The Tenderly

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.

  6 session
  0 วิจารณ์
  12.45K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บท 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     สองอาทิตย์ต่อจากนั้น  จากประชาจำนวนหลายล้านคนบนโลก  ซูมลงมาที่อีกหลายล้านคนในญี่ปุ่น เหลือประมาณหลายพันคนในเมืองฮารุเสะ  เมืองธรรมดาๆ ที่มีย่านการค้า โรงเรียน ร้านอาหารหรูและบ้านคน  ซูมลงมาจนถึงมัธยมฮาคุโระที่มีประชากรสองคนที่นั่งพูดคุยกันอยู่อย่างสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่ง  ซึ่งพวกเธอปรารถนาจะสร้างความร้าวฉานให้ตั้งแต่เมื่อสิบสี่วันก่อน
     แล้วตกลง...สงสัย เคลือบแคลง หรือคิดว่าอาเคจินอกใจหรือเปล่า?
     มิยูรินะมั่นใจว่าฝ่ายหล่อนไม่เหลือหลักฐานอะไรให้สงสัยแน่  ข้อความก็ไม่มีเพราะเป็นนัดปากเปล่า  ชื่อโต๊ะที่จองไว้สองที่ก็คนละชื่อ  แถมกรณีหลังยังต้องให้เงินเด็กสาวไปใช้ในการนั้นด้วย  นึกไม่ถึงว่าจะได้รับเงินคืนเอาดื้อๆ พร้อมน้ำตาอีกหลายปี๊บจนต้องนั่งปลอบ  เด็กสมัยนี้ใส่ใจความรักกันจังเลยหนอ
     พอลองบ่นไปแบบนั้น  คำตอบที่ได้รับก็เล่นเอาหล่อนต้องค้อน  “คนที่ไม่มีความรักน่ะไม่ใช่ผู้หญิงแล้ว!”  เห็นหล่อนเป็นสาวประเภทสองหรือไงกัน...
     ทั้งปากคำของฮิมิโกะ ปากคำของเขาที่ดั้นด้นไปชวนคุยทั้งที่อีกฝ่ายตั้งท่าใส่เกียร์หนีเต็มที่  ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนั้นจะไม่ปรากฏร่องรอยน้ำตาหรือความเสียใจอะไรเลยสักนิด  แถมยังเริงร่าแจ่มใสเกี่ยวกับปาร์ตี้พิซซ่ากับไก่ทอดที่สั่งมาส่งถึงบ้านอีกต่างหาก  ซึ่งหนังที่ว่าก็ไม่ใช่หนังรักหรือในบ้านปรากฏร่องรอยแห่งการมีอยู่ของมันเลย
     สำหรับมิยูรินะ  เด็กสมัยนี้น่ะอ่อนไหวง่ายจนเหมือนต้นไผ่พลิ้วตามลม  ดูอย่างฮิมิโกะที่เจอแค่นี้ก็ร้องไห้น้ำตาไหลเป็นคลื่นสมุทรสิ  แต่เด็กคนนั้นกลับแสดงความเฉยชิลมากจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นไม่สนใจเลยล่ะ  เป็นการแสดงหรือเปล่านะ?  ปิดบังอะไรไหม  หรือว่าอาเคจิปรับความเข้าใจได้ไวแบบเฒ่าหัวงูทั่วไป!
     “เป็นคนร้ายกาจจริงๆ...”  หล่อนพึมพำ  ก่อนจะเบิกตากว้างระหว่างมองไปยังผู้อำนวยการหนุ่มที่เดินเข้ามาในตัวตึกเรียน  มาหาใคร มาทำอะไร หรือว่ามาด้วยเหตุผลส่วนตัว!?
     “พักเที่ยงแบบนี้พวกมิยารุโระคุงกินเที่ยงอยู่ที่ห้องเรียนค่ะ!”  ฮิมิโกะแสดงความกระตือรือร้นอยากตาม  หล่อนอยู่ใต้ตัวตึกแบบนี้ต้องวิ่งไปดักหน้าพาเพื่อนสนิทหนีได้ทันแน่!  ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจไปแล้วว่าช่วงพักเที่ยงคือเวลาของผองเพื่อนอย่างเธอ  ผู้อำนวยการไม่มีสิทธิ์
     ชิ!  อุตส่าห์วางใจแอบมาคุยกับคุณอาคิฮานะตอนพักเที่ยงแท้ๆ  นึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นแผนล่อให้ลดความระวังแล้วบุกตีเมืองกันแบบนี้!
     “เร็วเข้า!  ขึ้นทางนี้ง่ายกว่า!”  ฮิมิโกะชี้ไปยังบันไดใกล้ๆ อย่างแข็งขัน  ก่อนจะวิ่งขึ้นไปโดยไม่สนใจเสียงปฏิเสธอะไรทั้งสิ้น
 
     ซาโต้ คาโต้ ชอบเสมอเมื่อคนที่เขารักพยายามทำอะไรสักอย่าง  ในสายตาคนอื่นมันอาจเป็นความโอเวอร์ เป็นความพยายามในเรื่องไร้สาระอย่างการกีดกันไม่ให้คนรักได้เจอหน้ากัน  แต่ฮิมิโกะในยามนี้ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก...
     มิยารุโนะถึงกับใบ้รับประทานยิ่งกว่าข้าวกล่องที่มีเต็มปาก  มองเด็กสาวที่วิ่งขึ้นห้องเรียนแล้วจัดการล็อกประตูแน่นหนาราวกับด้านนอกมีผู้ก่อการร้ายหรืออาวุธเชื้อโรคร้ายแรง  ซึ่งเงาที่ผลุบมาเร็วๆ ก่อนเธอจะเอาตัวบังช่องกระจกตรงประตูเอาไว้คงไม่พ้นเอาของร่างคุ้นตาคนคุ้นเคยของเขาแน่  งั้นสรุปว่าที่อุตส่าห์วิ่งเข้ามาล็อกประตูแบบนี้ก็เพื่อกันผู้ชายคนนั้นไว้ไม่ให้เข้าพบโดยง่ายสินะ
     ฮิมิโกะมองดวงตาที่กระพริบปริบๆ ของเพื่อนสนิทอย่างบอกไม่ถูก  เขา...เฉยมาก  เฉยจนเธอเองยังรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรบ้าบออยู่  ถ้าเขาโกรธขึ้นมาสักนิด  การกระทำของเธอจะดูมีน้ำหนักกว่านี้แน่  แต่...ดูยังไงเขาก็ไม่โกรธ...!?  นี่มันจะใจกว้างใจเย็นผิดมนุษย์มากไปแล้วมั้ง?  อย่างน้อยถ้าไม่โกรธเธอก็ช่วยชะเง้อมองตามผู้อำนวยการคนนั้นหน่อยสิ!
     ซาโต้ คาโต้ ลอบมองปฏิกิริยาของสาวน้อยที่ตนรักและปฏิกิริยาของหนุ่มน้อยก๊วนเดียวกันแล้วพูดออกมาเบาๆ  “พวกนายรักกันตอนไหนเหรอ”
     มิยารุโนะแทบสำลักอาหารทันทีที่ได้ยิน  เขาใช้เวลาแสร้งดื่มน้ำระหว่างคิดคำตอบ  ถูกการกระทำล้วนถูกจับจ้องจากนัยน์ตาถึงสองคู่สี่ข้างด้วยกัน
     แต่ในเมื่อคำตอบยังไม่ปรากฏ  ฮิมิโกะหันขวับไปทางคนถามด้วยนัยน์ตาวาววาบ  รู้ทั้งรู้ว่าเธอต่อต้านความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองแล้วยังจะกล้าถามมันออกมาตรงๆ แบบนี้เลยงั้นเหรอ!  แต่นั่นสินะ...เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขาพบกันได้ยังไง  ในเมื่อก่อนหน้านี้ทั้งสองทำเหมือนอยู่กันคนละโลกสุดๆ  จนถึงตอนนี้ก็ยังอยู่คนละโลกเหมือนเดิม  ทว่า...เป็นคนละโลกที่ทับซ้อนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน  ได้พบ...แต่ก็เหมือนอยู่คนละมิติยังไงไม่รู้ 
     เด็กหนุ่มกระแอมเบาๆ  “เรื่องมันเกิดขึ้นไม่นานเท่าไหร่หรอก  ประมาณว่า...ตอนที่ฉันต้องการความช่วยเหลือในเย็นวันหนึ่ง  เขาก็โผล่ออกมา  ก็แค่นั้น”  ใช่...  เรื่องมันก็ประมาณนี้จริงๆ นั่นแหละ
     “ช่วยนาย  แล้วเขาก็โผล่ออกมาแค่นั้น?”  ซาโต้ คาโต้ เลิกคิ้ว  ใจจริงเขาไม่อยากชข่วยฮิมิโกะเลย  ตอนนี้เองก็ไม่ได้ช่วย  มันเป็นความสงสัยจากใจล้วนๆ  “แปลกนะ  ฉันรู้สึกว่า ‘แค่นั้น’ ของนายเหมือน ‘ก็แค่นั้น’ จริงๆ เลยเนอะ”
     ฮิมิโกะเบนสายตามาทางคนถูกถาม  ข้อนี้เธอกำลังคิดอยู่เลยล่ะ...
     “คิดอะไรมาก...”
     “ไม่ได้คิดมากนะจ๊ะ!  มิยารุโนะคุง!”  เด็กสาวร้องออกมาดังอย่างเผลอตัว  “เธอน่ะไม่สนใจผอ. ที่เดินผ่านไปเมื่อกี้นี้ด้วยซ้ำไป  จะมองจะชะเง้อสักนิดก็ยังไม่มี  ทั้งที่รู้ว่าคนที่ตัว...ชอบ...เดินผ่านมาแท้ๆ  ทำไมไม่ออกไปถามสักหน่อยว่าเขามาหาเธอหรือเปล่า...”
     ไม่มีความสนใจ...คนรักกันต้องมีความรู้สึกแบบนั้นงั้นเหรอ?
     เด็กหนุ่มก้มหน้ามองกล่องข้าวในมือตัวเองด้วยความรู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ  แล้วถ้าเขารักผู้ชายคนนั้นจริงๆ ต้องทำยังไงล่ะ  ต้องเดินไปพบทุกกลางวัน พูดคุยกันหรือทำข้าวกล่องมาให้เหมือนในการ์ตูนหลายๆ เรื่องน่ะหรือ  เขาไม่สนใจคนคนนั้นพอๆ กับที่อีกฝ่ายไม่เคยเดินมาหา  เมื่อครู่นี้แม้แต่จะชะเง้อก็ไม่มีจริงดังที่ฮิมิโกะว่า  ก็เพราะไม่มีพันธะผูกพันใดนอกเหนือจากสถานะแฟนปลอมๆ ระหว่างพวกเขาสองคนนี่
     มิยารุโนะเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มสบายแลดูหลอกตา  “พวกเราตกลงกันว่าจะต่างคนต่างอยู่กันตอนกลางวันน่ะ  เธอคงจะรู้ดีว่าข่าวลือช่วงก่อนหน้านี้มันดังมากแค่ไหน”
     “เธอไม่ได้ถูกบังคับใช่ไหมจ๊ะ”  เธอบีบมือเขาด้วยความเป็นห่วง  “เขาใช้อำนาจผอ. บังคับให้เธอต้องไปอยู่ที่นั่นหรือเปล่า  ถ้ามีปัญหาก็ปรึกษาฉันได้นะ”
     ซาโต้ คาโต้ พยักหน้าเบาๆ  “อย่าเก็บเรื่องแบบนี้ไว้คนเดียวเชียวล่ะ  ถ้ากลัวว่าอาจารย์จะช่วยไม่ได้  นายควรลองปรึกษากับผู้ใหญ่สักคนที่ช่วยได้”  เด็กหนุ่มพยายามเลี่ยงคำว่า ‘ครอบครัว’ เพราะรู้นิสัยเพื่อนสนิทคนนี้ดี
     “คิดอะไรบ้าบอน่า...พวกนาย  ฉันน่ะเก่งขนาดเคยตีกับอันธพาลทั้งกลุ่มด้วยกำปั้นคู่นี้คู่เดียวเชียวนะ  คุณคิริซาโตะจะทำอะไรได้เล่า”  มิยารุโนะยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคลายใจ  “แล้วฉันก็รักเขามากด้วย”
     คำว่ารักมันพูดง่ายดายเหลือเกิน  โดยเฉพาะคนพูดนั้นไม่เคยรู้สึกสัมผัสมันจริงๆ
 
     “...เหรอ ก็ดีแล้วนี่”  อาเคจิเลิกคิ้ว  “แล้วยังไงต่อ”
     “แล้วยังไงต่อน่ะเหรอ!  คุณก็พูดง่ายน่ะสิ  คุณเป็นผอ. โรงเรียน  ใครอยากถามแค่ไหนก็ไม่กล้า  ผิดกับผมที่โดนทั้งเพื่อนถามทั้งคุณมิยูรินะตามสตอล์ก  ขอร้องล่ะ  ช่วยบอกให้ผู้หญิงคนนั้นเลิกทำตัวเป็นสายลับแอบถ้ำมองหรือบอกวิธีแก้ปัญหาหน่อยสิ”  เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักหน่วง  รู้สึกได้ถึงความยุ่งยากหนักอึ้งจนอยากโยนทิ้งเอาดื้อๆ  นี่ถ้าเขามีเวลาออกไปหางานทำ  ไม่ต้องกลับบ้านพร้อมชายหนุ่มทุกวันแบบนี้  บางทีเขาอาจจะโยนมันสำเร็จไปแล้ว
     หรือว่าเขาจะออกไปตอนนี้เลย...?  ค่ายืมสถานะคนรักก็โอนให้ในตัวเลขน่าพึงพอใจมานานพอสมควร  ตอนนี้เขามีเงินมากพอสำหรับการกลับเข้าหอพักเดิมได้นานถึงสามเดือน  โดยสามเดือนที่ว่านี้อาจมีสักเดือนที่เถ้าแก่ร้านอะไรสักอย่างจะเซ็นรับเข้าทำงาน
     แต่ถ้ามันไม่ง่ายอย่างนั้นล่ะ...!  เขาอาจจะโดนไล่ที่อีกเป็นครั้งที่สอง  ออกเดินทางค้นหาสวนสาธารณะดีๆ สักแห่งที่พวกคนจรจัดยังไม่จับจองม้านั่งยาวจนหมดแล้วนอนขุดคู้เอา  ถ้าเป็นฤดูหนาวอาจจะมีคนพบประติมากรรมน้ำแข็งท่านอนในสวนนั่นก็ได้
     แทนที่อาเคจิจะเห็นใจและเข้าใจในตัวรูมเมท  เขากลับตวัดปากกาในมือแล้วส่ายหน้าเบาๆ  “ไม่เอาน่า  นายก็บอกคุณมิยูรินะเขาไปตรงๆ ก็ได้  หรือแจ้งความว่ามีผู้หญิงตามสตอล์กนายก็ดี  ฉันไม่ไล่นายออกเพราะเรื่องแค่นี้หรอกน่า  ดีไม่ดีจะดูเหมือนเป็นสาเหตุจากความหึงหวงด้วยไงล่ะ  เพราะฉันได้รับข้อความถามไถ่ความเป็นอยู่และความสัมพันธ์ของเราทุกวัน  แล้วก็...”
     “นี่คุณ!  ผมจะไปหาเหาใส่หัวหาเรื่องใส่ตัวขนาดนั้นทำไมกันเล่า  คุณไม่คิดเหรอว่าคนรักของตัวเองโดนเดินตามรังควานจากมือที่สามขนาดนี้  แต่กลับไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยมาพูดอะไรสักคำ  มันก็ไม่ต่างจากตอนที่ผมไม่ชะเง้อมองคุณนั่นแหละ  ผมรู้ว่าคุณอากิโกะส่งข้อความนั่นมาทุกวันเพราะมือถือผมสั่นตอนเจ็ดโมงเช้ามาสองเดือนแล้ว  ถ้าคุณอยากให้แนบเนียนนัก  ก็ช่วยไปพูดแทน ‘แฟนคุณ’ ด้วยจะดีมาก!”
     อาเคจิเลิกคิ้ว  “แล้วฉันจะฝากคุณโมโตยะช่วยพูดให้แล้วกัน  ตอนนี้นายออกไปได้แล้วล่ะ”
     ออกไปได้แล้ว...? 
     ได้!  เขาออกแน่ๆ!  เด็กหนุ่มเดินออกทางประตูหนีไฟด้านหลังพร้อมด้วยแบงค์หมื่นเยนหนึ่งใบในมือ  แม้ค่ากินราเม็งชามยักษ์รสเด็ดแถวนั้นจะราคาแค่สองพันเยนกว่าๆ  แถมเดินทางใกล้ด้วยการออกทางประตูหนีไฟนั่นแล้วย่ำต๊อกต่ออีกนิดโดยไม่ต้องจ่ายค่ารถใดๆ  แต่เขานับคำนวณแล้วว่าอีกแปดพันเยนที่เหลือแค่ค่าซื้อความโมโหครั้งนี้
     อาเคจิไม่รู้เลยว่าคำพูดเมื่อครู่ได้ก่อให้เกิดความยุ่งยากบางประการเสียแล้ว...
 
     หลังจากนั้นอีกสิบนาที  เสียงกดกริ่งหน้าคอนโดก็ดังขึ้น
     เขาวางปากกาในมือลงด้วยความหงุดหงิด  เมื่อครู่นี้ก็อุตส่าห?มาก่อกวนไปรอบหนึ่งแล้วไง  คราวนี้ยังลืมกุญแจบ้านอีกงั้นหรือ  นี่ถ้าเขาไม่ได้ทำงานอยู่ในห้องแล้วออกไปประชุมนัดพบปะสังสรรค์กับใครจนถึงเช้ามืด  อีกฝ่ายไม่นอนแข็งอยู่หน้าหรอกเรอะ!
     อาเคจิเปิดประตูให้อย่างรวดเร็วพร้อมเสียงดุเข้มงวด  “บอกแล้วใช่ไหมว่าเก็บกุญแจใส่กระเป๋าไว้ให้ดีๆ!  นี่...”
     “โทษทีที่ฉันไม่ได้เก็บกุญแจตามคำสั่งนะยะ”  คุณอากิโกะส่งเสียงแหลมอย่างหมั่นไส้  ก่อนจะชะเง้อหาคนรักของเจ้าลูกชายผู้แสดงสีหน้าอึ้งเต็มที  “อ้าว...แล้วหนูมิยารุโนะล่ะ?  ฉันส่งข้อความบอกว่าจะมาดินเนอร์เซอไพรซ์เธอสักหน่อย  นี่ก็หิ้วอะไรต่อมิอะไรมาตั้งเยอะตั้งแยะ  เอ้า...ยืนหน้าหล่อดีเอ็นเอเยี่ยมอยู่ทำไม  รับสิ!”
     หากใครมาเห็นผู้อำนวยการหนุ่มในเวลานี้คงหัวเราะไม่ออก  จากชายหนุ่มสุดเพอร์เฟ็คต์  ทั้งหล่อทั้งเคร่งขรึม  เต็มไปด้วยกลิ่นอายชวนให้ละลายไปกองแทบเท้า  ผู้ครองหัวใจครูสาวครูสวยกับสตรีโสดทั้วราชอาณาจักร  กลับยืนเงอะงะตามอารมณ์และเสียงแหลมของมารดาไม่ถูกคล้ายคนบื้อบ้าใบ้  กุลีกุจอรับห่ออาหารจากหญิงวัยกลางคนสาวเกินอายุอย่างว่องไว
     เดี๋ยวก่อนนะ...  เขาเริ่มนึกถึงสีหน้าปานจะเชือดคอของรูมเมทก่อนผลุนผลันออกจากห้องได้  ตอนแรกเขาคิดว่าคงเป็นการโซ้ยแหลก  กินร้านออกอีกร้านเสียอีก  ทีแท้คุณแม่บังเกิดเกล้าของเขาจะมาแต่ไม่ยอมบอกหรอกหรือ!
     ตอนนี้เขาจะไปหาเจ้าตัวยุ่งนั่นได้จากไหนล่ะ  ชายหนุ่มยิ้มฝืดระหว่างเปิดโทรทัศน์เสิร์ฟน้ำเย็นพร้อมของกินเบาท้องในห้องนั่งเล่น  แล้วเริ่มปฏิบัติการแปลงร่างเป็นคอลเซ็นเตอร์  ดีที่ฝ่ายนั้นเคยให้เบอร์โทรแก๊งไว้กรณีเครื่องตัวเองแบตหมด  แล้วตอนนี้มือถือที่ว่าก็อยู่ในมือเขานี่เอง  นอกจากจะแอบออกไปไหนไม่รู้แล้วยังจงใจทิ้งมือถือไว้ไม่ให้โทรตามอีก
     ตามปกติแล้วผู้ชายมักจะออกไปสังสรรค์กับผู้ชานด้วยกันเอง  อย่างมิยารุโนะคงไม่ออกไปเล่นบาร์บี้เดินเข้าออกร้านเสริมสวยซื้อเสื้อผ้าเซลล์รอบหนึ่งทุ่มกับเด็กสาวเพื่อนสนิทคนนั้นหรอก  สมองอันประมวลผลอย่างรัวเร็วของเขาเล็งไปทางซาโต้ คาโต้ โดยทันที
     คำตอบคือ...  “ไม่ได้มาหรอกครับ  แต่บอกทางนั้นให้หน่อยครับ  ว่าเอาการ์ตูนที่หยิบติดมือกลับบ้านมาคืนด่วนจะดีมาก...”
     ตัดสาย!
     ต่อไปก็...เบอร์ฮิมิโกะ 
     “อะไรนะยะ!  มิยารุโนะคุงหายตัวไป!?  นี่คุณเป็นคนรักประเภทไหนกันหา  นี่คงบีบบังคับหรือพูดจาไม่ระวังจนเขาเสียใจใช่ไหม  รู้หรือเปล่าเขาเป็นคนอ่อนไหวง่าย  ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ดีๆ อย่างที่ฉันทำ  ผู้ชายอย่างคุณนี่แย่ที่สุดเลย  คอยดูนะ...ฉันจะแจ้งตำรวจจับผู้ชายโคแก่หื่นกามบ้าบอโรคจิตอย่างคุณ  ฮัลโหล...ฟังอยู่ไหม  นี่ฉันจะแจ้งความจริงๆ นะ  ฮัลโหล...ฮัลโหล!”
     ตัดสาย!  ผู้หญิงคนนี้ต้องไม่รู้เรื่องแน่  แถมอ่อนไหวง่ายอะไรกัน  แสนสันต์เสียขนาดนี้ยังมีอารมณ์มาอ่อนไหวอีกเรอะ  เอ...หรือว่าจะอยู่ที่บ้านของมิยูรินะ  หล่อนคนนั้นอาจจะจับตัวเขาไปสนองตัณหาสตอล์กเกอร์ก็ได้  เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นบอกว่าโดนเดินตามบ่อยๆ ในช่วงนี้
     คุณอากิโกะเดินเข้ามาด้วยสีหน้ากรุ่นๆ  “นี่มันเลยเวลาอาหารแล้วนะ  แถมฉันยังหาตัวหนูมิยารุโนะไม่เจอเลยแม้แต่เส้นผม  ความสะอาดดี...ผ่าน  แต่ตัวแฟนเธอล่ะอยู่ไหน!”
     ชายหนุ่มใช้เวลาสิบห้านาทีในการเกริ่นนำเรื่องทั้งหมดด้วยความลำบากใจ  ถ้าคุณแม่เขาเห็นว่าสัมพันธ์รักไม่ราบรื่นจะหาใครคนใหม่มาแทนที่เลยหรือเปล่า  ส่วนเนื้อหาเรื่องราวมหากาพย์การทะเลาะกันปรากฏอยู่ราวสองนาทีเท่านั้น  ซึ่งคำบัญชาการของคุณนายมีเพียงเจ็ดพยางค์สั้นๆ  ‘ออก – ไป – หา – ตัว – มา – เดี๋ยว – นี้!’
     คล้อยหลังลูกชายวัยสามสิบที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเจ้าตัวยุ่งสำหรับมารดาชั่วขณะ  คุณนายพบว่าคนที่หล่อนสั่งให้ไปหาตัวมาโผล่หน้าออกมาจากประตูหลังพร้อมกระดาษเช็ดปากร้านราเม็งคิคุยะ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา