Extinction Wars สัญญาครั้งนั้น...จะเริ่มกันเลยไหม
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.14 น.
แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ละอองวารี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะกระชากปลอกคอจนขาดกระจุยแบบนั้นน่ะ... เพราะเจ้าหนุ่มนั่นหรือเปล่า"
เมื่อได้รับรู้ถึงทางเลือกที่สาวน้อยค้นพบเพื่อจะก้าวเดินไปด้วยตัวเองแล้ว ปิศาจผู้ใช้แมลงวันก็เปลี่ยนจากใช้แมลงไปเป็นการสร้างพลังความมืดขึ้นที่ฝ่ามือ ก่อนจะยิงกระสุนความมืดขนาดใหญ่ไปยังseiriผู้ทรยศที่เพิ่งเข้ามายังสนามรบอย่างไม่ลังเล
"ไอ้เรื่องแบบนั้น...ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันเล่า!!"
สคริวล่ารวบรวมพลังกายสร้างออร่าแสงขึ้นที่มือขวา ก่อนเงื้อแขนจะฟันผ่าพลังความมืดของปิศาจจนแยกเป็นสองท่อนไประเบิดที่พื้นด้านหลัง
"ฉันรู้แค่ว่า...นี่เป็นการตัดสินใจของฉันเอง!!"
คำพูดของเธอทำให้มิคาสะที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดกับการที่สคริวล่าย้ายมาเข้าร่วมฝ่ายเดียวกับเธออยู่นั้นเผยยิ้มออกมา เหมือนสิ่งที่ฮิซาชิต้องการส่งไปนั้นเข้าถึงจิตใจของสาวน้อยคนนั้นแล้ว...
"อ๋อเหรอ... สมแล้วที่ปล่อยให้ยังมีชีวิตอยู่นะ สมกับที่เป็นของเล่นของฉันจริงๆ!"
เจ้าปิศาจนั่นพูดอะไรของมัน... มันกำลังหมายถึงว่ามันปล่อยให้พวกสคริวล่ารวมทั้งพวกseiriยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ... แต่ตอนนี้เธอมีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ!!
สองคนที่อยู่ตรงหน้าขยับเป็นวงกลมรอดูท่าทีของกันและกัน ราวกับนักดาบระดับสูงที่กำลังวิเคราะห์ท่าทีของอีกฝ่ายอย่างละเอียดและเยือกเย็น ทั้งสองคนดูท่าทีกันอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเปิดฉากรุกเข้าหากันอย่างดุเดือด
"ไปตายซะ!!!!!!"
ทั้งสองคนเข้าแลกหมัดกันอย่างรุนแรง ด้วยพลังหมัดที่หนักหน่วงของทั้งสองฝ่าย...ทำให้เกิดแรงอัดกระแทกแผ่ออกจากจุดที่หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันเป็นวงกว้างจนพื้นดินบริเวณนั้นเกิดการอัดตัวลงไปด้านล่าง
"นี่มันแข็งแกร่งกว่าอควารอยด์ระดับแรกแล้วนะ!!"
มิคาสะถูกแรงลมปะทะเข้าอย่างหนักจนไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ ซึ่งถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว...สคริวล่ายังคงรุกไล่ปิศาจนั่นอย่างไม่หยุดหย่อน
ก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น..!!
"เส้นทางที่เลือกด้วยตัวเองงั้นเหรอ... ถ้างั้นก็รับไปเลยยัยหนู!!"
ปิศาจผู้เป็นเจ้านายเก่าปล่อยคลื่นความมืดใส่สคริวล่าจนมันกลืนกินเธอเอาไว้ทั้งตัว ภายในนั้นมีบางสิ่งยื่นออกมาพันธนาการแขนขารวมทั้งปีกของเธอจนไม่สามารถขยับได้
"ทีนี้...ก็จบกันซะทีนะ! เจ้าของเล่นไร้ค่า!!" ปิศาจนั่นพุ่งเข้าหาสคริวล่าที่ถูกตรึงไว้กับที่ คราวนี้อันตรายจริงๆแล้ว
"ปัดโธ่เว้ย!! นี่เป็นการตัดสินใจของฉันเองแท้ๆ!!!" สคริวล่าตะโกนอย่างเจ็บแค้น ในขณะที่ปิศาจตนนั้นกำลังยื่นมือมาจะควักลูกตาเธอไปเป็นของสะสม...
"อย่าลืมฉันสิฟะ! ไอ้กระเทยตุ้งตื้งนี่!!"
มิคาสะพุ่งเข้าไปชกหน้าปิศาจกระเทยตุ้งติ้งตนนั้นจนลอยห่างจากน้องสาวเธอ ก่อนจะยิงคลื่นแสงสีฟ้าสลายพันธนาการที่ผูกมัดสคริวล่าออก
"ขอบคุณนะคะ... พี่!"
"ถ้ามีเวลามาขอบคุณฉันละก็... มาวางแผนรับมือเจ้านั่นก่อนดีกว่าไหม!"
มิคาสะพูดถูก... ศัตรูคราวนี้แข็งแกร่งมากในระดับที่เกือบจะเทียบชั้นได้กับอาคาริแล้ว ถ้าเธอใช้วิธีสู้แบบต่างคนต่างสไตล์คงไม่มีโอกาสชนะได้แน่! มิคาสะจึงตัดสินใจที่จะเอาจริงในทันที...
"อควารอยด์รบประชิดตัว... เปิดโหมดสงครามได้!"
ทันทีที่เสียงของอควารอยด์ระดับ3ที่แข็งแกร่งกว่าน้องสาวนิดหน่อยสุดลง ปีกของมิคาสะก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีฟ้าอ่อนจากโคนปีกไปจนทั่วทั้งลำ ดวงตาของเธอเปลี่ยนจากสีน้ำเงินเข้มเป็นสีแดง และพลังของเธอเพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกได้...ราวกับเมื่อ5ปีที่แล้วไม่มีผิด!
แต่แทนที่ปิศาจตนนั้นจะรู้สึกกลัว มันกลับไม่มีท่าทีหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม...มันกลับจะยิ่งแสดงท่าทีดีใจออกมาด้วยซ้ำ ราวกับว่ามันรอเวลานี้มานานแล้ว...
"ไม่เลว..! ไม่เลวเลย!! ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับเมื่อ27ปีก่อนไม่มีผิดเลย!!"
เจ้าปิศาจนั่นหัวเราะชอบใจกับการที่มิคาสะเปิดโหมดสงคราม ในตอนนั้นเองที่ร่างกายของปิศาจตนนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละส่วนอย่างช้าๆ...และพลังในร่างของปิศาจตนนั้นก็ค่อยๆทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นจนเหนือกว่ามิคาสะที่ปลดปล่อยลิมิตพลังจนก้าวข้ามมันไปได้เมื่อสักครู่นี้เอง
"ทำให้ฉันรู้สึกดีหน่อยสิ! แบบที่พวกseiriพี่ๆของพวกแกเคยทำไงล่ะ!!"
"เดี๋ยวก่อน... แกรู้จักพวกพี่ๆของฉันได้ยังไง!!"
สคริวล่าเริ่มตะหงิดใจขึ้นมาบางอย่าง แต่คำตอบที่เธอได้ยินจากปากของมันตอนที่ใกล้จะเป็นร่างสมบูรณ์แล้วทำให้พวกเธอทั้งคู่เจ็บใจที่สุด
"ก็ฉันเองนี่แหละ! ที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกอควารอยด์อย่างแกไงล่ะ!!"
ได้ยินดังนั้น น้ำตาของทั้งคู่ก็เริ่มไหลออกมาคลอเบ้าทันที ถึงจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...แต่เรื่องแบบนี้มันไม่สมควรจะเอามาพูดเล่นๆเลยสักนิด!
"แต่จะว่าไป...พี่สาวพวกแกคนนึงนี่ก็เก่งจริงๆนะ! เล่นซะต้องรักษาร่างกายกันนานทีเดียว พวกแกพอจะเดาได้ไหมล่ะ...ว่ายัยนั่นคือใคร!"
ขณะนี้พวกเธอไม่ได้คิดหาคำตอบเรื่องนั้นแล้ว สิ่งที่พวกเธอคิดอยู่ขณะนี้มีแต่วิธีฆ่าอสุรกายตรงหน้าเท่านั้น!!
"แก...ไอ้สารเลว!!!!"
อควารอยด์ทั้งสองตนบุกเข้าหาอสุรกายที่เปลี่ยนร่างจากปิศาจอย่างเดือดแค้น เท่าที่ผ่านมานอกจากครั้งที่อาคาริสังหารหมู่เพื่อนๆของมิคาสะแล้ว...พวกเธอไม่เคยแค้นอะไรมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์... จงใจไว้ชีวิตให้พบกับความโดดเดี่ยว... เก็บมาเลี้ยงไว้เหมือนสัตว์เลี้ยง... ทรมานร่างกายและจิตใจเหมือนเป็นของเล่น... ปลูกเพาะความทรงจำที่ผิดพลาดจนต้องลงมือทำร้ายพรรคพวกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว...
ต่อให้ยกบุญคุณอะไรมาอ้างก็ไม่สามารถชำระบาปนี้ได้เด็ดขาด!!!!
ปิศาจตนนั้นเปลี่ยนร่างไปเป็นอสุรกายขนาดยักษ์ ส่วนลำตัวเป็นกระเปาะสีดำสนิท มีปากที่มีฟันขึ้นอย่างหนาแน่นและหนวดสีดำ8เส้นอยู่ตรงส่วนยอดของกระเปาะ มันส่งเสียงโหยหวนออกมาข่มขวัญพวกเธอ
"นี่น่ะเหรอ... ร่างจริงของนายเหนือหัวที่ฉันอยู่รับใช้มาตลอด... ปิศาจที่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกเรา...งั้นเหรอ..!!"
สคริวล่าเริ่มใจเสีย เธอตัวสั่นทรุดลงไปกับพื้นด้วยความกลัวและสำนึกผิด จนมิคาสะต้องยืนขวางระหว่างเธอกับมันเพื่อให้น้องสาวของเธอพอผ่อนคลายความเครียดลงได้บ้าง
"หึๆ! เป็นอะไรไป... รู้ความจริงแค่นี้ก็ตัวสั่นแล้วรึไง..! งั้นฉันจะบอกเรื่องเจ้านายของฉันให้พวกแกรู้อีกสักเรื่องไหมล่ะ..!? เจ้านายผู้บัญชาการพวกเรา...คนที่สามารถล้างเผ่าพันธุ์seiriอย่างพวกแกได้เกือบทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว...เขาคนนั้นก็คือ!"
"ฉันไม่อยากฟัง!!!!"
มิคาสะที่โกรธจัดจนไม่อยากที่จะเห็นแม้แต่เงาหัวของอสุรกายที่หลอกใช้น้องสาวของเธอให้ทำเรื่องชั่วร้ายในคราวนี้ถึงกับบุกเข้าหมายจะสังหารศัตรูตัวฉกาจของเธอให้ตายไปเลย เมื่อเห็นว่าสายตาของมิคาสะไม่อยู่ในสภาพที่จะตอบสนองต่อการโจมตีใดๆได้...อสุรกายร่างยักษ์จึงใช้หนวดพุ่งเข้าจู่โจมพวกเธอ มิคาสะที่ยังพอมีความรู้สึกอยู่บ้างก็รีบผลักสคริวล่าหลบไปด้านหลังอย่างรวดเร็วจนเธอล้มลงไป
หนวดของมันสะบัดกวาดพื้นป่าที่ห่างไปจากบริเวณต่อสู้นับสิบเมตรกว่าๆจนหักโค่นไปทั้งแถบ เหลือเพียงพื้นดินโล่งๆกับตอไม้ที่หักสะบั้นลงเท่านั้น...
มิคาสะได้จังหวะงามที่จะจู่โจมมัน เธอสร้างลูกบอลแสงสีฟ้าไว้ที่มือทั้งสองข้างที่กุมมันอยู่ แล้วปล่อยใส่มันรัวเป็นกระสุนปืนกลเข้าทำร้ายศัตรูของเธอจนเกิดควันคลุ้งโขมงไปทั่ว
แต่ก็ไร้ผล... อสุรกายคราเคนใช้หนวดของมันปัดป้องการโจมตีของเธอได้ทุกนัด ก่อนจะใช้หนวดที่เหลืออยู่5เส้นจู่โจมเธอ ซึ่งมิคาสะนั้นไม่ได้รวดเร็วเหมือนกับพวกเทอร์รารอยด์ที่สามารถหักหลบได้อย่างรวดเร็วจึงถูกมันสอยร่วงลงกับพื้น เธอไถลไปไกลมากจนเข้าเขตป่าตอไม้ไปเป็นระยะทางไกลมาก...
"อะไรกัน... ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!!"
"แกก็ปล่อยน้องสาวแกแล้วสู้สิ! มัวต่อสู้ไปปกป้องกันไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา..."
เมื่อได้ยินคำนี้จากปากของมัน มิคาสะก็ฉุนขาดทันที
"แกจะบ้ารึไง!! ฉันไม่มีวันทิ้งน้องสาวที่สู้ไม่ได้ไว้ตามยถากรรมหรอก!!"
"แกนั่นแหละที่บ้า... ทำไมต้องปกป้องกันและกันด้วย..! แบบนั้นจะทำให้แกตายโดยไม่รู้ตัวนะ!"
อสุรกายหมึกกระดองนั่นอ้าปากออก พลันปรากฏปิศาจจำนวนมากขึ้นภายในปากของมัน... แต่ละตัวดูแข็งแกร่งทั้งนั้น! มิคาสะรู้ตัวดีว่าต่อให้เธอรีบลุกขึ้นแล้วบินไปหาสคริวล่าด้วยความเร็วสูงสุดก็ไม่มีทางปกป้องเธอจากปิศาจที่แข็งแกร่งพวกนั้นได้ เธอจึงใช้วิธีสุดท้ายในการปกป้องน้องสาวของเธอ...
"เฮ้ย! ยัยบ้านี่!! จะมานั่งตัวสั่นอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหนกัน!! รีบๆลุกขึ้นมาช่วยสู้กับเจ้าเอวพริ้วนั่นหน่อยเซ่!!!"
ไม่เป็นผล... สคริวล่ายังคงตัวสั่นอยู่อย่างนั้น มิคาสะจึงต้องหันไปใช้วิธีต่อสู้ระยะกับปิศาจจำนวนมหาศาลที่กระโจนเข้ามาหาน้องสาวของเธออย่างสุดกำลังเพื่อถ่วงเวลาจนกว่าเธอจะไปถึง
แต่เพราะจำนวนคู่ต่อสู้ที่เยอะเกินไปจึงทำให้มิคาสะเริ่มเหนื่อยกับการต่อสู้ที่ไม่จบไม่สิ้นเสียที เธอออกอาการเหนื่อยอย่างหนักจนลุกไม่ขึ้น
"ทีนี้...ตายไปซะ! ทั้งคู่นั่นแหละ!!"
กลุ่มปิศาจจำนวนมหาศาลกระโจนเข้ามาหมายจะปลอดชีพของseiriทั้งสองคน มิคาสะจึงหลับตาแน่นเตรียมรับความเจ็บปวดที่จะตามมา เธอทำได้เพียงเอามือจับแขนสคริวล่าเตรียมเหวี่ยงออกไปห่างๆ...
แต่ทันทีที่ปิศาจกลุ่มใหญ่จะเข้าทำร้ายเธอ ก็มีลำแสงสีขาวเข้าจู่โจมใส่ปิศาจกลุ่มนั้นจนสลายไปก่อนจะตรงเข้ามาอาบร่างของทั้งสองคนเอาไว้ ภายในลำแสงนั้นช่างรู้สึกดีจนอบอุ่นจริงๆ...
"ฉันไม่เคยบอกให้เธอถอดใจทั้งๆที่ลมหายใจยังไม่หมดนี่นา... ยัยบ้าพวกนี้นี่!!"
ทั้งสองคนหันไปยังต้นกำเนิดเสียง พวกเธอเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนต้นไม้ห่างจากพวกเธอไปไม่ไกล...
"กะ...แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง..!"
ปิศาจตนนั้นแสดงท่าทีประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มคนนั้นกำลังทำสายตาที่โกรธเคืองใส่... ถึงแม้การกระทำของมันจะทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกโกรธได้ง่ายๆอยู่แล้วก็ตาม
"ก็ร่างกายขนาดจัมโบ้ไซส์ของแกน่ะสังเกตได้ง่ายๆอยู่แล้ว... แถมก่อนหน้านี้ก็มีต้นไม้ลอยฟ้าอีก... ใครไม่รู้ก็โง่เต็มทนละ!"
ชายหนุ่มคนนั้นกระโดดเข้ามาหาสาวน้อยทั้งสองคน ก่อนจะใช้ประกายแสงรักษาบาดแผลให้พวกเธอ ทันทีที่เห็นเขา... สคริวล่าแล้วก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ทลายเขื่อนออกมาทันที
"ขอโทษจริงๆนะ..! ฮิซาชิ!!"
สาวน้อยเข้าไปกอดเอวเขาไว้แน่นมาก เธอร้องไห้ออกมาจนเสื้อของเขาเปื้อนน้ำจนชุ่มไปหมด
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ..! สคริวล่า... ไม่สิ! ฉันจะตั้งชื่อใหม่ให้เธอเอง...เป็นของขวัญที่เธอหลุดจาดวังวนสีดำนั่นได้ไงล่ะ!"
สคริวล่าเงยหน้าขึ้นมามองเขา เธอตั้งหน้าตั้งตารอฟังชื่อที่เขาจะมอบให้เธออย่างใจจดใจจ่อ...
"เอาล่ะ! ไปกันเถอะ... คิรุระ!" ฮิซาชิหันไปยังอสุรกายที่อยู่ด้านหลังเขาทันที พร้อมกับสายตาอันละเหี่ยใจของเพื่อนสนิทของเขาที่มองมายังแผ่นหลังของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอตลอดมา
เผียะ..!
"ให้ตายสิ... เซนส์ตั้งชื่อโคตรห่วยเลย!"
มิคาสะพูดขึ้นระหว่างที่ทำการรักษาให้กับโยโซระที่ยังคงหมดสติอยู่กับพื้นโดยที่ไม่เป็นจุดสนใจของปิศาจตนนั้นเลยแม้แต่น้อย... (มันน่าดีใจไหมเนี่ย..!)
"ฉันจะตั้งชื่อให้น้องสาวฉันเอง! เก็บชื่อเห่ยๆอะไรนั่นไปตั้งให้ลูกสาวของนายเถอะ!!"
"เอาล่ะ..! ไปบันทึกชื่อเจ้านั่นในบัยชีสัตว์สูญพันธุ์กันเลยเถอะ..."
มิคาสะเดินเข้าไปยืนข้างๆฮิซาชิที่เก๊กหล่อ(แป้กๆ)อยู่ตรงหน้า แล้วเรียกชื่อน้องสาวเธอด้วยชื่อใหม่ที่เธอเพิ่งจะคิดได้...เมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมา
"ชิบุกิ!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ