รอยต่อแห่งฝัน
เขียนโดย candle
วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 เวลา 20.36 น.
แก้ไขเมื่อ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 22.19 น. โดย เจ้าของนิยาย
9)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ผมขอแพรวาจากคุณได้ไหม” อัฐเอ่ยในประโยคที่นิศาไม่คาดคิด หล่อนมองหน้าเขา พูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่
“คะ...เอ่อ...แต่ว่าทำไม” หล่อนถามตะกุกตะกัก
“ผมขอโทษ แต่ผมจำเป็นต้องพูดกับคุณ”
นิศาพยักหน้าเหมือนตุ๊กตาไขลาน สมองว่างเปล่าได้ยินคล้ายเสียงใครหมุนอะไรบางอย่างดังวื้อๆ ในสมอง
“หมายความว่าไงคะ”
“ผมรักแพรวา” อัฐสารภาพกับผู้หญิงตรงหน้า
“ผมขอโทษ”
ขอโทษงั้นเหรอ เออหนอทำไมผู้ชายคนนี้ช่างใจร้ายนัก เขาบอกหล่อนด้วยเรื่องนี้ได้อย่างไร รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนหลงรักเขาแล้ว...
อา...นิศาเอามือปิดปากตัวเองกลั้นเสียงร้อง มาย...หล่อนเข้าใจความรู้สึกของมายได้ก็วันนี้ หล่อนเองก็พูดคำนี้ด้วยไม่ใช่เหรอ “ขอโทษ” ในวันนั้นความรู้สึกของมายคงไม่แผกกัน บอบช้ำเจ็บปวด มันอัดแน่นในลำคอ น้ำตารื้นปริ่มขอบตา ภาพที่มองเห็นเริ่มพร่าเลือน หมายมาดว่าทั้งหมดที่ได้ยินจะเป็นแค่ความฝันที่คิดไปเอง แต่เปล่าเลยอัฐนั่งอยู่ตรงหน้าหล่อน ณ.เวลานี้ ตัวตนของเขาสัมผัสได้อยู่
“บอกกับแพรสิคะ” ครั้นตั้งสติได้หล่อนก็พูดไปอย่างนั้น
“ผมต้องบอกนิก่อน” เขากล่าวเบาๆ
นี่หล่อนจะต้องตอบเขาว่าอย่างไรดีล่ะ “ขอบคุณค่ะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” “ค่ะ” คำพูดไหนที่เหมาะกับประโยคบอกเล่านั้น
หล่อนมองหน้าเขา ไม่มีคำพูดไหนออกมาจากปากทั้งนั้น ไม่มีคำใดที่นิศาจะใช้พูดได้ จะมีก็แค่น้ำตาซึ่งซึมผ่านแพขนตายามหล่อนกระพริบ
**
**
ทันทีที่ฟางเปิดประตูออกมา คนซึ่งยืนอยู่ด้านนอกก็โผเข้ากอดเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ชั่วอึดใจหนึ่งจึงผละออกยิ้มให้เขาเสียทีหนึ่งแล้วเดินเข้าห้องไป ฟางมองตามแล้วก็ส่ายหน้า
“โย...วู้ แกหลับแล้วเหรอ” หล่อนตะโกนเรียก เพื่อนหนุ่มคอพับคออ่อนอยู่บนโซฟา
“ครายยย อ้ายจรเหรอ” โยส่งเสียงอ้อแอ้
“ร่ำสุรากันรึไง” นิศาถามฟาง
“เออ...แต่มันคนเดียว มีเรื่องกลุ้มใจน่ะเกี่ยวกับครอบครัว”
โยมองฟางเอามือเคาะหัวตัวเองเหมือนเรียกสติ
“แกก็ด้วยใช่มั๊ย” ฟางหันมาหานิศา
“เปล่า...ไม่มี แค่คิดถึง” หล่อนว่าแล้วส่งยิ้มหวานให้ฟาง
“คิดถึงตอนตีสามเนี่ยนะ น่าเชื่อล่ะ ไปนอนก่อนพรุ่งนี้ค่อยสอบสวน”
นิศาจะล้มตัวลงข้างๆ โย แต่ฟางฉุดมือหล่อนให้ลุกขึ้น
“ในห้องโน่นไป ล๊อคประตูด้วยเผื่อฉันหน้ามืดขึ้นมาปล้ำแก แล้วแกโวยวายฉันต้องรับผิดชอบอีกทั้งที่ไม่เต็มใจ” ฟางหัวเราะลงคอสำหรับประโยคสุดท้าย
นิศายิ้ม
**
**
“ตื่นเถิดวัว-ควายอย่าหลับใหลลุ่มหลง”
เสียงเคาะประตูโครมครามพร้อมเสียงเพลงระคายหู ไม่เปิดโอกาศให้นิศาหลับอย่างใจเย็นอยู่ได้
“ตื่นได้แล้วโว๊ย เป็นผู้หญิงยิงเรือแกจะนอนจนตะวันสายโด่งแบบนี้ไม่ได้” โยยังคงตะโกนต่อตบประตูเสียงดังสนั่น
“ฉันจะฆ่าแก” นิศาตะโกนตอบเมื่อเปิดประตู
“อรุณสวัสดิ์” โยยิ้มแป้นเมื่อทำให้เพื่อนสาวลุกจากที่นอนได้
“อรุณบ้าอรุณบออะไรเล่า บ่ายแล้วไม่ใช่รึไง” นิศากระแทกไหล่โยจ้ำอ้าวเข้าครัว โยรีบเดินตามมาติดๆ
“แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“เมื่อคืน ส่วนแกเมา” นิศาจิ้มหน้าผากโย หมอนั่นทำตาปรอยเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
“เออใช่ ฉันต้องไปหาแม่หน่อย”
“เอ้ยอะไรของมันเนี่ย ตกลงมีอะไรเหรอฟาง” นิศาถามเอากับฟางที่ชงกาแฟอยู่ เขาชงแล้วส่งให้หล่อนแก้วหนึ่ง
“พ่อ-แม่จะหย่ากัน”
“ห๋า...เป็นไปได้ไง สองคนนั่นรักกันจะตาย” นิศาไม่อยากจะเชื่อ พวกเขารู้จักพ่อแม่ของโยเป็นอย่างดี ตอนยังเป็นนักศึกษาอยู่เคยไปค้างบ้านโยกันออกบ่อย แล้วพวกเขาต่างก็ลงความเห็นว่าครอบครัวของโยมีความสุขจนน่าอิจฉา
“เห็นว่าพ่อมีผู้หญิงคนใหม่”
“ไม่น่าเชื่อ” นิศารำพึงทอดถอนใจ นั่งชันเข่าประคองถ้วยกาแฟไว้ตรงหน้า
“แกล่ะ เกิดอะไรขึ้น” ฟางถาม
อา...นิศาลืมเรื่องของตัวเองไปพักหนึ่งมาระลึกได้อีกคราก็เมื่อฟางส่งคำถาม
“อกหักมั้ง ไม่รู้สิมันเจ็บแปลบๆ ตรงเนี่ย” หล่อนชี้ตรงหน้าอกด้านซ้ายของฟาง
“อัฐ”
นิศาพยักหน้า
“ฉันไม่รู้เลยว่ารักเขามากแค่ไหน หรือรักเขารึเปล่า แต่ตอนที่เขาขอแพรวาจากฉันมันเหมือนหัวใจหยุดเต้น โลกหยุดหมุน ช่วงเวลาหยุดเดิน” หล่อนถอนใจหนักหน่วง
“แล้วฉันก็คิดเรื่องมายขึ้นมาได้” นิศาหน้าสลด
ฟางเอื้อมมือมาขยี้ผมหล่อน นิศาน้ำตารื้นเพราะอย่างนี้ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุดนิศามักคิดถึงเพื่อนของหล่อนเสมอ เพื่อนซึ่งล่วงรู้ความรู้สึกนึกคิด เพื่อนซึ่งแม้ไร้คำปลอบโยนแต่กลับรับฟัง สำหรับชีวิตของนิศาก็มีอยู่เท่านี้ ฟาง โย และคิว พวกเขาคือเพื่อนซึ่งอยู่เคียงข้างกันเสมอ
**
**
“มีเหล้าฝากของคิวมั๊ย” นิศากระซิบถามบาร์เทนเดอร์
“ครับมีสองขวด” เด็กหนุ่มกระซิบตอบท่าทางเจ้าเล่ห์ขณะนิศาไม่ทันสังเกตเห็น
“เพราะงี้เอง กูมาทีไรแม่งไม่เหลือหลอ” คิวมาทางด้านหลังผลักหัวนิศาแทบจะโขกบาร์
“เอ้ย...”
เจ้าหนุ่มบาร์เทนเดอร์หัวเราะ นิศาหมายจะชกหน้ามันแต่วืดเจ้าหมอนั่นหลบหมัดของหล่อนได้
“เอาเหล้ามา” คิวทุบบาร์วิญญาณป๋าเข้าสิง
เด็กหนุ่มยิ้มกุลีกุจอเอาเหล้านอกแสนแพงของคิวออกมา
“โห...เดี๋ยวนี้แดกของแพงนะแก” นิศาแขวะเมื่อเห็นยี่ห้อเหล้าขวดนั้น
“กูต้องแดกดูจะได้คุยกับพวกหัวสูงมันได้ เดี๋ยวมันพูดมากูไม่รู้เรื่องแม่งเสียหน้า”
“หายไปไหนมา ไม่เจอเป็นชาติเลย”
“งานยุ่งชิบ แล้วสมองก็ช่างตีบตันคิดคำโดนๆ กระแทกใจไม่ได้เลย” คิวบ่น บางทีเขาเองก็รู้สึกเบื่อกับงานตัวเองเหมือนกัน ไม่เหมือนตอนจบมาใหม่ๆ ไฟยังโชติช่วงและการเป็นครีเอทีฟก็เท่ห์มากในความคิดตอนนั้น
“แต่กระแทกทีนยังคิดได้ใช่ป่ะ”
“เออ...อันนั้นมันอยู่ในสายเลือด” คิวหัวเราะแล้วก็หยุดไปกะทันหัน
“เกือบลืม ฉันเจอมายว่ะที่กระบี่”
“...............”
“แต่มันจำฉันไม่ได้ รึว่าฉันหล่อขึ้นก็ไม่รู้” คิวชมตัวเองหน้าตาเฉย
“เมื่อไหร่” นิศาทำเป็นไม่ได้ยินในประโยคหลังของคิวเสีย
“อาทิตย์ที่แล้วตอนไปถ่ายโฆษณา อยู่กับเด็กสาวคนหนึ่งมันน่าแปลกที่หมอนั่นท่าทางเหมือนไม่รู้จักฉันเลย แต่มันติดใจตรงที่เด็กนั่นบอกว่าไม่ใช่คนที่ฉันรู้จักนี่สิ”
“แล้ว” หล่อนกระตุ้น
“แล้วเด็กนั่นก็รีบลากมายเผ่นแนบไปเลย”
“ทำไมแกไม่ตามไปเล่า” นิศาโวยวายขัดใจในเพื่อนผู้ไม่เอาไหน
“ฉันต้องทำงานโว๊ย” คิวขึ้นเสียง
“ก็แค่กระบี่เกาะลันตาเล็กไม่ได้ยากอะไรเลย” คิวตบบ่านิศารู้สึกไม่ค่อยดีที่เอาข่าวมาบอกเพื่อน แต่กลับไม่ได้รายละเอียดอะไรมาเลย
“เอ้ย...นั่นมันยัยตัวแสบ หนอยควงทอมมาซะด้วย”
นิศาหันมองตามสายตาคิว
“ใครเหรอ” นิศาสงสัย โดยปกติพวกผู้ชายในกลุ่มนี้จะไม่กัดผู้หญิงคนไหนนอกจากหล่อน ประมาณว่าผู้หญิงทุกคนล้วนน่ารักน่าไคร่เจริญหูเจริญตาไปหมด ยกเว้นก็เพียงนิศาคนเดียวที่ไม่อยู่ในสายตา
“เออี คนใหม่ เพิ่งเข้ามาทำงานแต่แสบชะมัด จะฟาดปากกับฉันอยู่เรื่อย” คิวหน้าระรื่น
“...............”
“ดู ฉันจะเล่นบทพระเอกในละครไทยให้แกดู” คิวหลิ่วตาให้นิศาแล้วก็แกล้งเดินถอยหลังไปชนสาวเจ้านางนั้น พร้อมกับแขนที่อ้ากว้างเพื่อรอรับ
“โป๊ะเชะ” ไม่พลาดตามที่คิวคุยไว้ แต่ไม่ยักเหมือนในละครก็อีตรงที่แม่ตวัดมือทันควันบนใบหน้าของพระเอกนี่สิ ไม่ใช่ตาต่อตามาประสาน
“ตบทำไมเนี่ย” คิวตะโกนใส่เธอคนนั้นสุดเสียงแข่งกับเสียงดนตรีในร้าน
“มุขมันเก่าเชย ฉันเห็นอยู่ว่าคุณนั่งอยู่หน้าบาร์เมื่อกี้นี่เอง” เธอสวนกลับน้ำเสียงไม่แพ้กัน แล้วก็เชิดหน้าจากไป ท่ามกลางสายตาของผู้คนซึ่งมองคิวเป็นจุดเดียว
คิวหน้าหงายแทบจะแทรกแผ่นดิน นิศาซึ่งเป็นผู้ชมกรอกตาไปมาขายหน้าแทน “หมดกัน”
คิวเดินกลับมาหน้าตาบอกบุญไม่รับแววตาคั่งแค้น
“เนื้อคู่แกแน่เลยว่ะคิว” นิศาตบบ่าคิวแล้วหัวเราะ
“คอยดูฉันจะทำให้ยัยนั่นมาซบแทบเท้าเลยทีเดียว” คิวหมายมั่นปั้นมือ เสียหน้าเสียเหลี่ยมอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันไม่เคยเห็นแกโกรธผู้หญิงคนไหนเลยนี่หว่า สงสัยคนนี้จะไม่ธรรมดารู้ทันป๋าคิวซะด้วย ชื่อไรอ่ะ”
“ลูกฟัก”
นิศาเลิกคิ้ว แนะยังอุตส่าห์จำชื่อได้อีกทั้งที่บอกไม่ชอบหน้าคนเรานี่ช่างแปลก
“ชื่อก็น่ารักดีด้วย ลูกฟักของป๋าคิว”
นิศาเหลือบมองโต๊ะที่สาวเจ้านั่งอยู่ เจ้าหล่อนดูจะยังคงส่งสายตาพิฆาตให้คิวอยู่เป็นระยะพร้อมรอยยิ้มเยาะ พระเอกของเราควันออกหูท่าทางฮึดฮัดอยากไป ปะ ฉะ ดะ ต่อเต็มที
สักพักสาวเจ้าลุกเดินมาส่งยิ้มให้นิศา เข้ามายืนใกล้คิว
“มุขมัน out ไปแล้วเพ่ กลับไปคิดมุขใหม่มาพรุ่งนี้เจอกัน” เจ้าหล่อนส่งยิ้มหวานบาดจิต
นิศาเข้าใจว่านั่นมัน “ยิ้มสังหาร” ชัดๆ
“พี่คิวเจอของจริงเข้าแล้วเหมอๆ” หนุ่มบาร์เทนเดอร์แซว
“แต่ตอนนี้ 0-1 พี่คิวแพ้” ยังไม่วายต่อประโยคไม่สนใจหน้าคนโดน
“ต้องฉลองให้ความปราชัย” นิศายิ้มยกแก้วเหล้าของตัวเองชนแก้วของคิวที่วางอยู่
“ซ้ำเติมนะมึงไอ้จร” คิวกัดฟัน
“กูจะจูบยัยนั่นโชว์สื่อให้ได้” คิวทุบบาร์อีกทีเป็นการยืนยัน
**
**
นิศากลับเข้าบ้านมาหลังเที่ยงคืนโดยหวังว่าจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับแพรวา แต่หล่อนคาดผิด แพรวายังรอคอยอยู่ในบ้านปรากฏแสงไฟเรืองรอง
“ป่านนี้แล้วยังไม่เข้านอนอีกเหรอ” นิศาถามน้ำเสียงปกติอย่างกับว่าหล่อนไม่ได้หายไปไหนเลยตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา
“รู้บ้างรึเปล่าว่านิทำให้แพรเป็นห่วงมากแค่ไหน ติดต่อก็ไม่ได้ อัฐมาถามหานิ พี่ตุลย์ก็ด้วย แต่แพรไม่รู้ไม่รู้ว่านิไปไหน” แพรวาสะอื้น
“นิไม่ยอมรับสายแพร”
นิศาพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นสายตาของแพรวาที่จ้องมองมา
“นิขอโทษ”
“ขอโทษ” แพรวาหัวเราะทั้งน้ำตา
“มันง่ายที่จะทำอย่างนั้นแล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา แต่แพรไม่ต้องการคำขอโทษ แค่บอกแพรว่าเกิดอะไรขึ้น นิไม่เคยเป็นแบบนี้มีอะไรที่นิไม่สบายใจ บ้านของเราไม่ให้ความสุขกับนิอีกแล้วเหรอถึงได้ทิ้งแพรไว้ตามลำพังอย่างนี้”
“ขอเวลาให้นิหน่อย”
“มันเรื่องอะไรขนาดว่าบอกกับแพรไม่ได้ในตอนนี้”
“...............”
นิศาเดินเข้าห้อง สร้างความเจ็บปวดแก่มิตรภาพระหว่างเพื่อนระหว่างพี่น้องให้ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ.
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ