The Tenderly

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.

  6 session
  0 วิจารณ์
  12.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บท 6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“...อย่างนี้นี่เอง  แหม...อาเคจังนี่แย่จริง”  คุณอากิโกะกล่าวระหว่างสาวเส้นราเม็งชามยักษ์แบบห่อกลับบ้านอย่างเมามันส์  มือหนึ่งอุ้มถ้วยความกว้างสามสิบเซนติเมตรไว้ในอ้อมแขน  “ทั้งที่หนูมิยะอุตส่าห์ต้องโดนสายตาประณามจากรอบข้างเพื่อเขาแท้ๆ  แต่เขากลับเห็นงานมาก่อนเสียดาย  ไม่รู้จักปลอบโยนผู้หญิงเสียบ้าง”

เด็กหนุ่มแหยไปบ้างกับคำว่า ‘ผู้หญิง’  แต่ยังคงบีบน้ำตาเศร้าเล่าความเท็จปนจริงเป็นบางส่วนกับมารดาสามี  “ใช่เลย!  แถมยังไล่ให้มิยะออกไปจากห้องอีกต่างหาก  แบบนี้มันทำร้ายจิตใจกันมากไปแล้ว  ฮึ!  ออกไปขับรถวนหาเสียให้เข็ดเลย  เผื่อเขาจะรู้ค่าของมิยะเสียบ้าง!”

      “ถูกต้อง!  เรื่องนี้ฉันสนับสนุนหนูเต็มที่เลยจ้ะ!”  คุณอากิโกะเริ่มโมโหตามลูกยุ  “ฉันไม่โทรไปแจ้งว่าหนูกลับมาแล้วแน่นอน  ผู้ชายนี่ยังไงนะ  เห็นผู้หญิงรักเข้าหน่อยก็ได้ใจก็เหลิง  ทีแรก...ฉันนึกว่าหนูมิยะจะหลงใหลคลั่งไคล้อาเคจังแบบไม่ลืมหูลืมตา  ฉันล่ะเป็นห่วงแทบแย่  แต่แบบนี้คงวางใจได้สักหน่อย  ว่าแต่...เรื่องอะไรที่มันมิสมควรๆ น่ะ  มิยูรินะจังเขาฝากเตือนลูกชายผ่านฉันมาแล้ว  ฉันเองก็อยากให้หนูมิยะรักตัวเอง  ห้ามทำอะไรชิงสุกก่อนห่ามเด็ดขาดเลยนะจ๊ะ  เอ...หรือว่าจะพาไปอยู่กับฉันเลยดีไหมนะ  แบบนี้อาเคจังจะได้แวะมาเยี่ยมฉันบ่อยๆ ด้วย  นี่น้องสาวอาเคจังก็อยากพบอยู่เหมือนกันนะ”

     พาไปอยู่บ้าน?  บ้านของคุณแม่คนที่มีคอนโดหรูขนาดนี้อาจจะเป็นคฤหาสน์ใหญ่โตเลยก็ได้  แถมเป็นคฤหาสน์ที่มีแต่คนคอยรองมือรองเท้า  น้ำส้มไม่ต้องคั้นเอง นมสดไม่ต้องแกะกล่อง  อาหารสามมื้ออาจเป็นเป๋าฮื้อไปแล้วสอง  แถมยังได้รับบริการรับดับตำนานเพราะเป็นคนรักลูกชาย  อาจจะจัดเป็นว่าที่สะใภ้เลยก็ได้!

     แต่เดี๋ยวก่อน...น้องสาวอาเคจิคนนั้นน่ะนะ!?  แค่ตัวพี่ชายก็ขนาดนี้แล้ว  ตัวน้องสาวอาจจะทั้งดุทั้งเข้ม  เต็มไปด้วยสายตาเฝ้าจับผิดติดระแวง  และถ้าหล่อนเชียร์มิยูรินะจนพาลเกลียดสาวๆ ทุกคนที่มาติดพันผู้ชายล่ะก็  ผู้หญิงคนนั้นคงเข้าออกตามใจชอบช่วยกันจับผิดระแวงเพื่อชิงอาเคจิกลับมาสู่ความโสดตามเดิมแน่  ส่วนเขาคงรับบทสาวน้อยวัยสิบเจ็ดผู้ถูกรังแกจากน้องสาวกับคู่ดูตัวสามี  เอ่อ...สองพยางค์หลังนั่นมันเปรียบเปรยเฉยๆ หรอกน่ะ

     แล้วถ้าไปอยู่ในบ้านที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายแบบนั้น  เขามิโดนจับได้ตั้งแต่แรกเจอด้วยกกน. บ็อกเซอร์และอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงเรอะ

     เมื่อคิดสะระตะถี่ถ้วน  ระหว่างอยู่คอนโดหรูสบายกับเจ้านายจอมเย็นชาไม่สนใจเพื่อนมนุษย์และแต่งกับงานทางพฤตินัยไปแล้ว  กับโดนไล่ออกจากคฤหาสน์ใหญ่โตโอ่โถงที่มีเวลารวมสองวันในการอยู่อาศัย  เขาอยากได้ที่ซุกหัวนอนที่มากกว่าม้านั่งยาวในสวนสาธารณะล่ะนะ  เด็กหนุ่มแสร้งทำเสียงเครือ  “จะให้มิยะไปอยู่บ้านคุณอากิโกะได้ยังไงกัน  บางทีเราอาจจะเลิกกันวันนี้เลยก็ได้  ที่เขาขับรถตามหามิยะก็เพราะคุณจะมาไม่ใช่หรือ  มิเช่นนั้นแล้ว...ต่อให้มิยะนอนหนาวอยู่นอกบ้านก็คงไร้คนเหลียวแล...”

     “โอ๋ๆ  อาเคจังไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก  เขาคงเข้าใจว่าหนูไปนอนค้างบ้านเพื่อนหรืออะไรแบบนั้นมากกว่า”  คุณอากิโกะปลอบอย่างใจดี  “แต่หนูมิยะเองก็ต้องเข้าใจว่าอาเคจังมักทำงานจนลืมสิ่งรอบกาย  ฉันอยากให้หนูเข้าใจและมองเขาด้วยความรักเสมอ  เมื่อเขาเหนื่อยและล้าให้ใช้สองมือช่วยประคองไว้...”

     “สองมืออะไรนั่นคงสามารถโทรตามผมได้เหมือนกันล่ะครับ”  เสียงเย็นชาดังขึ้นจากหน้าประตูห้องอาหารของคอนโด  เจ้าของเสียงนั้นคือร่างเปียกชุ่มของชายหนุ่มผู้โกรธเคืองยิ่งกว่าฟ้าผ่าที่กำลังมองจ้องมา  เล่นเอาหนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษพร้อมใจสะดุ้งโหยง  โดยเฉพาะมิยารุโนะที่รู้ว่าเรื่องนี้ตัวเองโดนหนักแน่ๆ

     แม้จะสมรู้ร่วมคิด  แต่ไร้ซึ่งสัจจะในหมู่โจรและหัวขโมย  รวมทั้งแม่สามีที่กำลังเมาท์เรื่องลูกชายกับลูกสะใภ้อย่างเพลิดเพลินด้วย  คุณอากิโกะกระแอมเบาๆ แล้วรีบชิ่งกลับโดยไว  ไร้การวางมาดอย่างตอนขามาโดยสิ้นเชิง  ในใจนึกภาวนาให้เด็กหนุ่มไม่เละเป็นโจ๊กคาคำบ่นก่นด่าของลูกชายตนไปเสียก่อน  แล้วถ้าฟ้าเป็นใจสวรรค์ให้โอกาส  วันหลังหล่อนจะมาเมาท์ด้วยกันใหม่...

     คุณอาเคจิเปิดข้อความที่คุณอากิโกะส่งมาบอกเซอร์ไพรซ์ให้ปิดเขาไว้ก่อนด้วยสีหน้าโมโหจัด  ก่อนจะดึงตัวคนรักจอมปลอมมายังระเบียงที่มีหลังคาบังแดดฝนไว้  ซึ่งชายหนุ่มเปิดประตูกระจกอย่างแรงแบบไม่กลัวบานเลื่อนจะเจ๊ง  ส่งผลให้ลมแรงตีหน้าสวนเข้ามาแบบไม่รอให้ตั้งตัว  ด้านนอกคอนโดอุ่นแห้งคือความเปียกชื้นหนาวเหน็ลและเสียงฟ้าผ่าที่ดังขึ้นเป็นระยะ  สัญญาณเหมือนพายุลงเลยทีเดียว  เขาชี้ออกไปท่ามกลางสายฝนตกเปียก 

     “ฉันฝ่าฝนตกหนักขนาดนี้ออกไปหานายที่แล้วที่เล่า!  คิดด้วยซ้ำว่าถ้านายหลบฝนอยู่ในร้านอะไรสักอย่างก็คงจะดีหรอก  ถึงจะมีร่ม  แต่ลมแรงแบบนี้จะกางได้ยังไง  รู้ไหมว่าฉันฝ่าน้ำฝ่าลมไปถามร้านอาหารร้านนั่นร้านนี้ที่นายเคยแปะเบอร์สั่งของมากแค่ไหน!  แต่นายกลับมานั่งคุยหัวเราะคิกคักอยู่ที่นี่เนี่ยนะ!  จะโทรตามสักนิดหรือก็ไม่!  บางทีนายควรจะรู้ว่าตัวเองนอนอยู่บ้านของฉัน!”

     สายฝนดังครืนดุจตอบรับต่อคำตะโกนของอาเคจิ  ผู้สำนึกได้ว่าตัวเองเพิ่งพูดในสิ่งที่น่าจะทำร้ายจิตใจเด็กหนุ่มออกไปมากทีเดียว  ฝ่ายนั้นอ้าปากออกมาช้าๆ ราวกับมีก้อนคำบางอย่างจุกอยู่ในลำคอ  หากแต่คำที่ว่านั้นกลับกลายเป็นก้อนอากาศที่ทำได้เพียงขยับปากขึ้นลงเท่านั้น  และหยดฝนคงสาดเข้ามาใส่มากจนเกินไป  เพราะใบหน้าของเด็กหนุ่มมีแต่น้ำเต็มไปหมด

     เขารู้ว่าตัวเองทำผิดและอยากขอโทษกับการกระทำสิ้นคิดแบบนี้  นั่นสิ...ทำไมถึงกล้าทำอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้  ทั้งที่คอนโดนี้ไม่ได้เป็นของเขา  กระทั่งมีสัมพันธ์เป็นเพื่อนหรือก็ไม่  เป็นคนรักยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่  เป็นแค่คนรู้จักผิวเผินไม่ต่างจากคนสวนทางกันต่างหาก  เขานี่คิดบ้าอะไรถึงเข้าใจว่าตัวเองมีอภิสิทธิ์ไปแกล้งเจ้านายแรงๆ แบบนี้  แต่กระนั้น...ทั้งเสียงทั้งหน้าของเขาชาไปหมดแล้ว  “ฉัน...อึก  ฉัน...ฉันขอโทษ  ฉันขอโทษ!”

     อาเคจิผลุนผลันกับเข้าห้องไปสะสางงานที่ค้างไว้ด้วยสมาธิที่ถูกความโกรธผสานกับความไม่ได้ดั่งใจในคำพูดทำลายไปครู่หนึ่ง  แต่น้ำชาอุ่นๆ หนึ่งแก้วช่วยรวบรวมมันกลับมาได้เป็นอย่างดี  วูบหนึ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกผิดต่อความสงบสุขนี้  มันเท่ากับว่าเขาไม่ใส่ใจอะไรในตัวอีกฝ่ายเลยงั้นรึ?  ไม่สิ...  เขาตวัดปากกาแล้วเริ่มต้นทำงานของตัวเองต่อไป

     เช้าอันสดใสวันรุ่งขึ้น...กระเป๋าเสื้อผ้ากับของใช้ต่างๆ ในห้องนอนเล็กได้หายไปแล้ว

 

     “กัก...กักขังหน่วงเหนี่ยว  คุณคิริซาโตะน่ะหรือ”  หญิงสาวอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ  ”ถึงว่าสิ  สองวันมานี้หาเป้าหมายสตอล์กไม่เจอเลย”

     “ใช่ไหมล่ะคะ!  ฉันเองยังว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ เลย  มิยารุโนะคุงมีปัญหาอะไรถึงไม่ยอมมาเรียนตั้งสองวันแล้ว  ถ้าเขามีปัญหาอะไรก็ต้องปรึกษาเราแน่  แต่หายไปแบบนี้มันก็...”  เธอกัดริมฝีปากเบาๆ  “ต้องโดนผู้ชายคนนั้นจับตัวไว้แน่”

     ในความคิดของคาโต้ ซาโต้  มิยูรินะคือผู้หญิงว่างงานที่เอาแต่สุมความคิดเพี้ยนๆ ของคนที่เขาชอบอย่างเปิดเผยให้เพี้ยนยิ่งขึ้น  และการใส่ความคนอื่นว่าลักพาตัวใครไปก็คงเช่นกัน  หล่อนคงพูดเข้าข้างฮิมิโกะจนเธอแน่เสียยิ่งกว่าแน่ว่าความคิดตัวเองถูก  ไม่ได้การล่ะ  เห็นทีเขาต้องปรามสักหน่อย  มนุษย์เราควรมีใครขัดถ่วงความคิดไว้บ้าง  จะได้ไม่หลงทางในความจริงความลวงเอาง่ายๆ

     แต่ผิดคาด...

     “เราไม่ควรด่วนสรุปอะไรลงไปง่ายๆ นะ  ถึงคุณคิริซาโตะจะเป็นผู้ชายไร้จิตสำนึกที่อยู่กินกับเด็กโรงเรียนตัวเองได้หน้าตาเฉย  แต่ฉันรู้จักคุณป้ามานาน  เขาคงไม่ถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นคนแบบนั้นหรอก”  หล่อนว่า  “นี่มันเพ่งบ่ายสามโมงเย็นเอง  คุณคิริซาโตะคงยังไม่กลับบ้าน  ฉันว่าลองไปสอบถามเขาหรือคุณโมโตยะกันก่อนดีกว่า  ได้ยินว่ามิยารุโนะคุงมีครอบครัวอยู่เมืองโรกุโจใช่ไหม  บางทีเขาอาจกลับบ้านไปด้วยปัญหาบางอย่าง”

     “ถึงเจ้ามิยะมีปัญหาแค่ไหนก็ไม่กลับบ้านหรอกครับ”  คาโต้ ซาโต้ ยกมือค้านทันควัน  หลังจากมองการไม่คล้อยตามของหล่อนปลื้มปีติ  ในที่สุด...ผู้หญิงสองคนนี้ก็มีคนที่ตั้งสติได้  ไม่ยกพลบุกไปถล่มคอนโดคนอื่นจนพังพินาศ  พร้อมรุมยำเจ้าของห้องก่อนถามไถ่ความปลอดภัยของคนหายอย่างที่เขาคิดว่าตัวเองต้องห้ามทัพอีกยาว  ว่าไงดีล่ะ...กฎเหล็กว่าด้วยการปลอดภัยของบุรุษเพศ  อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงที่มีแนวคิดรุนแรงเดียวกันดีกว่า  ถ้าไม่อยากเจ็บตัวด้วยเหตุผลนานัปการอันยากแก่การเข้าใจ

     ฮิมิโกะเป็นคนอธิบายต่อความงุนงงของอีกฝ่ายเอง  ถึงเธอจะไม่รู้เรื่องมากเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยอยากเล่า  แต่มิยารุโนะเป็นคนเกลียดครอบครัวตัวเองอย่างรุนแรง  หลีกเลี่ยงการกลับบ้านและพูดถึงภูมิลำเนาเดิมที่สุด  แก๊งสามคนอาจมีการเยี่ยมบ้านเพื่อน  ค้างคืนต่างเมืองที่บ้านของคาโต้ ซาโต้ บ้าง  หรือรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวฮิมิโกะ  แต่สถานที่เดียวที่พวกเขาไม่เคยเฉียดกรายเข้าไปคือบ้านตระกูลฮิชิยามะ

     เด็กหนุ่มเสริมขึ้นอีกแรง  “เพราะงั้น...อย่าถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือจำพวกแผนผังครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหายกับพวกเราหรือเจ้ามิยะดีกว่านะครับ  ถ้าคุณอยากไปที่นั่นก็แอบๆ ไปดีกว่า”

     มิยูรินะเลิกคิ้ว  “แปลว่าพวกเธอก็ไม่รู้ที่อยู่บ้านเด็กคนนั้นงั้นสิ?”  และคำตอบคือการพยักหน้าหงึกหงักของแก๊งสามที่เหลือสองคน

     อา...ไม่ยากหรอก  ในฐานะอดีตคู่ดูตัวแล้ว  ไม่มีอะไรที่ยากแก่การกระทำหรอก

 

     สีหน้าอาเคจิทะมึนอย่างที่สุดเมื่อพูดถึงชื่อของคนรักจอมปลอมที่รับประทานมื้อเย็นเปลืองสิ้นดี  แถมยังทำอะไรไม่คิดจนเขาเปียกปอนไปทั้งตัว  ดีที่วันนั้นเขาไม่ต้องเผชิญฝนมากเท่าไหร่  เลยไม่ปรากฏอาการป่วยไข้แต่อย่างใด

     ทว่า...สีหน้าทะมึนที่ว่าต้องกลายเป็นความแปลกใจ  เมื่อพูดถึงการหายตัวไปของเด็กหนุ่มจอมซนที่เขาหายเคืองไปตั้งแต่เมื่อวาน  “ไม่ใช่ว่าที่ผลุนผลันรีบวิ่งออกไปเมื่อวานนี้จะไปพักบ้านพวกเธอสองคนหรอกหรือ”

     “แหงสิ!  ไม่งั้นพวกเรา...”  ฮิมิโกะเตรียมว้ากอย่างไม่เกรงกลัว  เธอหมดศรัทธาตั้งแต่รู้ว่าเขาคบกับเพื่อนล่ะ!  ยังดีที่มิยูรินะช่วยยั้งไว้ได้บ้าง

     หล่อนกระแอมเบาๆ เตรียมตัวพูดเรื่องสำคัญ  “มิยารุโนะคุงหายตัวไปตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้วล่ะค่ะ  พอโทรไปก็ไม่มีคนรับ  ไม่มาโรงเรียนไม่มีใครพบตัวเลยล่ะค่ะ  ดิฉันกำลังจะโทรแจ้งความอยู่เหมือนกัน  แต่อยากซักถามคุณให้รู้เรื่องก่อน  เด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ที่คอนโดหรือคะ?”

     ปฏิกิริยาของเขาคือการส่ายหน้า  ลมหายใจเอย สีหน้าเอย ทุกอย่างดูปกติมาก  ทั้งยังสบตาหล่อนระหว่างปฏิเสธว่าเรื่องนี้  เขาไม่มีส่วนรู้เห็นแต่ประการใด  “คุณไปถามที่หอพักเก่าของเขามาหรือยัง”

     หอพักเก่า...?  สีหน้าหล่อนดูอึ้งๆ  มีหอพักเก่าด้วยเหรอ...?

     อาเคจิถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกล่าวออกมา  “นึกว่าคุณจะถามเรื่องพวกนี้เก่งเสียอีก”

     หล่อนค้อน  “ก็เก่งอยู่ค่ะ  แต่คุณโชคดีนะคะที่ดิฉันไม่ได้ฟันธงลงไปว่าคุณเป็นฆาตกรโรคจิตหรือพวกกักขังหน่วงเหนี่ยว”

     “เขาเพิ่งย้ายมาพักกับผมได้ไม่นานนักหรอกครับ  คุณมิยูรินะ  รู้สึกเขาจะให้ที่อยู่ไว้ในสมุดหน้าเหลืองที่คอนโดผมด้วย  แต่ถ้าคุณยังต้องการที่อยู่ของภูมิลำเนาเดิมเด็กคนนั้นก็แจ้งคุณโมโตยะแล้วกัน  ผมเคลียร์งานต่ออีกครู่หนึ่งแล้วจะขับรถไปดูที่นั่นให้”

     ห่วงงานมากกว่าแฟนตัวเองหรือนี่...  ฮิมิโกะบอกได้คำเดียวคือ...เธออยากจะกรี๊ด

 

     ฮิมิโกะไม่รู้ว่ามิยูรินะไปพูดอะไร  คุณป้าเจ้าของหอจึงหอบเอาจดหมายกองเป็นพะเนินที่จ่าหน้าถึง ‘ฮิชิยามะ มิยารุโนะ’ มาให้  แล้วเดินหนีไปแบบไม่สนเสียงเรียกใดๆ ทั้งสิ้น  แต่เธอเพิ่งทราบว่าเขาไม่เคยรับจดหมายในตู้ตัวเองเลยสักครั้ง  เรื่องค่าน้ำค่าไฟส่วนใหญ่ก็จ่ายไปพร้อมค่าเช่าห้อง

     สิ่งเดียวที่ตอบกลับมาหลังจากอาเคจิกระหน่ำทุบประตูคือเสียงตะโกนลั่น  “กลับคอนโดคุณไปเหอะ!  ห้องนี้มันเงินผม!”

     โกรธเรื่องนั้น!?  โกรธเรื่องนั้นเนี่ยนะ!  เขาเสียอีกที่ต้องไปเดินท่อมๆ ตากฝน  ขับรถวนหาทั่วเมืองจนเปลืองน้ำมันไปไม่รู้กี่ลิตร  จริงอยู่ที่เขาเองก็รู้ว่าคำพูดนั้นมันแรงสุดๆ  แต่ถ้าชั่งน้ำหนักดูแล้วมันก็น่าจะครือๆ กันไม่ใช่หรือไง  เป็นผู้ชายจะคิดมากไปทำไมนักหนา  อย่างเขายังหายโกรธตั้งแต่เมื่อวานเลย  คิดบ้างไหมว่าศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก  บ้าจริง...ทำไมเขาถึงกลายเป็นฝ่ายผิดไปได้นะ  แล้วถ้าดูจากเหตุผล ความเสียหาย และการเสียเวลาแล้ว  เขาสิต้องเป็นฝ่ายโมโหกับการกระทำสิ้นคิดแบบนั้น

     ขอร้องล่ะ...โผล่หน้าออกมาเสียทีเถอะ  เพราะเขากำลังจะโดนผู้หญิงสองคนสอบสวนทางสายอยู่รอมร่อแล้วนะ!  “นี่...หลบอยู่ในนั้นไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ  แล้วถ้าคำนวณกันจริงๆ  ค่าหอก็เป็นเงินฉันอยู่ดี”

     จังหวะนั้นเองที่คนเอาหูแนบประตูฟังอยู่ตลอดเวลาก็เปิดผางด้วยสีหน้าโมโหจัด  ในมือมีไม้เบสบอลอันหนึ่งทำจากของเล่นที่เด็กน้อยห้องข้างๆ ลืมไว้  ถึงมันจะเป็นไม้เบสบอลพลาสติกสีแดงสดใสตีไม่เจ็บอะไรด้วยแรงเด็กห้าขวบ  แต่รับรองได้ว่าความโกรธผสมแรงเด็กมัธยมปลายปีสามมันต้องสร้างค่าโจมตีให้พุ่งสูงแน่นอน  “หนอย!  เงินนาย!  เงินนายงั้นเรอะ!  ใช้เจ้าก้อนเนื้อที่คิดถึงแต่ผลปประโยชน์ของตัวเองคิดเสียบ้างว่านี่น่ะมันค่าจ้างฉันทั้งนั้น!  ฉันจะตีให้นายสำนึกเลย!  ฮึ่ม!”

     มิยูรินะเกือบเข้าไปห้ามตามคนใช้สติมากกว่าเหตุรุนแรงในกรณีที่มีคนต่อยกัน  หรือจะเปรียบเทียบได้กับพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยแยกอย่างกล้าหาญ  ไม่ยืนมุงดูเฉยๆ เหมือนฮิมิโกะ  เข้าไปรุมยำฝ่ายนั้นอีกคน  รวมทั้งไม่ใช่ฝ่ายที่รั้งหล่อนไว้อย่างคาโต้ ซาโต้ ด้วย  “ปล่อยเขาไว้ก่อนเถอะครับ  นานๆ ทีจะเห็นเจ้ามิยะรุมตีใครเสียขนาดนี้  ยกเว้นคนที่เอาแต่พูดถึงครอบครัวเจ้าหมอนั่นหรือคนที่พูดจาดูถูกสักประการน่ะนะ...”

     อาเคจิอยากร้องไห้ระหว่างหลบไม้เบสบอลสีแดงไปมา  เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นสักหน่อย!

     จังหวะที่ไม้เบสบอลเกือบโดนตีจนหักเป็นจังหวะที่เขาเบี่ยงตัวหลบและตั้งใจจะหักข้อมือตีไม้เบสบอลนั่นให้ร่วง  คาดไม่ถึงว่าจะโดนมองทางออกอย่างทะลุปรุโปร่ง  มือที่สับลงไปพลาดเป้าไปในเสี้ยววินาที  และไม้เบสบอลสีแดงสดใสบรรจงกระทบท้ายทอยเขาจนดาวขึ้น  ถึงเวลาราตรีสวัสดิ์พอดี...

     “ฟาดจนสลบเลยแฮะ”  มิยูรินะนึกดีใจที่ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงต่อเขาขนาดนั้น  “แล้วตกลงมันเรื่องอะไรกันล่ะนี่...”

     เสียงประตูหอพักที่มีช่องตาแมวปิดดังปัง  แต่ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าเคาะถามปลอบประโลมอะไรอีก

     หญิงสาวพยักหน้ากับฮิมิโกะแล้วพยักเพยิดมองคาโต้ ซาโต้ ที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ  เอาล่ะ...เขาจะช่วยลากร่างของผู้อำนวยการไปส่งตรงม้านั่งยาวหน้าหอพักแล้วกัน  หลังจากนั้นจะสอบสวนอะไรก็ตามใจเถอะ  เขาไม่ขวางหรอก  บางทีจะแอบแวบไปซื้อน้ำแก้กระหายให้ระหว่างสอบสวนผู้ต้องหา (จำเป็น) เลยยังได้

     ก็ผู้หญิงสองคนน่ะน่ากลัวกว่าไม้เบสบอลเมื่อครู่นี้เยอะเลยนี่...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา