Extinction Wars สัญญาครั้งนั้น...จะเริ่มกันเลยไหม
5.7
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.14 น.
31 ตอน
3 วิจารณ์
33.37K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556 11.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
18) ความอบอุ่นที่เย็นเยือก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ไม่คิดจะไปช่วยหมอนั่นหน่อยเหรอ..."เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาจากแค็ปซูลที่บรรจุร่างกายของเธอเอาไว้ออกมาอย่างชัดเจน และนอกจากของเธอแล้วยังมีคนอื่นอีกสองคนอยู่ในแค็ปซูลรูปร่างเหมือนของเธอที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวหน้ากระดานราวกับโรงงานผลิตอาวุธชีวภาพในแบบที่มีให้เห็นในหนังวิทยาศาสตร์บางเรื่องไม่มีผิด และยิ่งประกอบกับการที่สาวน้อยคนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตดัดแปลงที่ถูกสร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์บางอย่างด้วยแล้ว... จึงพอเดาได้ไม่ยากว่าในขณะนี้ร่างกายของเธอกำลังถูกทำอะไรบ้างตรงหน้าสาวน้อยคนนั้นมีผู้หญิงผมดำกำลังทำอะไรบางอย่างเหมือนกำลังป้อนข้อมูลในคอมพิวเตอร์ยังไงยังงั้น ทันทีที่เธอได้ยินเสียงตอบรับแปลกๆจากภายในอุปกรณ์รักษาขั้นสูงที่เธอรอฟังมาตลอด5ปีที่ผ่านมานี้ สาวคนนั้นก็เบนสายตาจากแป้นพิมพ์ขึ้นมาคุยกับแองเจลอยด์ที่เพิ่งได้สติมาไม่นาน"ไม่ล่ะ! ฉันมีหน้าที่สำคัญกว่าต้องทำน่ะ..! ที่สำคัญอย่าเพิ่งขยับตัวนะ ร่างกายเธอเพิ่งจะกลับมาทำงานอีกครั้งในรอบ5ปีมานี้"สาวน้อยผมดำคนนั้นก้มหน้าก้มตาป้อนข้อมูลอะไรสักอย่างส่งเข้าไปเป็นสายผ่านสายโยงจากแป้นพิมพ์ไปยังแค็ปซูลที่พวกseiriกำลังหลับใหลอยู่ทีละแท่งๆ ซึ่งเป็นงานที่ลำบากและใช้เวลานานมาก ถึงขนาดที่เธอทำมากว่า5ปีแล้วยังไม่เสร็จสักที"แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนั้น...สองคนนั้นได้ตายจริงๆแน่! ถ้าหมอนั่นตายไปละก็เธอจะรับผิดชอบยังไง!!"สาวน้อยผมเขียวในแค็ปซูลเหลือบสายตาไปยังภาพ3มิติที่ฉายภาพการต่อสู้2ต่อ2ระหว่างพวกฮิซาชิกับไกอาราวกับถ่ายทอดสดมวยโลก ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าปะทะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ซึ่งการต่อสู้ที่แล้วๆมาระหว่างฮิซาชิกับพวกที่เธอเรียกว่า"ผู้นำมาซึ่งความวิบัติ"นั้นได้ผ่านสายตาที่จดจ่ออยู่กับการฟื้นฟูสภาพร่างกายของseiriทั้งสามคนที่ถูกเธอฆ่าตายเมื่อก่อนหน้านี้ทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องของชิบุกิก็ตาม...เพราะงั้นอาคาริจึงไม่เป็นห่วงการต่อสู้ของสองคนนั้นในครั้งนี้เท่าไหร่นัก...โดยเฉพาะชิบุกิที่วิวัฒนาการจนแข็งแกร่งกว่าเดิมมากเนื่องจากความรักที่เธอมีให้กับชายหนุ่มที่กำลังร่วมต่อสู้อยู่เคียงข้างเธอ"ไม่เอาล่ะ..! ฉันไม่มีวันลงไปช่วยเจ้านั่นเด็ดขาด!""แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปละก็..."สาวน้อยแองเจลอยด์ที่ดูการต่อสู้ของพวกเขาผ่านช่องกระจกทึบในแค็ปซูลเริ่มทำการประเคนหมัดใส่แค็ปซูลที่กั้นเธอจากอิสรภาพนั้น แต่ทุกอิริยาบถของเธอนั้นได้สร้างความเจ็บปวดกับร่างกายที่ยังฟื้นตัวไม่ดีพอของเธออย่างมาก..."เอ้าๆ..! ถ้าเธอไม่อยู่เฉยๆละก็ได้ตายอีกครั้งแน่...อยากจะไปเจอกับมิคาสะในโลกหน้าถึงขนาดนั้นเลยหรือไง!?"อาคาริพูดเชิงเหนื่อยใจกับพฤติกรรมอันไม่น่าให้อภัยของริกะที่พยายามออกไปต่อสู้ด้วยระดับพลังที่ห่างชั้นกันมากของพวกไกอาที่ทำร้ายเพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคน "ไม่เป็นไรหรอก! ขอแค่ให้หมอนั่นเข้าถึงพลังที่แท้จริงในตัวหมอนั่นได้... ระดับแค่ไกอาน่ะเทียบไม่ติดหรอก!""พลัง...ที่แท้จริงงั้นเหรอ..."ตอนนั้นเองอาคาริก็เดินกลับไปยังที่นั่งประจำของเธอโดยไม่คิดจะตอบคำถามใดๆของริกะเลย แต่ก่อนจะลงมือป้อนข้อมูลอีกครั้ง สาวน้อยก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับริกะราวกับต้องการระบายสิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอให้ออกมาสู่ภายนอกให้หมด
"ถ้าแสงจันทร์เปรียบเสมือนความอ่อนโยนที่สามารถให้อภัยและย้อมจิตใจที่โกรธแค้นให้เย็นลงได้ แล้วแสงตะวันเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งที่สามารถทำลายต้นตอของความโกรธแค้นให้หายไปได้... ร่างนี้ก็เปรียบเสมือนกับการรวมเอาสองสิ่งที่ไม่มีวันมาอยู่ในเวลาเดียวกันได้ให้เป็นหนึ่งเดียว""แสงรวมของดวงจันทราและดวงตะวัน... อีคลิปส์!!"
สาวน้อยผมดำที่ขณะนี้เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าแค็ปซูลยิ้มออกมาอย่างใจเย็น แต่คำพูดของเธอนั้นทำให้อดีตศัตรูของเธอฉงนใจเป็นอย่างมาก...ข้อแรก... พลังที่แท้จริงของฮิซาชินั้นเป็นยังไงกันแน่!? ที่ผ่านมาเธอก็เห็นฮิซาชิเอาจริงในการต่อสู้กับเหล่าseiriรุ่นที่สองจนเกือบจะถูกฆ่าตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...และอีกข้อ... อาคาริรู้ระดับพลังและขีดความสามารถของพวกไกอาได้ยังไง!? ทั้งๆที่เธอก็เพิ่งจะเห็นไกอาเพียงผ่านหน้าจอแค่สองครั้งเท่านั้น...และเธอไม่เคยต่อสู้กับไกอาเลยแม้แต่ครั้งเดียว....................................................................กลับมายังการต่อสู้ของฮิซาชิกับชิบุกิปะทะไกอา เหล่าผู้ต่อต้านทั้งสองคนอ่อนแรงลงมากจากอาการเจ็บปวดและความอ่อนล้า ทำให้การโจมตีของทั้งคู่อ่อนพลังลงมาก.... ซึ่งกลายเป็นโอกาสให้พวกไกอาทั้งสองพลิกเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที"คิดว่าพลังของมนุษย์กับseiriจะเอาชนะพวกเราได้งั้นเหรอ... จะดูถูกกันเกินไปแล้ว!!"เหล่านางฟ้าปีกดำได้โอกาสสอยพวกเขาร่วงลงมายังพื้น แต่เมื่อพวกเธอตามลงมาซ้ำนั่นเอง ฮิซาชิก็ยิงลำแสงเพลิงสกัดจนทำให้พวกเธอต้องถอยออกไป"ปัดโธ่เอ๊ย! อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ..!!"การต่อสู้ของพวกเขานั้น ฮิซาชิพยายามจำกัดวงให้เหลือแคบที่สุดเพื่อให้ประชาชนที่ยังตกค้างอยู่ได้มีโอกาสหนีไปให้ไกลที่สุด นอกจากนี้ยังเพื่อไม่ให้พวกไกอาคนอื่นๆรู้ตัวและตามมาสมทบอีกด้วย ทำให้ศึกครั้งนี้หนักมากสำหรับพวกฮิซาชิที่เหมือนมีโซ่ตรวนติดลูกตุ้มคอยถ่วงพวกเขาอยู่จนต่อสู้ได้ลำบาก และอย่างที่บอกไป... อาการบาดเจ็บที่พวกไกอาฝากไว้บนร่างพวกเขายังฉีกทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นอีกด้วยและสถานการณ์ยังแย่ลงไปอีก เมื่อพวกไกอาที่ออกไล่ล่าพวกมนุษย์ในเมืองทยอยสลายกำลังออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกมันกำลังแห่มาที่ฐานกำลังทหารอากาศที่พวกฮิซาชิอยู่นั่นเอง พวกมันเข้าล้อมไว้ทุกทิศทางจนแม้แต่ท้องฟ้าก็ถูกควบคุมเอาไว้ใต้กำมือของพวกมัน"ทีนี้พวกแกก็ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้วล่ะ คราวนี้ถึงคิวตายของพวกแกแล้วล่ะ!"พวกมันชาร์จพลังเตรียมปล่อยออกมารวดเดียวเพื่อปิดเกมอันแสนยาวนานนี้ลง แต่ก็มีไกอาคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง ราวกับว่าเะอสามารถปลิดลมหายใจของทั้งสองคนได้เมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ"ก่อนพวกแกจะตาย ฉันขอถามอะไรหน่อย... ทำไมพวกแกถึงต่อสู้กับพวกเราโดยไม่เกรงกลัวความตายเลยล่ะ! การแส่หาที่ตายมันไม่ใช่แนวคิดของสิ่งมีชีวิตมีสมองอย่างมนุษย์ไม่ใช่รึไง..."เมื่อได้ยินดังนั้นฮิซาชิก็มีคำตอบผุดขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะเป็นคำตอบที่ซ้ำซากก็ตามทีเถอะ..."เพราะพวกเราจะต่อสู้จนกว่าจะถึงที่สุด... จนกว่าจะตายกันไปข้าง! เพื่อคนที่ยังมีความหวังอยู่น่ะสิ!!"ทันทีที่ฮิซาชิพูดจบ ชิบุกิก็เข้าแทรกบทสนทนาระหว่างไกอากับฮิซาชิอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป...เธอก็จะไม่ได้พูดอีกต่อไปแล้ว"ฮิซาชิ..! เมื่อก่อนนี้ฉันเคยหมดซึ่งความหวังจนจิตใจเกิดหลุมใหญ่ขึ้นมา ทำให้ฉันหลงเดินทางผิดเข้าไปสวามิภักดิ์กับพวกมัน... แต่เพราะมีนายอยู่ นายทำให้หลุมในใจของฉันถูกเติมเต็มขึ้นมา นายช่วยดึงฉันขึ้นมาจากความมืดมิดไร้ก้นอันนั้นได้ แต่เพราะนาย...ทำให้ฉันตกลงไปในหลุมยักษ์อีกแห่งนึงแทน"ฮิซาชิเริ่มใจเสีย... ดูเหมือนว่าการที่เขาปล่อยให้มิคาสะตายไปต่อหน้าต่อตานั้นจะได้ไปเปิดหลุมขนาดใหญ่ในจิตใจขิงชิบุกิเข้าซะแล้ว"ฉันเอง...ก็ตกหลุมรักนายเข้าแล้วเหมือนกัน... ฮิซาชิคุง"หลังจากที่ได้ยินคำสารภาพรักสายฟ้าแลบของชิบุกิเข้าไป ทำให้ทั้งไกอาและฮิซาชิอึ้งไปเหมือนกัน เพราะคงไม่มีใครที่จะกล้าขนาดสารภาพรักกับใครในระหว่างที่กำลังอยู่ในช่วงการต่อสู้ที่หากพลาดพลั้งไปเพียงชั่วพริบตาเดียวก็สามารถถูกอีกฝ่ายฆ่าตายได้ในเวลาอันรวดเร็ว"ฉันไม่เข้าใจ... เพื่อเรื่องแค่นี้ทำให้พวกแกต้องยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องคนอื่นเลยรึไง"ไกอาคนนั้นหันไปมองร่างอันเกือบจะเปลือยเปล่าและไร้วิญญาณของมิคาสะที่นอนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีเขียวแก่ที่ชิบุกิเอามาคลุมให้ ก่อนจะหันกลับมายังพวกฮิซาชิอีกทีด้วยสายตาที่เหมือนกับไม่เข้าใจในสิ่งที่ชิบุกิพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งในระหว่างนั้นเอง...สาวน้อยคนนั้นก็มีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว"แน่นอนสิ..!""เพราะเมื่อก่อนนี้ฉันไม่มีใครสักคนมาเหลียวแล แต่ตอนนี้ฉันมีแล้ว! เพราะงั้นฉันถึงอยากจะปกป้องพวกเขาที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของฉันให้ยังไงล่ะ!! ถ้าเพื่อเรื่องแค่นั้น...ชีวิตฉันอยากได้เท่าไหร่ก็เอาไป!!!"คนที่ตอบคำถามนี้ไม่ใช่ใครอื่นได้เลยหากไม่ใช่...ฮิซาชิอธิบายใส่ไกอาอย่างยาวจนทำให้เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นมานิดหน่อย และเขาก็ยังพล่ามต่ออีกสักหน่อย โดยหวังว่าพวกเธอจะยอมฟังสิ่งที่เขาจะพูดจนจบ"แล้วก็นะ..! ตั้งแต่ที่ฉันได้รู้จักกับยัยพวกนี้ ฉันก็ได้เรียนรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของความแข็งแกร่ง ความอ่อนโยน และรวมทั้ง...ความกล้าหาญด้วย!!!"แต่แสงอาทิตย์ไม่เคยรอคลื่นนิวทริโน่ ไกอาทั้งสิบคนที่กำลังล้อมกรอบฮิซาชิและชิบุกิอยู่ได้ทำการสาดลำแสงสังหารใส่พวกเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่กับพื้นทันที แสงที่เปล่งออกมาจากคลื่นโจมตีนั้นทำให้ตาของทั้งสองคนเห็นแต่แสงสว่างจ้าเท่านั้น แล้วก็...ตูมมมมมมมมมมมม!!!!มมมมม!!ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ชิบุกิไม่รู้สึกเจ็บหรืออะไรเลย เธอสัมผัสได้เพียงแรงลมที่แผ่กระจายออกมาจากอะไรบางอย่างที่ถูกนำมาใช้เป็นเกราะป้องกันร่างกายของเธอจากแรงระเบิดเท่านั้น และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมา...เธอก็ต้องพบกับเรื่องที่เธอไม่คาดฝันว่าจะได้เห็นอีกแล้ว!
"ฮิซาชิ... นี่นาย..."สายตาเธอส่องไปถูกแผ่นหลังของเขาทันทีที่ลืมตาขึ้น แต่คราวนี้เขาไม่ได้ถูกไกอาเล่นงานเหมือนตอนมิคาสะ บาดแผลบนร่างของเขาเริ่มฟื้นตัวทีละนิดราวกับโปรแกรมวิวัฒนาการของseiriได้ถูกเปิดใช้งานในร่างของมนุษย์... ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วรอบตัวของทั้งคู่มีม่านแสงสีฟ้าอ่อนครอบพวกเขาเอาไว้จากความรู้สึกกดดันจากการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งนับสิบ ม่านนั้นได้ขยายตัวออกจนป้องกันการโจมตีของไกอาได้หมด ทันใดนั้นก็มีแสงสีส้มและฟ้าค่อยๆเข้ามาผสานเข้ากับร่างของฮิซาชิ ก่อนที่ชุดสีส้มของร่างโคโรน่าจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน มีแถบสีแดงค่อยๆแทรกขึ้นมาบนเนื้อผ้าก่อนจะวาดเป็นลายคล้ายๆตัววีกลับหัวยาวจากช่วงเอวถึงช่องอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของชายหนุ่มคนนั้น...แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ ฮิซาชิรู้เพียงอย่างเดียวก็คือ... ระดับพลังของเขานั้นสูงขึ้นมาจนเหนือกว่าไกอาไปไกลแล้ว!!"นั่นมัน...อะไรกันน่ะ..!".........................................................."นั่นแหละ!! คราวนี้พวกไกอาเสร็จฮิซาชิคุงแน่!!" หลังจากที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับฮิซาชิผ่านภาพโฮโลแกรมที่ฉายเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่างพวกเขาแล้ว อาคาริก็เผลอหลุดออกมาอย่างลืมตัวเสียงดังมาก"อะไรๆ! อะไรเหรอ!!" คราวนี้ริกะที่กำลังรักษาตัวอยู่ในแค็ปซูลก็สงสัยตะโกนถามออกมาบ้าง อาคาริจึงรีบวิ่งมาอธิบายให้สาวน้อยได้รู้ในเรื่องที่เธอรู้ด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น"นั่นแหละที่ฉันพูดถึงล่ะ!""ร่างรวมของพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของฮิซาชิคุง... อีคลิปส์โหมด!!!""เอาล่ะ! จะเริ่มกันได้หรือยัง!" ฮิซาชิในร่างอีคลิปส์ย่างเท้าเข้าหาพวกไกอาที่ได้แต่ยืนดูเขาอย่างทำอะไรไม่เป็น อิริยาบทอันเป็นอิสระของชายหนุ่มราวกับว่าบาดแผลตามร่างกายและความเหนื่อยล้าภายนร่างจะเลือนหายไปหมดแล้ว... เหลือแต่เพียงพลกำลังอันมหาศาลและเรี่ยวแรงที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับคู่ต่อสู้ได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่รามือลงเลยทั้งสัปดาห์"จัดการพวกมันเลย! ฮิซาชิคุง!!" ชิบุกิทำได้เพียงตะโกนเชียร์ชายหนุ่มตรงหน้าเธอเพราะเธอไม่มีแรงเหลือพอจะต่อสู้กับพวกไกอาที่แข็งแกร่งพอๆกันได้อีกแล้ว"ถ้าพวกเธอไม่บุกเข้ามา... ฉันบุกเข้าไปเองก็ได้!!"พูดจบฮิซาชิก็วิ่งเข้าไปหาพวกไกอาที่ตั้งท่าเตรียมจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นจากเดิมมากเพื่อเตรียมปิดบัญชีอย่างรวดเร็ว ทุกก้าวที่ฮิซาชิจรดฝ่าเท้าลงไปบนพื้นนั้นเปี่ยมด้วยความหนักแน่นจนมีเศษดินกระเด็นขึ้นตามมาด้วย ทั้งฮิซาชิและไกอาเค้นเสียงจากลำคอเพื่อเร่งเร้าพลังจากภายในให้แล่นไหลออกมาภายนอกอย่างเต็มที่...เพื่อที่จะจัดการคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถอภัยให้ได้โดยเร็วที่สุดก่อนที่จะมีใครได้รับลูกหลงจากการต่อสู้ครั้งนี้อีก ซึ่งก็มีเพียงชิบุกิกับร่างของพี่สาวที่เอาตัวเข้ามาปกป้องพวกเขาไว้เท่านั้นเอง!
"ถ้าแสงจันทร์เปรียบเสมือนความอ่อนโยนที่สามารถให้อภัยและย้อมจิตใจที่โกรธแค้นให้เย็นลงได้ แล้วแสงตะวันเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งที่สามารถทำลายต้นตอของความโกรธแค้นให้หายไปได้... ร่างนี้ก็เปรียบเสมือนกับการรวมเอาสองสิ่งที่ไม่มีวันมาอยู่ในเวลาเดียวกันได้ให้เป็นหนึ่งเดียว""แสงรวมของดวงจันทราและดวงตะวัน... อีคลิปส์!!"
สาวน้อยผมดำที่ขณะนี้เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าแค็ปซูลยิ้มออกมาอย่างใจเย็น แต่คำพูดของเธอนั้นทำให้อดีตศัตรูของเธอฉงนใจเป็นอย่างมาก...ข้อแรก... พลังที่แท้จริงของฮิซาชินั้นเป็นยังไงกันแน่!? ที่ผ่านมาเธอก็เห็นฮิซาชิเอาจริงในการต่อสู้กับเหล่าseiriรุ่นที่สองจนเกือบจะถูกฆ่าตายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...และอีกข้อ... อาคาริรู้ระดับพลังและขีดความสามารถของพวกไกอาได้ยังไง!? ทั้งๆที่เธอก็เพิ่งจะเห็นไกอาเพียงผ่านหน้าจอแค่สองครั้งเท่านั้น...และเธอไม่เคยต่อสู้กับไกอาเลยแม้แต่ครั้งเดียว....................................................................กลับมายังการต่อสู้ของฮิซาชิกับชิบุกิปะทะไกอา เหล่าผู้ต่อต้านทั้งสองคนอ่อนแรงลงมากจากอาการเจ็บปวดและความอ่อนล้า ทำให้การโจมตีของทั้งคู่อ่อนพลังลงมาก.... ซึ่งกลายเป็นโอกาสให้พวกไกอาทั้งสองพลิกเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที"คิดว่าพลังของมนุษย์กับseiriจะเอาชนะพวกเราได้งั้นเหรอ... จะดูถูกกันเกินไปแล้ว!!"เหล่านางฟ้าปีกดำได้โอกาสสอยพวกเขาร่วงลงมายังพื้น แต่เมื่อพวกเธอตามลงมาซ้ำนั่นเอง ฮิซาชิก็ยิงลำแสงเพลิงสกัดจนทำให้พวกเธอต้องถอยออกไป"ปัดโธ่เอ๊ย! อีกแค่นิดเดียวแท้ๆ..!!"การต่อสู้ของพวกเขานั้น ฮิซาชิพยายามจำกัดวงให้เหลือแคบที่สุดเพื่อให้ประชาชนที่ยังตกค้างอยู่ได้มีโอกาสหนีไปให้ไกลที่สุด นอกจากนี้ยังเพื่อไม่ให้พวกไกอาคนอื่นๆรู้ตัวและตามมาสมทบอีกด้วย ทำให้ศึกครั้งนี้หนักมากสำหรับพวกฮิซาชิที่เหมือนมีโซ่ตรวนติดลูกตุ้มคอยถ่วงพวกเขาอยู่จนต่อสู้ได้ลำบาก และอย่างที่บอกไป... อาการบาดเจ็บที่พวกไกอาฝากไว้บนร่างพวกเขายังฉีกทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นอีกด้วยและสถานการณ์ยังแย่ลงไปอีก เมื่อพวกไกอาที่ออกไล่ล่าพวกมนุษย์ในเมืองทยอยสลายกำลังออกไป ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกมันกำลังแห่มาที่ฐานกำลังทหารอากาศที่พวกฮิซาชิอยู่นั่นเอง พวกมันเข้าล้อมไว้ทุกทิศทางจนแม้แต่ท้องฟ้าก็ถูกควบคุมเอาไว้ใต้กำมือของพวกมัน"ทีนี้พวกแกก็ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้วล่ะ คราวนี้ถึงคิวตายของพวกแกแล้วล่ะ!"พวกมันชาร์จพลังเตรียมปล่อยออกมารวดเดียวเพื่อปิดเกมอันแสนยาวนานนี้ลง แต่ก็มีไกอาคนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง ราวกับว่าเะอสามารถปลิดลมหายใจของทั้งสองคนได้เมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ"ก่อนพวกแกจะตาย ฉันขอถามอะไรหน่อย... ทำไมพวกแกถึงต่อสู้กับพวกเราโดยไม่เกรงกลัวความตายเลยล่ะ! การแส่หาที่ตายมันไม่ใช่แนวคิดของสิ่งมีชีวิตมีสมองอย่างมนุษย์ไม่ใช่รึไง..."เมื่อได้ยินดังนั้นฮิซาชิก็มีคำตอบผุดขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะเป็นคำตอบที่ซ้ำซากก็ตามทีเถอะ..."เพราะพวกเราจะต่อสู้จนกว่าจะถึงที่สุด... จนกว่าจะตายกันไปข้าง! เพื่อคนที่ยังมีความหวังอยู่น่ะสิ!!"ทันทีที่ฮิซาชิพูดจบ ชิบุกิก็เข้าแทรกบทสนทนาระหว่างไกอากับฮิซาชิอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไป...เธอก็จะไม่ได้พูดอีกต่อไปแล้ว"ฮิซาชิ..! เมื่อก่อนนี้ฉันเคยหมดซึ่งความหวังจนจิตใจเกิดหลุมใหญ่ขึ้นมา ทำให้ฉันหลงเดินทางผิดเข้าไปสวามิภักดิ์กับพวกมัน... แต่เพราะมีนายอยู่ นายทำให้หลุมในใจของฉันถูกเติมเต็มขึ้นมา นายช่วยดึงฉันขึ้นมาจากความมืดมิดไร้ก้นอันนั้นได้ แต่เพราะนาย...ทำให้ฉันตกลงไปในหลุมยักษ์อีกแห่งนึงแทน"ฮิซาชิเริ่มใจเสีย... ดูเหมือนว่าการที่เขาปล่อยให้มิคาสะตายไปต่อหน้าต่อตานั้นจะได้ไปเปิดหลุมขนาดใหญ่ในจิตใจขิงชิบุกิเข้าซะแล้ว"ฉันเอง...ก็ตกหลุมรักนายเข้าแล้วเหมือนกัน... ฮิซาชิคุง"หลังจากที่ได้ยินคำสารภาพรักสายฟ้าแลบของชิบุกิเข้าไป ทำให้ทั้งไกอาและฮิซาชิอึ้งไปเหมือนกัน เพราะคงไม่มีใครที่จะกล้าขนาดสารภาพรักกับใครในระหว่างที่กำลังอยู่ในช่วงการต่อสู้ที่หากพลาดพลั้งไปเพียงชั่วพริบตาเดียวก็สามารถถูกอีกฝ่ายฆ่าตายได้ในเวลาอันรวดเร็ว"ฉันไม่เข้าใจ... เพื่อเรื่องแค่นี้ทำให้พวกแกต้องยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องคนอื่นเลยรึไง"ไกอาคนนั้นหันไปมองร่างอันเกือบจะเปลือยเปล่าและไร้วิญญาณของมิคาสะที่นอนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีเขียวแก่ที่ชิบุกิเอามาคลุมให้ ก่อนจะหันกลับมายังพวกฮิซาชิอีกทีด้วยสายตาที่เหมือนกับไม่เข้าใจในสิ่งที่ชิบุกิพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งในระหว่างนั้นเอง...สาวน้อยคนนั้นก็มีคำตอบอยู่ในใจเรียบร้อยแล้ว"แน่นอนสิ..!""เพราะเมื่อก่อนนี้ฉันไม่มีใครสักคนมาเหลียวแล แต่ตอนนี้ฉันมีแล้ว! เพราะงั้นฉันถึงอยากจะปกป้องพวกเขาที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของฉันให้ยังไงล่ะ!! ถ้าเพื่อเรื่องแค่นั้น...ชีวิตฉันอยากได้เท่าไหร่ก็เอาไป!!!"คนที่ตอบคำถามนี้ไม่ใช่ใครอื่นได้เลยหากไม่ใช่...ฮิซาชิอธิบายใส่ไกอาอย่างยาวจนทำให้เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นมานิดหน่อย และเขาก็ยังพล่ามต่ออีกสักหน่อย โดยหวังว่าพวกเธอจะยอมฟังสิ่งที่เขาจะพูดจนจบ"แล้วก็นะ..! ตั้งแต่ที่ฉันได้รู้จักกับยัยพวกนี้ ฉันก็ได้เรียนรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของความแข็งแกร่ง ความอ่อนโยน และรวมทั้ง...ความกล้าหาญด้วย!!!"แต่แสงอาทิตย์ไม่เคยรอคลื่นนิวทริโน่ ไกอาทั้งสิบคนที่กำลังล้อมกรอบฮิซาชิและชิบุกิอยู่ได้ทำการสาดลำแสงสังหารใส่พวกเขาทั้งสองคนที่ยืนอยู่กับพื้นทันที แสงที่เปล่งออกมาจากคลื่นโจมตีนั้นทำให้ตาของทั้งสองคนเห็นแต่แสงสว่างจ้าเท่านั้น แล้วก็...ตูมมมมมมมมมมมม!!!!มมมมม!!ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... ชิบุกิไม่รู้สึกเจ็บหรืออะไรเลย เธอสัมผัสได้เพียงแรงลมที่แผ่กระจายออกมาจากอะไรบางอย่างที่ถูกนำมาใช้เป็นเกราะป้องกันร่างกายของเธอจากแรงระเบิดเท่านั้น และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมา...เธอก็ต้องพบกับเรื่องที่เธอไม่คาดฝันว่าจะได้เห็นอีกแล้ว!
"ฮิซาชิ... นี่นาย..."สายตาเธอส่องไปถูกแผ่นหลังของเขาทันทีที่ลืมตาขึ้น แต่คราวนี้เขาไม่ได้ถูกไกอาเล่นงานเหมือนตอนมิคาสะ บาดแผลบนร่างของเขาเริ่มฟื้นตัวทีละนิดราวกับโปรแกรมวิวัฒนาการของseiriได้ถูกเปิดใช้งานในร่างของมนุษย์... ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วรอบตัวของทั้งคู่มีม่านแสงสีฟ้าอ่อนครอบพวกเขาเอาไว้จากความรู้สึกกดดันจากการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งนับสิบ ม่านนั้นได้ขยายตัวออกจนป้องกันการโจมตีของไกอาได้หมด ทันใดนั้นก็มีแสงสีส้มและฟ้าค่อยๆเข้ามาผสานเข้ากับร่างของฮิซาชิ ก่อนที่ชุดสีส้มของร่างโคโรน่าจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน มีแถบสีแดงค่อยๆแทรกขึ้นมาบนเนื้อผ้าก่อนจะวาดเป็นลายคล้ายๆตัววีกลับหัวยาวจากช่วงเอวถึงช่องอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของชายหนุ่มคนนั้น...แม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ ฮิซาชิรู้เพียงอย่างเดียวก็คือ... ระดับพลังของเขานั้นสูงขึ้นมาจนเหนือกว่าไกอาไปไกลแล้ว!!"นั่นมัน...อะไรกันน่ะ..!".........................................................."นั่นแหละ!! คราวนี้พวกไกอาเสร็จฮิซาชิคุงแน่!!" หลังจากที่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับฮิซาชิผ่านภาพโฮโลแกรมที่ฉายเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่างพวกเขาแล้ว อาคาริก็เผลอหลุดออกมาอย่างลืมตัวเสียงดังมาก"อะไรๆ! อะไรเหรอ!!" คราวนี้ริกะที่กำลังรักษาตัวอยู่ในแค็ปซูลก็สงสัยตะโกนถามออกมาบ้าง อาคาริจึงรีบวิ่งมาอธิบายให้สาวน้อยได้รู้ในเรื่องที่เธอรู้ด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น"นั่นแหละที่ฉันพูดถึงล่ะ!""ร่างรวมของพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของฮิซาชิคุง... อีคลิปส์โหมด!!!""เอาล่ะ! จะเริ่มกันได้หรือยัง!" ฮิซาชิในร่างอีคลิปส์ย่างเท้าเข้าหาพวกไกอาที่ได้แต่ยืนดูเขาอย่างทำอะไรไม่เป็น อิริยาบทอันเป็นอิสระของชายหนุ่มราวกับว่าบาดแผลตามร่างกายและความเหนื่อยล้าภายนร่างจะเลือนหายไปหมดแล้ว... เหลือแต่เพียงพลกำลังอันมหาศาลและเรี่ยวแรงที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับคู่ต่อสู้ได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่รามือลงเลยทั้งสัปดาห์"จัดการพวกมันเลย! ฮิซาชิคุง!!" ชิบุกิทำได้เพียงตะโกนเชียร์ชายหนุ่มตรงหน้าเธอเพราะเธอไม่มีแรงเหลือพอจะต่อสู้กับพวกไกอาที่แข็งแกร่งพอๆกันได้อีกแล้ว"ถ้าพวกเธอไม่บุกเข้ามา... ฉันบุกเข้าไปเองก็ได้!!"พูดจบฮิซาชิก็วิ่งเข้าไปหาพวกไกอาที่ตั้งท่าเตรียมจะต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นจากเดิมมากเพื่อเตรียมปิดบัญชีอย่างรวดเร็ว ทุกก้าวที่ฮิซาชิจรดฝ่าเท้าลงไปบนพื้นนั้นเปี่ยมด้วยความหนักแน่นจนมีเศษดินกระเด็นขึ้นตามมาด้วย ทั้งฮิซาชิและไกอาเค้นเสียงจากลำคอเพื่อเร่งเร้าพลังจากภายในให้แล่นไหลออกมาภายนอกอย่างเต็มที่...เพื่อที่จะจัดการคู่ต่อสู้ที่ไม่สามารถอภัยให้ได้โดยเร็วที่สุดก่อนที่จะมีใครได้รับลูกหลงจากการต่อสู้ครั้งนี้อีก ซึ่งก็มีเพียงชิบุกิกับร่างของพี่สาวที่เอาตัวเข้ามาปกป้องพวกเขาไว้เท่านั้นเอง!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ