รอยต่อแห่งฝัน

7.4

เขียนโดย candle

วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.36 น.

  11 ตอน
  31 วิจารณ์
  16.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 22.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

       คลับคล้ายมีม่านหมอกจางๆ ลอยวนอยู่ภายในบ้าน  สร้างความไม่สบายใจหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก  รอยยิ้มการหยอกเย้า  คำพูดเพียงน้อยคำกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้  ทำให้นิศายิ่งจมลึกกับความอ้างว้างเข้าไปอีก

 

       แพรวาคือครอบครัวของนิศาเพียงคนเดียวเท่านั้นไม่มีใครอื่นอีกแล้วที่หล่อนจะยอมรับ  เธอเป็นพี่สาวเป็นลูกของป้าที่นิศาแทบไม่รู้จักหน้าตา  น้อยครั้งที่ผู้เป็นป้าจะย่างกรายมาที่นี่จะมีก็ให้แพรวาออกไปพบหากลงมากรุงเทพฯ

 

       แล้วนี่มันอะไรกันหนอ  นิศาทำลายครอบครัวเพียงคนเดียวที่ยอมรับไปได้อย่างไร  รอยบาดหมางที่ไม่ได้ตั้งใจและหล่อนก็ไม่รู้จะแก้ไขมันยังไง  แพรวาจะรู้หรือไม่เล่าว่านิศาเองก็ลำบากใจไม่ใช่น้อย  ความสัมพันธ์ของเราระหว่างพี่น้องจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า

 

       หลายวันที่ผ่านมานิศาแทบไม่ได้ออกไปไหนหล่อนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลยเหมือนฟิวส์ขาด  หมกตัวอยู่กับบ้านบ่ายเบี่ยงงานที่พอจะปฏิเสธได้  แต่กลับไม่เป็นผลดีเลย  การอยู่กับตัวเองขณะไม่สบายใจกลับฉุดกระชากสู่ความเศร้าโศกยิ่งขึ้นไปอีก  มาคิดทบทวนดูหล่อนรู้สึกเศร้าใจกับสิ่งใดมากกว่ากันหนอ  ระหว่างความรักไม่สมหวังกับมิตรภาพระหว่างพี่น้องเริ่มสั่นคลอน 

 

       นิศามองตัวเองผ่านกระจก  นานแค่ไหนแล้วที่หล่อนไม่ได้ส่องดูตัวเองหมายถึงอย่างพินิจพิจารณา ‘หน้าตาฉันเป็นแบบนี้เองเหรอ’ มันดูหดหู่เหมือนไก่ป่วยไร้ซึ่งชีวิตชีวาอย่างที่ควรจะเป็น  เมื่อตอนอยู่กับเพื่อนความเศร้าในเรื่องความรักดูเป็นเรื่องไกลตัวออกไป  เหมือนเพื่อนเป็นเกราะคุ้มภัยให้หล่อน  ตอนนั้นมันไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาภายในใจหล่อนได้

 

       ยามอยู่ตามลำพังกลับแตกต่างไป  เจ้าสิ่งนั้นกลับแทรกซึมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า  ความคิดวนเวียนซ้ำซาก  ‘ทำไมอัฐไม่รักหล่อน’ ‘แล้วทำไมเขาต้องรัก’ ความนึกคิดค้าน  ระหว่างนิศากับแพรวาแล้วผู้ชายอย่างอัฐคงจะเลือกแพรวาไม่ใช่เรื่องแปลกเลย  ที่ผ่านมาเขาเพียงพึงใจแค่ได้พูดคุยด้วยก็เท่านั้นคลื่นที่ตรงกันในช่วงระยะเวลาหนึ่งหากไม่ตลอดไป  ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

 

       **

       **

 

       “องค์รักษ์ยังไม่มารับเหรอวันนี้  สายไปหน่อยนะ”  เอินถามเพื่อนผู้มีนามสกุลดังแห่งนครเชียงใหม่  แขวะไปถึงบุคคลที่สามหน่อยนึง  นึกไปถึงใบหน้าเฉยขรึมนั่นแล้วก็อดไม่ได้ 

       “พี่วินมีประชุมมาช้าหน่อยบอกว่าให้รอ  ไหมบอกว่าจะกลับเองก็ไม่ยอม”  ไหมแก้วพูดท่าทางเบื่อหน่าย

 

       เอินพยักหน้ารับรู้นั่งลงข้าง ๆ เพื่อน

 

       “คนเรานี่ก็แปลกนะ  มีรถมารับสบายๆ ไม่ชอบ”

       “เอินไม่เป็นไหม  เอินไม่รู้หรอก”  ไหมแก้วทำหน้าสลด

       “ไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย”  เอินปลอบโยนเพื่อนเห็นใจอยู่บ้างเหมือนกันที่ไหมแก้วตกอยู่ในฐานะคุณหนู  เด็กสาวแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้แบบว่านอกลู่นอกทาง  จากบ้าน-มหา’ลัย-กลับบ้าน มีคนคอยรับส่ง  ทั้งหมดนั่นก็เพราะเธอเป็นหลานสาวของ ‘สุทธิชล’ คุณยายทับทิมประมุขของสุทธิชลเก็บเด็กสาวไว้ในกรงทอง  เธอเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่และเป็นเด็กหัวอ่อนคงไม่กล้าทำการกบฏให้คุณยายได้เหนื่อยใจ

 

       ไหมแก้วถอนหายใจ

 

       “จบป.ตรีแล้วเอินจะเรียนต่ออีกรึเปล่า”

       “ไม่ล่ะ  กลับไปช่วยงานออยดีกว่า  เขาจะได้เหนื่อยน้อยลงหน่อย  เรามีกันอยู่สองคน  เขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเอินดูแลเอินมาอย่างดี”

       “น่าอิจฉา”  ไหมว่าแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่

       “อะไรกัน  ไหมน่ะสิน่าอิจฉา  ใครก็รู้ว่าสุทธิชลยิ่งใหญ่แค่ไหน”

       “บอกเอินให้ก็ได้  ไหมไม่ใช่สุทธิชลหรอก”  ไหมพูดเบาๆ

       “...............”

       “เรื่องมันย้าวยาวยังกับละครหลังข่าวภาคค่ำแนะ”  ไหมแก้วเหมือนจะล้อเลียนครอบครัวตัวเอง

       “ขนาดนั้นเชียว”  เอินหัวเราะให้กับสำนวนของเพื่อน

       “เล่าให้ฟังหน่อยสิ”  เอินหวังว่าการให้เพื่อนระบายมันออกมาบ้างคงช่วยได้ในระดับหนึ่ง

 

       ไหมมองหน้าเอินแล้วก็ยิ้ม  มันเป็นเรื่องแปลกที่สองคนเจอกันแล้วถูกชะตากันเหมือนคนคุ้นเคยตั้งแต่วันรับน้องขึ้นดอยฯ แล้วก็เลยกลายเป็นคู่ซี้กัน  คนหนึ่งผิวขาวราวกับหยวกส่วนอีกคนผิวสีเข้มหน้าตาคมบ่งบอกเอกลักษณ์สาวน้อยจากแดนใต้ 

 

       “เรื่องมันเริ่มตรงที่คุณลุงชานนท์  ลูกชายของตระกูลสุทธิชลเมื่อเรียนจบก็ไม่ยอมไปเรียนต่อต่างประเทศ  หรือว่ากลับไปช่วยงานทางบ้าน  เที่ยวเล่นเปียโนอยู่ตามโรงแรมในกรุงเทพฯ  จนได้พบรักกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นนักร้อง

 

       พอทางเชียงใหม่ทราบเรื่องเข้าก็ยื่นคำขาดให้เลิกคบกัน  อันที่จริงทางคุณยายคิดให้ลุงชานนท์แต่งงานกับหลานสาวของตัวเอง  เรียกว่าเป็นสูตรสำเร็จของคนมีเงินมั้ง”  ไหมแก้วหัวเราะ

 

       “ซึ่งหลานสาวคนนั้นก็คือแม่ของไหม  แต่ทั้งลุงทั้งแม่ก็ไม่คิดชอบพอกันแบบนั้น  แล้วแม่ก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย  ลุงชานนท์ก็ไม่ยอมทำตามคำสั่งคุณยายตัดขาดจากทางบ้าน  หาเลี้ยงชีพด้วยการเล่นเปียโน  นับว่าลุงชานนท์เป็นกบฏคนแรกของตระกูล

 

       คนต่อมาก็เป็นพี่แพรลูกสาวคนเดียวของคุณป้าเพียงพิศ  พี่สาวของลุงชานนท์  พี่แพรเลือกเป็นครูสอนในโรงเรียนอนุบาลแทนที่จะกลับมาบริหารงานของครอบครัว  และอีกอย่างคือไปอยู่กับพี่นิคุณป้ายิ่งเคืองใหญ่  แล้วก็ว่าเป็นเพราะพี่นิชักจูงเพราะไม่อยากให้พี่แพรได้ดิบได้ดี  อะไรทำนองนี้แหละ  เน่าไหมล่ะ”

 

       “นี่ยายไหม  ที่เธอเล่ามานี่ยังไม่เห็นมีตรงไหนจะเกี่ยวกับเธอเลย”

 

       ไหมแก้วหัวเราะคิกคัก

 

       “ก็บอกแล้วมันยาว  คอแห้งแล้วล่ะขอไปซื้อน้ำหน่อยนะ”

       “ไม่ต้อง  เอินบริการเอง”  ว่าแล้วก็รีบวิ่งจี๋จากไปทิ้งให้คนนั่งรอยิ้มน้อยๆ อยู่ลำพัง

 

       เอินกลับมาพร้อมแป๊ปซี่เย็น ๆ สองกระป๋อง  จัดการเปิดกระป๋องเอาหลอดใส่ก่อนจะส่งให้ไหมแก้ว

 

       บางทีจากเรื่องเล่าของเพื่อนเธออาจจะได้รู้อะไรที่เกี่ยวข้องกับนิศาบ้างก็เป็นได้  เอินสะดุดใจกับนามสกุลของไหมตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกันแล้ว  แต่จะละลาบละล้วงถามก็ใช่เรื่อง  ได้แต่เก็บงำความสงสัยเอาไว้

 

       “ต่อนะ”  ไหมแก้วว่า  หลังจากดูดน้ำสีดำ ๆ ลงคอไปค่อนกระป๋อง

       “พอแม่ของไหมแต่งงานไปกับคุณพ่อ  คุณยายก็บอกว่าจะขอลูกคนแรกของพวกเขาให้ท่าน  ให้ใช้นามสกุลสุทธิชล  ด้วยกลัวว่านามสกุลจะกุดเสีย  ท่านคงหวังว่าแม่จะมีลูกชาย  แต่กลายเป็นไหมนี่แหละที่โผล่มา”

 

       ไหมแก้วหัวเราะคิกคักขึ้นมาอีกขำอะไรนักหนาก็ไม่รู้

 

       “นี่รู้มั๊ย  พวกสุทธิชลน่ะมีทายาทเป็นผู้หญิงทั้งนั้น  สงสัยคุณลุงจะแช่งเอาไว้ก็ไม่รู้  อย่างคุณป้าเพียงพิศถ้ามีลูกชายคงได้ใช้นามสกุลแม่  แต่กลายเป็นลูกสาวไปซะนี่  หากคุณยายจะไม่ถือทิฐิจนเกินไปสุทธิชลแท้ ๆ ก็มีอยู่หรอก  ถึงจะเป็นผู้หญิงก็เถอะ”

 

       “ใช่นางแบบคนดังนั่นรึเปล่า”  เอินเดา

       “ฮื่อ...พี่นิเป็นลูกสาวลุงชานนท์  พูดถึงพี่นิเค้าเป็นคนเก่งมากเลย  ที่ใช้ชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้โดยไม่ง้อคนในตระกูลสุทธิชล  ตอนนั้นที่ลุงชานนท์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต  พี่นิเพิ่งเรียน ม.3 เท่านั้นเอง  ด้วยเงินในบัญชีแสนกว่าบาทที่คุณลุงทิ้งไว้ให้  พี่นิใช้ชีวิตมาตามลำพังทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา  ไม่ยอมง้อพวกสุทธิชล  ตอนนั้นแม่ของไหมไปรับให้มาอยู่ด้วยกัน  แต่พี่นิไม่รับรู้เรื่องญาติทางฝ่ายพ่อเลย  ยืนยันจะอยู่ตามลำพัง  คุณแม่ก็จนใจ

 

       ส่วนคุณยายก็ว่าสักวันหนึ่งเถอะมันต้องซมซานกลับมา  แต่จนถึงทุกวันนี้พี่นิยังไม่เคยย่างเท้าเข้าเมืองเชียงใหม่เลยสักครั้ง  คุณยายยิ่งโมโหใหญ่  พวกสุทธิชลก็เป็นอย่างงี้แหละ  หยิ่งยะโสเหมือนกันไปหมด”

 

       “พูดยังกะตัวเองไม่ใช่”  เอินค่อนขอด

 

       ไหมแก้วทำหน้ายู่แล้วก็หัวเราะ

 

       “เล่าเรื่องพี่ชายของเอินให้ฟังบ้างสิ  เห็นพูดถึงอยู่บ่อย ๆ”

       “นั่นแน่...จับได้แล้ว  ที่แท้ก็อยากรู้เรื่องพี่ชายเรา  ถึงได้เล่าเรื่องของตัวมาก่อน”         เอินทำหน้าล้อเลียนไหมแก้วที่ยังยืนยิ้มหน้าเป็นอยู่

       “พี่ออยหล่อรึเปล่า”

       “ก็ไม่รู้สิ  เห็นหน้ากันมาตั้งแต่เกิด  เลยไม่รู้ว่าหล่อรึเปล่า”

       “อ้าว...แล้วกัน  แต่ไม่เป็นไรงั้นถามว่ามีแฟนรึยังดีกว่า”  ไหมแก้วเปลี่ยนคำถาม

       “เห็นมีผู้หญิงมาชอบ ๆ อยู่หรอก  แต่ออยไม่เห็นสนใจใครเป็นพิเศษ”

       “อย่างงี้คงพอมีหวัง”  ไหมแก้วทำหน้าทะเล้น

       “พูดเล่นอยู่ได้ไหมเนี่ย  ตัวเองอยู่บนหอคอยงาช้าง  ป่านนี้คุณยายมิจับคู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้วเหรอ  เห็นมาเทียวรับเทียวส่งอยู่ไม่ใช่เหรอ”

       “โธ่...เอินอ่ะเซ็งเลย  ไหมอุตส่าห์วางพร๊อตไว้แบบว่าเหมือนเจ้าหญิงในนิทาน  ที่พบรักกับสามัญชนอะไรทำนองนี้อยุ่นะเนี่ย”

       “จริงดิ  แล้วตั้งชื่อไว้ยังล่ะ”

       “ยัง  เอาชื่อไรดี”

 

       เอินทำท่าครุ่นคิด

 

       “ชื่อเรื่องว่า  เจ้าหญิงหนอนไหมกับชายชาวเกาะ  เป็นไง”

 

       แค่ฟังชื่อเรื่องไหมแก้วก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

 

       “เธอว่าฉันเป็นหนอนไหมเหรอ”  ไหมแก้วตีหน้าดุใส่เพื่อนไล่ทุบตีเอินเหมือนเด็กเล็กๆ

       “ช่าย...ยายหนอนไหมตัวนุ่มนิ่ม”  เอินทำหน้าล้อเลียนส่ายสะโพกไปมาเพื่อแหย่ไหมแก้วให้หัวเราะ

 

       แต่จู่ๆ แม่เพื่อนรักก็หยุดหัวเราะไปซะเฉยๆ ทำหน้าตาตื่นกระซิบกระซาบ

 

       “เอิน  ใครก็ไม่รู้ล่ะมองเราอยู่แนะ”

 

       เอินหยุดทำท่าล้อเลียนทันที

 

       “หล่อด้วย”

       “ไหนดูซิใครกัน”  เอินหันขวับไปทันทียังทิศทางที่ไหมแก้วมองอยู่  อย่างไม่คาดฝัน  เด็กสาวโผเข้าหาผู้ชายคนนั้นกอดเขาเสียแน่น

       “เหลือเชื่อเลยออย  พี่ขี้โกงนี่เมื่อคืนยังคุยกันอยู่เลยไม่เห็นพูดอะไร  ไม่เห็นบอกว่าจะมา”  เด็กสาวต่อว่าพี่ชาย  หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันพอหอมปากหอมคอ

       “ก็อยากรู้ว่ามาอยู่คนเดียวแบบนี้จะเป็นไง  เผื่อเกิดทำอะไรไม่ดีไว้จะได้จับได้คาหนังคาเขา”  ออยตบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู  เขาก็พูดไปอย่างนั่นเองเขาเชื่อใจเอินเสมอ  มั่นใจว่าตัวเองดูแลน้องมาด้วยความรักและเอาใจใส่  ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เอินจะออกนอกลู่นอกทาง

 

       “นี่คือพี่ออยชายชาวเกาะ  และหญิงนางนี้คือเจ้าหญิงหนอนไหมแห่งตระกูลสุทธิชล”  เอินแนะนำท่าทางเอาจริงเอาจัง

       “พูดอะไรก็ไม่รู้เอิน”  ไหมแก้วบิดเนื้อที่แขนเพื่อนแก้เขิน  หน้าแดงเป็นลุกตำลึง

       “สวัสดีค่ะ  ไหมแก้วค่ะ”  เด็กสาวยกมือไหว้เขา

       “อ้าว...ไม่ได้ชื่อหนอนไหมหรอกเหรอ”  ออยตีหน้าซื่อถาม

 

       ไหมยิ้มเขิน

 

       “แล้วเป็นไงชายชาวเกาะอย่างพี่  พอจะเป็นเจ้าชายในนิทานของเราได้รึเปล่า” 

 

       สองสาวตะลึงกับคำเย้าแหย่ของเขา  หันมามองหน้ากันทำท่าพิกล

 

       เอินมองหน้าพี่ชาย

 

       “แอบฟังเหรอ”  เอินคาดคั้นเอากับพี่ชาย

       “พวกเธอคุยกันซะดังลั่นขนาดนั้น  นอกรั้วมหาลัยยังได้ยินเลย  เอาน่าพี่ยินดีซะอีกในเมื่อเจ้าหญิงออกจะน่ารักขนาดนี้” 

 

       เอินมองหน้าพี่ชายเอะใจ  มีการหยอดซะด้วย  ขณะไหมแก้วอายม้วนต้วนไปแล้ว  เอ้อ...พี่ชายฉันคิดจะหลอกเด็กรึไงเนี่ย

 

       “พี่หิวแล้วล่ะ  เราไปหาอะไรทานกันดีกว่าพี่เป็นเจ้ามือเอง  แต่เจ้าของบ้านต้องเป็นคนนำทาง”

 

       ไหมแก้วหน้าหงอยเมื่อเห็นกวินขับรถเข้ามาตามเส้นทางจอดลงตรงที่นัดหมายกันไว้  ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมา

 

       “ไหมคงต้องขอตัวก่อนค่ะถ้าพี่ออยยังไม่รีบกลับ  ไว้วันเสาร์นี้ไปทานข้าวบ้านไหมนะคะ  นะเอินนะ”  ไหมแก้วหันมาหาเพื่อน

       “ตกลงค่ะพี่ถือว่านี่เป็นคำสัญญา”  ออยยิ้มให้เด็กสาว

       “ค่ะ ไหมไปนะคะสวัสดีค่ะ”  เด็กสาวยกมือไหว้ลาเขา

 

       “ออย”  กวินส่งเสียงเรียกรีบสาวเท้าเข้ามา

       “ไอ้วิน”

 

       สองคนจับไม้จับมือกันท่ามกลางความงงงันของเด็กสาวทั้งคู่

 

       “หมายความว่าไงเนี่ย”  เอินเป็นฝ่ายถามขึ้นหลังจากทั้งหมดมานั่งอยู่ในร้านอาหาร

       “วินกับพี่เป็นเป็นเพื่อนเรียนมหา’ลัยมาด้วยกัน  ก่อนจะแยกย้ายกันไป  นายไปเรียนต่อต่างประเทศใช่ไหม”  ออยสอบถามกวินเพื่อให้แน่ใจ

       “ใช่”  กวินยิ้ม  เขารู้สึกว่าโชคชักจะเข้าข้างเขาแล้ว

 

       เอินขัดหูขัดตากับรอยยิ้มของกวิน  ไหมแก้วก็เหมือนกันดูมีความสุขซะเหลือล้น

 

       “ยังไงฉันก็ฝากน้องสาวด้วยล่ะกัน  ช่วยๆ ดูหน่อย”  ออยฝากฝังน้องสาวกับเพื่อน

       “เอินไม่ใช่เด็กเล็กซะหน่อยถึงได้ต้องฝากใครดูแล”  เอินฉุนพี่ชายขึ้นมาตะหงิด

       “ก็เพราะไม่ใช่เด็กเล็กนะสิ”  กวินขัดขึ้น  ยังผลให้ใบหน้าคมส่งสายตาฆ่าคนได้ให้เขาทันที

 

       เชอะ...ปกติไม่เห็นเคยคุยด้วยสักเท่าไหร่วางท่าขรึมคอแข็ง  มองเราด้วยหางตา

 

       ออยหัวเราะขันความแสนงอนของน้องสาว

 

       เอินรู้สึกว่าเป็นอาหารมื้อที่แย่ที่สุดเลย  ส่วนสองหนุ่มนั่นไม่ต้องพูดถึงท่าทางสุขสดชื่นซะจนเอินอดจะคิดนอกกรอบไม่ได้  หรือว่าสองคนนั่นจะเป็น

 

       “ไม่ไม่ไม่!!!”  เอินคิดเลยเถิดไปไกลลิบ

       “เป็นอะไร”  กวินถามเมื่อเห็นเด็กสาวเอามือเคาะหน้าผากตัวเองหลายครั้ง

       “เปล่า”  เอินปฏิเสธเสียงสูงตกอกตกใจทำให้กวินปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

       “ชัดเลย  แบบนี้คิดเรื่องไม่ดีอยู่แน่ๆ”  กวินมองเอินยิ้มๆ นัยน์ตาระยับไหวส่อแววล้อเลียน.

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา