ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  37.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) คาบเรียนที่ 12 : รองประธาน และชมรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
คาบเรียนที่ 12 : รองประธาน และชมรม (บทอำลา 6)
          ทางด้านโตที่สามารถไขประตูเข้าไปในห้องดนตรีได้ก็เร่งทำการค้นหายันต์ในทันที เนื่องจากกลิ่นไอปกคลุมทั่วห้อง พวกเขาจึงจำเป็นต้องไล่หาตั้งแต่ตามซอกมุมของเครื่องดนตรีและทั้งบริเวณโต๊ะ ของ อาจารย์
          “ทางนี้ไม่เจอเลยค่ะ” แอนนาร่วมมือในการค้นหาเป็นแรงเสริมอีกแรงหนึ่ง ทว่าก็ยังหาไม่พบ         
          “ชิ มันจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกวะ” เอธรเริ่มไม่พอใจ
          การค้นหายังดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด โดยที่ทั้งสามไม่ได้สัมผัสถึงสายตาของใครบางคนที่แอบจ้องมองพวกเขาอยู่นอก ประตูอย่างมีลับลมคมในเลยแม้แต่น้อย           
          โตก้มหน้าก้มตาสูดดมกลิ่นไอว่าถูกปล่อยออกมาจากทางไหน ทว่ากลิ่นแรงมากจนเขาไม่อาจจับทิศทางได้ พลังพิเศษของเขาใช้ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มสงสัยว่าทำไมถึงยังหาไม่เจอสักที
          “น่าสงสัยจริง” โตรำพัน         
          “หมายถึงเรื่องอะไรล่ะ” เอธรถามกลับ
          “ทั้งที่หาจนทั่วแล้วแต่ยังไม่เจอน่ะสิ หรือบางที” เขาเอามือเกาคางพลางนึกถึงจุดที่ยังไม่ได้ค้นหา “บนหลังตู้เก็บเครื่องดนตรีไงล่ะ” โตชี้นิ้วไปยังเป้าหมาย “แต่มันค่อนข้างจะสูงแฮะ นี่แม่สาวน้อยขอเก้าอี้ตัวนั้นให้ฉันที” เขาย้ายเป้าหมายชี้ไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงโต๊ะครู ขณะสั่งใช้งานแอนนา
          “ค่ะ” เด็กสาวตอบรับ แล้วรีบลากเก้าอี้ส่งต่อให้โตในทันที
          ประธานหนุ่มลากเก้าอี้เข้าไปชิดตู้เก็บเครื่องดนตรีแล้วก้าวขึ้นไปยืนข้างบน ชะเง้อมองหายันต์บนหลังตู้จนสะดุดตาเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งถูกกล่องทับ ปิดไว้แต่ไม่มิด “รู้สึกว่าจะเจอแล้วนะ”
          โตยกกล่องออกแล้วก็สังเกตกระดาษที่ถูกทับไว้ข้างใต้ พบว่าเป็นยันต์จริงๆ อย่างที่คิดไว้ “ฮิฮิฮิ เลือกที่ซ่อนได้ดีนี่ แต่ถ้าจะหาจริงๆ ก็เจอล่ะนะ” โตใช้มือถูไถจมูกเอ่ยอย่างภูมิใจ
          หลังจากที่ทำการคลายมนต์ พวกเขาก็ออกจากห้อง โตขอแยกทางกับแอนนาเนื่องจากทั้งสองไม่ควรอยู่ใกล้กันนานเกินไป เพราะอาจทำให้อายุขัยของโตสั้นลงได้
          “เอาล่ะต่อไปที่ไหนล่ะ” เอธรถามอย่างสงสัย
          “นั่นสินะ ฮิฮิฮิ กลับไปที่บูทก่อนแล้วกัน” ราวกับเป็นการขอพักเหนื่อย โตเกาคางขณะพูด
          “จะเลิกหางั้นเหรอ”
          “เราหาไปได้มากพอที่จะทำให้เจ้าตัวการเคลื่อนไหวแล้วนี่นะ อีกอย่างขณะที่เราควานหายันต์กันอยู่นี้ บางทีเจ้านั่นก็คงกำลังจับตามองและวางแผนทำอะไรบางอย่างเป็นแน่” โตวิเคราะห์ให้เอธรฟังอย่างใจเย็น
          “ชิ งั้นฉันไปล่ะ” น้ำเสียงดูไม่พอใจเท่าไรนัก
          โตก้มหน้าลงคิด (‘บางทีฉันคงต้องพักผ่อนบ้างซะแล้วแฮะ ไม่ได้หลับมาหลายวันมีหวังสู้กับใครไม่ไหวแน่’)  
**************************************************************************************************************
          ทางด้านไคซึ่งกำลังขายสินค้าในขณะที่โจกำลังแนะนำบูทให้ครูก้าน โดยมีอีฟสอดส่องสายตาดูความประพฤติอยู่ติดๆ กัน แผ่รังสีสังหารมาจนถึงไค             
          ขณะกำลังจ่ายเงินทอนให้ลูกค้าเด็กหนุ่มเหลือบสายตามองไปทางประตูรั้วโรงเรียน สังเกตเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังจะถูกรถชนขณะข้ามฝั่งมาโรงเรียน เอี๊ยด โครม ร่างของเขาลอยตีลังกาหายไปต่อหน้าต่อตา
          ไคยืนอ้าปากค้างอย่างกะทันหัน แรงตกใจบีบอัดในอก เสียงกรีดร้องของเด็กนักเรียนสาวรอบๆ บริเวณดังลั่น เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกจากบูทเพื่อไปมุงดูเหตุการณ์
          “ค..ไคจะไปไหนน่ะ” อีฟเห็นเด็กหนุ่มรีบร้อนวิ่งไปจึงตะโกนถามไล่หลังไป
          “มีคนโดนรถชนครับ”
          “ฮะ แล้วจะไปมุงดูหรือไง” โจหันมาถามเสริมขณะบรรยาย
          “ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เข้าไปดูน่ะครับขอตัวสักครู่นะครับ” เด็กหนุ่มออกตัววิ่งหลบหลีกผู้คนตรงไปยังประตูรั้ว
          “ด...ดึงดูด คนโดนรถชนเนี่ยนะ” โจทำหน้างงอย่างเห็นได้ชัด
          เด็กหนุ่มมุ่งตรงไปถึงยังที่เกิดเหตุแหวกฝูงชนที่มุงอยู่เข้าไปดูเด็กคนที่โดนชน ทว่าน่าแปลกเด็กที่โดนชนกลับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ดูจากลักษณะมีแค่หัวแตกกับแผลทลอกเล็กน้อย ไม่น่าจะเป็นอาการของคนที่ถูกรถยนต์ชนจังๆ หรือบางทีเขาอาจใช้กระเป๋ารับแรงกระแทกในส่วนสำคัญได้ทันก็เป็นได้ หน้าตาของเด็กหนุ่มไม่คุ้นหน้าเลยสำหรับไค ทว่ากลับรู้สึกเหมือนเคยเจอกันมาก่อนอย่างบอกไม่ถูก
           ทรงผมทรงกะลาครอบ เลือดอาบหน้าผาก ส่วนสูงน่าจะไม่เกิน  170 ดูจากเข็มอยู่ระดับชั้น ม.4 เช่นเดียวกับเขา เสื้อผ้าขาดจากการครูดกับพื้น เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง พลางส่ายศีรษะอย่างมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้น                  
          “โดนชนจังๆ แต่ไม่เป็นไรเลย” ไคหลุดพูดสิ่งที่คิดออกมา ภาพที่เขาวาดไว้คือคงจะต้องนอนจมกองเลือด หรือเป็นภาพสยดสยองกว่าที่คิด แต่นี่กลับบาดเจ็บน้อยราวกับตอนเขาตกบันได
          “ทำไม..” เด็กหนุ่มที่โดนรถชน ก้มลงมองฝ่ามือของตนทั้งสองข้าง “ทำไมถึงรู้สึกเจ็บกันล่ะ” ดวงตาเบิกโพลงราวกับไม่เคยรู้สึกเจ็บมาก่อนแล้วเพิ่งเป็นแผลครั้งแรก “แสบตา แสงแสบตาชะมัด” 
          ไคเกาศีรษะขณะดูเด็กหนุ่มพึมพำ “พ..เพี้ยนไปแล้ว”
          ผู้คนเริ่มเดินกลับเข้างานเมื่อสังเกตดูว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คนขับรถรีบลงมาทำทีจะขอพาเด็กหนุ่มไปส่งโรงพยาบาลทว่าเขากลับปฏิเสธไม่เอา เรื่องไม่เอาความ 
           ไคยืนมองดูเหตุการณ์อย่างเงียบเชียบอยู่ แม้เขาจะไม่เกี่ยวข้องด้วยก็ตามแต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างบอกให้เขา คอยจับตาดูเด็กหนุ่มคนนี้เอาไว้          
เมื่อเรื่องทุกอย่างเคลียร์เสร็จ ไคเดินมุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มก่อนจะเอ่ยคำถาม “นาย..เป็นอะไรมั้ย”
          “อ้อ เจ็บๆ ปวดๆ ที่หัวนิดหน่อยน่ะ น...นายหน้าคุ้นๆ นะ อ้อเด็กใหม่นี่เอง” ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันแต่กลับรู้ว่าไคเป็นเด็กนักเรียนใหม่จึงทำให้เขาตกใจมาก
          “น..นายเป็นใครกันแน่”
          “ฉันเองไงฉันเอง พี่ชายของแทงค์” และประโยคที่เกินคาดแบบสุดๆ ก็หลุดออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม ม.4 ว่าตนเองคือธันซึ่งอยู่ ม.6
          “ว่า..ว่าไงนะ”  ไคตกใจร้องลั่น
          “หาว นายก็มองเห็นผีอยู่แล้วนี่จะตกใจไปทำไม” เด็กหนุ่มเหล่ตามองไคขณะหาว “จะว่าไปทำไมคนขับรถคนนั้นถึงมองเห็นฉันได้วะเนี่ย”
          ไคหยิบมือถือขึ้นมากดถ่ายรูปไปที่ ธันในร่างเด็กหนุ่ม แชะ ก่อนจะเปิดไปที่คลังรูปภาพ นำรูปโชว์ให้เขาดู
          “ถ่ายไปก็ไม่ติดหรอกฉันเป็นผีนะ เฮ่ย นี่มันใครวะ” เด็กหนุ่มทำตาถลนมองภาพในมือถือ แล้วคลำทั่วร่างของตัวเอง
          “ข...เข้าสิงโดยไม่ตั้งใจงั้นสินะ” ไคเหงื่อตกมองดูธันในร่างเด็กหนุ่มที่ลนลานอย่างตกอกตกใจหันซ้ายหันขวาและก้มลงดูตนเอง
          “นี่ฉันไปสิงร่างใครเข้าวะเนี่ย”
          ไคเมื่อเห็นดังนั้นก็เริ่มสงสัย (‘ถ้า เรื่องโดนเข้าสิงเราเองก็เคยโดนอยู่เหมือนกัน แต่วิญญาณมันน่าจะขับดันกันเองนี่นา ทำไมกรณีนี้ถึงดูเหมือนยึดร่างโดยสมบูรณ์ทันทีล่ะ’)
          “แทงค์” ธันนึกถึงน้องชายทันทีเมื่อรู้ตัวว่าได้เขาสิงคนไปแล้ว “ฉันต้องรีบไปหาแทงค์” เขาลุกขึ้นเตรียมจะมุ่งหน้าไปหาน้องชาย
          ทว่าไคกลับดึงคอเสื้อของเขาห้ามไว้ “พี่น้องจะเจอกันมันก็น่าดีใจอยู่นะครับ แต่ในสภาพนี้มันจะดีแน่หรอ” เด็กหนุ่มนึกถึงคนที่จะพอช่วยเรื่องนี้ได้ทว่าโตก็กำลังตามหายันต์อยู่
          “ก็จริงแฮะ” ธันในร่างเด็กหนุ่มทำหน้าเศร้า “สงสัยฉันจะรีบไปหน่อย”
          ไคพยายามคิดเรื่องสำคัญ “ก่อนอื่นก็ต้องรู้ให้ได้ว่าคนที่พี่สิงอยู่นี่คือใคร อยู่ ม.4 แต่ผมไม่คุ้นหน้าเลย บางทีคงจะอยู่ห้องอื่น ดูจากสภาพร่างกายควรเอาไปส่งห้องพยาบาลก่อนนะครับ”
          “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถูกรถชนแต่วิ่งเข้าห้องพยาบาลของโรงเรียน คนบ้าที่ไหนเขาทำกัน” ธันก้มหน้าลงมองเสื้อของตัวเอง เขาใช้มือจับที่เสื้อนักเรียนพลางหลับตา “ใช้พลังไม่ได้แฮะ ถ้าไม่ใช่ร่างของตัวเราเองก็ใช้ไม่ได้จริงๆ ด้วย”         
          “พลัง” ไคมองธันที่กุมอกเสื้อเอาไว้
          “ฉันสามารถอ่านความทรงจำของสิ่งของได้น่ะ แต่ว่าคงจะใช้ไม่ได้แล้วล่ะ” ธันปัดฝุ่นออกจากกางเกงแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ “อยู่ ม.4 สินะดีล่ะ”           
          “จะทำอะไรหรือครับ” เด็กหนุ่มมองธันที่เดินสวนผ่านไป
          “ก็จะไปเดินเล่นหาบูทของนักเรียน ม.4 ซักหน่อยน่ะ” ธันหันกลับมายิ้มให้ไค          
          “จริงด้วย ถ้าไล่หาไปเรื่อยๆ อาจจะเจอห้องของหมอนี่ก็ได้” ไคดีดนิ้วดัง ป๊อก เมื่อเห็นด้วยกับความคิดของธัน
           ไคเดินตามหลังธันในร่างเด็กหนุ่มไปยังบูทต่างๆ โดยลืมงานของตนไปเสียสนิท การตามหาบูทของระดับชั้น ม.4 นั้นไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่เพราะยังมีแผนผังให้ดูอยู่บ้าง ทว่าแม้การหาจะดูเป็นการเป็นงานสำหรับเขาแล้วสิ่งที่เห็นก็มีเพียงธันที่ กำลังสนุกไปกับบูทเท่านั้นเอง         
          (‘สุดท้ายแล้วก็เที่ยวเล่นสินะ’) ไคถอนหายใจดัง เฮ้อ ขณะไล่ตามพี่ชายของแทงค์
          ธันถือเครปญี่ปุ่นเดินออกมาจากบูทขายขนม แล้วเดินตรงไปยังอาคารเรียน ซึ่งก็ทำให้ไคหวั่นใจ ว่าจะโดนพวกอีฟรั้งตัวไว้
          เด็กหนุ่มวิ่งหลบหลังธันขณะเดินกลับเข้าอาคาร และก็ผ่านเข้าไปได้ด้วยดีดังที่คาดไว้ แม้หวิดจะโดนอีฟเรียกก็ตามที
          “นี่พี่ธันตายเพราะอะไรหรือครับ” ไคนึกเรื่องชวนคุยระหว่างเดินไปด้วยกัน
          “เอ๋ นี่นายยังไม่รู้อีกเหรอ”
          “ก็ไม่เคยคิดจะถาม เอ้ย พอจะถามก็เกรงใจน่ะครับ” เด็กหนุ่มเกาศีรษะเบนสายตาไปทางอื่น
          ธันหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มเฝื่อนๆ “รถชนน่ะ”
          “อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอจริงๆ นะครับ” ไครู้สึกสงสารธันซึ่งไม่มีแม้แต่โอกาสจะกล่าวอำลาน้องชาย
          ทั้งคู่เริ่มเดินต่อ “ก็นะ” ธันเอามือไขว้หลังขณะเดินขึ้นบันได “ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดขึ้น ก็คงไม่ต้องตายล่ะมั้ง”
          โป๊ก โอ้ย เสียงเด็กหญิงดังขึ้นหลังจากศีรษะของธันกับเธอกระทบกันอย่างแรง “เจ็บนะ”
          “ขอโทษครับ” ธันรีบโค้งตัว ก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ “ก..แก้ว”
          “คะ” พี่สาวปล่อยผมยาวปลิวไสว ผิวขาวอ่อนนุ่มละมุนตา กลัดเข็มกลัดระดับ ม.6 เธอยังคงสวยไม่เปลี่ยน “อ่าว รุ่นน้องนี่ รู้จักชื่อพี่ได้ไงเนี่ย”
              (‘จ..จริงสิ ตอนนี้เรา’) ธันดูวิตก สายตาหลุกหลิกผิดสังเกต
              ไคที่เห็นท่าทีอย่างนั้นจึงยื่นหน้าเขามาถามที่กกหู “คนรู้จักหรือครับ”
              “อ่า ยิ่งกว่ารู้จักเลยแหละ” ธันกระซิบตอบ
              รุ่นพี่สาวสุดสวยเริ่มสงสัยในท่าทีของเด็กหนุ่มทั้งสอง “ซุบซิบอะไรกันเหรอ” รอยยิ้มแสบๆ ชวนให้หวั่นจะถูกแกล้งกระตุกความทรงจำต่างๆ ของธันขึ้นมา
              “ป..เปล่าครับ พอดีพี่แก้วเป็นคนดังในระดับชั้นเรา ก..ก็เลย”  ธันเหล่ไปยังไคเป็นนัยว่าให้ช่วยเสริมคำพูด
          “อ..อ๋อ ใช่ครับพี่แก้วดังมากเลย” รอยยิ้มแหยๆ แต่ก็ไม่ผิดสังเกตเท่ากับธันที่สั่นหงักๆ นัก
          “เอ๋ โฮะๆ  พี่เพิ่งรู้ตัวนะเนี่ย” เธอนำมือมาป้องปากขณะหัวเราะอย่างตัวอิจฉา “แล้วน้องๆ ชื่ออะไรจ๊ะ”
          “ผมกริยาครับ” ไคตอบทันควัน       
          “อ่าเอ่อ..ธัน”  (‘ฉ..ฉิบหายแล้วลืมตัว’)
          “ฮะ” แก้วทำท่าทีตกใจกับชื่อที่เด็กอีกคนเอ่ยขึ้น เธอไม่มั่นใจในสิ่งที่ได้ยินจึงเบี่ยงหูขอฟังอีกที          
          “ธันเดอร์ครับ” (‘ฟู่ว หวิดไป’)
          “อ๋อจ้า พี่ไปก่อนนะ พอดีคนดังงานยุ่ง โฮะๆ” ว่าแล้วนางก็รีบวิ่งลงบันไดไปอย่างร่าเริงโดยไม่ผิดสังเกตเด็กหนุ่มทั้งสองเลยแม้แต่น้อย           
          ธันยืนมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่ควรจะได้เป็นแฟนกันหากตนไม่ตายไปเสียก่อน ช่างเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกเจ็บใจและทรมาน ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากการมองเพราะเขาทั้งสองได้อยู่ในคนละภพเสียแล้ว
           ธันกัดฟันกลั้นน้ำตาก่อนจะหันหลังวิ่งขึ้นบันได ตรงไปยังบูทของ ม.4 ห้อง A  ที่ชั้น 2          
          “นายชื่อกริยาใช่มั้ย” ธันเอ่ยขึ้นขณะเดินออกจากบริเวณบันได 
          “ครับ” ไคตอบรับด้วยรอยยิ้ม                 
          “เรื่องของฉัน จะต้องไม่บอกใครเลยสินะ” แววตาของธันดูเศร้าหมองขณะเอ่ยประโยคนั้น
          ไคที่เห็นแววตาแบบนั้นก็ไม่กล้าที่จะใจแข็ง “ค...ความจริง จะบอกกับพี่อีฟหรือพี่โตก่อนก็ได้นะครับ อืมๆ” 
          “ง..งั้นเหรอ บอกได้สินะ” ธันดูกระตือรือร้นในทันตา
          “ค...ครับ เพราะพี่อีฟ มีความสามารถในการอ่านใจจึงไม่จำเป็นต้องยืนยันอะไรมากนัก ส่วนพี่โตแค่เล่าไปพี่เขาก็เชื่อแล้วล่ะครับ ฮ่าๆ” ไคเล่าอย่างสนุกสนาน
          “น..นั่นสินะ” ธันยิ้มให้รุ่นน้อง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้า “นี่ตัวฉันมีเวลาอยู่ในร่างนี้ซักเท่าไหร่กันนะ” ธันอยากจะใช้เวลาที่ได้อยู่ในร่างนี้ไปอำลากับทุกคนให้ทันก่อนจะต้องกลับไปอยู่ในสภาพวิญญาณอีกครั้ง 
          “เปลี่ยนใจแล้วครับ” ไคจับมือของธันไว้แน่นก่อนจะเดินไปถึงตัวบูท “เรื่องตามหาตัวตนของเจ้าของร่างเอาไว้หลังจากนี้ เราไปหาพวกพี่อีฟกับพี่โตเถอะครับ” ไคโทษให้กับความใจดีของตนเองแต่ก็ไม่อาจจะฝืนได้ แม้จะรู้ว่าอาจผิดต่อเจ้าของร่าง
          “ขอบใจนะ แต่ว่าจะดีเหรอกับคุณเจ้าของร่างนี้น่ะ”
          “ก็แค่ยืมนิดหน่อยนี่ครับ คงไม่เป็นไรหรอก” เด็กหนุ่มมองพื้นทำหน้าวิตกก่อนจะกลับมายิ้มแล้วลากธันเดินกลับลงไปยังชั้น 1
          “อ๊ะ พีชมาอยู่นี่เอง” เสียงเด็กผู้หญิงดังเรียกธันในร่างเด็กหนุ่ม ทำให้สองคนชะงักค่อยๆ หันกลับมา  
           ไคมองด้วยความตกใจ (‘คนๆ นี้ รู้จักกับเจ้าของร่าง’) เขาพยักหน้าให้กับเธอหนึ่งครั้ง       
          ธันยิ้มพลางคิดในใจ (‘เห็นทีคงจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อนสินะ’) เขาหันไปหาไคก่อนจะพูดเสียงเบาๆ “ยังไงคงต้องเล่าเรื่องให้หล่อนฟังก่อนล่ะนะ”
          “หืม” หญิงสาวเอนคอสงสัยท่าทีของเด็กหนุ่มทั้งสอง           
**************************************************************************************************************
          เวลาผ่านไป ณ ห้องจัดแสดงงานของ ม.4 ห้อง A ซึ่งเป็นร้านกาแฟ ทั้งสามนั่งพูดคุยกันล้อมโต๊ะกลมขนาดเล็ก        
          “ความจำเสื่อม” หญิงสาวร้องเสียงหลง “พีชน่ะเหรอ”
          “อ่า..อื้ม เธอชื่อแนนใช่มั้ย เราจำเธอไม่ได้เลย ขอโทษนะ” ธันตอบด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ ขณะคิด ในใจ (‘จะบอกเรื่องเรามาเข้าสิงคงลำบาก ระหว่างที่อยู่ในร่างนี้ทำเป็นความจำเสื่อมไปก่อนแล้วกัน’)         
          “ไปหาหมอกันเถอะ” แนนลุกขึ้นพยายามจูงมือลากธันให้เดินตามออกไปนอกห้อง
          ธันไม่ยอมลุก “ใจเย็นก่อนสิ เรื่องนั้นเดี๋ยวไว้ฉันจะไปเอง กับหมอนี่น่ะ” เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปยังไคซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ           
          “หืม..นายนี่อยู่ปีเดียวกับเราหนิ” แนนมองไปยังเข็มกลัดประจำระดับชั้นตรงอกของไค           
          “อ่า..เราชื่อกริยาอยู่ห้อง B ฝากตัวด้วยนะ” ไคยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง
          “ดีล่ะ ขอบใจที่ช่วยพีชเอาไว้นะ” เธอโค้งตัวอย่างสุภาพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทำเสียงหงุดหงิด 
          “แต่ว่ามีอย่างที่ไหนปล่อยให้คนโดนรถชนมาเดินพล่านไม่ไปหาหมอ ถ้าเกิดอาการแย่ขึ้นมาจะทำยังไง”         
          “อย่าไปว่าหมอนี่เลย” ธันออกตัวเข้ายั้งอารมณ์เด็กสาว “ฉันเองแหละที่ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต ดูสิร่างกายก็แข็งแรงดี”        
          (‘ด..โดนว่าเข้าแล้วสิเรา’) ไคก้มหน้าขอโทษแล้วเอ่ยถึงสิ่งที่อยากทราบ “เอ่อ คุณสองคนไม่ทราบว่ามีความสัมพันธ์ยังไงหรือครับ” 
          “แหงอยู่แล้วก็ต้องเพื่อนกันสิ” แนนกอดอกพูดขณะทำหน้ามุ่ย “ถึงจะเป็นญาติกันด้วยก็เถอะ”          
          “ญาติ” ธันออกอาการตกใจอยู่บ้าง         
          แนนเอนตัวเข้าหาธันในร่างพีช มองตาไม่กระพริบ “ฉันเป็นลูกของพี่ของพ่อเธอไง”
          “อืม” ธันทำตัวไม่ถูกเมื่อหญิงสาวเข้ามาใกล้ใบหน้า (‘แค่บอกมาว่าเป็นลุงก็รู้เรื่องแล้วนี่นา’)         
          ไคที่นั่งฟังบทสนทนาของทั้งสองคนก็นั่งครุ่นคิดอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่า หากเธอรู้ว่ามีวิญญาณของธันอยู่ในร่างพีช เธอจะรู้สึกยังไง ซึ่งบางทีอาจทำให้เธอรับไม่ได้จนเป็นลมขึ้นมาหรือไม่ก็ทำการเรียกหมอผีมา ปราบในทันที อย่างไรก็ตามจึงควรเก็บเงียบไว้ให้ถึงที่สุด
          (‘ก่อนอื่นคงต้องพาไปหาพวกพี่อีฟ แล้วช่วยกันหาทางนำพี่ชายของแทงค์ออกจากร่างของเด็กที่ชื่อว่าพีชนี่ล่ะนะ เพราะขืนปล่อยไว้คงเรื่องใหญ่แน่ถ้าถึงหูผู้ปกครอง’) ไคจ้องมองไปยังธันขณะกำลังคิดหาวิธีปลีกตัว            
          “นี่นายจำไม่ได้เลยจริงๆ น่ะเหรอ” แนนมองธันในร่างเด็กหนุ่มอย่างเป็นห่วง
          ธันที่เห็นแววตาโศกเศร้าเช่นกันก็เผลอหลุดตัวลูบหัวเด็กหญิงไปตามความเคยชิน “ไม่ต้องห่วงนะ อีกเดี๋ยวก็จำได้แล้วล่ะ”
          ใบหน้าของแนนถูกย้อมไปด้วยสีชมพู จังหวะหัวใจเต้นสั่นระรัวดั่งกลองกระหน่ำ เธอไม่เคยเห็นพีชในมาดนี้มาก่อน เขาดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “นายใช่พีชจริงๆ แน่เหรอ”
          คำถามนั้นทำให้สองหนุ่มถึงกับชะงักคำพูด หากตอบก็คงไม่อาจจะตอบคำถามนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติมากนัก จึงเลือกที่จะเงียบและเผยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น           
          “ขอตัวก่อนนะ” ธันลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ก่อนหันกลับมากวักมือเรียกไค “กริยาเราต้องไปแล้ว”
          “อื้ม” ไคพยักหน้าให้เด็กสาวครั้งหนึ่งก่อนจะวิ่งตามธันออกไปนอกบูทของ ม.4 ห้อง A “เป็นถึงนักเรียนห้อง A เชียวหรือหมอนี่” ห้อง A ของโรงเรียนนี้ก็เปรียบเสมือนดั่งห้องคิง ซึ่งเป็นที่รวมตัวของเด็กนักเรียนอัจฉริยะจากทั้งโรงเรียนเอาไว้          
          “ถ้าพูดถึงห้อง A แล้ว แทงค์ก็เรียนอยู่ห้อง A นี่นะ” ธันนึกถึงใบหน้าของน้องชายขณะหลุดยิ้มเวลาพูด
          “อ..เอ๋ แทงค์อยู่ห้อง A หรือครับ ไม่รู้มาก่อนเลย”         
          “ใช่ เป็นน้องชายที่ฉันภูมิใจที่สุดเลยล่ะ” เด็กหนุ่มเก็บยิ้มไม่อยู่ แต่ก็ต้องทำหน้าครุ่นคิดเรื่องของเด็กสาว “แต่ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ นะแม่เด็กผู้หญิงนั่น สัมผัสได้ด้วยว่าตัวตนของเจ้าของร่างนี้เปลี่ยนไป” ธันกัดเล็บนิ้วหัวแม่มือขวาในขณะพูด “ลางสังหรณ์ของผู้หญิงนี่ดูถูกไม่ได้เลยแฮะ”      
          “นั่นน่ะ ก็เพราะจู่ๆ คุณก็ไปลูบหัวเขานั่นแหละครับ” ไคพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาเช่นเคย           “ดูๆ ไปแล้วน่าจะเป็นแฟนกันมากกว่าแค่ญาติพี่น้องนะครับ ถ้ามองจากท่าทีของเธอแล้ว”    
          “จะเป็นอะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ฉันต้องรีบหาวิธีออกจากร่างนี้ก่อนที่จะเป็นเรื่องใหญ่ล่ะนะ” ธันแหงนมองนอกระเบียงทางเดิน
          “เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ” ไคทำทีจะถอนหายใจในระหว่างเดินนำตรงไปยังบันได เป้าหมายคือบูทของชมรม         
**************************************************************************************************************
          เป็นเวลาเดียวกับที่โตก้าวเท้าเข้าสู่บูท ซึ่งโจและอีฟกำลังโค้งคำนับขอบคุณที่ครูก้านสละเวลามาเยี่ยมชมบูท พร้อมให้คะแนนว่าผ่านเตรียมรอคณะกรรมการเข้ามาตัดสิน
          โตเดินสวนกับครูก้านในจังหวะเดียวกัน เสียงกระซิบจากครูก้านแว่วเข้าแก้วหูของเด็กหนุ่มในชั่วครู่หนึ่งที่สวนทางกัน “ตั้งใจทำงานล่ะนายประธาน”
          โตตอบให้กับครูก้านที่เดินอยู่ด้านหลัง “ฮิฮิฮิ ของมันแน่อยู่แล้วครับรุ่นพี่”  
จบตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป
 
ธันกลับมาแล้ว // ครูก้านเป็นรุ่นพี่ของโต // เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป บทเริ่มต้นสู่การจากลาได้บรรเลงขึ้นแล้ว!!
 ปล. รักนะคนอ่าน    

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา