รอยต่อแห่งฝัน

7.4

เขียนโดย candle

วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.36 น.

  11 ตอน
  31 วิจารณ์
  16.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 22.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

 

 

          ตุลย์นั่งรอหล่อนอยู่ก่อนแล้ว ตอนที่นิศาไปถึงหน้าตาเขาดูไม่ค่อยดีและหล่อนก็พอรู้ถึงต้นเหตุ นิตยสารฉบับหนึ่งวางหราอยู่บนโต๊ะ ภาพด้านหน้าตรงมุมซ้ายล่างชัดเจน

 

          ‘นางแบบ น.ดอดขึ้นห้องนักร้องหนุ่ม ว.’ จั่วหัวเห่ยชะมัด นิศาแบะปากหยิบนิตยสารเล่มนั้นขึ้นมาดูปล่อยเสียงหัวเราะพรืดไม่เกรงใจคนนั่งหน้าขรึมอยู่แต่อย่างใด

 

          “ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเป็นใคร อยากรู้จัง” หล่อนว่าเสียงใสแล้วก็เปิดไปตามหน้าที่เขียนบอกไว้อ่านรายละเอียดของข่าว

          “โห...ยังกะหนอนในท้องเลยแฮะ” วางนิตยสารกลับลงบนโต๊ะเมื่ออ่านจบ

          “รอนานแล้วเหรอ หน้าตาถึงได้ยับขนาดนั้น” นิศาแกล้งแหย่เขา แต่ตุลย์กลับไม่เล่นด้วย

          “ขอโทษค่ะ” นิศากล่าวกับเขา

 

          ตุลย์ไม่เคยโกรธหล่อนได้สักครั้งก็เพราะเหตุนี้ นิศาเป็นเด็กดีแม้ออกจะดื้นรั้นไปบ้าง หล่อนไม่เคยลังเลที่จะกล่าวคำขอโทษไม่ว่าจะเป็นบางสิ่งที่เล็กน้อยเพียงไร

 

          “นั่งสิ”

          

          นิศานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับตุลย์

 

          “เกี่ยวกับข่าวรึเปล่า” หล่อนเดา

          “นิรู้ใช่มั๊ยว่าพี่เป็นห่วง” ตุลย์น้ำเสียงจริงจังเขามักเริ่มต้นแบบนี้ เมื่อถึงคราวอยากตักเตือนหล่อน

          “ค่ะ”

 

          ทำไมหล่อนจะไม่รู้ พี่ตุลย์หวังดีและห่วงใย มันมากมายจนนิศาไม่คิดว่าจะได้รับจากใครได้เท่านี้อีกแล้ว จากคนรู้จักกันธรรมดากลับกลายเป็นความเข้าใจและผูกพันกันเรื่อยมา ความปรารถนาดีของเขาทำให้นิศาวางใจ เขารับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของหล่อน เป็นพี่ที่ดีเป็นคนชักชวนนิศาเข้าทำงานสายนี้ สนับสนุนหล่อนประกวดซุปเปอร์โมเดล

 

          “พี่ตุลย์โกรธนิเหรอ ไม่ใช่ครั้งแรกซะหน่อยที่นิมีข่าวแบบนี้ แล้วนิก็ไม่เห็นจะสนใจด้วย”

 

          นิศาไม่เคยดู ฟัง หรืออ่านข่าวจำพวกซุบซิบดารา หล่อนไม่สนใจและไม่รับรู้แม้แต่เรื่องของตัวเอง ไม่สนใจโลกของสื่อออนไลน์ ไม่สนใจว่าใครจะโพสข้อความอะไร นิศาปิดหูปิดตาไม่เสพสื่อ สื่อทำให้หล่อนป่วยจิต

 

          “กระทั่งกับคนที่เธอบอกว่ารักเขาอย่างนั้นเหรอ เธอเป็นคนบอกพี่เองแท้ ๆ ว่าเธอห่วงความรู้สึกของเขา เขาจะคิดยังไง จะมองเธอแบบไหน แล้วตอนนี้เธอคิดหรือเปล่าว่าอัฐจะรู้สึกยังไง”

          “...............” นิศามองเขา

          “พี่คิดจริง ๆ เหรอ ว่าอัฐกับนิจะไปด้วยกันได้” หล่อนย้อนถาม

          “ทำไม เธอคิดว่าอัฐเป็นยังไง”

          “นิไม่คิดว่าเขาจะเลือกผู้หญิงอย่างนิ เราคงแตกต่างกัน นิหมายถึงวิถีชีวิต ใครจะไปกล้าเสี่ยงจริงมั๊ยคะ นิเคยสงสัยเมื่อก่อนนี้ว่าเพราะอะไรพี่ตุลย์ถึงไม่อยากให้นิรู้จักกับอัฐ ถึงตอนนี้ก็พอจะรู้แล้วว่าเพราะอะไร” น้ำเสียงนิศาเหมือนปลงกับชีวิตเสมองออกไปนอกร้าน

          “เพราะอะไร” เขาย้อนถามมองดูใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ ของนิศายิ่งสงสัย

          “ผู้หญิงอย่างนิ ไม่ใช่แบบที่เขาจะรักได้ นิเองก็ไม่ได้จริงจังอะไรสักหน่อย แค่ความประทับใจเล็กน้อยในวัยเยาว์ พอได้รู้จักก็อดปลื้มไม่ได้แค่นั้นเอง” หล่อนยิ้ม

 

          ตุลย์รู้ว่านั่นไม่ใช่ความจริง ไม่ว่าใครจะมองนิศายังไงหากสำหรับตุลย์เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นยังไง หล่อนอาจดูรื่นเริงไม่จริงจังกับอะไร ตรงกันข้ามนิศายึดมั่นในความรู้สึก ถ้าลงได้บอกว่ารักใครแล้ว นิศาจะทุ่มเทหัวใจทั้งดวงให้เขา นิศาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่เป็น หล่อนจะสุดโต่งในทุกทาง นั่นเพราะนิศาขาดคนดูแลในช่วงชีวิตวัยรุ่น หล่อนใช้ชีวิตมาด้วยตัวเองไร้คนอบรม ไม่ว่าจะรักหรือเกลียดไม่มีเหตุผลทุกอย่างจึงล้ำลึกมากสำหรับนิศา

 

          “โกหก”

 

          นิศาหัวเราะ

 

          “เรื่องวีน หมายความว่าไง”

          “วีนเป็นเพื่อน อันที่จริงเขาเป็นคนใช้ได้นะคะ คบได้ การที่นิจะไปไหนมาไหนกับเขาไม่เห็นแปลก” หล่อนไหวไหล่

          “ไม่แปลกหรอก แต่เธอตั้งใจให้เป็นข่าวตั้งใจมากจนพี่สงสัย” ตุลย์คาดคั้นด้วยน้ำเสียงและสายตาอีกทางหนึ่ง

          “บ้าแล้ว ใครอยากให้ตัวเองตกเป็นข่าวอื้อฉาวไม่เว้นแต่ละวัน” หล่อนแกล้งโวยวาย

          “เธอมันร้ายกาจ” ตุลย์เสียงขุ่น

 

          ร้ายกาจเหรอ นิศาแค่อยากให้อัฐรู้ว่าหล่อนไม่ได้เจ็บปวดกับไมตรีที่ถูกปฏิเสธ หล่อนไม่ได้รักเขาจริง ๆ เป็นแค่ความรู้สึกวูบไหวไปตามประสา

 

          พี่ตุลย์ไม่รู้หรอกว่าอัฐพูดอะไรกับหล่อนและนิศาก็ไม่อยากบอกให้เขารู้ว่าผู้ชายคนนั้นใจร้ายแค่ไหน

 

          **

          **

 

          “แกมันโรคจิต” ฟางว่า เมื่อเห็นนิศาควงวีนไปที่ร้าน

          “เหรอ” หล่อนลอยหน้าลอยตา จนฟางอยากเขกหัวเข้าให้สักที

          “คุณไม่น่าหลวมตัวคบกับมันเลย อย่างผมก็เหมือนกัน คราวนี้จะตัดก็ไม่ตายจะขายก็ไม่ขาด ต้องทู่ซี้คบกับมันอยู่นี่แหละ” ฟางพูดกับวีนบุ้ยใบ้มาทางหล่อนสีหน้าใส่อารมณ์เต็มที่

 

          นิศากลอกตาทำหน้าเบื่อหน่าย คุณ-ผม ตอนแรกรู้จักก็พูดจาหวานหูกันแบบนี้แหละ แต่ไม่นานหรอกภาษาพ่อขุนเริ่มพ่นออกมาภาษาดั้งเดิมซึ่งเคยคุ้น

 

          “รู้รึเปล่า เมื่อก่อนมันหมั่นไส้คุณจะตายไป สารพัดที่มันจะสรรหามาว่า”

 

          วีนยิ้ม

 

          “ไร้สติ สมองกลวง นิบอกผมอย่างนั้น” วีนต่อให้

 

          ฟางถลึงตาใส่นิศา

 

          “นี่แกไม่คิดจะรักษาน้ำใจใครเลยรึไง”

          “ก็ปากฉันมันไม่ดี แต่จริงใจนะ” หล่อนยืนยันแล้วก็หัวเราะ

 

          ก็ไม่ใช่เพราะปากหล่อนเป็นอย่างนี้เหรอ ถึงคบกันมาได้เช่นทุกวันนี้

 

          “คิวล่ะ”

          “โอ้ย...มันกำลังขึ้นงานเต็มหัวเลย ค้างบริษัทไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว”

          “โห...ขนาดนั้นเชียว แน่ใจเหรอว่าไม่ได้ติดสัด” นิศาพูดหน้าตาเฉยไม่มีกระดากปากแม้สักนิด ใจประหวัดไปถึงสาวชื่อลูกฟัก

 

          วีนกล้ำกลืนรอยยิ้มขันในคำของนิศา

 

          “เอ้ย...เด็กนรก แกเคยเห็นว่าเพื่อนมีดีบ้างมั๊ยเนี่ย” ฟางผลักหน้าผากหล่อนอย่างเหลืออด อยากเขย่าหัวของให้โยนคลอน

 

          นิศาหัวเราะ ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าคิวเพื่อนของหล่อนเก่งขนาดไหน งานแอดแมนฯ ทุกปีที่คิวไม่เคยพลาด ไม่รางวัลใดก็รางวัลหนึ่ง แล้วเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาหล่อนก็เห็นเขาขึ้นปกนิตยสารฉบับหนึ่ง นิศายังซื้อหนังสือเล่มนั้นมาเก็บไว้เลย พวกเขาไม่รู้เองต่างหากว่าหล่อนแสนจะปลื้มใจกับความสำเร็จของเพื่อน แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาปลื้มกันเองจนออกนอกหน้า เดี๋ยวจะเหลิงกันไปใหญ่จนเบรคไม่อยู่เท่านั้นเอง นิศาถือคติที่ว่าขัดขาดีกว่าเยินยอ

 

          “แกไม่คิดถึงฉันเลย” โยตุปัดตุเป๋มาจากไหนไม่รู้น้ำเสียงระโหยเหมือนตัดพ้อ นั่งลงข้างนิศา

          “คิดถึงสิ ฉันคิดถึงแกเสมอ” นิศาว่าแล้วก็โอบโยเข้ามากอดตบหลังให้เบาๆ

 

          พักหลังนิศาเห็นโยมีอาการเซื่องซึมหรือไม่ก็เมามายไม่ได้สติ ปากซึ่งอ้าคอยแต่จะกัดสงบคำ สืบเนื่องมาจากอาการวิตกจริตเรื่องครอบครัวและหล่อนเข้าใจอารมณ์นั้นแน่แท้

 

          “แม่เป็นไงบ้าง”

          “ไม่ค่อยดีนักแต่ก็ทำใจได้ล่ะ หย่ากันแล้ว” โยทอดถอนใจ ใบหน้าใสสะอ้านเจือรอยหม่น แม่ของโยเป็นนักแปลของสนพ.ใหญ่ค่อนข้างมีชื่อเสียงซะด้วยเรื่องราวชีวิตของครอบครัวจึงกลายเป็นเรื่องสาธารณะไปโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

          นิศามองดูโยหล่อนไม่ค่อยได้สังเกตหน้าตาของเพื่อนนัก ตั้งแต่คราวที่เริ่มคบกันมาก็เพราะว่าพวกมันจริงใจมีน้ำใจ และอยู่เคียงข้างกันเสมอ นั่นเพียงพอที่จะทำให้นิศารักพวกมันสุดใจ

 

          เคยได้ยินเหมือนกันที่สาวๆ มักชี้ชวนกันดูเมื่อพวกเขาเดินผ่าน หล่อ เท่ห์ น่ารัก แต่หล่อนไม่เคยมองเห็นหรือเพราะมองเลยจุดนั้นไปก็ไม่รู้ได้ โยในวันนี้ที่สงบปากสงบคำไม่แขวะไม่เสียดสีให้มุมมองที่แตกต่างไปน่ารักขึ้นเป็นกอง

 

          “แกน่ารักว่ะ ฉันเพิ่งเห็นก็วันนี้เอง” นิศาพูดไปอย่างที่คิดสองมือประคองใบหน้าโยไว้แล้วเพ่งมอง

 

          โยหัวเราะเบาๆ เหลือบแลไปทางวีนแล้วก็ยิ้ม

 

          **

          **

 

          “วันนี้สนุกมากมั๊ย” วีนถามนิศาเมื่อมาส่งหล่อนถึงบ้าน

 

          นิศามองใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนท่าทางใจดีของวีน นักร้องหนุ่มซึ่งครั้งหนึ่งหล่อนไม่ชอบขี้หน้าเขาเลย แต่เมื่อได้พูดคุยด้วยกันมาระยะหนึ่งถึงได้เห็นว่าวีนก็เป็นคนใช้ได้อยู่ไม่เสียหายอะไรหากนิศาจะคบเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง นิศามีเพื่อนไม่มากนักก็เพราะเหตุนี้ยิ่งในวงการนางแบบด้วยแล้วหล่อนไม่สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษเลย มันมีเรื่องแหลกันไม่เว้นแต่ละวัน

 

          “ไม่”

          “ไม่ แล้วทำทำไม มันจะได้อะไรขึ้นมาบ้าง”

          “ฉันขอโทษ” หล่อนบอกเขาท่าทางไม่ได้มีความสุขเหมือนเมื่อครู่ที่ข้างนอกนั่นเลย

 

          วันนี้นิศาไปหาวีนชวนเขาออกไปไหนต่อไหน อย่างกับจงใจจะให้ใครต่อใครเห็นว่าข่าวตามสื่อต่างๆ ที่ว่าเขากับหล่อนมีอะไรลึกซึ้งมันเป็นความจริง

 

          “ทำอย่างนี้ทำไม”

 

          น้ำเสียงห่วงใยจนหล่อนรู้สึกได้

          “ไม่คิดว่าฉันจะหลงรักคุณบ้างรึไง” หล่อนส่งยิ้มทะเล้นให้เขา

          “ตาของคุณไม่ได้บอกแบบนั้น”

 

          นิศาเลิกคิ้ว

 

          “ฉันมองง่ายขนาดนั้นเชียว”

          “ไม่รู้เลยรึไงว่าตาคุณมันบอกทุกสิ่งทุกอย่างในใจคุณ” วีนบอก นิศาเป็นผู้หญิงที่จริงใจและอ่านง่ายมาก หล่อนไม่เสแสร้งเพราะอย่างนี้เขาจึงรู้สึกสบายใจที่คบหากับหล่อน ไม่ว่าจะด้วยสถานะไหน

 

          นิศาก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นะ ฟางยังเคยทัก

 

          “แกกำลังจะบอกรักฉัน”

          “รู้ได้ไง”

 

          ฟางมักจะหัวเราะแต่ไม่เคยเฉลยให้หล่อนรู้เลย

 

          “ฉันเสียใจแล้วก็ขอโทษที่ลากคุณมาเจอเรื่องแบบนี้ ต้นสังกัดของคุณอยากให้แถลงข่าวรึเปล่ามีปัญหาไหม บอกได้นะ” นิศาเป็นกังวลแทนวีน ด้วยเป็นหล่อนทำให้เขาตกที่นั่งเช่นนี้

          “ไม่หรอกผมไม่มีปัญหาอะไร”

          “ฉันแค่อยากให้คนที่ฉันรักสบายใจว่าฉันไม่ได้เจ็บปวดกับไมตรีที่ถูกปฏิเสธ ฉันยังสบายดีเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้คนอย่างนิศาเจ็บปวดหรอก”

          “ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่”

          “...............” นิศายิ้มไล่ขับความหม่นเศร้า สำนึกขอบคุณในความมีน้ำใจของวีน

 

          ทั้งหมดกลับอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของแพรวา จนถึงวันนี้เธอยังไม่ทราบสาเหตุแห่งความหม่นเศร้าของนิศา ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มฉาบปิดความเจ็บปวดอันใดไว้ ช่างน่าแปลกที่นิศาไม่บอกเล่ามันกับเธอทั้งที่ผ่านมานิศาแชร์ความรู้สึกกับเธอเสมอ ไม่ว่าจะสุขทุกข์อย่างไร

 

          เผชิญหน้าเพียงมองกันแววตาชาเฉย นิศาหลีกเข้าห้องของตัวเองปล่อยแพรวาไว้ในความเศร้าซึมไม่อาจปริปากถามไถ่ เพิ่มบ่มความเจ็บร้าวแห่งมิตรภาพให้มากขึ้น.

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา