ชายหนุ่มรีบร้อนก็คือหญิงสาวผิวขาวตัวเปียกที่เขาประครองเอาไว้ เธียรทัดไหว้วานประกายดาวให้เป็นคนหาเสื้อผ้าชุดใหม่ให้หญิงสาวแววตาเศร้าคนนั้น ประกายดาวเดินนำเธอไปยังห้องนอนของหล่อนแล้วจึงเอ่ยปากให้เธอเลือกเสื้อผ้าในตู้ได้ตามใจโดยไม่ได้ถามไถ่อะไรก่อนจะเดินแยกออกไปเพื่อชงน้ำขิงร้อนๆมาให้ กำลังจะเดินเอาไปให้แล้วก็บังเอิญเห็นว่าเธียรทัดกำลังปลอบประโลมหญิงสาวที่กำลังร้องไห้อยู่ทำให้เธอยังไม่ผลีผลามเข้าไปเพียงแต่ยืนดูอยู่ห่างๆ ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสองหันมามองทางต้นเสียง
“ขอโทษค่ะพอดีฉันเอาน้ำขิงอุ่นๆมาให้ ฉันวางไว้ตรงนี้ก็แล้วกันนะคะ”
พูดจบก็รีบก้าวออกจากห้องไปเธอถอนหายใจยาวๆแล้วกดรับโทรศัพท์
“ค่ะคุณลุง”
“ทำงานได้ดีมาก”
ทัศไนยกล่าวชื่นชมกับผลงานเมื่อวาน แม้จะเป็นนิมิตหมายที่ดีแต่พอนึกถึงวีรกรรมแสบของเธียรทัดก็ยิ้มไม่ออกเท่าไหร่
“ฉันว่าน่าจะถึงเวลาสำหรับภารกิจใหม่แล้วล่ะ”
ให้ตายสิฉันยังหายใจไม่ทั่วท้องเลยแล้วนี่ฉันจะต้องลุกขึ้นมาสู้รบปรบมือกับเขาอีกแล้วหรอเนี่ย
“รายละเอียดของงานฉันเตรียมไว้ให้ที่เดิมนะ”
ห้องสมุดขนาดย่อมๆของบ้านสหสมุทรที่ภายในสามารถมองผ่านกระจกออกไปเป็นสนามหญ้า ประกายดาวเดินหัวหมุนค้นหาข้อมูลสำหรับภารกิจใหม่ที่ได้รับมอบหมายมา หญิงสาวสรรหาหนังสือที่มีอยู่มากมายภายใต้ชั้นหนังสือที่สูงระลิ่ว ในใจก็เป็นกังวลว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนเธียรทัดถึงจะยอมทำตามโดยไม่มีเงื่อนไข ระหว่างที่เปิดกระดาษแต่ละหน้าอยู่ๆก็มีบางสิ่งหลุดล่วงหล่นลงพื้น เธอก้มเก็บมันขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นภาพถ่ายของเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงสองคนและหากว่าเธอมองไม่ผิดเด็กผู้ชายในภาพก็คงเป็นเธียรทัดแต่เด็กผู้หญิงนี่สิเป็นใครกัน? หล่อนจึงพลิกดูด้านหลังแล้วก็พบข้อความบอกรักตามประสาเด็กๆ
“เกษรางั้นหรอ?”
เธอพินิจรูปใบนั้นอย่างถีถ้วนแล้วตัดสินใจเก็บภาพใบนั้นไว้กับตัวก่อน แล้วก็ลงมือทำในสิ่งที่สำคัญมากกว่า เวลาผ่านไป ประกายดาวได้ข้อมูลตามที่ต้องการเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับออกมาบังเอิญพบกับเธียรทัดเข้าพอดีหล่อนจึงถามถึงผู้หญิงคนนั้น
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอ ทำไมนายดูเป็นห่วงเธอจัง”
“เธอชื่อเกษราเป็นเพื่อนฉันเอง”
“เกษรา?” ประกายดาวทวนอีกรอบแล้วนึกถึงข้อความหลังรูปใบนั้น ถ้าหล่อนเดาไม่ผิดเธียรทัดคงจะแอบหลงรักผู้หญิงที่ชื่อเกษรา แล้วถ้าเป็นอย่างที่คิดไว้เธอก็พอจะหาทางออกให้กับตัวเองได้แล้ว
“เธอเป็นแค่เพื่อนนายจริงๆหรอ” หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มอย่างจับผิด
“แล้วเธอคิดว่าเขาเป็นใครล่ะ”
“ก็ถ้าดูจากที่นายคอยดูเธอในวันนี้ถ้านายไม่บอกว่าเป็นแค่เพื่อนฉันคงคิดว่านายกับเขาเป็นคนรักกันซะอีกแหนะ”
“พูดให้ดีนะประกายดาว!”
ชายหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจแล้วทำท่าจะเดินไปทางอื่น
“นั่นสินะนายกับเขาก็คงเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วไม่ใช่หรอ”
ว่าพลางหยิบภาพใบนั้นขึ้นมาดู ชายหนุ่มชะงักหยุดเดินแล้วค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวยืนยิ้มแป้นแล้นรออยู่
“นี่เธอไปเอาภาพนั้นมาได้ยังไง!”
ว่าแล้วจะฉกหยิบจากมือหล่อนมาแต่เธอหลบได้ทันเวลา
“นายแอบชอบคุณเกษรามานานแล้วใช่ไหมล่ะ และดูท่าเธอเองก็ไม่จะรู้ว่านายรู้สึกแบบนั้นหรือว่านายไม่กล้าบอก”
“มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”
“นายไม่กล้าบอกจริงด้วย ดีล่ะฉันจะได้ไปบอกให้เอง”
ประกายดาวเตรียมขยับเดินไปทว่าชายหนุ่มออกคำสั่งให้หยุด
“เธอต้องการอะไรกันแน่”
หญิงสาวแสยะยิ้มค่อยๆหันมาเพื่อตอบคำถามนั่น “คิดโปรเจ็คงานของบริษัท”
“ไม่มีทาง!” น้ำเสียงหนักแน่น
“ก็ตามใจ” หล่อนเบ้ปาก
หญิงสาวไม่รอต่อรองในเมื่อเธอเป็นต่ออยู่ชัดๆ แล้วอยู่ๆชายหนุ่มก็พุ่งมาจากทางด้านหลังจะหยิบภาพนั้นไปให้ได้ระหว่างนั้นเกษราเดินออกมาตามหาเธียรทัดพอดีเขาจึงรับเอามือปิดปากประกายดาวเอาไว้เมื่อเห็นว่าเธอจะอ้าปากเรียกคนข้างหน้า แล้วเขาก็ลากเธอไปหลบมุมห้อง เธอสะบัดจนหลุดจากเข้า
“อี๊!” ฉันถูปากสลัดความเค็มออก
“นายจะเอายังไงฉันให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย”
เขาลังเลแต่ก็รับปากส่งๆไปก่อนแต่มีข้อแม้ว่าเธอจะต้องคืนภาพใบนั้นให้เขาซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะอะไรน่ะหรอหึหึหึ
“แล้วเธอก็ห้ามออกไปพบกับเขาเด็ดขาดเข้าใจไหม” เธียรทัดชี้หน้าเตือน
หญิงสาวพยักหน้าให้สัญญา(. .)(‘ ‘)(. .)แล้วเขาก็รีบไปหาเกษราที่เดินมาทางนี้พอดีเพื่อไปส่งเธอที่บ้าน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ