อุ่นรักรสซ่า
-
เขียนโดย อนันโย
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21.45 น.
4 ตอน
0 วิจารณ์
7,382 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.56 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“อืม ทำไมหรือ” อรถามอย่างแปลกใจ
“เธอจะบ้าหรือ นี้รถคันที่ 1 รอบเช้านะ แล้วคันที่ 2 น่ะมันคันแรกที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม”
กานต์อธิบายเสียงดังทำให้คนบนรถหันมามองกันหมด อรตะลึงตกใจ มือที่ถือขนมกำลังเอาเข้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง แล้วเสียงแผดร้องอย่างตกใจก็ดังลั่นรถ
“แย่แล้ว”
อรรีบกุรีกุจอเก็บข้าวของที่รื้อออกมาวางไว้ยัดเข้ากระเป๋าโดยมีกานต์ช่วยเก็บด้วยอีกแรง เมื่อของทุกอย่างถูกยัดลงกระเป๋าอย่างลวกๆเธอก็รีบคว้ากระเป๋าทุกใบขึ้นหิ้วทั้งที่ยังปิดเป้ไม่สนิท วิ่งไปได้สองก้าวขนมห่อใหญ่สองห่อก็ร่วงลงมา
“โธ่เอ๊ย ยิ่งรีบๆอยู่ด้วย”
อรรีบก้มลงเก็บแล้วเงยขึ้นมาพบสายตาของหลายคนบนรถ เลือดในกายสูบฉีดขึ้นใบหน้าอย่างเร็วอรกัดริมฝีปากก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขัดเขิน แล้วกล่าวทักทายทุกคน
“ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
พูดจบเธอก็วิ่งปรู๊ดลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วพอเมื่อเสียงหัวเราะลั่นทั้งคันรถดังตามมาให้ได้ยิน
โธ่ยัยอร ยัยบ้า
หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากก้มหน้าก้มตาเดินอย่างอับอายขายหน้าจึงไปชนด้านหลังของอาจารย์หญิงท่านหนึ่งเข้าจนต้องไหว้ขอโทษขอโพยก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถของตัวเอง ซึ่งก็จอดรออยู่นานแล้ว
กานต์มองตามร่างบางผ่านกระจก พร้อมส่ายหน้า
“เธอไปอยู่ที่ไหนมา คิดบ้างไหมว่าคนทั้งคันรถเขารอเธอคนเดียว”
อาจารย์ประจำรถกระชากเสียงถามเธอทันทีขณะที่รถบัสกำลังวิ่งออกตัวจากหน้าวิทยาลัย หญิงสาวยืนหายใจหอบพิงเบาะพนักแถวหน้าในสภาพ เส้นผมหยักศกฟูฟ่องกระจายปะหน้าจนยุ่งเป็นกระเซิงจากการวิ่งแทบขาดใจ
“ขอ...ขอโทษค่ะ หนู ขึ้นรถ ผิด คัน” เสียงที่กล่าวกระท่อนกระแท่นแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ซ้ำยังเบาแสนเบาจนอาจารย์ต้องยื่นหน้าเอียงหูฟัง
“เธอว่าอะไร พูดให้ดังๆกว่านี้ได้ไหม”
“หนูขึ้นรถผิดคันค่ะอาจารย์”
อรกล่าวแทบเป็นการตะโกนอย่างลืมตัวแล้วก็ต้องก้มหน้างุ้มฉับพลัน เมื่อเจอสายตาถมึงทึงของอาจารย์กับสายตาเพื่อนร่วมห้องบนรถที่เขม็งมอง จากคำบอกเล่าที่ฟังดูเหมือนเธอโง่เอง
“คราวหลังก็ระวังหน่อยล่ะ ไปนั่งที่ได้แล้ว”
อาจารย์ไล่ให้เธอไปนั่งที่เบอะด้านซ้ายริมทางเดินซึ่งว่างอยู่ที่เดียว ถัดไปมีผู้ชายใส่หมวกลงมาปิดหน้านั่งหลับซบกระจก
เธอกระแทกตัวลงนั่งบนเบอะรถอย่างโกรธนิสัยส่วนนี้ของตัวเองที่ไม่เคยเปลี่ยนได้สักที ใบหน้าบึ้งนั้นไม่ได้รู้สึกว่าคนที่นั่งข้างๆได้ถูกเธอปลุกให้ตื่นขึ้นมารับรู้อามรณ์ของเธอโดยไม่ตั้งใจ
เจ็บใจ เจ็บใจ ยัยบ้า ชอบหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าอยู่เรื่อย โอ๊ย เมื่อไหร่ชั้นจะเปลี่ยนนิสัยนี้ซักที ฮึม ดูสิเขาได้เพื่อนใหม่กันหมดแล้ว...น่าน้อยใจนัก ยัยบ้า
อรคิดอย่างฮึดฮัดเมื่อเห็นหลายคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุก เธอจึงแกล้งหลับไปซะงั้น ไม่สนใจคนที่เหลือบมองสีหน้าหลากอารมณ์ของเธออย่างงงันขบขัน ก่อนจะดึงหมวกลงมาปิดหน้าหลับไปอีกครั้ง
เวลา 2 ชั่งโมงผ่านไป รถบัสจำนวนเก้าคันเลี้ยวเข้ามาจอดตรงบริเวณลานดินหน้าวัดสวนป่านิราศมิตรซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ต้นไม้ร่มรื่นหนาใหญ่สองข้างทางดึงดูสายตาของทุกผู้ที่ตื่นจากการหลับใหล ...ยกเว้นอรธิวา เธอยังคงนอนซุกกายหลับพิงเพื่อนร่วมทางคนข้างๆอย่างไม่เกรงใจ
และเมื่อเสียงอาจารย์ประจำรถประกาศเรียกให้ทุกคนลง หญิงสาวพลันมีสติสะดุ้งงัวเงียคว้าข้าวของลุกตามผู้คนที่ยืนทยอยลงรถไปอย่างว่องไว จนผู้ที่นั่งเหน็บกินหัวไหล่อยู่ด้านข้างมองตามร่างบางที่เดินลงรถไปแล้วตาปริบๆก่อนจะขยับคว้ากระเป๋าลุกขึ้นบ้าง
อาจารย์เรียกจัดแถวและเริ่มต้นอธิบายการกินอยู่อย่างสงบในสถานที่แห่งนี้
“นักศึกษาทุกคนต้องสำรวมกิริยาอาการต่างๆ เวลาอาหารต้องตรงเวลากินไม่ให้เหลือและตักอาหารแต่พอทาน ส่วนห้องอาบน้ำเป็นห้องอาบน้ำรวม ชั้น 3 เป็นของนักศึกษาหญิงส่วนของนักศึกษาชายใช้ห้องอาบน้ำชั้น 2 ด้านขวา แล้ว....”
เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังเซ็นแซ่แต่อรธิวากับนั่งนิ่งฟังอาจารย์พูดอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ใช่ว่าเธออยากจะฟังน้ำเสียงยานคางของอาจารย์มากมายนัก แต่เป็นเพราะเธอไม่มีใครจะให้พูดด้วยต่างหาก
อาจารย์จัดให้นักศึกษาหญิงทุกแผนกนอนรวมกันที่ชั้น 3 ของตึกประชุมแล้วนักศึกษาชายนอนรวมกันที่ชั้น 2 ตึกเดียวกันเมื่อกล่าวจบ อาจารย์ก็ปล่อยให้นักศึกษาหญิงชายแยกย้ายไปเก็บสัมภาระเป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะมารวมตัวกันที่ใต้ตึกอีกครั้ง
อรก้าวขึ้นบันไดหินจนมาถึงชั้น 3 มันเป็นโถงโล่งๆก่อรอบด้านด้วยกระเบื้องลายสดใสสีฟ้าส่วนพื้นเป็นสีขาวเย็นสบายและดูสะอาดตา เธอเดินไปหย่อนสัมภาระเลือกมุมนอนของตัวเองใกล้บริเวณพัดลมติดผนัง เมื่อเหลียวไปเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเดินผ่านหน้าเธอไปสีหน้าซึมเศร้าก็ปรากฏวูบขึ้นมาบนใบหน้าหวาน
มีแต่เราเท่านั้นที่ยังไม่ได้เพื่อน เพื่อนในห้องก็จำไม่ได้ นอกจาก...เพื่อนต่างห้องที่ชื่อ กานต์
นึกขึ้นได้ เธอสอดส่ายสายตาหาหญิงสาวทันที แล้วเมื่อไม่พบจึงคิดที่จะไปเดินหาแต่ก็พอดีกับที่หันไปเจอคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมา อรจึงยั้งเท้าที่จะขยับออกไปจนกานต์เดินเข้ามาใกล้พอเห็นเธอเข้า ต่างคนจึงต่างส่งยิ้มให้กันก่อนจะเดินผ่านหน้าเธอไป
เฮ้ย... เขาก็มีเพื่อนกลุ่มเขาแล้ว แล้วเราล่ะ
อรหันไปมองรอบตัวอย่างว่างเปล่าก็ทรุดลงนั่งมองใครต่อใครรอบข้างอย่างเซื่องซึมจนได้เวลาเรียกประชุม นักศึกษาทยอยลงมาตักอาหารแล้วแยกย้ายกันไปนั่งตามที่ต่างๆตามอัธยาศัย การกินอาหารมื้อแรกของเธอนั้นทำให้ตัวเองห่อเหี่ยวอีกครั้ง เพราะมันยิ่งตอกย้ำว่าเธอนั้นช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน
หญิงสาวเลี่ยงไปนั่งกินที่บึงบัว ใกล้ๆกันนั้นมีนักศึกษาหลายคนนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ทั้งยังเป็นนักศึกษาชายชะส่วนใหญ่ แล้วจำนวน4คนที่นั่งกันอยู่ใกล้บึงที่สุดกำลังเพ่งมองเธอ อรจึงแก้เก้อทำทีเป็นเดินมองผ่านๆไป
“หยิ่งวะ อยู่ห้องเดียวกันยังไม่ทักกันเลย”
เสียงชายคนหนึ่งบอกกับเพื่อนที่ล้อมวงกินข้าวด้วยกัน มันดังมากพอที่ทำให้อรได้ยินแล้วพูดตอบโต้อยู่ในใจอย่างกังวลเมื่อเท้าของเธอได้ก้าวห่างออกมา
หา เพื่อนห้องเดียวกันหรือ ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะเลี่ยงน๊าแต่เราจำพวกนายไม่ได้อ่ะ..
“ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละวะ ชอบเล่นตัวนึกว่าสวย” เสียงชายอีกคนกล่าวต่อ
หวาย... ไม่ใช่นะ เราไม่สวยซักหน่อยไม่ได้คิดเล่นตัวด้วย ก็ใครจะกล้าไปทักเหล่าถึงจะรู้ว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกันน่ะ
“ผู้หญิงสวยชอบเล่นตัวก็เขาสวยเลือกได้นี้หว่า” เสียงอีกคนเสริมพลางหัวเราะ
ไม่จริ๊ง อย่ากล่าวหากันสิ เอะ พวกเขาชมเราสวยอยู่หรือ...ไม่มั้ง ก็เราไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย คนสวย...ต้องอย่างกานต์ซิถึงจะสวยจริง
เมื่อเท้าเรียวนำร่างสูงเดินมาจนพ้นระยะการได้ยินเธอก็เดินคอตก สายตาจ้องอยู่กับจานอาหารในมืออย่างหนักใจ
ไม่มีเพื่อนกินข้าว ไม่มีเพื่อนนั่งคุย โธ่ฉัน ทำไมอับเฉาอย่างนี้นะ
........................................
“เธอจะบ้าหรือ นี้รถคันที่ 1 รอบเช้านะ แล้วคันที่ 2 น่ะมันคันแรกที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม”
กานต์อธิบายเสียงดังทำให้คนบนรถหันมามองกันหมด อรตะลึงตกใจ มือที่ถือขนมกำลังเอาเข้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง แล้วเสียงแผดร้องอย่างตกใจก็ดังลั่นรถ
“แย่แล้ว”
อรรีบกุรีกุจอเก็บข้าวของที่รื้อออกมาวางไว้ยัดเข้ากระเป๋าโดยมีกานต์ช่วยเก็บด้วยอีกแรง เมื่อของทุกอย่างถูกยัดลงกระเป๋าอย่างลวกๆเธอก็รีบคว้ากระเป๋าทุกใบขึ้นหิ้วทั้งที่ยังปิดเป้ไม่สนิท วิ่งไปได้สองก้าวขนมห่อใหญ่สองห่อก็ร่วงลงมา
“โธ่เอ๊ย ยิ่งรีบๆอยู่ด้วย”
อรรีบก้มลงเก็บแล้วเงยขึ้นมาพบสายตาของหลายคนบนรถ เลือดในกายสูบฉีดขึ้นใบหน้าอย่างเร็วอรกัดริมฝีปากก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขัดเขิน แล้วกล่าวทักทายทุกคน
“ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
พูดจบเธอก็วิ่งปรู๊ดลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่เร็วพอเมื่อเสียงหัวเราะลั่นทั้งคันรถดังตามมาให้ได้ยิน
โธ่ยัยอร ยัยบ้า
หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากก้มหน้าก้มตาเดินอย่างอับอายขายหน้าจึงไปชนด้านหลังของอาจารย์หญิงท่านหนึ่งเข้าจนต้องไหว้ขอโทษขอโพยก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถของตัวเอง ซึ่งก็จอดรออยู่นานแล้ว
กานต์มองตามร่างบางผ่านกระจก พร้อมส่ายหน้า
“เธอไปอยู่ที่ไหนมา คิดบ้างไหมว่าคนทั้งคันรถเขารอเธอคนเดียว”
อาจารย์ประจำรถกระชากเสียงถามเธอทันทีขณะที่รถบัสกำลังวิ่งออกตัวจากหน้าวิทยาลัย หญิงสาวยืนหายใจหอบพิงเบาะพนักแถวหน้าในสภาพ เส้นผมหยักศกฟูฟ่องกระจายปะหน้าจนยุ่งเป็นกระเซิงจากการวิ่งแทบขาดใจ
“ขอ...ขอโทษค่ะ หนู ขึ้นรถ ผิด คัน” เสียงที่กล่าวกระท่อนกระแท่นแทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ซ้ำยังเบาแสนเบาจนอาจารย์ต้องยื่นหน้าเอียงหูฟัง
“เธอว่าอะไร พูดให้ดังๆกว่านี้ได้ไหม”
“หนูขึ้นรถผิดคันค่ะอาจารย์”
อรกล่าวแทบเป็นการตะโกนอย่างลืมตัวแล้วก็ต้องก้มหน้างุ้มฉับพลัน เมื่อเจอสายตาถมึงทึงของอาจารย์กับสายตาเพื่อนร่วมห้องบนรถที่เขม็งมอง จากคำบอกเล่าที่ฟังดูเหมือนเธอโง่เอง
“คราวหลังก็ระวังหน่อยล่ะ ไปนั่งที่ได้แล้ว”
อาจารย์ไล่ให้เธอไปนั่งที่เบอะด้านซ้ายริมทางเดินซึ่งว่างอยู่ที่เดียว ถัดไปมีผู้ชายใส่หมวกลงมาปิดหน้านั่งหลับซบกระจก
เธอกระแทกตัวลงนั่งบนเบอะรถอย่างโกรธนิสัยส่วนนี้ของตัวเองที่ไม่เคยเปลี่ยนได้สักที ใบหน้าบึ้งนั้นไม่ได้รู้สึกว่าคนที่นั่งข้างๆได้ถูกเธอปลุกให้ตื่นขึ้นมารับรู้อามรณ์ของเธอโดยไม่ตั้งใจ
เจ็บใจ เจ็บใจ ยัยบ้า ชอบหาเรื่องให้ตัวเองขายหน้าอยู่เรื่อย โอ๊ย เมื่อไหร่ชั้นจะเปลี่ยนนิสัยนี้ซักที ฮึม ดูสิเขาได้เพื่อนใหม่กันหมดแล้ว...น่าน้อยใจนัก ยัยบ้า
อรคิดอย่างฮึดฮัดเมื่อเห็นหลายคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุก เธอจึงแกล้งหลับไปซะงั้น ไม่สนใจคนที่เหลือบมองสีหน้าหลากอารมณ์ของเธออย่างงงันขบขัน ก่อนจะดึงหมวกลงมาปิดหน้าหลับไปอีกครั้ง
เวลา 2 ชั่งโมงผ่านไป รถบัสจำนวนเก้าคันเลี้ยวเข้ามาจอดตรงบริเวณลานดินหน้าวัดสวนป่านิราศมิตรซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ต้นไม้ร่มรื่นหนาใหญ่สองข้างทางดึงดูสายตาของทุกผู้ที่ตื่นจากการหลับใหล ...ยกเว้นอรธิวา เธอยังคงนอนซุกกายหลับพิงเพื่อนร่วมทางคนข้างๆอย่างไม่เกรงใจ
และเมื่อเสียงอาจารย์ประจำรถประกาศเรียกให้ทุกคนลง หญิงสาวพลันมีสติสะดุ้งงัวเงียคว้าข้าวของลุกตามผู้คนที่ยืนทยอยลงรถไปอย่างว่องไว จนผู้ที่นั่งเหน็บกินหัวไหล่อยู่ด้านข้างมองตามร่างบางที่เดินลงรถไปแล้วตาปริบๆก่อนจะขยับคว้ากระเป๋าลุกขึ้นบ้าง
อาจารย์เรียกจัดแถวและเริ่มต้นอธิบายการกินอยู่อย่างสงบในสถานที่แห่งนี้
“นักศึกษาทุกคนต้องสำรวมกิริยาอาการต่างๆ เวลาอาหารต้องตรงเวลากินไม่ให้เหลือและตักอาหารแต่พอทาน ส่วนห้องอาบน้ำเป็นห้องอาบน้ำรวม ชั้น 3 เป็นของนักศึกษาหญิงส่วนของนักศึกษาชายใช้ห้องอาบน้ำชั้น 2 ด้านขวา แล้ว....”
เสียงพูดคุยของนักศึกษาดังเซ็นแซ่แต่อรธิวากับนั่งนิ่งฟังอาจารย์พูดอย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่ใช่ว่าเธออยากจะฟังน้ำเสียงยานคางของอาจารย์มากมายนัก แต่เป็นเพราะเธอไม่มีใครจะให้พูดด้วยต่างหาก
อาจารย์จัดให้นักศึกษาหญิงทุกแผนกนอนรวมกันที่ชั้น 3 ของตึกประชุมแล้วนักศึกษาชายนอนรวมกันที่ชั้น 2 ตึกเดียวกันเมื่อกล่าวจบ อาจารย์ก็ปล่อยให้นักศึกษาหญิงชายแยกย้ายไปเก็บสัมภาระเป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะมารวมตัวกันที่ใต้ตึกอีกครั้ง
อรก้าวขึ้นบันไดหินจนมาถึงชั้น 3 มันเป็นโถงโล่งๆก่อรอบด้านด้วยกระเบื้องลายสดใสสีฟ้าส่วนพื้นเป็นสีขาวเย็นสบายและดูสะอาดตา เธอเดินไปหย่อนสัมภาระเลือกมุมนอนของตัวเองใกล้บริเวณพัดลมติดผนัง เมื่อเหลียวไปเห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเดินผ่านหน้าเธอไปสีหน้าซึมเศร้าก็ปรากฏวูบขึ้นมาบนใบหน้าหวาน
มีแต่เราเท่านั้นที่ยังไม่ได้เพื่อน เพื่อนในห้องก็จำไม่ได้ นอกจาก...เพื่อนต่างห้องที่ชื่อ กานต์
นึกขึ้นได้ เธอสอดส่ายสายตาหาหญิงสาวทันที แล้วเมื่อไม่พบจึงคิดที่จะไปเดินหาแต่ก็พอดีกับที่หันไปเจอคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินตรงมา อรจึงยั้งเท้าที่จะขยับออกไปจนกานต์เดินเข้ามาใกล้พอเห็นเธอเข้า ต่างคนจึงต่างส่งยิ้มให้กันก่อนจะเดินผ่านหน้าเธอไป
เฮ้ย... เขาก็มีเพื่อนกลุ่มเขาแล้ว แล้วเราล่ะ
อรหันไปมองรอบตัวอย่างว่างเปล่าก็ทรุดลงนั่งมองใครต่อใครรอบข้างอย่างเซื่องซึมจนได้เวลาเรียกประชุม นักศึกษาทยอยลงมาตักอาหารแล้วแยกย้ายกันไปนั่งตามที่ต่างๆตามอัธยาศัย การกินอาหารมื้อแรกของเธอนั้นทำให้ตัวเองห่อเหี่ยวอีกครั้ง เพราะมันยิ่งตอกย้ำว่าเธอนั้นช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน
หญิงสาวเลี่ยงไปนั่งกินที่บึงบัว ใกล้ๆกันนั้นมีนักศึกษาหลายคนนั่งรวมกลุ่มกันอยู่ทั้งยังเป็นนักศึกษาชายชะส่วนใหญ่ แล้วจำนวน4คนที่นั่งกันอยู่ใกล้บึงที่สุดกำลังเพ่งมองเธอ อรจึงแก้เก้อทำทีเป็นเดินมองผ่านๆไป
“หยิ่งวะ อยู่ห้องเดียวกันยังไม่ทักกันเลย”
เสียงชายคนหนึ่งบอกกับเพื่อนที่ล้อมวงกินข้าวด้วยกัน มันดังมากพอที่ทำให้อรได้ยินแล้วพูดตอบโต้อยู่ในใจอย่างกังวลเมื่อเท้าของเธอได้ก้าวห่างออกมา
หา เพื่อนห้องเดียวกันหรือ ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะเลี่ยงน๊าแต่เราจำพวกนายไม่ได้อ่ะ..
“ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละวะ ชอบเล่นตัวนึกว่าสวย” เสียงชายอีกคนกล่าวต่อ
หวาย... ไม่ใช่นะ เราไม่สวยซักหน่อยไม่ได้คิดเล่นตัวด้วย ก็ใครจะกล้าไปทักเหล่าถึงจะรู้ว่าเป็นเพื่อนห้องเดียวกันน่ะ
“ผู้หญิงสวยชอบเล่นตัวก็เขาสวยเลือกได้นี้หว่า” เสียงอีกคนเสริมพลางหัวเราะ
ไม่จริ๊ง อย่ากล่าวหากันสิ เอะ พวกเขาชมเราสวยอยู่หรือ...ไม่มั้ง ก็เราไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย คนสวย...ต้องอย่างกานต์ซิถึงจะสวยจริง
เมื่อเท้าเรียวนำร่างสูงเดินมาจนพ้นระยะการได้ยินเธอก็เดินคอตก สายตาจ้องอยู่กับจานอาหารในมืออย่างหนักใจ
ไม่มีเพื่อนกินข้าว ไม่มีเพื่อนนั่งคุย โธ่ฉัน ทำไมอับเฉาอย่างนี้นะ
........................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ