The Tenderly

10.0

เขียนโดย ปรัสรา

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 23.32 น.

  6 session
  0 วิจารณ์
  12.57K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 23.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) บท 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      “พอดีเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ?  เห็นว่าพ่อแม่ไม่อยู่บ้านวันนี้ด้วย  จะชวนเด็กผู้ชายมาทานเย็นในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงคงไม่ดีแน่  หวังว่าจะไม่รบกวนนะ?”

     ประโยคหลังนั่นมันบีบบังคับทางอ้อมชัดๆ!  ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องพึ่งผู้ใหญ่ในการจับแยกมิยารุโนะกับผู้อำนวยการล่ะก็  เธอไม่มีวันพยักหน้ายิ้มรับแบบนี้แน่

     ฮิมิโกะรู้ว่าตัวเองพลาดตอนเดินไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต  ระหว่างลังเลว่าจะเลือกผักกาดขาวแบบไหนดี  เพื่อนชายคนสนิทหมายเลขสองของกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น  ดูเหมือนเขาจะเก่งเรื่องการขุดคุ้ยประสบการณ์ครั้งเก่าก่อนต่อการทำอาหารของเธอดีเหลือเกิน  ซึ่งเธอมั่นใจว่าผ่านไปตั้งสามปีแล้ว  มันคงมีอะไรดีขึ้นบ้างล่ะน่า  แต่คิดไปคิดมา...แผนการกะทันหันแบบนี้หาความแน่นอนยาก  กอปรกับฝีมือซาโต้ คาโต้ ดีอย่างเหลือเชื่อ  เธอจึงไหว้วานให้เขาช่วยลงมือทำแทนที!

     ความจริงซาโต้ คาโต้ ใจดีพอจะขอร้องให้กลับได้ทุกเมื่อ  เขาน่ะเข้าใจในแผนการของเธอแน่นอน  แต่นางมารร้ายอย่างมิยูรินะจะโผล่เข้ามาตอนเธอกำลังบอกว่าผู้ปกครองไม่อยู่บ้านทำไมก็ไม่รู้

     ก็จะไม่ให้โผล่ได้ไงกัน!

หงสาวครุ่นคิดระหว่างมองเด็กสาวหน้ามุ่ยตุ้ยเบาะหลังที่กลับบ้านด้วยรถยนต์สีขาวของหล่อน  ในฐานะสมาชิกชมรมสิทธิสตรีและเด็ก  องค์ประกอบจำพวก พ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเรียกเพื่อนชายมาอยู่เป็นเพื่อน  อะไรทำนองนี้  มันคือบ่อเกิดแห่งความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ในชีวิตวัยรุ่นสดใสชัดๆ  หล่อนไม่มีวันยอมให้เรื่องราวตรงหน้าผ่านไปเฉยๆ  โดยไม่ลองขัดขวางมันแน่นอน!

     แต่นึกไม่ถึงว่ามิยารุโนะคนนั้นก็จะมาทานข้าวด้วย  บางทีฮิมิโกะคงจะวางใจเพราะเห็นว่าเพื่อนสาว (ในความคิดหล่อนฝ่ายเดียว) มาทานข้าวด้วยล่ะมั้ง?  เอาเถอะ...มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย  ยังไงก็ดีที่สุด!

 

     อาหารอันประกอบไปด้วยซุปเต้าหู้ ปลาทอด เทมปุระและข้าวผัดอย่างง่ายๆ ก็เสร็จเรียบร้อยทันเสียงกริ่งของแขกรับเชิญ

     สิ่งแรกที่หญิงสาวคิดเมื่อเห็นหน้าเขาคือ...ดีจังเลยที่มีเวลาปลีกตัวมาจากคอนโดนั่นได้  เห็นทีต้องถามความเคลื่อนไหวสักหน่อย  ถ้ามีสิ่งผิดปกติล่ะก็  บุกเข้าไปถล่มมันเลย!

     ส่วนสิ่งแรกในความคิดของมิยารุโนะคือ...ทำไมเขาต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีกแล้วล่ะ!  แม้แต่เวลาปล่อยสบายทานบ้านเพื่อนยังหนีไม่พ้นเลยเรอะ!

     “พอดีเลย!  อาหารเสร็จแล้วจ้ะ!”  ฮิมิโกะผายมือไปทางโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับ ‘สองที่’  “รับรองว่ามิยารุโนะคุงต้องติดใจไปอีกนานแน่  ขนาดฉันเองยังประทับใจจนน้ำตาไหล...เอ้ย! หมายถึงทำไปชิมไปจนเข้าที่น่ะจ้ะ!”

     เด็กหนุ่มหน้าสวยมองอาหารลานตาตรงหน้าแล้วนึกทึ่ง  จากเมนูที่ไข่ที่นักเปิดพิสดารยังขกยกธงขาว  กลายเป็นอาหารน่าลิ้มรสขนาดนี้ได้เลยหรือเนี่ย  แม้แต่รสชาติตอนตักชิมซุปก็...  โอ้!  อร่อยแท้!  เขาชมเปาะออกมาอย่างไม่คิดอะไร  “ให้คาโต้คุงสอนใช่ไหม  รสชาติเหมือนกันเปี๊ยบ”

     “จะ...จ้ะ”  เธอยิ้มแหย  ก่อนจะหยิบตะเกียบคู่ขึ้นมา  “เรามาลงมือกันเลยดีกว่านะ”

     ในความคิดของมิยูรินะที่แอบมองอยู่  ในมือมีข้าวหน้าหมูทอดแบ่งกันคนละชามกับซาโต้ คาโต้  แล้วทำไมหล่อนโดนไล่ออกมาทานนอกห้องแบบนี้ล่ะเนี่ย...!?

 

     ช่วงเวลาสุขสันต์หลังมื้อค่ำ  มิยารุโนะช่วยล้าง เธอช่วยเช็ด ตามมโนภาพของฮิมิโกะ  กลายเป็นซาโต้ คาโต้ ช่วยล้าง  แล้วเธอเช็ดไปบ่นไป...

ผู้หญิงคนนั้นฉกตัวมิยารุโนะไปเสียได้  แต่รายการโทรทัศน์หลังมื้อค่ำเธอไม่พลาดแน่!

     ฝ่ายคนที่โดนหาว่าฉกตัวใครไปก็กำลังสอบถามถึงความเป็นอยู่ในคอนโดแห่งนั้นพอดี

     เด็กหนุ่มหลบตาไปมาเหมือนคนโกหกร้อยเปอร์เซ็นต์  ชัวร์อยู่แล้ว  เขาต้องมโนภาพหวานชื่นกับผู้อำนวยการคนนั้นถึงมื้อค่ำใต้แสงเทียนบ้างล่ะ  มีเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มอบให้บ้างล่ะ  พาไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าข้าวของบ้างล่ะ  ต้องขอบคุณต่อความใฝ่ฝันที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยเล่าไว้จริงๆ  ถึงจะไม่รู้ว่าเล่าไปทำไมก็เถอะ  เพราะผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแทบจะนับคำพูดกับเขาได้เลย  แล้วจะมีอะไรหวานๆ แบบนั้นเป็นของตัวเองได้ไง

     มิยูรินะกดเสียงต่ำด้วยใบหน้ายิ้มประจำตัว  “แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะ”

     “ก็เข้านอนตามปกติบ้าง  บางคืนก็ดูหนังด้วยกัน  จำพวกความรักแห่งทิวเขาคิคุโระ จดหมายรักจากสาวน้อยทิศใต้  หรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ”  ขอบคุณหนังที่ฮิมิโกะยื่นให้เช่นกัน  แม้เขาจะรับมันมาแบบไม่เคยดูเลยก็เถอะ

     มิยูรินะถอนหายใจออกมาเบาๆ  ถึงช่วยสวีทหวานอะไรนั่นจะดูโกหกชอบกลก็ตามที  แต่หลังจากช่วงมื้อค่ำแล้วคงไม่เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ  หล่อนน่ะจับโกหกคนเก่งทีเดียวล่ะ  และตอนนี้ก็จับโกหกได้ว่าอาเคจิคนนั้นไม่เคยดูหนังรักพวกนี้แน่  ตัวคนพูดเองก็คงไม่คิดจะแตะ  แต่จะยอมตามน้ำไปก่อนแล้วกัน  เพื่อการสอบถามวันหลังด้วย

     แน่นอนว่าหล่อนยังมีโจทย์ต้องเคลียร์  “เอ...งั้นแปลว่ามิยารุโนะจังต้องอยู่กับคุณคิริซาโตะมานานพอสมควรเลยน่ะสิจ๊ะ?  ทำไมไม่ลองหาที่อยู่ใหม่ล่ะ  ประมาณว่า...หอพัก...อะไรแบบนี้น่ะจ้ะ  อยู่กับคุณอาเคจิแบบนั้นเขาไม่ลำบากใจหรือจ๊ะ?  แล้วทางครอบครัวไม่ว่าหรือ  อยู่กับเขาแค่สองคนแบบนี้น่ะจ้ะ”  ใช่ๆ  ถ้ายุให้ออกจากสถานที่อันตรายแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ

     สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงครอบครัว  ทีแรกเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่มาถามนั่นนี่ด้วยความหึงหวงล้วนๆ  แต่ชักเข้าประเด็นที่เขาไม่อยากพูดถึงแบบนี้  เห็นทีว่าอารมณ์ปั้นเรื่องของเขาจะหมดเสียแล้ว  มิยารุโนะตอบไปสองสามคำตามพิธีมากกว่าตั้งใจแต่งเรื่องจริงจังแล้วขอตัวกลับทันที  ไม่ฟังกระทั่งเสียงทักท้วงของฮิมิโกะด้วยซ้ำ

     มิยูรินะสรุปด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาโกรธเพราะเข้าใจว่าหล่อนกำลังหาทางทำลายความรักหรืออะไรทำนองนั้น

 

     เมื่อเด็กหนุ่มกลับมาถึงคอนโดและพบชายหนุ่มศีรษะยังเปียกจากการอาบน้ำ  จึงนำขึ้นได้ว่าเวลาตอนนี้คงจะผ่านช่วงหนึ่งทุ่มมาไม่นาน  อาเคจิคงเดินออกมาหาเครื่องดื่มแก้กระหายหลังออกมาจากห้องอาบน้ำแสนสบายนั่น

     ต่อให้รู้ว่าชายหนุ่มมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในคำถามของมิยูรินะ  แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่หรือไงกัน  เขาถึงต้องโดนคนแปลกหน้าพูดถามถึงความคิดเห็นของครอบครัว  ของพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างสิ  ยิ่งเขาหนีออกมาได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี  ไม่ว่าสถานที่หรือคนก็ไม่อยากเจอทั้งนั้นแหละ!

     ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น  “อารมณ์เสียอะไรหรือเปล่า”

     “เปล่านี่”  เขาว่าระหว่างเดินอ้อมไปเทน้ำแร่มาดื่มอักๆ  “คุณว่าผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันล่ะ”

     คำถามนี้สร้างความประหลาดใจแก่อาเคจิเป็นเท่าตัว  จากคนไร้บ้านทำไมถึงอยากย้ายออกกะทันหันกัน?  “ก็จนกว่าฉันจะได้รับการยืนยันว่าจะไม่โดนจับคู่ดูตัวอะไรอีกน่ะสิ  หรือจนกว่าฉันจะหาใครสักคนที่ดีพร้อมเจอ”

     “งั้นก็หาเร็วๆ หน่อยแล้วกัน  หรือจะเป็นคุณอาคิฮานะคนนั้นก็ได้  เพราะตอนผมไปกินข้าวบ้านฮิมิโกะ  เห็นเขาหวงคุณน่าดูเลยนี่!”  เขากระแทกเสียงจนคู่นทนาแอบส่งสายตาดุๆ กลับมา  แต่ความโกรธที่ถูกจี้เรื่องครอบครัวแล่นขึ้นมามากกว่าจะเกรงกลัว  จะโยนเขาออกไปตอนนี้เลยก็ยังได้  แค่คืนเดียวคงใช้เงินที่มีอยู่ในการหาหอพักถูกๆ สักแห่ง  หรือรบกวนซาโต้ คาโต้ ได้อยู่แล้ว

     บทสนทนาของคืนนั้นก็จบลงด้วยความไม่เข้าใจเช่นนี้เอง

 

     แต่คนจบเรื่องไม่จบ...

     อย้อนกลับมาที่บ้านของฮิมิโกะ  หลังซาโต้ คาโต้ กลับออกไป  เด็กสาวเจ้าของบ้านจำต้องยกผ้าห่มกับหมอนมาไว้ในห้องนั่งเล่นให้คนที่ดึงดันจะพักด้วย  เหตุผลสำหรับการค้างฟรีครั้งนี้คือในบ้านไม่มีผู้ใหญ่อาศัยอยู่เลย

     ‘รู้ไหมว่าการที่เด็กสาวอยู่บ้านคนเดียวน่ะเป็นเรื่องๆไม่สมควร...!’

     แน่นอนว่าวาจาขึ้นต้นไม่ชวนสนทนาฉันใดคนฟังก็ไม่สนใจฉันนั้น  ฮิมิโกะรีบเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องของมิยารุโนะด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวผสมความเข้าใจผิดๆ ของหญิงสาว  ทำให้ภาพลักษณ์กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีความรักอย่างลึกซึ้งและรีบออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด  เนื่องจากคิดว่ามิยูรินะตั้งใจจะเข้ามาติดพันคนรักของตัวเอง

     ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บใจ!  ต้องหาทางดึงคนที่เธอแอบชอบมาตลอดหลายปีกลับมาสู่ความรักแบบปกติให้ได้!

     มิยูรินะพยักหน้าเบาๆ  “เราต้องร่วมมือกัน  ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงร่วมมือกันแล้วจะหลุดรอดไปได้  ขนาดสงครามพวกเรายังสร้างได้เลย  อย่างในยุค...”

     “อย่าเพิ่งพูดถึงสงครามเลยค่ะ  ตอนนี้จะแยกสองคนนั้นยังไงยังไม่รู้เลย”  ฮิมิโกะว่าด้วยความเจ็บใจ  มุมปากกัดผ้าเช็ดหน้าร่ำไห้เคืองแค้น  “พอเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านด้วยกัน  เป็นแบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้กันเล่า  แค่รั้งไว้ตอนกลางวันก็เต็มกลืนแล้วนะคะ  ทั้งฉุดทั้งดึงให้พูดจนคอแห้งไปหมดแล้วล่ะ”

     มิยูรินะมองอย่างเห็นใจ  หล่อนเคยอยู่สถานการณ์ที่ต้องพูดจายืดยาวเพื่อชื่นชมใครสักคนเหมือนกัน  ซึ่งความหมายโดยรวมสามารถสรุปได้ภายในสามพยางค์อย่างน่าแค้นใจคือ ‘ทำ – ดี – มาก’  มันก็เหมือนประธานเปิดพิธีอะไรสักอย่างนั่นแหละ  ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทนั้นก่อตั้งขึ้นมากี่ปีหรือผู้บริหารคนใดทำงานมากี่ชั่วอายุขัยมนุษย์หรอก  พนักงานสนเงินเดือนฉันใด  ทำดีมากกับบรรยายยืดยาวก็เป็นคำชมเหมือนกันนั่นแหละน่า

     แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องโบนัสกับการเลียแข้งเลียขาอันเปี่ยมด้วยศิลปะวาจา  หญิงสาวเดาะลิ้นสองสามครั้งอย่างครุ่นคิด  “นั่นสินะ  ตอนที่เธอเรียกมิยารุโนะจังออกมาก็ไม่มีทีท่าอิดออดด้วย  แปลว่าที่กลับไปทุกเย็นอาจไม่มีเรื่องพิเศษอะไร  ถ้าจะเรียกมาทานข้าวด้วยกันคงทำได้ประจำ”

     ฮิมิโกะประสานมือเข้าด้วยกันนัยน์ตาพราว  “จริงด้วย!  มื้อเย็นกับมิยารุโนะคุง!  ดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”

     “แต่สุดท้ายเขาก็จะกลับไปหาคุณคิริซาโตะอยู่ดี”  หล่อนยักไหล่ทำลายฝันสาวน้อยอย่างไร้เมตตา  หากแต่มันคือความจริง  “ถ้าอยากให้มิยารุโนะจังมีมื้อค่ำแสนวิเศษกับเธอจริงๆ ล่ะก็  มันต้องมีสักทางสิน่า”

     และสีหน้าฮึดฮัดฝันสลายของฮิมิโกะก็ทำให้หล่อนนึกออก

 

     ถ้าบอกว่าฮิมิโกะคืออาหารค่ำสุดหรูใต้แสงเทียน  มีเปียโนบรรเลง  คนในร้านสวมสูทและเดรสสวยๆ  อาจมีแหวนแต่งงานของโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งยกขึ้นประกอบ  สร้างบรรยากาศดีๆ ชวนให้ค้นหากระซิบฝากคำรัก  ดินเนอร์ของอาเคจิในคืนวันอาทิตย์แบบนี้คงให้บรรยากาศใกล้เคียงกัน  แต่ต่างเล็กน้อยก็ตรงที่ร้านนี้ไม่มีเปียโน คู่เดทฝ่ายหญิงไม่ใช่ฮิมิโกะ  และอาเคจิไม่ต้องการกระซิบบอกอะไรหล่อนทั้งนั้น

     ส่วนคู่รักที่มาขอแต่งงานคงต้องดัดแปลงสักหน่อย  เป็นเด็กสาวที่ชวนเพื่อนสนิทมาทานอาหารพร้อมกันในร้านหรูแบบนี้  แล้วอ้างว่าฉลองด้วยสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างการผ่านสอบย่อยไปได้ด้วยดี  ซึ่งมุมโต๊ะจะเป็นจุดมุมอับพอดี  แต่กลับมีวิสัยทัศน์ที่ดีอย่างเหลือเชื่อต่อโต๊ะที่ชายหญิงคู่นั้นนั่งด้วยกัน

     ความคิดเห็นของซาโต้ คาโต้ สำหรับแผนการในคราวนี้คือ...เขารู้มานานแล้วล่ะ  ว่าฮิมิโกะไม่ได้ใสซื่ออย่างแสดงออกหรอก  และดูเหมือนคนที่ยังไม่รู้คือเจ้ามือรับเลี้ยงคราวนี้อย่างมิยารุโนะนี่แหละ

     เด็กหนุ่มหน้าหวานถูกจัดให้นั่งประจันหน้าไปทางนั้นพอดี  บอกได้เลยว่าเขาไม่รู้เมนูอะไรสักอย่างในร้านนี้พอๆ กับกัลยาณมิตรทั้งสองที่ทำหน้าเหมือนเห็นเมนูเป็นสอบย่อยเมื่อกลางวัน  แถมยังต้องนั่งทานไป  เงยหน้าขึ้นมาก็เจอคนคู่นั้นไปอีก  ขอร้องเลย...เขาเอียนหน้าเรื่อยๆ ไม่สนใจใครของชายหนุ่มมามากพอแล้ว  และกำลังวางแผนจะแจ้งความเพราะโดนผู้หญิงคนหนึ่งสตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมา

     สตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างไรน่ะรึ?  ก็จำพวกเดินตามเอาดื้อๆ น่ะสิ!

     ซาโต้ คาโต้ เห็นใจเพื่อนสนิทเป็นกำลัง  เสียงโหวตของเขาอยู่แกนกลางเสมอ  ถ้าย้ายร้านเอาตอนนี้อย่างไม่สนใจบริกรหน้าเรียบเฉยที่ยืนรออยู่ก็ได้  แต่ไหนเลยเด็กสาวผมยาวลอนจะยอมล่ะ?  นี่มันสงครามแห่งการสร้างความเข้าใจผิดแก่ตัวเอกแบบที่นางอิจฉาทั้งหลายในเรื่องพึงกระทำชัดๆ  บางทีฮิมิโกะอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกใช้อยู่ก็ได้  เคยดูตัวกันแถมสองบ้านก็สนับสนุน  เท่ากับดินเนอร์ครั้งนี้เข้าทางสุดๆ ไม่ใช่รึ  หรือว่าเพื่อแยกคนที่ตัวเองชอบกับผู้อำนวยการแล้ว  ถึงจะโดนหลอกก็ไม่เป็นไรสินะ

     ซาโต้ คาโต้ อาจเป็นเด็กหนุ่มที่จัดอยู่ในตัวรองแสนดีผู้ช้ำรัก  แต่ก็คุ้นเคยกับแผนการจำพวกนี้จนตนเองยังแอบประหลาดใจ  งั้นในอนาคตข้างหน้าเขาจะโดนความชอกช้ำกระหน่ำจนกลายเป็นตัวละครประเภทวางแผนร้ายเพื่อรักบ้างไหมนะ?  แต่ความชอกช้ำที่ว่าก็ไม่ได้เกิดขึ้นหนักหน่วงขนาดนั้นหรอก

     ว่าแต่...จากความน่าอึดอัดใจที่โดนชวนมาร่วมมื้อค่ำทำลายความรักเพื่อนแบบนี้  เขาควรหยิบการ์ตูนในกระเป๋าขึ้นมาอ่านเอาดื้อๆ ดีไหมนะ  เพราะภาษาอังกฤษในเมนูมันดูเหมือนภาษาฝรั่งเศสชอบกล

     ฮิมิโกะส่งยิ้มแหยแก่บริกรที่น่าจะเหน็บกินขาได้สองสามนาทีแล้ว  “ขอเลือกเมนูครู่หนึ่งแล้วกันนะคะ”

     สองหนุ่มหน่อถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงเมื่อไร้คนยืนจดคอยกดดัน

     มิยารุโนะมองคู่เดทโต๊ะทางนู้นด้วยสายตาเคืองแค้น  ทั้งอาหารที่ทำมาจากไก่ทั้งตัวแล้วก็ซุปนั่นมันเรียกว่าอะไรกันนะ!  ขืนอยู่ไปอย่างนี้ดีแต่จะขายหน้า  สู้เดินออกไปดื้อๆ เสียดีกว่า!  “เปลี่ยนที่ใหม่แล้วกัน  เป็นฟาสต์ฟู้ดกินง่ายๆ ยิ่งดี  เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”

     ฮิมิโกะน้ำตาซึมทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเจ็บปวดจนทนไม่ไหว

     ในตอนนั้นเองที่อาเคจิเดินออกมาจากโต๊ะและประสานสายตากับเด็กหนุ่มพอดิบพอดี

     “พอดีเลยไม่ใช่หรือจ๊ะ?  เห็นว่าพ่อแม่ไม่อยู่บ้านวันนี้ด้วย  จะชวนเด็กผู้ชายมาทานเย็นในบ้านที่มีแต่ผู้หญิงคงไม่ดีแน่  หวังว่าจะไม่รบกวนนะ?”

     ประโยคหลังนั่นมันบีบบังคับทางอ้อมชัดๆ!  ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องพึ่งผู้ใหญ่ในการจับแยกมิยารุโนะกับผู้อำนวยการล่ะก็  เธอไม่มีวันพยักหน้ายิ้มรับแบบนี้แน่

     ฮิมิโกะรู้ว่าตัวเองพลาดตอนเดินไปซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต  ระหว่างลังเลว่าจะเลือกผักกาดขาวแบบไหนดี  เพื่อนชายคนสนิทหมายเลขสองของกลุ่มก็ปรากฏตัวขึ้น  ดูเหมือนเขาจะเก่งเรื่องการขุดคุ้ยประสบการณ์ครั้งเก่าก่อนต่อการทำอาหารของเธอดีเหลือเกิน  ซึ่งเธอมั่นใจว่าผ่านไปตั้งสามปีแล้ว  มันคงมีอะไรดีขึ้นบ้างล่ะน่า  แต่คิดไปคิดมา...แผนการกะทันหันแบบนี้หาความแน่นอนยาก  กอปรกับฝีมือซาโต้ คาโต้ ดีอย่างเหลือเชื่อ  เธอจึงไหว้วานให้เขาช่วยลงมือทำแทนที!

     ความจริงซาโต้ คาโต้ ใจดีพอจะขอร้องให้กลับได้ทุกเมื่อ  เขาน่ะเข้าใจในแผนการของเธอแน่นอน  แต่นางมารร้ายอย่างมิยูรินะจะโผล่เข้ามาตอนเธอกำลังบอกว่าผู้ปกครองไม่อยู่บ้านทำไมก็ไม่รู้

     ก็จะไม่ให้โผล่ได้ไงกัน!

     หงสาวครุ่นคิดระหว่างมองเด็กสาวหน้ามุ่ยตุ้ยเบาะหลังที่กลับบ้านด้วยรถยนต์สีขาวของหล่อน  ในฐานะสมาชิกชมรมสิทธิสตรีและเด็ก  องค์ประกอบจำพวก พ่อแม่ไม่อยู่บ้านแล้วเรียกเพื่อนชายมาอยู่เป็นเพื่อน  อะไรทำนองนี้  มันคือบ่อเกิดแห่งความพลาดพลั้งครั้งใหญ่ในชีวิตวัยรุ่นสดใสชัดๆ  หล่อนไม่มีวันยอมให้เรื่องราวตรงหน้าผ่านไปเฉยๆ  โดยไม่ลองขัดขวางมันแน่นอน!

     แต่นึกไม่ถึงว่ามิยารุโนะคนนั้นก็จะมาทานข้าวด้วย  บางทีฮิมิโกะคงจะวางใจเพราะเห็นว่าเพื่อนสาว (ในความคิดหล่อนฝ่ายเดียว) มาทานข้าวด้วยล่ะมั้ง?  เอาเถอะ...มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย  ยังไงก็ดีที่สุด!

 

     อาหารอันประกอบไปด้วยซุปเต้าหู้ ปลาทอด เทมปุระและข้าวผัดอย่างง่ายๆ ก็เสร็จเรียบร้อยทันเสียงกริ่งของแขกรับเชิญ

     สิ่งแรกที่หญิงสาวคิดเมื่อเห็นหน้าเขาคือ...ดีจังเลยที่มีเวลาปลีกตัวมาจากคอนโดนั่นได้  เห็นทีต้องถามความเคลื่อนไหวสักหน่อย  ถ้ามีสิ่งผิดปกติล่ะก็  บุกเข้าไปถล่มมันเลย!

     ส่วนสิ่งแรกในความคิดของมิยารุโนะคือ...ทำไมเขาต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีกแล้วล่ะ!  แม้แต่เวลาปล่อยสบายทานบ้านเพื่อนยังหนีไม่พ้นเลยเรอะ!

     “พอดีเลย!  อาหารเสร็จแล้วจ้ะ!”  ฮิมิโกะผายมือไปทางโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมไว้สำหรับ ‘สองที่’  “รับรองว่ามิยารุโนะคุงต้องติดใจไปอีกนานแน่  ขนาดฉันเองยังประทับใจจนน้ำตาไหล...เอ้ย! หมายถึงทำไปชิมไปจนเข้าที่น่ะจ้ะ!”

     เด็กหนุ่มหน้าสวยมองอาหารลานตาตรงหน้าแล้วนึกทึ่ง  จากเมนูที่ไข่ที่นักเปิดพิสดารยังขกยกธงขาว  กลายเป็นอาหารน่าลิ้มรสขนาดนี้ได้เลยหรือเนี่ย  แม้แต่รสชาติตอนตักชิมซุปก็...  โอ้!  อร่อยแท้!  เขาชมเปาะออกมาอย่างไม่คิดอะไร  “ให้คาโต้คุงสอนใช่ไหม  รสชาติเหมือนกันเปี๊ยบ”

     “จะ...จ้ะ”  เธอยิ้มแหย  ก่อนจะหยิบตะเกียบคู่ขึ้นมา  “เรามาลงมือกันเลยดีกว่านะ”

     ในความคิดของมิยูรินะที่แอบมองอยู่  ในมือมีข้าวหน้าหมูทอดแบ่งกันคนละชามกับซาโต้ คาโต้  แล้วทำไมหล่อนโดนไล่ออกมาทานนอกห้องแบบนี้ล่ะเนี่ย...!?

 

     ช่วงเวลาสุขสันต์หลังมื้อค่ำ  มิยารุโนะช่วยล้าง เธอช่วยเช็ด ตามมโนภาพของฮิมิโกะ  กลายเป็นซาโต้ คาโต้ ช่วยล้าง  แล้วเธอเช็ดไปบ่นไป...

     ผู้หญิงคนนั้นฉกตัวมิยารุโนะไปเสียได้  แต่รายการโทรทัศน์หลังมื้อค่ำเธอไม่พลาดแน่!

     ฝ่ายคนที่โดนหาว่าฉกตัวใครไปก็กำลังสอบถามถึงความเป็นอยู่ในคอนโดแห่งนั้นพอดี

     เด็กหนุ่มหลบตาไปมาเหมือนคนโกหกร้อยเปอร์เซ็นต์  ชัวร์อยู่แล้ว  เขาต้องมโนภาพหวานชื่นกับผู้อำนวยการคนนั้นถึงมื้อค่ำใต้แสงเทียนบ้างล่ะ  มีเครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ มอบให้บ้างล่ะ  พาไปช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าข้าวของบ้างล่ะ  ต้องขอบคุณต่อความใฝ่ฝันที่เพื่อนสาวคนสนิทเคยเล่าไว้จริงๆ  ถึงจะไม่รู้ว่าเล่าไปทำไมก็เถอะ  เพราะผู้อำนวยการหนุ่มคนนั้นแทบจะนับคำพูดกับเขาได้เลย  แล้วจะมีอะไรหวานๆ แบบนั้นเป็นของตัวเองได้ไง

     มิยูรินะกดเสียงต่ำด้วยใบหน้ายิ้มประจำตัว  “แล้วหลังจากนั้นล่ะจ๊ะ”

     “ก็เข้านอนตามปกติบ้าง  บางคืนก็ดูหนังด้วยกัน  จำพวกความรักแห่งทิวเขาคิคุโระ จดหมายรักจากสาวน้อยทิศใต้  หรืออะไรทำนองนั้นน่ะครับ”  ขอบคุณหนังที่ฮิมิโกะยื่นให้เช่นกัน  แม้เขาจะรับมันมาแบบไม่เคยดูเลยก็เถอะ

     มิยูรินะถอนหายใจออกมาเบาๆ  ถึงช่วยสวีทหวานอะไรนั่นจะดูโกหกชอบกลก็ตามที  แต่หลังจากช่วงมื้อค่ำแล้วคงไม่เกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ  หล่อนน่ะจับโกหกคนเก่งทีเดียวล่ะ  และตอนนี้ก็จับโกหกได้ว่าอาเคจิคนนั้นไม่เคยดูหนังรักพวกนี้แน่  ตัวคนพูดเองก็คงไม่คิดจะแตะ  แต่จะยอมตามน้ำไปก่อนแล้วกัน  เพื่อการสอบถามวันหลังด้วย

     แน่นอนว่าหล่อนยังมีโจทย์ต้องเคลียร์  “เอ...งั้นแปลว่ามิยารุโนะจังต้องอยู่กับคุณคิริซาโตะมานานพอสมควรเลยน่ะสิจ๊ะ?  ทำไมไม่ลองหาที่อยู่ใหม่ล่ะ  ประมาณว่า...หอพัก...อะไรแบบนี้น่ะจ้ะ  อยู่กับคุณอาเคจิแบบนั้นเขาไม่ลำบากใจหรือจ๊ะ?  แล้วทางครอบครัวไม่ว่าหรือ  อยู่กับเขาแค่สองคนแบบนี้น่ะจ้ะ”  ใช่ๆ  ถ้ายุให้ออกจากสถานที่อันตรายแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ

     สีหน้าเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงครอบครัว  ทีแรกเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้แค่มาถามนั่นนี่ด้วยความหึงหวงล้วนๆ  แต่ชักเข้าประเด็นที่เขาไม่อยากพูดถึงแบบนี้  เห็นทีว่าอารมณ์ปั้นเรื่องของเขาจะหมดเสียแล้ว  มิยารุโนะตอบไปสองสามคำตามพิธีมากกว่าตั้งใจแต่งเรื่องจริงจังแล้วขอตัวกลับทันที  ไม่ฟังกระทั่งเสียงทักท้วงของฮิมิโกะด้วยซ้ำ

     มิยูรินะสรุปด้วยความเข้าใจผิดว่าเขาโกรธเพราะเข้าใจว่าหล่อนกำลังหาทางทำลายความรักหรืออะไรทำนองนั้น

 

     เมื่อเด็กหนุ่มกลับมาถึงคอนโดและพบชายหนุ่มศีรษะยังเปียกจากการอาบน้ำ  จึงนำขึ้นได้ว่าเวลาตอนนี้คงจะผ่านช่วงหนึ่งทุ่มมาไม่นาน  อาเคจิคงเดินออกมาหาเครื่องดื่มแก้กระหายหลังออกมาจากห้องอาบน้ำแสนสบายนั่น

     ต่อให้รู้ว่าชายหนุ่มมิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในคำถามของมิยูรินะ  แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายลากเขาเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ใช่หรือไงกัน  เขาถึงต้องโดนคนแปลกหน้าพูดถามถึงความคิดเห็นของครอบครัว  ของพรรค์นั้นจะเป็นยังไงก็ช่างสิ  ยิ่งเขาหนีออกมาได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี  ไม่ว่าสถานที่หรือคนก็ไม่อยากเจอทั้งนั้นแหละ!

     ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น  “อารมณ์เสียอะไรหรือเปล่า”

     “เปล่านี่”  เขาว่าระหว่างเดินอ้อมไปเทน้ำแร่มาดื่มอักๆ  “คุณว่าผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหนกันล่ะ”

     คำถามนี้สร้างความประหลาดใจแก่อาเคจิเป็นเท่าตัว  จากคนไร้บ้านทำไมถึงอยากย้ายออกกะทันหันกัน?  “ก็จนกว่าฉันจะได้รับการยืนยันว่าจะไม่โดนจับคู่ดูตัวอะไรอีกน่ะสิ  หรือจนกว่าฉันจะหาใครสักคนที่ดีพร้อมเจอ”

     “งั้นก็หาเร็วๆ หน่อยแล้วกัน  หรือจะเป็นคุณอาคิฮานะคนนั้นก็ได้  เพราะตอนผมไปกินข้าวบ้านฮิมิโกะ  เห็นเขาหวงคุณน่าดูเลยนี่!”  เขากระแทกเสียงจนคู่นทนาแอบส่งสายตาดุๆ กลับมา  แต่ความโกรธที่ถูกจี้เรื่องครอบครัวแล่นขึ้นมามากกว่าจะเกรงกลัว  จะโยนเขาออกไปตอนนี้เลยก็ยังได้  แค่คืนเดียวคงใช้เงินที่มีอยู่ในการหาหอพักถูกๆ สักแห่ง  หรือรบกวนซาโต้ คาโต้ ได้อยู่แล้ว

     บทสนทนาของคืนนั้นก็จบลงด้วยความไม่เข้าใจเช่นนี้เอง

 

     แต่คนจบเรื่องไม่จบ...

     ย้อนกลับมาที่บ้านของฮิมิโกะ  หลังซาโต้ คาโต้ กลับออกไป  เด็กสาวเจ้าของบ้านจำต้องยกผ้าห่มกับหมอนมาไว้ในห้องนั่งเล่นให้คนที่ดึงดันจะพักด้วย  เหตุผลสำหรับการค้างฟรีครั้งนี้คือในบ้านไม่มีผู้ใหญ่อาศัยอยู่เลย

     ‘รู้ไหมว่าการที่เด็กสาวอยู่บ้านคนเดียวน่ะเป็นเรื่องๆไม่สมควร...!’

     แน่นอนว่าวาจาขึ้นต้นไม่ชวนสนทนาฉันใดคนฟังก็ไม่สนใจฉันนั้น  ฮิมิโกะรีบเบี่ยงประเด็นเป็นเรื่องของมิยารุโนะด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวผสมความเข้าใจผิดๆ ของหญิงสาว  ทำให้ภาพลักษณ์กลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีความรักอย่างลึกซึ้งและรีบออกจากบ้านไปด้วยความหงุดหงิด  เนื่องจากคิดว่ามิยูรินะตั้งใจจะเข้ามาติดพันคนรักของตัวเอง

     ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บใจ!  ต้องหาทางดึงคนที่เธอแอบชอบมาตลอดหลายปีกลับมาสู่ความรักแบบปกติให้ได้!

     มิยูรินะพยักหน้าเบาๆ  “เราต้องร่วมมือกัน  ไม่มีอะไรที่ผู้หญิงร่วมมือกันแล้วจะหลุดรอดไปได้  ขนาดสงครามพวกเรายังสร้างได้เลย  อย่างในยุค...”

     “อย่าเพิ่งพูดถึงสงครามเลยค่ะ  ตอนนี้จะแยกสองคนนั้นยังไงยังไม่รู้เลย”  ฮิมิโกะว่าด้วยความเจ็บใจ  มุมปากกัดผ้าเช็ดหน้าร่ำไห้เคืองแค้น  “พอเลิกเรียนก็ตรงกลับบ้านด้วยกัน  เป็นแบบนี้แล้วฉันจะทำอะไรได้กันเล่า  แค่รั้งไว้ตอนกลางวันก็เต็มกลืนแล้วนะคะ  ทั้งฉุดทั้งดึงให้พูดจนคอแห้งไปหมดแล้วล่ะ”

     มิยูรินะมองอย่างเห็นใจ  หล่อนเคยอยู่สถานการณ์ที่ต้องพูดจายืดยาวเพื่อชื่นชมใครสักคนเหมือนกัน  ซึ่งความหมายโดยรวมสามารถสรุปได้ภายในสามพยางค์อย่างน่าแค้นใจคือ ‘ทำ – ดี – มาก’  มันก็เหมือนประธานเปิดพิธีอะไรสักอย่างนั่นแหละ  ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทนั้นก่อตั้งขึ้นมากี่ปีหรือผู้บริหารคนใดทำงานมากี่ชั่วอายุขัยมนุษย์หรอก  พนักงานสนเงินเดือนฉันใด  ทำดีมากกับบรรยายยืดยาวก็เป็นคำชมเหมือนกันนั่นแหละน่า

     แต่ก่อนจะพูดถึงเรื่องโบนัสกับการเลียแข้งเลียขาอันเปี่ยมด้วยศิลปะวาจา  หญิงสาวเดาะลิ้นสองสามครั้งอย่างครุ่นคิด  “นั่นสินะ  ตอนที่เธอเรียกมิยารุโนะจังออกมาก็ไม่มีทีท่าอิดออดด้วย  แปลว่าที่กลับไปทุกเย็นอาจไม่มีเรื่องพิเศษอะไร  ถ้าจะเรียกมาทานข้าวด้วยกันคงทำได้ประจำ”

     ฮิมิโกะประสานมือเข้าด้วยกันนัยน์ตาพราว  “จริงด้วย!  มื้อเย็นกับมิยารุโนะคุง!  ดินเนอร์ใต้แสงเทียน!”

     “แต่สุดท้ายเขาก็จะกลับไปหาคุณคิริซาโตะอยู่ดี”  หล่อนยักไหล่ทำลายฝันสาวน้อยอย่างไร้เมตตา  หากแต่มันคือความจริง  “ถ้าอยากให้มิยารุโนะจังมีมื้อค่ำแสนวิเศษกับเธอจริงๆ ล่ะก็  มันต้องมีสักทางสิน่า”

     และสีหน้าฮึดฮัดฝันสลายของฮิมิโกะก็ทำให้หล่อนนึกออก

 

     ถ้าบอกว่าฮิมิโกะคืออาหารค่ำสุดหรูใต้แสงเทียน  มีเปียโนบรรเลง  คนในร้านสวมสูทและเดรสสวยๆ  อาจมีแหวนแต่งงานของโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งยกขึ้นประกอบ  สร้างบรรยากาศดีๆ ชวนให้ค้นหากระซิบฝากคำรัก  ดินเนอร์ของอาเคจิในคืนวันอาทิตย์แบบนี้คงให้บรรยากาศใกล้เคียงกัน  แต่ต่างเล็กน้อยก็ตรงที่ร้านนี้ไม่มีเปียโน คู่เดทฝ่ายหญิงไม่ใช่ฮิมิโกะ  และอาเคจิไม่ต้องการกระซิบบอกอะไรหล่อนทั้งนั้น

     ส่วนคู่รักที่มาขอแต่งงานคงต้องดัดแปลงสักหน่อย  เป็นเด็กสาวที่ชวนเพื่อนสนิทมาทานอาหารพร้อมกันในร้านหรูแบบนี้  แล้วอ้างว่าฉลองด้วยสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ อย่างการผ่านสอบย่อยไปได้ด้วยดี  ซึ่งมุมโต๊ะจะเป็นจุดมุมอับพอดี  แต่กลับมีวิสัยทัศน์ที่ดีอย่างเหลือเชื่อต่อโต๊ะที่ชายหญิงคู่นั้นนั่งด้วยกัน

     ความคิดเห็นของซาโต้ คาโต้ สำหรับแผนการในคราวนี้คือ...เขารู้มานานแล้วล่ะ  ว่าฮิมิโกะไม่ได้ใสซื่ออย่างแสดงออกหรอก  และดูเหมือนคนที่ยังไม่รู้คือเจ้ามือรับเลี้ยงคราวนี้อย่างมิยารุโนะนี่แหละ

     เด็กหนุ่มหน้าหวานถูกจัดให้นั่งประจันหน้าไปทางนั้นพอดี  บอกได้เลยว่าเขาไม่รู้เมนูอะไรสักอย่างในร้านนี้พอๆ กับกัลยาณมิตรทั้งสองที่ทำหน้าเหมือนเห็นเมนูเป็นสอบย่อยเมื่อกลางวัน  แถมยังต้องนั่งทานไป  เงยหน้าขึ้นมาก็เจอคนคู่นั้นไปอีก  ขอร้องเลย...เขาเอียนหน้าเรื่อยๆ ไม่สนใจใครของชายหนุ่มมามากพอแล้ว  และกำลังวางแผนจะแจ้งความเพราะโดนผู้หญิงคนหนึ่งสตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมา

     สตอล์กเกอร์อย่างตรงไปตรงมาเป็นอย่างไรน่ะรึ?  ก็จำพวกเดินตามเอาดื้อๆ น่ะสิ!

     ซาโต้ คาโต้ เห็นใจเพื่อนสนิทเป็นกำลัง  เสียงโหวตของเขาอยู่แกนกลางเสมอ  ถ้าย้ายร้านเอาตอนนี้อย่างไม่สนใจบริกรหน้าเรียบเฉยที่ยืนรออยู่ก็ได้  แต่ไหนเลยเด็กสาวผมยาวลอนจะยอมล่ะ?  นี่มันสงครามแห่งการสร้างความเข้าใจผิดแก่ตัวเอกแบบที่นางอิจฉาทั้งหลายในเรื่องพึงกระทำชัดๆ  บางทีฮิมิโกะอาจจะโดนผู้หญิงคนนั้นหลอกใช้อยู่ก็ได้  เคยดูตัวกันแถมสองบ้านก็สนับสนุน  เท่ากับดินเนอร์ครั้งนี้เข้าทางสุดๆ ไม่ใช่รึ  หรือว่าเพื่อแยกคนที่ตัวเองชอบกับผู้อำนวยการแล้ว  ถึงจะโดนหลอกก็ไม่เป็นไรสินะ

     ซาโต้ คาโต้ อาจเป็นเด็กหนุ่มที่จัดอยู่ในตัวรองแสนดีผู้ช้ำรัก  แต่ก็คุ้นเคยกับแผนการจำพวกนี้จนตนเองยังแอบประหลาดใจ  งั้นในอนาคตข้างหน้าเขาจะโดนความชอกช้ำกระหน่ำจนกลายเป็นตัวละครประเภทวางแผนร้ายเพื่อรักบ้างไหมนะ?  แต่ความชอกช้ำที่ว่าก็ไม่ได้เกิดขึ้นหนักหน่วงขนาดนั้นหรอก

     ว่าแต่...จากความน่าอึดอัดใจที่โดนชวนมาร่วมมื้อค่ำทำลายความรักเพื่อนแบบนี้  เขาควรหยิบการ์ตูนในกระเป๋าขึ้นมาอ่านเอาดื้อๆ ดีไหมนะ  เพราะภาษาอังกฤษในเมนูมันดูเหมือนภาษาฝรั่งเศสชอบกล

     ฮิมิโกะส่งยิ้มแหยแก่บริกรที่น่าจะเหน็บกินขาได้สองสามนาทีแล้ว  “ขอเลือกเมนูครู่หนึ่งแล้วกันนะคะ”

     สองหนุ่มหน่อถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงเมื่อไร้คนยืนจดคอยกดดัน

     มิยารุโนะมองคู่เดทโต๊ะทางนู้นด้วยสายตาเคืองแค้น  ทั้งอาหารที่ทำมาจากไก่ทั้งตัวแล้วก็ซุปนั่นมันเรียกว่าอะไรกันนะ!  ขืนอยู่ไปอย่างนี้ดีแต่จะขายหน้า  สู้เดินออกไปดื้อๆ เสียดีกว่า!  “เปลี่ยนที่ใหม่แล้วกัน  เป็นฟาสต์ฟู้ดกินง่ายๆ ยิ่งดี  เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”

     ฮิมิโกะน้ำตาซึมทันทีที่เห็นภาพตรงหน้าของเด็กหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเจ็บปวดจนทนไม่ไหว

     ในตอนนั้นเองที่อาเคจิเดินออกมาจากโต๊ะและประสานสายตากับเด็กหนุ่มพอดิบพอดี

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา