Angelics War นาย...อยากจะทำแบบนี้จริงๆเหรอ
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.20 น.
แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน พ.ศ. 2556 12.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) เทศกาลชมดอกไม้ (ฮานามิ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เคยมีคนเขาว่าไว้... ว่าคนเราถ้าไปขลุกอยู่กับอะไรนานๆ ร่างกายจะมีกลิ่นของสิ่งๆนั้นติดอยู่
เช่นถ้าเราไปทำสวน เราก็จะมีกลิ่นดินกับใบไม้ ถ้าเราทำงานในร้านอาหาร เราก็จะมีกลิ่นของอาหารติดตามตัวและเสื้อผ้า
คงจะสงสัยว่าผมเอาเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่เป็นจริงนี้มีกล่าวตรงนี้ทำไม เพราะว่าสิ่งที่ผมกล่าวไปเมื่อครู่นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ8ปีก่อนหน้านี้ มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปผูกมิตรกับใคร ไม่แม้แต่จะเอ่ยปากพูดกับใครแม้แต่เพื่อนบ้านของตน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้เธอถูกเด็กคนอื่นๆแกล้งเป็นประจำ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง...
"ไง ยัยลูกชาวประมง วันนี้มีกลิ่นคาวติดมาเหมือนเดิมเลยนะ"
"ดมแล้วรู้สึกคลื่นไส้ว่ะ!"
กลุ่มคนที่กำลังพูดอยู่นี้เป็นกลุ่มเด็กผู้ชายแถวบ้านที่วันๆเอาแต่ล้อเด็กผู้หญิงที่นั่งร้องไห้อยู่กลางวงเพียงคนเดียว เพียงแค่ฉันเป็นลูกหลานชาวประมงเท่านั้นเอง ในนั้นมีคนหนึ่งทำท่าทางวิ่งออกไปอ้วกที่ถังขยะ แต่ฉันรู้ว่าจริงๆแล้วไม่มีอะไรออกมาหรอก
แต่เหมือนเพื่อนๆของเด็กคนนั้นจะดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับเหตุการณ์อันไม่เป็นจริงของเขาเอาเสียมากๆ ก็นะ... คนมันมีเพื่อนก็ย่อมเป็นห่วงเพื่อนเป็นเรื่องธรรมดา
"เฮ้ย! ดูสิเธอทำเพื่อนฉันอ้วกหมดเลย" เด็กคนนีงในกลุ่มนั้นหันมาโวยใส่ฉัน ก่อนจะจิกผมฉันเดินไปหาเด็กคนที่แกล้งทำเป็นอ้วกออกมา
"ขอโทษลูกพี่ฉันซะ!! เร็วสิฟะ!!" เขาดึงผมฉันจนเจ็บไปหมด ก่อนที่จะกดฉันลงไปคุกเข่ากับพื้น พอดีพื้นตรงนั้นเป็นลูกรังเลยทำให้เข่าของฉันถลอกเป็นแผลเลือดซึมออกมานิดๆ
"ขอโทษฉันสิ ยัยนี่!"
ทันทีที่เด็กที่เหมือนกับเป็นหัวโจกคนที่เดินออกไปแกล้งอ้วกขึ้นเสียงใส่ฉัน ทุกคนในกลุ่มนั้นเข้ามากระชากผมฉันจนเจ็บไปหมด ทั้งๆที่ฉันไม่ได้ผิดอะไรเลยสักนิด... แต่เพราะความเจ็บปวดนั้นทำให้ฉันต้องยอมพูดคำๆนั้นออกมา...
"ขอโทษ..."
"เบาจัง ไม่ได้ยินเลย..." ฉันรู้ว่าเขามีเจตนาแกล้งฉัน เจ้าเด็กนั่นช่างกวนประสาทของฉันซะจริง
"พูดให้มันดังๆหน่อยเซ่!!"
"ขอโทษค่ะ..!!"
ทุกๆวันฉันต้องถูกเด็กพวกนี้รังแกเป็นประจำ ผู้ใหญ่ทุกคนต่างก็อยากมาห้าม แต่อาจจะเป็นเพราะเคยเห็นเรื่องเหล่านี้ผ่านตามาเยอะ พวกนั้นเลยไม่คิดจะเข้ามาช่วยแล้วปล่อยให้ภาพเหล่านั้นผ่านตาพวกเขาไป
แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งในจำนวนนั้นเดินฝ่าม่านประชาเข้ามา... สายตาของเขาจริงจังมาก
"ให้มันน้อยๆหน่อย... พวกแก!!"
เด็กชายคนหนึ่งเข้ามายืนอยู่ข้างหลังฉันพร้อมกับตะเบ็งเสียงใส่เด็กพวกนั้น ทำให้กลุ่มเด็กที่กำลังรังแกฉันอยู่หันไปมองเขาเป็นตาเดียวกัน...
"แกเป็นใครวะ!!"
"ฉันจะเป็นใครก็ช่าง แต่ที่ผู้ชายตั้งสี่คนมารุมรังแกผู้หญิงคนเดียวนี่มันทุเรศตาเป็นบ้าเลยว่ะ!"
ทีนี้กลุ่มเด็กพวกนั้นต่างก็พากันยืนล้อมเด็กชายคนนั้นเอาไว้ พวกเขาแสดงท่าทีเหมือนกับจะบุกเข้าไปอัดเขาได้ทุกเมื่อ หากแต่เด็กผู้ชายที่ถูกล้อมกลับไม่มีท่าทีตอบสนองอะไรเลย...
"อ๋อ... แกเจ๋งว่างั้น! อย่าบังอาจทำตัวเป็นฮีโร่ไปหน่อยเลย"
เมื่อเด็กพวกนั้นพูดจบก้มีเด็กในหลุ่มนั้นสองคนเข้ามาล็อกแขนทั้งสองข้างของเด็กคนที่เข้ามาช่วยฉันเอาไว้ไม่ให้ขยับได้ ก่อนที่เด็กชายที่เหมือนกับเป็นหัวโจกจะเป็นฝ่ายปล่อยหมัดเข้าที่ท้องของเขาก่อน ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้เด็กชายที่เข้ามาสอดระหว่างการละเล่นแสนสนุกของเด็กสมัยนั้นล้มลงไปขดตัวกับพื้นแม้แต่น้อย
"น่าเสียดายนะ..! เรื่องหนักกว่านี้ฉันก็เคยเจอมาแล้วฟ่ะ!!"
ว่าแล้วเด็กผู้ชายที่ถูกล็อกแขนไว้ก็เงื้อขาเตะเข้าที่จุดตายของคนที่จะเข้ามาทำร้ายเขาอย่างแรงจนล้มลงไปทำให้ลิงที่พื้นทันที ทีนี้กลุ่มเด็กอีกสามคนก็เข้ามาประสานเท้าใส่เขาทันที ในขณะที่ฉันได้แต่ยืนดูอยู่เฉยๆด้วยอาการอึ้ง
และแล้ว... เด็กคนนั้นคนเดียวก็สามารถเอาชนะการรุมสามได้ในสภาพสะบักสะบอม
"ฝากไว้ก่อนเถอะเอ็ง!!!"
หัวโจกตะโกนใส่เขาอย่างโกรธแค้นก่อนจะรีบหนีไป ฉันจึงรีบเดินไปจะขอบคุณเขา แต่แล้วสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...
"อู๊ยส์!!"
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็พาเด็กชายที่ช่วยฉันจากการถูกรังแกมาให้คนรู้จักของฉันช่วยรักษาแผลให้ ซึ่งเขาล้มลงหมดสติทันทีที่กลุ่มเด็กพวกนั้นลับสายตาไป
"ให้ตายสิน้า..!! ทำตัวเป็นฮีโร่ผู้เก่งกาจ สุดท้ายกลับโดนหนักสุดเลยนะ คิดว่าตัวเองเป็นเบ็นเคย์หรือไง"
คนรู้จักของฉันช่วยกันรักษาแผลให้เขาที่ท่าเรือประมงที่เป็นย่านอาศัยของฉันซึ่งห่างออกไปประมาณสามโกดัง ถ้าดูจากรอยแผลเก่าๆบนตัวของเด็กคนนั้นแล้ว ดูท่าทางเขาจะไม่ค่อยห่วงตัวเองสักเท่าไหร่...
"ดูสิ! แผลเต็มตัวไปหมด คิดว่าทำแบบนี้ไปแล้วตัวเองจะเป็นอย่างพวกอุลตร้าแมนหรือไงนะ..."
ในที่สุดเด็กคนนั้นก็ได้สติกลับมาหลังจากหมดสติไปกว่าชั้วโมง แน่นอนว่าหากเขายังไม่ฟื้นก็คงต้องเอาตัวไปทิ้งน้ำแล้วล่ะมั้ง...!
"ที่นี่มัน..."
"ท่าเรือหาปลา ที่พักของเด็กคนนี้เองล่ะ!"
หลังจากที่คนรู้จักของฉันแนะนำสถานที่ที่เขาฟื้นขึ้นมาเสร็จแล้ว เด็กคนนั้นก็หันมามองที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่คุ้นเคย ทำให้ฉันต้องถอยไปหลบหลังคุณน้าที่ให้ที่พักฉันอย่างไม่กล้าสู้หน้า...
"เอาเป็นว่าขอบใจนะ ที่ช่วยเด็กคนนี้เอาไว้น่ะ"
เมื่อเวลาผ่านไปเด็กคนนั้นก็เริ่มเปิดวงสนทนากับทุกคนที่อยู่ที่นั่นอย่างสนุกสนาน จนเมื่อฉันเห็นทุกคนคุยกับเด็กคนนั้นอย่างสบายอารมณ์แล้ว ฉันชักจะอิจฉาหมอนั่นซะแล้วสิ
"นั่นสินะ ไหนๆเธอก็มาที่นี่แล้ว... ทำไมเธอไม่ไปหาอะไรเล่นกับเด็กคนนั้นล่ะ!"
"คุณน้าคะ!!" นี่ฉันออกอาการอายมากไปหรือเปล่า
"คือปกติเด็กคนนี้จะไม่ค่อยพูดจากับใคร ปกติเธอก็มักจะหลบมุมแอบดูทุกคนสนุกกัน แต่เธอก็ไม่เคยเข้าไปเล่นกับใครเลย"
ฉันเห็นคุณน้ากระซิบอะไรบางอย่างกับเขา เขาจึงหันมามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ
"ช่วยทำให้เด็กคนนี้มีความสุขด้วยนะ..."
หลังจากนั้นเขาก็พยายามชวนฉันเล่นอะไรต่อมิอะไรสารพัด แต่เพราะฉันเป็นคนขี้อายและขี้กลัว ฉันจึงได้แต่นั่งเงียบอยู่ตลอด... เมื่อเห็นว่าฉันไม่ยอมคุยด้วยหรือเล่นด้วยเลยแม้แต่นิดเดียว เด็กคนนั้นจึงพาฉันไปคุยกันที่ท่าจอดเรือที่ว่างเปล่าเพราะทุกคนออกไปหาปลาหมดเหลือแต่พวกผู้หญิงที่จะมีหน้าที่ก็เฉพาะตอนขอดเกล็ดปลาที่ไม่สามารถขอดได้ทั้งหมดตอนอยู่บนเรือเท่านั้นเอง
"ปกติเธอไม่ค่อยกล้าเข้าหาใครสินะ ถึงได้ไม่ค่อยมีเพื่อนซักเท่าไหร่แบบนี้"
"...."
"แล้วปกติเวลาว่างเธอชอบทำอะไรงั้นเหรอ"
"...."
"แถวบ้านฉันมีเด็กผู้หญิงสองคนที่อยากได้เพื่อนใหม่มาก เธอสนใจไหม"
"...."
'แย่ละสิ! ฉันไม่กล้าจะพูดโต้ตอบกับเขาเลย... แบบนี้เขาคงเกลียดฉันแน่ๆ!!'
ฉันได้แต่คิดในแง่ร้ายตลอดเวลา ทั้งที่มีโอกาสได้หาเพื่อนแล้วแท้ๆ แบบนี้เขาได้เกลียดฉันแล้วเดินออกไปอย่างไม่สนใจใยดีแน่ๆ
แต่แทนที่เด็กคนนั้นจะสร้างเสียงเหมือนกับกำลังลุกเดินออกไป ฉันกลับได้ยินคำพูดแบบอื่นออกมาแทน...
"เอาล่ะ! ในเมื่อเธอชอบความเงียบ เรามาเล่นเกมใบ้กันดีกว่า ใครพูดก่อนแพ้นะ!!"
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะพูดออกมาแบบนั้น ตามปกติเวลาเป็นอย่างนี้ ทุกคนจะเดินออกไปเล่นกับคนอื่นแล้ว
แต่เขาไม่... ท่าทางเขาจะสนใจและให้ความสำคัญกับคนอื่นๆมากเลยล่ะ
"เอ่อ... คือว่า-"
"เธอพูดออกมาแล้ว เธอแพ้แล้ว!!" เขาหัวเราะอย่างชอบใจ เสียงของเขาช่างมีชีวิตชีวาเหลือเกิน...
"คือ... ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วยน่ะ..."
"หือ..." เด็กคนนั้นเอียงหูมาอย่างอยากรู้อยากเห็น เหมือนเขาจะสนใจมากทีเดียว
"นายคิดว่า... อย่างฉันน่ะจะมีเพื่อนได้ไหม..."
เขาหันไปใช้ความคิดอยู่นาน มันทำให้ฉันเริ่มใจไม่ดี
"ฉันคิดว่าน่าจะ..." เขาหันกลับมาหาฉัน ใบหน้าของเขาเหมือนกับจะหัวเราะออกมา "ไม่ได้หรอก!"
"อย่างนั้นเอง---"
ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรออกมาอีก เขาก็ชิงสิทธิ์พูดซะก่อนทำให้ฉันเริ่มหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมรอให้ฉันพูดให้จบแม้เพียงคำว่า"เหรอ" เท่านั้นเอง...
"แต่ว่านะ ตามจริงเธอน่ะก็มีเสน่ห์อยู่พอสมควรนะ เธอน่ะหาเพื่อนได้ง่ายๆอยู่แล้วล่ะ มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ!"
"แต่ฉันไม่มั่นใจเลย ถ้าเป็นนายก็คงหาเพื่อนได้ง่ายๆ แต่กับฉันสิ..."
เมื่อได้ยินฉันพูดอย่างนี้...สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป จากที่เคยยิ้มก็กลายเป็นสีหน้าที่กดดันฉันจนพูดอะไรไม่ออก
"คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองน่ะ... ไม่มีค่าพอที่จะให้พยายามทำอะไรหรอก!!"
คำพูดของเขาบาดลึกเข้าไปในใจของฉัน จริงสินะ... ถ้าเราไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะลองสักกี่ครั้งก็ไม่มีทางทำได้หรอก
"งั้นเหรอ... ขอบ-"
"แต่ต่อให้เรื่องมันกลายเป็นเลวร้ายแบบสุดๆอย่างนั้นจริงๆ ฉันจะเป็นเพื่อนกับเธอตลอดไปเอง!!"
ล้อเล่นกันใช่ไหม! ในที่สุด... ในที่สุดเราก็มีเพื่อนแล้ว... เพื่อนคนแรกของฉัน!!!
และวันนี้ในอีก8ปีต่อมา... ฉันก็ได้มีโอกาสได้พบกับเด็กคนนั้นอีกครั้งในร่างของเด็กม.ต้น คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีกแล้ว!!
"เธอคิดดีแล้วเหรอ... เรื่องเจ้าหมอนั่นน่ะ"
"ฉันคิดดีแล้วล่ะ..."
เหมือนกับมีอะไรดลใจฉันให้พูดออกมาอย่างนี้ ซึ่งฉันรู้ดีว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าความรู้สึกในใจของฉันเอง...
"แต่หมอนั่นเป็นเพื่อนคนแรกของเธอไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาตอบปฏิเสธขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอก็จะไม่เหลือแล้วนะ..."
"ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย..."
ฉันหันไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังหยอกล้อกับกลุ่มเด็กสาวอย่างร่าเริง นายนี่ยิ่งโตยิ่งมีเพื่อนมากขึ้นนะ แล้วฉันล่ะ... ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายยังจำฉันได้อยู่หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ... ฉันยังจำทุกคำพูดของนายได้ทุกประโยค!!
"ก็ฉันน่ะชอบ โคริคาวะ ฮิซาชิ น่ะสิ!!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ