ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  37.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) คาบเรียนที่ 11.5 : ความตาย และชมรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ   (หลังเลิกเรียน)              

คาบเรียนที่ 11.5 : ความตาย และชมรม (บทอำลา 5)

               “ค...ครูก้านเป็นที่ปรึกษาของชมรมเราหรือครับ!?” ไคถามโจอย่างตกอกตกใจ

                “อ่า..ก็ใช่ แต่เป็นก็เหมือนไม่เป็นนั่นแหละ” โจทำทีไม่สบอารมณ์ “ก็หมอนี่น่ะเล่นไม่โผล่หน้ามาดูชมรมเลยไงล่ะ”

                 ครูก้านได้ยินจึงโมโหอยู่พอตัว “เฮ้ๆนี่ภาพพจน์ครูเป็นอย่างนั้นหรือเนี่ย” เขาฝืนยิ้มอย่างเป็นมิตรแต่ก็ไม่อาจฝืนคิ้วที่ขมวดได้อยู่ดี “ที่ฉันไม่ไปโผล่ก็จะได้ให้พวกนายทำกิจกรรมชมรมได้อย่างเต็มที่ไงล่ะ  จะได้ไม่ต้องมีคนมาคอยคุม”

                 ไคพยักหน้าให้ครูก้านแล้วหันไปคุยกับโจ “เอ..ก็เป็นครูที่ดีนี่ครับ”

                  “เหอะๆ ความจริงก็แค่อยากอู้ไม่ใช่เรอะ!” โจยังคงโต้กลับอย่างไม่ยอมถอย

                  “หึๆ เดี๋ยวปั๊ด! ไม่ให้ผ่านกิจกรรมที่บูทซะเลยนี่” ดูท่าทีอาจารย์หนุ่มจะยัวะสุดขีด

                   ไคเหงื่อไหลพราก “จะไปยั่วเขาทำไมครับพี่โจ!!!!”

                   “อ่า..ล..ลืมตัวไปเลย” โจมองไคอย่างรู้ใจกัน

                  ทั้งสองโค้งคำนับอาจารย์อย่างสุภาพ “ขอโทษครับ!!” โจเงยหน้าขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “เชิญทางด้านนี้เลยครับ” เขาผายมือเชิญอาจารย์เข้าบูท

                   ครูก้านหัวเราะรับชัยชนะผ่านเข้าไปในบูทอย่างสง่างาม “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ความจริงครูก็ไม่คิดจะให้พวกเธอตกตั้งแต่แรกแล้วล่ะนะ”

                   โจกัดฟัน กรอด!“หน็อย! ฝากไว้ก่อนเถอะ”

                   “ฝากอะไรงั้นหรือ……..” เสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากด้านหลังโจ

                   เขาค่อยๆ หันไปอย่างหวาดผวา “อ...อีฟ! ม..มาไงเนี่ย”

                   “ก็ว่าเป็นห่วงอยู่ จึงขอปลีกตัวอย่างพวกเด็กๆ มาดูสถานการณ์ก่อน หึหึหึ” เธอกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูด       

        ไคเดินออกห่างจากโจสองสามเมตร แอบดูอย่างหวั่นๆ (‘จะรอดมั้ยวะเนี่ย’)   

                     “ข..ขอโทษก๊าบบบบบ!!”

………………………………………………………………………………………………………

 

          สองวันก่อนที่ไคจะย้ายมา

            แสงแดดยามเช้าสาดส่องเป็นสัญญาณบอกถึงเวลาแห่งการออกเดินทางไปโรงเรียน อุณหภูมิเช้านี้อบอุ่นกว่าวันก่อนๆ ซึ่งปกติจะหนาวเย็นเป็นประจำ เด็กหนุ่มตัวสูงออกมายืนรอน้องชายที่หน้าบ้าน เขาควงกุญแจบ้านเล่นแก้เบื่อ พลางเหล่ซ้ายขวามองทิวทัศน์ยามเช้า

            “เสร็จแล้วครับพี่” แทงค์วิ่งออกมาจากบ้าน พลางกดล็อคลูกบิด แล้วปิดประตูบ้าน

             “ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องรีบนักหรอกแทงค์วันนี้ไม่รีบ” ธันยิ้มตอบน้องชายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสบาย

            กิจวัตรประจำวันของสองพี่น้องคู่นี้คือการตื่นสาย หากแต่บางครั้งก็จะตื่นเช้าอย่างน่าประหลาด และวันนี้ก็นับเป็นอย่างหลัง

            เขาทั้งสองเดินไปโรงเรียนเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ ใช้ชีวิตทั่วไปเหมือนคนธรรมดา ทว่าก็มีบางอย่างที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนทั่วไป พลังพิเศษ ซิกเซ้นส์ หรือตามที่คนอย่างเราๆ เรียกกัน คือสิ่งที่ธันและแทงค์แบกรับมันเอาไว้

            “พี่ครับเมื่อคืนผมลองเดินไปจนเจอเรือข้ามแม่น้ำด้วยแหละ” เด็กชายเริ่มเล่าถึงประสบการณ์      ที่พบเจอมาเมื่อคืนขณะนอนหลับ

            “นี่ถอดจิตไปอีกแล้วเหรอ?” ธันก้มลงมองแทงค์อย่างเป็นห่วง “อย่าทำบ่อยๆ นักสิเดี๋ยวเกิดกลับมาไม่ได้จะทำยังไง”

       “แหม...ทีพี่ยังใช้พลังของตัวเองได้เลยนี่นา...” เด็กชายทำหน้าบูดใส่ พลางสะบัดหน้าหนี

            “ก็ของพี่มันไม่อันตรายเหมือนของนายนี่นา..”

       “ก็จริงนะครับ..” แทงค์ซึมเศร้าเล็กน้อย ธันเห็นเช่นนั้นก็ลูบศีรษะน้องชายพลางยิ้มให้เขาขณะเดินไปโรงเรียนด้วยกัน

       ก้าวไปจนถึงโรงเรียนเหล่านักเรียนมากมายกำลังเดินเข้าสู่รั้วโรงเรียน สองพี่น้องเดินตรงไปยังอาคารเรียน

            “โย่ว! อรุณสวัสดิ์” โตโบกมือตะโกนไล่หลังธันและแทงค์  

            “สวัสดีครับพี่โต” แทงค์กลับหันหลังมายกมือไหว้โตอย่างสุภาพ ก่อนที่ธันจะหันมาโบกมือกลับไปให้โต

            “ว่าไง” ธันมองหน้าโตราวกับรู้ว่าเขามีเรื่องจะบอก

            อาจเพราะความสนิทกันของทั้งสองเลยทำให้พอจะสังหรณ์ใจหรือคาดเดากันได้ ซึ่งก็เป็นอย่างที่ธันคิด “วันนี้จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับนาย” โตยื่นหน้ามากระซิบที่ข้างหูโดยไม่ให้แทงค์ได้ยิน “พกสิ่งนี้ไว้กับตัว ห้ามหายเป็นอันขาด” โตนำถุงผ้าสีขาวเล็กๆ หย่อนใส่กระเป๋าเสื้อของธัน 

       (‘โอมาโมริงั้นเหรอ!?’) ธันเหงื่อตกที่โตเอ่ยอย่างจริงจังเช่นนั้น โดยความสามารถของโตที่มองเห็นอายุขัยและกลุ่มไอออร่าก็เป็นเครื่องยืนยันคำพูดนั้นได้ดี “ของแบบนี้..มันจะได้ผลเหรอ”

            “ฮิฮิฮิ กันไว้ดีกว่าแก้ เครื่องรางของคนญี่ปุ่นน่ะมีความเชื่ออยู่มากมายเลยนะ โอมาโมริก็เป็นหนึ่งในนั้น”

       “อาๆ ขอบใจ...ไปกันเถอะแทงค์” ธันพยักหน้าให้โตก่อนจะพาน้องชายเดินเข้าอาคารเรียน

            “ครับพี่!” เด็กชายเงยหน้ามองพี่ชายตัวสูงสง่า

             ธันแยกกับน้องชายที่ห้อง ม.1 คลาส A ชั้น 2ก่อน จะขึ้นไปห้องเรียนของตนที่ชั้น 7 เขาเหงื่อตก พะวักพะวง ถ้อยคำของโตยังคงติดคาอยู่ในหัวของเขา ขณะที่เขาก้มหน้าเดินขึ้นบันไดไล่มาจนถึงชั้นที่ 7 เด็กสาววัยเดียวกันก็วิ่งเข้ามาทักในจังหวะเหมาะเจาะ

            “ธัน ฉันรอนายอยู่พอดีเลย ช่วยอะไรหน่อยสิ” เธอ พนมมือถูไถไปมา ใบหน้าที่ดูฉายแววซุกซนเข้ากับนิสัย ผมเปียสองข้างเข้าหน้าเธอมาก รอยยิ้มเป็นของคู่กันกับตัวเธอจนแทบจะเป็นสัญลักษณ์บ่งบอก ส่วนสูงถึงไหล่ของธันได้ ซึ่งก็นับว่าสูงไม่น้อย บริเวณหน้าอกดูซ่อนรูปแต่อย่างไรก็ซ่อนไม่มิด

            “ฮะ! หา!” ธันที่ตกใจขณะกำลังจิตตกใบหน้าช่างดูน่ารักผิดคาด “ห...ให้ช่วยอะไรเหรอ...แก้ว”

       “ค...คือ” เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ธันป้องปากเป็นนัยว่าเป็นความลับ “มีคนขโมยเสื้อพละฉันน่ะ..ช..ช่วยตามหาหน่อยสิ”

       “ของแบบนั้นจะให้ฉันช่วยยังไงล่ะเฟ้ย” ธันหันข้างหลบพร้อมใบหน้าแดงก่ำ

            แก้วใช้มือทั้งสองจับใบหน้าธันหมุนกลับมา “ฮี่ฮี่ ก็ใช้พลังของนายไง..” เธอมองอย่างเจ้าเล่ห์ “วันก่อนนั้นนายยังช่วยชั้นตามหากระเป๋าที่หายไปอยู่เลยนี่น้าช่วยหน่อยน้า”

       ธันถอนหายใจ (‘เฮ้อ รู้งี้เก็บเป็นความลับดีกว่าแฮะ...’) เขาทำหน้าจำใจตอบ “เอาก็เอา... แล้วล่าสุดเอาเสื้อนั่นไปวางไว้ไหนล่ะ”

        “ใต้เก๊ะ” เธอตอบอย่างมั่นใจในทันที

        “มันก็น่าหายอยู่หรอกไว้ในที่แบบนั้น ถ้าไม่โดนไอ้โรคจิตเอาไป ก็โดนแกล้งนั่นล่ะ” ธันเดินออกจากบริเวณบันไดตรงไปยังห้องเรียนของ ม.6 คลาส C

             “น่านะ”

        ธัน เข้าไปในห้องพร้อมวางกระเป๋าถือไว้ตรงที่นั่งของตน ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะของแก้วพร้อมกับเธอ เมื่อทุกคนในห้องเห็นท่าทีของธันจึงแห่กันมามุงดู ทุกคนต่างซุบซิบกันว่อน “นั่นไงล่ะจะใช้แล้ว” “เห..เท่ดีจัง” “ของเก๊รึเปล่าวะ” “เก๊บ้านแกสิ หมอนี่น่ะของหายหาเจอได้ทุกอย่างเลยนะ” “แล้วรายนี้ล่ะ” “เห็นว่าเสื้อพละที่ใส่ไว้ในเก๊ะโดนขโมยน่ะเลยไปขอพึ่ง” ทั้ง สาวๆ และผองเพื่อนต่างยกให้เขาเป็นคนดังประจำระดับชั้น สาเหตุที่ธันไม่ได้ปกปิดพลังของตนเป็นความลับนั่นไม่ใช่เพราะอะไรเลยเว้น เสียแต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แต่แรกแล้ว และเต็มใจที่จะใช้มันช่วยเหลือคนอื่นรอบข้าง ซึ่งก็ทำให้เขาดังในหมู่สาวๆ เป็นพิเศษ

             เขาเริ่มหลับตาพลางวางมือที่โต๊ะของแก้ว “จะเริ่มล่ะนะ” เมื่อ เด็กหนุ่มเอ่ยประโยคนั้นทุกคนต่างจับจ้องกันตาเป็นมัน พลังของธันนั้นคือการอ่านความทรงจำของวัตถุสิ่งของ จากสิ่งที่โตอธิบายให้ธันเกี่ยวกับพลังนี้ความว่า ในความเชื่อของชาวญี่ปุ่นสิ่งของแต่ละอย่างล้วนมีเทพยาดาสิงสถิตอยู่ซึ่งก็ นับเป็นหูเป็นตาให้กับเขาเมื่อใช้พลังนี้ หรือก็คือมองเห็นในสิ่งที่สิ่งของนั้นสามารถเห็นได้ เช่น ถ้าจับก้อนหินก็จะมองเห็นบริเวณรอบข้างของก้อนหินก้อนนั้นในระยะสายตา

            “เอิ่ม..” เลือดกำเดาไหลออกจากจมูกของธัน หยดลงพื้นสองสามหยด ก่อนจะลืมตาหันไปยังแก้วด้วยสายตาโกรธแค้นออกเสียงตะโกนลั่นห้อง “ก็เธอใส่มันอยู่ไม่ใช่เรอะ!!!!!!!!”

        หญิงสาวทำหน้าประมาณว่าแกล้งสำเร็จใส่ธันด้วยรอยยิ้ม “ฮี่ฮี่ แผนการได้ผล!”

             “แผนการบ้านเธอสิฟระ! แอบมาถอดเปลี่ยนชุดอยู่แต่เช้าแล้วใส่เสื้อนักเรียนทับ พลางวิ่งมาให้ฉันอ่านความทรงจำโต๊ะเรียนของตัวเอง ไม่อายบ้างรึไงฟะเฮ่ย” ต่อมสุขุมของธันถูกเธอทุบแตกอย่างง่ายดาย

            ทุกคนในห้องต่างพากันหัวเราะ และไม่ถือสาอะไรเพราะแก้วมีนิสัยแสบซ่าเป็นบุคลิกของเธอไปเสียแล้ว เว้นเสียแต่ธันที่โดนแกล้งซึ่งฉุนพอตัว

            “คิกๆ ก็ฉันชอบหน้าตานายตอนเหวอๆ นี่นา” แก้วตบไหล่เด็กหนุ่มอย่างไม่ถือสา “อีกอย่างคนที่เห็นก็มีแต่นาย จะไปอายอะไร”

       “ผม..ก็ผู้ชายนะครับ” ธันก้มหน้าลงอย่างเอือมระอา (‘หรือนี่คือเรื่องไม่ดีที่หมอนั่นพูดถึงนะ’)

            การเรียนจากคาบแรกไล่ไปจนถึงพักเที่ยงจบลงด้วยดีพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักของ แก้วที่จ้องมองธันทีก็หัวเราะไปทีตลอดคาบ สร้างความรำคาญให้เขาเล็กน้อย

            “พักเที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน” แก้วเดินตรงมาชวนเด็กหนุ่ม “คิก”

          “ยังไม่หยุดหัวเราะอีกหรือฟระ! ยัยโรคจิต!” ธันทำหน้าเหวอเหงื่อตกเป็นทาง “คือวันนี้ฉันกะจะไปทานกับเพื่อนๆ ที่ชมรมน่ะ” ธันโบกมือปฏิเสธ “ไว้วันหลังนะ”

          แก้วยิ้มพลางตอบด้วยน้ำเสียงเศร้า “วันหลังน่ะ...มันไม่มีอีกแล้ว...ล่ะนะ”

          “ฮะ!” ธันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูตัวเองได้ยิน “ขอโทษนะ เอ่อ..เมื่อกี้ว่าไงนะ”       

            “อ๊ะ! เปล่าหรอก เปล่าๆ ไม่มีอะไร ไว้คราวหลังก็ได้จ้ะ” เธอวิ่งออกไปจากห้องหลังจากพูดทิ้งท้ายชวนสงสัยไว้กับเด็กหนุ่ม

            (‘อ่า...รู้สึกหนาวสันหลังขึ้นมาซะแล้วสิ’)ธันกุมศีรษะในขณะกังวล

            ที่โรงอาหารขณะที่ธันนั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับแทงค์ โต โจ และอีฟ

            โตมองหน้าธันอย่างไม่ละสายตา ซึ่งธันพอจะเดาได้ว่าเขากำลังมองบางสิ่งบางอย่างที่คาดว่าจะเป็น ‘เรื่องไม่ดี’ ที่ประธานหนุ่มพูดถึง ธันนึกเรื่องอะไรที่จะแก้บรรยากาศเงียบเชียบนี้ “อ่า..โต”

          “หือ??”

              “ถ้าสมมุตินะ สมมุติว่าฉันไม่ได้เป็นรองประธานของชมรมนี้...นายจะให้ใครเป็นงั้นเหรอ” ธันถามด้วยท่าทีสนใจซึ่งทุกคนในชมรมก็สนใจไม่ต่างกัน

            “ฮิฮิฮิ ถ้าไม่ใช่นาย..ก็ไม่เอาหรอก” โตฉีกยิ้มวางช้อนส้อมลงบนจานข้าว “สำหรับฉันแล้ว         รองประธานน่ะ..มีแค่นายคนเดียวเท่านั้น”

          ธันรู้สึกตื้นตันเล็กน้อย “อา...แล้วถ้าสมมุติฉันไม่ได้อยู่ชมรมนี้ล่ะ”

          “ถามแปลกๆ ฉันก็จะชวนนายเข้าจนกว่าจะได้น่ะสิ ฮิฮิฮิ ชมรมของฉันต้องมีคนเด่นๆ เรื่องพลังพิเศษกะเขามั่ง..ล่ะนะ” โตพูดเสร็จก็ตักข้าวเข้าปาก

            ธันยิ้มแหยๆ (‘เหอะๆ สรุปที่สนใจเนี่ย..พลังของฉันสินะ’)

            อีฟหลุดหัวเราะขณะดื่มน้ำ “แค่กๆ พี่โตไปพูดแบบนั้นพี่ธันเขาก็คิดมากสิคะ”

          “ฮิฮิฮิ...โทษที”

          การสนทนาที่แสนสั้นจบลงอย่างรวดเร็ว ทั้งห้าคนต่างเดินไปเก็บจาน แล้วตรงกลับไปยังตึกเรียนเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่คาบเรียนถัดไป

            ธันเดินมาเคียงคู่กับโตแล้วเริ่มพูดกระซิบเบาๆ “วันนี้ยัยแก้วดูท่าทางแปลกๆ ไปนะ” แก้วเป็นคนดังของระดับชั้น ม.6 จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โตจะรู้จักแม้เขาจะอยู่ห้องคลาส A ก็ตามที

            “งั้นเหรอ...” โตยิ้มราวกับรู้เรื่องอยู่ก่อนแล้ว “ดีจังเนอะ”

            “นี่นาย....คงไม่ได้ไปพูดอะไรกับเธอใช่มั้ย” ธันมองโตอย่างสงสัย ด้วยลางสังหรณ์ของเขาที่รู้สึกได้ว่าโตกำลังปิดบังบางอย่าง

            “ฮิฮิฮินั่นสินะ”

          “นายน่ะ....มองเห็นสินะ!” ธันจ้องหน้าโตเขม็ง “อายุขัยของฉัน....มันจะหมดลงใช่มั้ย”

          “อา..... ประมาณ 6 โมงเย็น..ของวันนี้”  โตกัดฟันพูดอย่างเจ็บใจ “ผู้หญิงคนนั้นน่ะ...            นายชอบยัยนั่นสินะรีบๆ บอกกันไปซะจะดีกว่านะ ดูเหมือนยัยนั่นก็ชอบนายอยู่เหมือนกัน” โตที่สามารถมองกลิ่นไอความรู้สึกของคนได้รับประกันอย่างมั่นใจ

            “บอกเรื่อง...อายุขัยของฉันกับยัยนั่น..ไปแล้วสินะ” ธันกำหมัด “ยัยนั่นถึงได้พูดว่าจะไม่มีวันหลังอีกแล้ว..หลังจากที่ฉันผลัดวันไป..”

          “อา ฉันบอกเองแหละ...แม่นั่นดูจะเชื่อเรื่องลึกลับง่ายกว่าที่คิดแฮะ” โตพูดกับธันอย่างตรงไปตรงมา

          เด็กหนุ่มคลายหมัดเขาเข้าใจถึงความหวังดีของเพื่อนสนิท“อย่ามายุ่งกับความ รู้สึกของคนอื่นนะ!” น้ำเสียงของธันเริ่มแฝงความเศร้า “6 โมงเย็นสินะ...นี่..ช่วยอะไรฉันสักอย่างสิ..”

          “อะไรล่ะ”

          “อย่าให้หมอนั่น....มาเห็นฉัน...ตอนตายเด็ดขาด” น้ำตาของธันพร่างพรูออกมา เขาทั้งสองหยุดเดินขณะขึ้นบันไดชั้น 4 

            “อา....มีกลุ่มไอสีดำรายล้อมนายอยู่...อย่าให้โอมาโมริออกห่างจากตัวนายเด็ดขาด” โตพูดอย่างเคร่งครัด

            “งั้น..ฉันไปล่ะ” ธันใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป

            โตยิ้มขณะเงยมองดูแผ่นหลังของธัน (‘นายน่ะ...ห่วงหมอนั่นมากไปแล้วนะ…เจ้าบ้าเอ๊ย’)

          ธันเดินกลับไปยังห้องเรียนของตนอีกครั้ง และหวังจะพูดกับแก้วอย่างตรงไปตรงมา เขามั่นใจว่า ‘เรื่องไม่ดี’ จะต้องเกิดขึ้นกับตัวของเขาตามที่โตว่าไว้เป็นแน่ เพราะการโกหกไม่ใช่นิสัยของโต

            เมื่อเดินตรงไปถึงห้องเรียน แก้วยืนอยู่หน้าห้องราวกับมารอเขาอยู่ก่อนแล้ว เธอยืนพิงผนังไขว้ขา หันหน้าไปยังเด็กหนุ่ม พลางส่งยิ้มบางๆ เจือปนความโศกเศร้ามาให้ธัน

            ธันเดินเข้าไปใกล้“เอ่อ...ออกไปคุย...บนดาดฟ้ากันมั้ย..ยังมีเวลาก่อนพักเที่ยงหมดประมาณยี่สิบนาที” 

          “อื้ม”

          ทั้งสองเดินตรงไปยังบันไดขึ้นดาดฟ้า โดยธันเดินนำหน้า ในขณะที่แก้วก้มหน้าเดินตามหลังมาติดๆ กัน

            ธันและแก้วเดินมาจนถึงระเบียงดาดฟ้า รับสายลมที่พัดปะทะผ่านใบหน้า แม้แสงแดดจะยังคงร้อนอยู่บ้างแต่ก็ยังมีสายลมเย็นๆ พัดผ่านอยู่เสมอ            

          แก้วเป็นฝ่ายเริ่มประโยคสนทนา “นายรู้มั้ย..ฉันน่ะ...เคยไม่เชื่อเรื่องลึกลับเลยแม้แต่น้อยมาก่อนนะ” เธอเงยหน้ามองธัน “นี่..ก็ไม่รู้ว่านายจะเชื่อรึเปล่านะ ว่าฉันเองก็มีพลังพิเศษเหมือนกัน”

          “หืม...” ธันหันมาสบตากับแก้ว

            “พลังที่เรียกว่าลางสังหรณ์ของผู้หญิงไงล่ะ” น้ำตาเธอเริ่มคลอ “เย็นเมื่อวาน...เพื่อนแปลกๆ ของนายบอกฉันมาว่านายกำลังจะตายล่ะ”

          “อืม”

          เธอยังไม่ละสายตาไปจากธัน “ฉันสังหรณ์ใจมาก่อนหน้านั้นแล้วนะ... แต่พอเพื่อนนายพูดแบบนั้น...แถมดูจริงจังซะด้วย ฉันเองก็อดคิดไม่ได้... ว่ามันจะเป็นจริง”

          “อา...เป็นเรื่องจริงสิ! ถ้าหมอนั่นพูดแบบนั้นน่ะ...ต้องเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว” ธันหันออกไปมองทิวทัศน์ของวัดข้างโรงเรียน “หมอนั่นน่ะ...เก่งเรื่องทำนายทายทักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...จะให้ไม่เชื่อ เรื่องพลังที่มองเห็นอายุขัย...ก็คงจะยากล่ะนะ”

          “หกโมงเย็นของวันนี้” แก้วเริ่มเอ่ย

            “....”

          “หกโมงเย็นของวันนี้..ให้ฉันอยู่ข้างนายนะ” น้ำตาของเธอเริ่มไหลออกเป็นสายธาร สายธารแห่งความโศกเศร้า

            “ฮ่าๆ ไม่ล่ะ” ธันหลุดหัวเราะ

            “ทำไมล่ะ!? หรือนายจะไม่ชอบฉันงั้นเหรอ” แก้วถามธันอย่างใจหาย

            “ใช่ที่ไหนกันเล่า! ...เพราะชอบนี่แหละถึงไม่อยากเห็นเธอมาร้องไห้ตอนฉันตายไงเล่า เดี๋ยวก็ไปเกิดไม่ได้พอดี” ธันพูดอย่างสบายใจราวกับไม่รู้สึกอะไร

            “น..นั่นสินะ...” เธอก้มหน้าลงพยามเข้าใจเด็กหนุ่มก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ “ฮะ! เดี๋ยวนะ นายชอบฉันเหรอ!!!??”

           ธันลูบศีรษะของแก้วพลางยิ้มออกมาจากใจ “ยัยบ้าเอ้ย! ป่านนี้เพิ่งจะรู้หรือไง” เขาวางมือลงแล้วเดินตรงกลับเข้าในอาคาร “ฝาก...ดูแลน้องชายของฉันด้วยนะ..”

          แก้วหลั่งน้ำตาภายใต้ใบหน้าสีแดง “จนป่านนี้...ก็ยังเป็นห่วงคนอื่นสินะ..นายเนี่ย”

          “อา... เพราะคนที่ตายไปแล้วน่ะ มันไม่ลำบากเท่าคนที่มีชีวิตอยู่...ล่ะมั้ง”

          “นั่นสินะ” เธอวิ่งตามหลังธันกลับเข้าตึกเรียน

            ทั้งสองกลับเข้าห้องเรียนเริ่มต้นคาบเรียนช่วงบ่ายไล่ไปจนถึงสี่โมงเย็น การเรียนช่างดูไร้ความหมายสำหรับคนที่เตรียมใจตายอย่างธัน เขาแหงนมองนอกหน้าต่างตลอดคาบ

ออด!!ถึง เวลาเลิกเรียน เสียงออดดังไปทั่วทั้งโรงเรียน เหล่านักเรียนแห่กรูกันออกจากห้องมุ่งตรงลงบันไดกันอย่างรวดเร็ว เวลา 16.00 น. เป็นเครื่องบอกว่าธันมีเวลาเหลืออีกเพียงสองชั่วโมง

“นี่ แก้ว...เธอจะทำยังไงถ้าจู่ๆ ก็รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายภายในวันนั้นโดยที่ไม่ได้เตรียมใจรับมือมาก่อนเลย” ธันถามเด็กสาวที่กำลังสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้อง

“เป็นฉันจะโดดเรียนไปทำทุกอย่างที่อยากทำยังไงล่ะ” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม

“อ่า..ดูท่าฉันจะพลาดโอกาสนั้นซะแล้วแฮะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ธันเกาศีรษะขณะหัวเราะด้วยรอยยิ้ม

          แก้วเดินเข้ามากอดเด็กหนุ่ม ก่อนจะร้องไห้เบาๆ “ธัน...ถ้านายรอดจากวันนี้ไปได้...เราต้องคบเป็นแฟนกันนะ”

          “อา” ธันใช้มือลูบหัวเธอในอ้อมกอด

        น้ำตาของหญิงสาวเริ่มไหลพราก “ถ้าเราคบกันแล้ว...จะต้องไปเที่ยวด้วยกันเยอะๆ เลยนะ”

         “อา”

         “จะไปสวนสนุก กินขนมอร่อยๆ ดูหนังด้วยกัน ไปคอนเสิร์ตด้วยกันนะ”

          “อา... ฉันสัญญา”

          “อย่าตาย...เลยนะ” เสื้อนักเรียนของธันเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของเธอ     

          “อา” ธันจับไหล่ทั้งสองข้างของแก้ว ดันเธอออกจากอ้อมกอด ทั้งสองสบตากัน “พอเห็นเธอแบบนี้แล้ว” น้ำเสียงออกเด็กหนุ่มเริ่มเหมือนคนกำลังร้องไห้ น้ำตาของเขาเริ่มไหลออกมา “พอเห็นเธอแบบนี้แล้ว...ฉันเริ่มรู้สึกไม่อยากตายขึ้นมาเลย” ธันกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น “ถ้าฉันไม่ตาย...สินะ”

          “พี่...จะตายหรือครับ” เสียง ของแทงค์ดังขึ้นจากด้านหลังของธัน เด็กชายคงขึ้นมาบนอาคารเพื่อจะมารับพี่ชายเข้าห้องชมรม ทว่าเขากลับได้ยินที่พี่ชายพูดทั้งหมดแล้ว

            “แทงค์!!” เด็กหนุ่มปล่อยมือออกจากหญิงสาว

            “พี่จะตายหรือครับ” เด็กชายเริ่มร้องไห้ “ทำไม..ล่ะครับ”

            “ตงตายอะไรกัน...พี่ไม่ตายหรอกน่าเจ้าน้องบ้าเอ้ย” ธันเดินตรงไปยังแทงค์พร้อมลูบหัวเขาเบาๆ “พี่จะไม่ตายจนกว่านายจะดูแลพ่อแม่ได้เด็ดขาด”

             “ส...สัญญานะครับ” แทงค์พูดอย่างจริงจัง

             “สัญญาสิสัญญา ดังนั้นนายห้ามร้องไห้เด็ดขาดเลยนะ” ธันพูดพร้อมเกี่ยวก้อยให้สัญญากับน้องชาย

            แก้วมองดูความรักระหว่างพี่น้องอยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ ในขณะเดียวกันโตก็เดินมาจากทางด้านหลังของเด็กสาว

            “แทงค์นายไปที่ห้องชมรมกับฉัน” โตเดินตรงไปทางแทงค์ “นายกำลังขัดขวางโรแมนซ์ของสองคนนี้อยู่นะ ฮิฮิฮิ”

          ธันเงยหน้าขึ้นมองโต “ฝากด้วยนะ”

          “โรแมนซ์??” แทงค์มองอย่างงุนงง

            “แน่นอน! ตราบใดที่หมอนี่ยังเป็นสมาชิกในชมรมล่ะนะ ฮิฮิฮิ” โตเดินจูงมือแทงค์ตรงไปยังบันไดหวังขึ้นไปยังห้องชมรม

            “แทงค์” ธันตะโกนไล่หลังน้องชาย แทงค์หันกลับมาขณะที่เดินอยู่กับโต “ลาก่อนนะ” ธันพูดเบาๆ

            “อะไรนะครับพี่” แทงค์ตะโกนถามกลับ

            “อ่ะ...ไม่มีอะไร!!”

          และแล้วแทงค์กับโตก็เดินจากไป ธันหันกลับมาหาแก้วเตรียมพร้อมที่จะกล่าวลา “อายุของคนเนี่ย...มันสั้นนะ”

          แก้วยิ้มให้ “สั้นมากเลยล่ะ! ทั้งๆ ที่คนก็อายุสั้นอยู่แล้วถ้านายมาตายไปก่อน ฉันจะไม่ให้อภัยเลยคอยดู” เธอพูดเช่นนั้นพร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินจากไป

             ธันเดินเข้าไปเก็บกระเป๋า ขณะนี้เวลา 16.30 น. เหลืออีกชั่วโมงครึ่งก่อนจะถึงเวลา เขาเดินเล่นชมโรงเรียนอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนจะมุ่งกลับบ้านหวังทิ้งข้อความ อำลาพ่อแม่

เขาเริ่มก้าวขาเดินไปบนถนนพลางหยิบโอมาโมริที่โตให้ออกมา จากกระเป๋า ทว่าถุงผ้าที่เป็นสีขาวกลับถูกย้อมจนเป็นสีดำ “น..นี่มัน..” บางทีกลุ่มไปสีดำที่โตพูดถึงอาจเริ่มแผลงฤทธิ์เพราะใกล้จะถึงเวลาตายเต็มที โอมาโมริที่จะรับเคราะห์แทนเขาได้ถึงขีดสุดแล้ว มันไม่อาจช่วยอะไรได้อีก

             เอี๊ยด!! โครม!! รถยนต์คันหนึ่งพุ่งตรงเลี้ยวบนทางโค้งโผล่มาอย่างรวดเร็วราวกับเบรกแตก กระแทกร่างเด็กหนุ่มอย่างเต็มแรง อัดตัวของเขาปลิวออกไปไกลหลายสิบเมตร ขณะที่ตัวเขาลอยเหนือฟ้าสติของเขาเริ่มเลือนราง (‘ทั้งที่..น่าจะเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงแท้ๆ...นี่นา...ทำไมกัน’) ทันทีที่ร่างสูงใหญ่ของเขากระแทกกับพื้นราวกับจะแหลกสลายไปเสียทั้งร่าง สติของเขาก็ขาดหายไป เลือดนองท่วมบริเวณแห่งนั้น สิ่งที่เรียกว่าผิวหนังห่อหุ้มร่างกายของมนุษย์นั้นช่างเปราะบาง แตกแหลกไปได้อย่างง่ายดาย ราวกับก้อนเนื้อที่ตกลงพื้นด้วยแรงกระแทก  ครูดไปไกลเป็นเมตรกระเด็นหมุนตีลังกาไปหลายตลบ

             ผู้ คนแห่กันมุงดูสภาพที่ไม่น่ามองเท่าไรนักของธัน เจ้าของรถคันนั้นขับหนีไปได้ และช่างน่าเสียดายที่บริเวณนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดอยู่เลย จึงยากลำบากในการค้นหาตัว ช่างน่าสงสารเด็กหนุ่ม

             สิ่งหนึ่งได้ลอยหลุดจากร่างของเขาไป “แทงค์” สิ่ง นั้นหยุดลอยอยู่เบื้องหน้าน้องชาย วิญญาณของเขานั่นเอง วิญญาณไม่อาจสื่อสารข้อความใดๆ ได้ แทงค์จึงไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาเลยแม้เพียงน้อย

              วิญญาณของเขาที่ติดห่วงอยู่นั้นไม่อาจไปเกิดหรือไปยังโลกหลังความตายได้ ความเศร้าโศกได้รั้งจิตของเขาไว้ ณ โลกคนเป็น

         ในหมู่คนที่มุงดูอยู่นั้น “คน...ขี้โกหก” เด็กสาวกำมือพร้อมน้ำตา “ไหนว่าจะไม่ตายไงเล่า”

 

          จบตอน

     

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา