ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)
6.8
เขียนโดย shotaro
วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.
32 ตอน
8 วิจารณ์
36.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) คาบเรียนที่ 11 : อาจารย์ นักเรียน และชมรม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)
คาบเรียนที่ 11 : อาจารย์ นักเรียน และชมรม (บทอำลา 4)
“ฮิฮิฮิ วัยรุ่นนี่ดีจริงๆ เน้อ... เอาล่ะ มาทำลายไอบรรยากาศสะอิดสะเอียนนี่กันเถอะ!!” โตเดินเข้ามาจนใกล้เด็กหนุ่ม “ก่อนอื่นก็ต้อง..” โตนำมือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งถือสมุดบันทึกอีกข้างถือโทรศัพท์ เขาเปิดไฟมือถืออ่านข้อความในสมุด “เอ...รู้สึก ว่าเวลาถูกสัมภเวสีรุมล้อมสิ่งที่ควรทำคือ...สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส 5 จบ เอ...ต่อด้วย พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ (**สัพเพสามัคคี**) สินะ อืมๆ” เมื่อ โตอ่านเสร็จเขาก็เริ่มบทสวดปรับภพภูมิวิญญาณต่างๆ ให้เกิดในภพภูมิที่ดีขึ้น ซึ่งนั่นก็เริ่มได้ผลเมื่อเขาสวดเสร็จเหล่าวิญญาณค่อยๆ หายไปทีละดวง
เมื่อเห็นว่าบทสวดของโตได้ผลไคซึ่งชะงักอยู่ก็ยกมือถามอย่างสงสัย “เอ่อ..พี่โตครับทีแรกนึกว่าจะสวดแผ่เมตตาซะอีกนะครับ...แฮะๆ”
“อ๋อ..นั่น ก็ใช้ได้นะแต่โอกาสได้ผลมันน้อยน่ะ ถ้าผู้สวดไม่ได้คิดจะแผ่ให้เขาจริงๆ ในใจคิดแต่จะไล่ให้ไปๆ เขาก็ไม่ไปหรอก ฮิฮิฮิ ไหนๆ ก็ไหนๆ ปรับภพภูมิไปซะเลยดีกว่า แต่สัพเพสามัคคีนี่ก็นับเป็นแผ่เมตตาเหมือนกันอยู่นะ อืมๆ”
โตอธิบายอย่างครุ่นคิด ในขณะเดียวกันก็รอให้เหล่าวิญญาณหายไปจนหมด
“แต่ว่า...ในที่สุดก็คลายยันต์ไปได้สี่ใบแล้วสินะ..เฮ้อ” ไคถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
โตเบิกตากว้างตกใจเล็กน้อยก่อนจะหลับตายิ้มบางๆ (‘มีหลายใบงั้นเหรอ อย่างนี้นี่เองสินะ’) เขาเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“หาไปได้สี่ใบแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเหลืออีกกี่ใบอยู่ดีไม่ใช่หรือไง” เอธรพูดตัดกำลังใจเช่นเคย
“ฮิฮิฮิ เอาน่า อย่างน้อยก็หาได้มาบ้างก็ดีแล้วนี่นา” โตตบไหล่ให้กำลังใจไค
“ค..ครับ” ไคก้มหน้ารับคำ “ที่เหลืออยู่ก็คือห้องที่ปิดอยู่บางห้อง และก็ห้องโถงการแสดง...”
“หืม...” โตเกาคางหลังจากเก็บมือถือกับสมุดพกเข้ากระเป๋ากางเกง
..........................................................................................................................................................................
ที่บูทของชมรมทำงานบ้าน ขณะนี้เวลา 11.00 น.
“เอ๋..!! กริยายังไม่เข้าบูทอีกเหรอ!!?” เอิร์ธทำหน้าผิดหวังอยู่หน้าโต๊ะขายสินค้า พร้อมกับเดียร์ที่ยืนอยู่ซ้ายมือ
“ค่ะ รู้สึกว่าเวรของพี่เขาจะเป็นช่วงรอบบ่ายนะคะ” โซเฟียยิ้มตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเอ่อ..เราไปเดินเล่นในงานรอกันก่อนก็แล้วกันนะ” เอิร์ธหันไปชวนเดียร์ที่ดูเงียบๆ ซึ่งนั่นอาจเป็นผลมาจากการที่ไคยกโอกาสนี้ให้เธอได้ใกล้ชิดกับเอิร์ธมากกว่าทุกครั้ง
"ต..ตามใจนายสิ"
หลังจากที่ลูกค้าหมดอีฟจึงเดินมายืนอยู่ข้างโซเฟีย “ลูกค้าหมดแถวแล้ว โซเฟียกับแทงค์ไปพักกันก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวที่เหลือพี่จะดูให้เอง”
โซเฟียส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูจะช่วยเฝ้าบูทด้วย”
ในขณะที่ทั้งสองสนทนากันอยู่นั้น อาจารย์สาวคนหนึ่งก็เดินมาเยือนยังบูท “อ๊ะเจอแล้ว! บูทชมรมทำงานบ้าน” เสียงหล่อนดูดีใจที่หาบูทจนเจอ
“อาจารย์นวลจันทร์สวัสดีครับ/ค่ะ” เหล่าหนุ่มสาวยกมือไหว้ครูนวลจันทร์พร้อมกัน
“สวัสดีจ้ะ เอ...กริยาไม่อยู่หรือจ๊ะ!!” เธอรับไหว้แล้วทำทีมองซ้ายแลขวาหาเด็กหนุ่ม
โซเฟียเงยหน้ามองอีฟ “พี่ไคนี่...มีคนถามหาเยอะนะคะ!” เธอยิ้ม
“ก็จริงนะ!” อีฟพยักหน้าตอบสาวน้อย แล้วหันไปยังอาจารย์สาว “คือเวรของเขาอยู่ในช่วงบ่ายน่ะค่ะ แล้ว...อาจารย์มีธุระอะไรกับเขาเหรอคะเผื่อเร่งด่วนหนูจะได้ไปตามให้ค่ะ”
“อ๋อ เปล่าจ้ะ แค่มาเยี่ยมบูทเฉยๆ นั่นแหละ”
“สงสัยว่าบูทนี้จะขายของได้ดีถ้ามีกริยานะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า” เอิร์ธปล่อยมุข
“ฮิฮิ ก็จริงเนอะ!” อีฟหัวเรอะกับมุขของเอิร์ธเบาๆ
หลังจากที่ผ่านการพูดคุยหน้าบูทเอิร์ธก็ชวนเดียร์ไปเดินเล่นรอไค ในขณะเดียวกันครูนวลจันทร์ก็เดินตระเวร เยี่ยมเยือนบูทอื่นๆ ต่อ
..........................................................................................................................................................................
“พี่ยาเขาไปอยู่ไหนกันนะ...” ทางด้านของน้องสาวคนสวยซึ่งกำลังตามหาพี่ชายอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารเรียน ฃึ่งเธอกวาดสายตามองหาจนทั่ว
เด็กสาวเดินตรงไปยังบันไดหวังขึ้นไปหาต่อชั้น 3 เธอคิดหาสารพัดวิธีทำโทษพี่ชายของเธอ “ฮึ่ม...พี่ยาอย่าให้เจอนะ จะสั่งให้เลี้ยงข้าวแพงๆ เลยคอยดู”
“ฮัดเช้ย!” เสียงจามดังมาจากทางด้านหลังของจีน
“ฮิฮิฮิ สงสัยนายจะโดนนินทาซะล่ะมั้ง” โตยิ้มแฉ่งขณะแซวไค
“รู้สึกแปลกๆ แฮะ หนาวๆ ชอบกล” ไคสัมผัสได้ถึงลางร้ายอันใกล้ตัว ซึ่งความจริงมันอยู่เบื้องหน้าของเขานี่เอง
ทางน้องสาวซึ่งจำเสียงของพี่ชายได้อย่างแม่นยำ เธอรู้ทันทีเมื่อได้ยินประโยคสนทนาอันใกล้ เธอหยุดเดิน แล้วหันกลับมาอย่างช้าๆ จนไคสังเกตได้
“จ...จีน!!” ไคดูจะทึ่งที่เห็นน้องสาว “อ้าวไง มาได้ไงเนี่ย...” ทันทีที่เด็กหนุ่มจะโบกมือทักทาย เธอก็พุ่งเข้ามาใช้ศอกกระแทกหน้าท้อง “อ้อก!!” ไคเดินโซเซกุมท้อง “ท...ทำไม..”
“ฮิฮิฮิ การทักทายแบบใหม่เรอะ!” โตหัวเราะเบาๆ
“บังอาจทิ้งน้องไว้ตอนเช้าแถมหายหน้าหายตาไปไหนก็ไม่รู้ หึๆ แค้นนี้ต้องชำระ” จีนแสยะยิ้มที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าภูตผีเสียอีก
(‘จ...จะทำยังไงดีล่ะมีจีนอยู่แบบนี้ก็ไปหายันต์ต่อไม่ได้นะสิ’) ไคกุมท้องมองจีนขณะคิด
โตก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเด็กหนุ่ม “ไม่เป็นไรนายไปกับน้องสาวนายเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวพี่หาต่อเอง” เขาลูบหัวเด็กหนุ่ม
“ข..ขอบคุณครับ” ไคพยักหน้าให้โตก่อนจะหันหน้าไปยังน้องสาว “ขอโทษละกันที่ออกมาก่อน แล้วจะเอาไงล่ะ เลี้ยงข้าว!?”
“ฮิฮ่า พี่ยาคงไม่คิดสินะคะว่าแค่เลี้ยงข้าวแล้วเรื่องจะจบ มางานเทศกาลทั้งทีพาหนูเที่ยวเลย!!” เธอคว้าแขนไคลากออกจากโต “หนูขอตัวพี่ยาไปก่อนนะคะ” และทิ้งท้ายไว้ให้ประธานหนุ่ม
โตยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนจะหันกลับไปเตรียมตัวหายันต์ต่อ
“แล้วจะเริ่มจากที่ไหนต่อล่ะรุ่นพี่” เอธรกระซิบข้างหูของประธานหนุ่ม
“ก็คงจะเป็น...ห้องดนตรีล่ะนะ” โตเกาคาง “ห้องนั้นล็อคเอาไว้ก็จริง แต่มีอยู่คนหนึ่งที่มีกุญแจล่ะนะ ฮิฮิฮิ” โตหยิบสมุดจากกระเป๋าออกมาอ่าน
..........................................................................................................................................................................
“พี่ยานี่ละก็...โธ่ เดินช้าจัง” จีนวิ่งอย่างรวดเร็วจูงมือพี่ชายมุ่งไปยังบ้านผีสิง
“แฮ่กๆ เธอก็อย่าเร็วมากนักสิ” ไคนั้นเดินขึ้นลงบันไดวิ่งไปวิ่งมาตลอดทั้งวัน ซึ่งนั่นทำให้เขาเหลือแรงอยู่ไม่มากนัก (‘บ้านผีสิงงั้นเหรอ..น่ากลัวจังแฮะ แต่ก็....เห็นอยู่ทุกวันอยู่แล้วนี่เนอะ’) เขาพยายามข่มความกลัวในใจ แม้จะช่วยไม่ค่อยได้ผลก็ตามที
“ค่ะๆ จ่ายค่าเข้าให้ด้วยล่ะ” จีนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วมุ่งไปยังโต๊ะพนักงาน “สองคนค่ะ”
พนักงานหนุ่มยิ้มขณะตอบ “คนละ 10 บาทครับ”
ไคค่อยๆ ล้วงกระเป๋าสตางค์ช้าๆ ก่อนจะปลงกับจำนวนเงินที่เหลือเพียงน้อยนิด (‘ล..เหลืออยู่ 50 บาท ย..แย่แล้วไม่พอเลี้ยงข้าวยัยนี่แหงๆ’) ไคถอนหายใจก่อนจะจ่ายไป 20 บาทค่าเข้าสำหรับสองคน
“เอาล่ะเข้าไปกันเถอะ” เด็กสาวมุ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มไม่ทันได้ทำใจ
“กรี๊ด!!” / “อ้าก!!” / “อ้าย!!” / “โหวๆ” / “กรี๊ด”
หลัง จากออกมาจากข้างในได้ในสภาพปางตาย ครบ 32 แต่ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม การแสดงของคนที่รับบทเป็นผีนั้นแนบเนียนมากจนเสมือนจริง ซึ่งแม้แต่เด็กหนุ่มยังไม่มีเวลาพอที่จะคิดอะไรได้เลย ทั้งสองหยุดยืนอยู่ที่ประตูทางออก
“อ่า..เหมือนจนเกินคาดแฮะ” เด็กหนุ่มก้มลงย่อเข่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า แค่นี้ก็กลัวแล้วพี่ยายังอ่อนหัดอยู่นะ”
“เหอะๆ เธอน่ะกรี๊ดคนแรกเลยนะ”
“เอาล่ะไปต่อกันที่ไหนดีน้า...อ๊ะบูทปาลูกโป่งนี่...ตุ๊กตาน่ารักจัง” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“เอ่อ...ขออนุญาตครับคุณจีน..” เด็กหนุ่มพูดเสียงค่อย
“มีอะไรเหรอยาบัสเตียน” เธอต่อมุขให้เด็กหนุ่ม
“คือ..กระผมเหลือเงินอยู่ 30 บาทขอรับเกรงว่า...”
“หา...!!” เธอทำหน้าเคร่งเครียดมองเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจ “นี่พี่จนขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็แบบ..ค่าดูหนัง สาธิตการทำอาหาร เข้าสวนพฤกษศาสตร์ ขนมปัง ล่ะนะ” เด็กหนุ่มก้มหน้าหลบสายตาที่ลุกเป็นไฟของน้องสาว
“หึๆ ไปเดินเที่ยวขณะที่น้องตามหาเอาเป็นตาย” ชิ้ง! สายตาเย็นเฉียบเสียดแทงกลางใจของไคพาหนาวไปยังสันหลัง “ให้อภัยไม่ได้!!”
“ข..ขอโทษก๊าบ!!” เด็กหนุ่มวิ่งฉิว แต่ก็ไม่อาจสู้จีนได้เลยแม้แต่เพียงน้อย เพราะในไม่ช้าเธอก็วิ่งตามมาทัน
“ไม่ยอมให้หนีหรอก ซิสเตอร์คิก!!” จีนกระโดนถีบกลางแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเต็มเท้า พาให้เขาล้มกลิ้งไปหลายตลบ
“ฝ...ฝากไว้ก่อนเถอะ อ่อก” แต่หนุ่มทิ้งท้ายก่อนสลบอย่างสนิท
“พี่ยา! ม่าย!!!!”
…………………………………………………………………………………………………………….
เด็กหนุ่มคืนสติบนตักของน้องสาวที่ห้องพยาบาล เขารู้สึกหายเหนื่อยที่ได้นอนพักและนี่คือข้อดีที่เด็กหนุ่มค้นพบ “อ...โอย..น..นี่กี่โมงแล้ว!!?”
“พ..พี่ยาฟื้นแล้วหรือคะ! ต..ตอนนี้..เอ่อ...เที่ยงครึ่งค่ะ”
“ว..เวลาเปิดห้องโถงให้เข้าไปรอกิจกรรมบนเวทีนี่นา... ต้องรีบไปแล้ว” เด็กหนุ่มพยายามดันตัวลุกขึ้น
“ไหวแน่นะคะ เห็นพยาบาลเขาบอกว่าพี่ซี่โครงหักแหนะค่ะ!” จีนทำหน้าเป็นห่วง
เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินดังนั้น “ฮะ!!” ไคคลำดูบริเวณหน้าอก
“คิก! ล้อเล่นค่ะ! คราวหลังจะทำอะไรก็อย่าลืมบอกน้องบ้างสิคะ” เด็กสาวทำหน้าบูด
(‘นี่ตูผิดใช่มั้ยเนี่ย?’) ไคยิ้มแหยๆ “ครับๆ ไว้คราวหลังจะบอกแล้วกันนะ”
เด็ก หนุ่มรีบลุกขึ้นทันทีหวังไปให้ทันก่อนงานเริ่ม ห้องโถงการแสดงอยู่ที่ชั้นสองของอาคารซึ่งใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนโดยส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงมากเสียกว่า เพราะด้านพิธีการจะจัดในหอประชุม
เด็กหนุ่มมาถึงห้องโถงพร้อมกับน้องสาว ซึ่งห้องกว้างพอจะจุคนได้พันกว่าคน เวทีขนาดกลาง และเก้าอี้นับร้อยกว่าตัววางเรียงรายภายให้ห้อง มีผู้คนมานั่งจับจองกันอยู่บ้างแล้ว (‘เอาล่ะ จะเริ่มหาจากจุดไหนก่อนดีล่ะ’)
“เย้ การแสดงของโรงเรียนพี่ยาจะเป็นยังไงกันน้าอยากดูไวๆ จังเลย” เด็กสาวผู้ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ดูเริงร่าขณะมองหาเก้าอี้ว่าง
ทั้งสองได้ที่นั่งกลางๆ ไคขอตัวไปเดินเล่นรอบห้องโถงโดยบอกให้จีนเฝ้าที่ไว้ ดูเป็นความคิดที่เข้าท่าที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาดันลืมเรื่องสำคัญไปว่าต่อให้เขาหายันต์พบก็ไม่อาจคลาย มนต์ของยันต์เองได้อยู่ดี และในตอนนี้เอธรก็ไปอยู่กับโตแล้วด้วย
………………………………………………………………………………………………………………..
ทาง ด้านของอีฟ โซเฟีย และแทงค์ที่รอการผลัดเวรของไค ซึ่งขณะนี้ก็ได้เวลาเหมาะสมในการผลัดเวรกันแล้ว แต่มีเพียงโจที่มาเข้าเวรรับช่วงต่อ
“นี่หมอนั่นไปทำอะไรที่ไหนฟระเนี่ย!” โจดูจะหงุดหงิดที่สุดในกลุ่ม
“เอ่อ..ใจเย็นก่อนน่าโจ ไคเขาคงมีเหตุผลนั่นแหละ” ในขณะเดียวกันอีฟดูเป็นคนที่ใจเย็นที่สุด
“น...นั่นสิเนอะ” เขาไม่กล้าที่จะเถียงใส่หญิงสาวเพราะรู้ดีถึงความน่ากลัวของเธอ
“อีกเดี๋ยวครูที่ปรึกษาจะมาเยี่ยมชมรมของเรา ฝากด้วยนะโจ!” อีฟฝากงานที่เหลือให้โจสานต่อ “เดี๋ยวฉันจะพาเด็กๆ ไปเลี้ยงข้าวที่บูทแถวๆ นี้แล้วกัน ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะ” เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับโซเฟียและแทงค์
“ครูที่ปรึกษาเหรอ...จะว่าไปหมอนั่นแทบจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยนี่นา..” โจเกาศีรษะคิดหาคำพูดที่จะรับมือกับการพรีเซนต์ให้อาจารย์ฟัง
“อย่าใช้คำว่า ‘หมอนั่น’ กับอาจารย์สิยะ” อีฟหันกลับมาตักเตือนขณะเดินออกจากบูท
“จ้าๆ ขอโทษจ้า”
…………………………………………………………………………………………………………..........
ทางด้านของโตที่ยืนอยู่เบื้องหน้าห้องดนตรี เขากำลังยืนรอใครบางคนอยู่ พลางเปิดสมุดบันทึกอ่านเล่นทีละหน้า
“นี่นายบอกว่าจะมาหาที่ห้องดนตรีใช่มั้ย? แล้วนี่มัวยืนนิ่งไม่ไหวติงอะไรอยู่หน้าห้องฟระ!!” เอธรทำน้ำเสียงไม่พอใจ
“ก็เพราะจะเข้าไปหานั่นแหละ ถึงต้องมายืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่นี่ไง” โตพลิกหน้าสมุด “จะว่าไปนายเป็นกายทิพย์ไม่ใช่เหรอทำไมไม่ทะลุเข้าไปหาเล่า”
“นึกว่าพี่โตจะรู้ซะอีกแฮะ! ถึงจะเป็นกายทิพย์แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่นะ ต่อให้ผมจะเข้าไปได้แต่ก็หยิบจับสิ่งของไม่ได้ ถ้ามันถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดผมก็หาเผินๆ ไม่ได้นะสิ”
“ฮิฮิฮิ... อ๋อ เหรอ!”
“ฮึ่ม!”
“ข...ขอโทษที่ให้รอค่ะ!” เด็กสาววิ่งมาจนถึงหน้าห้องดนตรี “แต่แปลกจังนะคะ..ม..ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะยัง..จำหนูได้ด้วย”
“ย..ยัยนี่มัน...” แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้ได้ว่าเอธรกำลังตกใจ
“ฮิ ฮิฮิ อันที่จริงก็ลืมไปแล้วล่ะ แต่พอมานึกๆ ดูอีกทีแล้วไล่เปิดอ่านสมุดที่บันทึกไว้ก็เลยนึกออกอยู่ลางๆ ล่ะนะ....แม่สาว...จากดวงจันทร์” โตปิดหนังสือแล้วเดินเข้ามาใกล้แอนนา
“ป...ไปนัดกันช่วงไหนฟระ”
“ก็ก่อนที่จะไปหาพวกนายที่ศาลเจ้ากลางแจ้งนั่นล่ะ อาจเป็นเพราะยันต์ถูกแกะออกไปบ้างแล้วฉันถึงรู้ได้ว่ามีกลิ่นไอลอยมาจากห้องนี้…ส่วนวิธีนัดก็แค่หาตัวเธอแถวๆ ดาดฟ้านี่นะ” โตอธิบาย
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้พกกุญแจติดตัวไว้ เลยต้องวิ่งกลับไปเอาที่บ้านของกริยาก่อน...ให้รอนานไปรึเปล่า..” เด็กสาวดูเกรงใจโตมากกว่าเมื่อก่อน
“ฮิฮิฮิ..ไม่เลยๆ เอาล่ะขอยืมใช้กุญแจหน่อยนะ”
……………………………………………………………………………………………………………
“ไม่เจอเลยแฮะ” เสียง คอนเสิร์ตเปิดตัวบนเวทีดังสนั่น เด็กหนุ่มหาจนทั่วก็ไม่พบร่องรอยของยันต์แม้แต่เพียงน้อย เขาเงยหน้ามองนาฬิกาเหนือประตูห้องโถงพลางนึกเรื่องสำคัญออก “ชิปหายแล้ว! งานที่บูท!”
เขารีบวิ่งแทรกผู้คนผ่านเข้าไปหาน้องสาว ซึ่งเธอกำลังสนุกอยู่กับกิจกรรมบนเวที “จีน!! พี่ขอลงไปเฝ้าบูทก่อนนะ”
“ฮะ! ว่าอะไรนะ!” เธอไม่ได้ยินเสียงของพี่ชายเนื่องจากถูกกลบด้วยเสียงเครื่องดนตรี
“พี่ไปเฝ้าบูทนะ” ไคตะโกนดังขึ้น
“อ้อ! อื้อ โชคดีค่ะพี่!!” บางทีเธออาจสนุกจนลืมความโกรธที่มีต่อเด็กหนุ่มไปแล้วก็เป็นได้ นี่จึงนับเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของเขา
เด็กหนุ่มวิ่งออกจากห้องโถงการแสดง ตรงไปยังบันไดเพื่อลงไปยังบูท ซึ่งเขาเดาภาพของโจที่กำลังหน้ามุ่ยเฝ้าบูทอยู่คนเดียวไม่ออกเลยสักนิด
“เหวอๆ !!” โครม!! เด็กหนุ่มชนเข้ากับชายที่เดินลงบันไดเข้าอย่างจัง ทำให้ตกลงไปอยู่สองสามขั้น ถึงจะไม่รุนแรงมากแต่ก็เจ็บอยู่พอควร
“โอยๆ” เด็กหนุ่มนอนทับอยู่บนตัวของอาจารย์หนุ่มท่านหนึ่ง
“นี่เธอ! อย่าวิ่งบันไดสิมันอันตรายนะ!” อาจารย์ค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นนั่งในสภาพแขนซ้ายมีแผลถลอกเล็กน้อย เขามองหน้าเด็กหนุ่ม “น..นี่เธอ! เด็กที่เจอเมื่อเช้า!”
“ค..ครูก้าน!!” ไคค่อยๆ ลุกขึ้นพลางตรวจดูแขนขาของตนว่ามีแผลหรือไม่ ซึ่งก็ดูปกติดีทุกส่วน “เธอนี่ซุ่มซ่ามมากจนน่าเป็นห่วงแล้วนะ เมื่อเช้าก็ชนครูไปทีหนึ่งแล้ว”
“ข..ขอโทษครับ” ไคพนมมือโค้งตัวไหว้
“อาๆ ไม่เป็นไรหรอกแล้วนี่จะรีบไปไหนอีกล่ะ” อาจารย์หนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นพลางจัดชุดของตนให้เรียบร้อย
“อ๊ะ! จริงด้วยผมต้องรีบไปเฝ้าบูท สายมาหนึ่งชั่วโมงแล้วด้วย” ไคพนมมือไหว้ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปต่อ “ขอตัวนะครับครู”
เด็ก หนุ่มวิ่งสุดฝีเท้ามาจนถึงบูทจัดแสดงของชมรมทำงานบ้าน พลางเห็นโจกำลังรับมือกับลูกค้าจำนวนหนึ่ง เขารีบใส่เครื่องแบบขายของประจำชมรมที่แขวนอยู่หลังบูทเป็นเสื้อคลุมสีขาว ตัวหนึ่ง แล้วเข้าไปข้างในบูททันที
“ขอโทษที่มาสายครับ!!” เด็กหนุ่มเหงื่อตก
“อาๆ ไม่มีเวลาจะมาถามหาสาเหตุแล้วนายรีบมาจัดการตรงนี้ทีสิ พี่จะไปหยิบสินค้าตัวอย่างมาให้ลูกค้าดู” โจออกคำสั่งพลางปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“ครับ!!” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างหนักแน่น
หลังจากที่ขายสินค้าให้กับเหล่าลูกค้ากลุ่มนี้เสร็จ เด็กหนุ่มถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ...!”
“หึๆ เหนื่อยใช่มั้ยล่ะ นี่แหละที่นายปล่อยฉันทำอยู่คนเดียว” โจออกท่าทีงอนเล็กน้อยแต่ก็พอให้อภัย พลางยื่นขวดน้ำให้
“ข..ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มขอโทษซ้ำอยู่หลายครั้ง แล้วรับขวดน้ำจากมือโจมาดื่ม
“อ่า..มันผ่านไปแล้วล่ะนะ แต่อย่าเพิ่งวางใจไปล่ะของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก” โจพูดตัดกำลงใจได้เก่งยิ่งกว่าเอธรเสียอีกเด็กหนุ่มคิดเช่นนั้น
“ม..มีอะไรจะมาอีกงั้นเหรอครับ!?”
“มันก็คือ....” โจทำทีให้ไคลุ้น
“มันก็คือ...” เด็กหนุ่มอ้าปากหวอสงสัย
“สิ่งที่เรียกว่าอาจารย์ยังไงล่ะ!?”
“อ๋อ! คณะอาจารย์เหรอครับ แหมน่าตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ”
“หึๆ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ที่โรงเรียนของเรานั้นต่างกับที่อื่นๆ อ่านะ ในการตรวจบูทของแต่ละห้องส่วนใหญ่เขาจะให้คณะอาจารย์ไปตรวจบูทใช่มั้ยล่ะ แต่ของโรงเรียนเราจะให้ครูประจำชั้นนั้นๆ เป็นคนตรวจ ชมรมก็เช่นกันจะใช้ครูที่ปรึกษาเป็นคนตรวจ ส่วนคณะอาจารย์มีหน้าที่แค่ให้คะแนน” โจอธิบายถึงหลักการของโรงเรียนตนเอง
“หรือก็คือให้อาจารย์ที่ปรึกษามาตรวจความพร้อมของบูทก่อนที่คณะอาจารย์จะมาให้คะแนนสินะครับ” ไคสรุปเรื่องทั้งหมด
“ประมาณ นั้น และมันก็น่ากลัวตรงที่ว่าถ้าครูที่ปรึกษายังไม่ตรวจให้ผ่าน คณะอาจารย์ก็จะไม่ตรวจบูทเรา ซึ่งบางครั้งถ้าบูทอยู่ในสภาพที่แย่มากอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ให้ผ่านพอไม่มีคน ให้คะแนนเราก็จะตกอันดับไปอยู่ที่โหล่และส่อแววโดนยุบชมรม”
“ฮะ!! ถึงขนาดยุบชมรมเลยหรือครับ!” ไคตะลึงกับคำพูดของรุ่นพี่
“ก็ประมาณว่าถ้าทำแค่บูทดีๆ ยังไม่ได้แล้วจะไปสร้างประโยชน์อะไรให้โรงเรียนได้กัน ล่ะนะ” โจยักไหล่
“น..น่ากลัวจัง!”
โจสังเกตเห็นชายคนหนึ่งเดินตรงมายังบูทขณะอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ไคฟัง “ชิ! กำลังพูดถึงอาจารย์ที่ปรึกษา อยู่ดีๆ เจ้าตัวก็โผล่มาเลยแฮะ”
“โอ๊ะ! นั่นมันโจนี่ แล้วโต อีฟ กับเจ้าแทงค์ไม่อยู่เหรอ”
“อีฟกับแทงค์ผลัดเวรกันน่ะครับ ส่วนพี่โตเห็นอีฟบอกว่าจะมาช่วยช่วงเก็บบูทครับ” โจอธิบายให้อาจารย์ฟัง
“โอ๊ะ! นั่นสมาชิกใหม่ที่โตพูดถึงเหรอ” อาจารย์ชี้ไปยังไคซึ่งนั่งหันหลังให้เขาอยู่ “ไหนขอดูหน้าหน่อยซิ”
“ค..ครับ” เด็กหนุ่มค่อยๆ หันหน้าไปยังอาจารย์ตามคำสั่ง และนั่นก็ทำให้เขาตกใจครั้งใหญ่
“ค..ครูก้าน!!”
“โอ๊ะ! โย่ว!” อาจารย์ฉีกยิ้มร่าส่งให้เด็กหนุ่มผู้แสนซุ่มซ่าม “ได้เจอกันอีกแล้วนะ”
จบตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ใครรอไม่ไหว..ติดตามได้ในเด็กดีครับ เพราะผมจะอัพที่เว็บนั้นก่อน =w=!!
คาบเรียนที่ 11 : อาจารย์ นักเรียน และชมรม (บทอำลา 4)
“ฮิฮิฮิ วัยรุ่นนี่ดีจริงๆ เน้อ... เอาล่ะ มาทำลายไอบรรยากาศสะอิดสะเอียนนี่กันเถอะ!!” โตเดินเข้ามาจนใกล้เด็กหนุ่ม “ก่อนอื่นก็ต้อง..” โตนำมือล้วงกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งถือสมุดบันทึกอีกข้างถือโทรศัพท์ เขาเปิดไฟมือถืออ่านข้อความในสมุด “เอ...รู้สึก ว่าเวลาถูกสัมภเวสีรุมล้อมสิ่งที่ควรทำคือ...สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส 5 จบ เอ...ต่อด้วย พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ (**สัพเพสามัคคี**) สินะ อืมๆ” เมื่อ โตอ่านเสร็จเขาก็เริ่มบทสวดปรับภพภูมิวิญญาณต่างๆ ให้เกิดในภพภูมิที่ดีขึ้น ซึ่งนั่นก็เริ่มได้ผลเมื่อเขาสวดเสร็จเหล่าวิญญาณค่อยๆ หายไปทีละดวง
เมื่อเห็นว่าบทสวดของโตได้ผลไคซึ่งชะงักอยู่ก็ยกมือถามอย่างสงสัย “เอ่อ..พี่โตครับทีแรกนึกว่าจะสวดแผ่เมตตาซะอีกนะครับ...แฮะๆ”
“อ๋อ..นั่น ก็ใช้ได้นะแต่โอกาสได้ผลมันน้อยน่ะ ถ้าผู้สวดไม่ได้คิดจะแผ่ให้เขาจริงๆ ในใจคิดแต่จะไล่ให้ไปๆ เขาก็ไม่ไปหรอก ฮิฮิฮิ ไหนๆ ก็ไหนๆ ปรับภพภูมิไปซะเลยดีกว่า แต่สัพเพสามัคคีนี่ก็นับเป็นแผ่เมตตาเหมือนกันอยู่นะ อืมๆ”
โตอธิบายอย่างครุ่นคิด ในขณะเดียวกันก็รอให้เหล่าวิญญาณหายไปจนหมด
“แต่ว่า...ในที่สุดก็คลายยันต์ไปได้สี่ใบแล้วสินะ..เฮ้อ” ไคถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
โตเบิกตากว้างตกใจเล็กน้อยก่อนจะหลับตายิ้มบางๆ (‘มีหลายใบงั้นเหรอ อย่างนี้นี่เองสินะ’) เขาเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
“หาไปได้สี่ใบแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเหลืออีกกี่ใบอยู่ดีไม่ใช่หรือไง” เอธรพูดตัดกำลังใจเช่นเคย
“ฮิฮิฮิ เอาน่า อย่างน้อยก็หาได้มาบ้างก็ดีแล้วนี่นา” โตตบไหล่ให้กำลังใจไค
“ค..ครับ” ไคก้มหน้ารับคำ “ที่เหลืออยู่ก็คือห้องที่ปิดอยู่บางห้อง และก็ห้องโถงการแสดง...”
“หืม...” โตเกาคางหลังจากเก็บมือถือกับสมุดพกเข้ากระเป๋ากางเกง
..........................................................................................................................................................................
ที่บูทของชมรมทำงานบ้าน ขณะนี้เวลา 11.00 น.
“เอ๋..!! กริยายังไม่เข้าบูทอีกเหรอ!!?” เอิร์ธทำหน้าผิดหวังอยู่หน้าโต๊ะขายสินค้า พร้อมกับเดียร์ที่ยืนอยู่ซ้ายมือ
“ค่ะ รู้สึกว่าเวรของพี่เขาจะเป็นช่วงรอบบ่ายนะคะ” โซเฟียยิ้มตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเอ่อ..เราไปเดินเล่นในงานรอกันก่อนก็แล้วกันนะ” เอิร์ธหันไปชวนเดียร์ที่ดูเงียบๆ ซึ่งนั่นอาจเป็นผลมาจากการที่ไคยกโอกาสนี้ให้เธอได้ใกล้ชิดกับเอิร์ธมากกว่าทุกครั้ง
"ต..ตามใจนายสิ"
หลังจากที่ลูกค้าหมดอีฟจึงเดินมายืนอยู่ข้างโซเฟีย “ลูกค้าหมดแถวแล้ว โซเฟียกับแทงค์ไปพักกันก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวที่เหลือพี่จะดูให้เอง”
โซเฟียส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูจะช่วยเฝ้าบูทด้วย”
ในขณะที่ทั้งสองสนทนากันอยู่นั้น อาจารย์สาวคนหนึ่งก็เดินมาเยือนยังบูท “อ๊ะเจอแล้ว! บูทชมรมทำงานบ้าน” เสียงหล่อนดูดีใจที่หาบูทจนเจอ
“อาจารย์นวลจันทร์สวัสดีครับ/ค่ะ” เหล่าหนุ่มสาวยกมือไหว้ครูนวลจันทร์พร้อมกัน
“สวัสดีจ้ะ เอ...กริยาไม่อยู่หรือจ๊ะ!!” เธอรับไหว้แล้วทำทีมองซ้ายแลขวาหาเด็กหนุ่ม
โซเฟียเงยหน้ามองอีฟ “พี่ไคนี่...มีคนถามหาเยอะนะคะ!” เธอยิ้ม
“ก็จริงนะ!” อีฟพยักหน้าตอบสาวน้อย แล้วหันไปยังอาจารย์สาว “คือเวรของเขาอยู่ในช่วงบ่ายน่ะค่ะ แล้ว...อาจารย์มีธุระอะไรกับเขาเหรอคะเผื่อเร่งด่วนหนูจะได้ไปตามให้ค่ะ”
“อ๋อ เปล่าจ้ะ แค่มาเยี่ยมบูทเฉยๆ นั่นแหละ”
“สงสัยว่าบูทนี้จะขายของได้ดีถ้ามีกริยานะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า” เอิร์ธปล่อยมุข
“ฮิฮิ ก็จริงเนอะ!” อีฟหัวเรอะกับมุขของเอิร์ธเบาๆ
หลังจากที่ผ่านการพูดคุยหน้าบูทเอิร์ธก็ชวนเดียร์ไปเดินเล่นรอไค ในขณะเดียวกันครูนวลจันทร์ก็เดินตระเวร เยี่ยมเยือนบูทอื่นๆ ต่อ
..........................................................................................................................................................................
“พี่ยาเขาไปอยู่ไหนกันนะ...” ทางด้านของน้องสาวคนสวยซึ่งกำลังตามหาพี่ชายอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคารเรียน ฃึ่งเธอกวาดสายตามองหาจนทั่ว
เด็กสาวเดินตรงไปยังบันไดหวังขึ้นไปหาต่อชั้น 3 เธอคิดหาสารพัดวิธีทำโทษพี่ชายของเธอ “ฮึ่ม...พี่ยาอย่าให้เจอนะ จะสั่งให้เลี้ยงข้าวแพงๆ เลยคอยดู”
“ฮัดเช้ย!” เสียงจามดังมาจากทางด้านหลังของจีน
“ฮิฮิฮิ สงสัยนายจะโดนนินทาซะล่ะมั้ง” โตยิ้มแฉ่งขณะแซวไค
“รู้สึกแปลกๆ แฮะ หนาวๆ ชอบกล” ไคสัมผัสได้ถึงลางร้ายอันใกล้ตัว ซึ่งความจริงมันอยู่เบื้องหน้าของเขานี่เอง
ทางน้องสาวซึ่งจำเสียงของพี่ชายได้อย่างแม่นยำ เธอรู้ทันทีเมื่อได้ยินประโยคสนทนาอันใกล้ เธอหยุดเดิน แล้วหันกลับมาอย่างช้าๆ จนไคสังเกตได้
“จ...จีน!!” ไคดูจะทึ่งที่เห็นน้องสาว “อ้าวไง มาได้ไงเนี่ย...” ทันทีที่เด็กหนุ่มจะโบกมือทักทาย เธอก็พุ่งเข้ามาใช้ศอกกระแทกหน้าท้อง “อ้อก!!” ไคเดินโซเซกุมท้อง “ท...ทำไม..”
“ฮิฮิฮิ การทักทายแบบใหม่เรอะ!” โตหัวเราะเบาๆ
“บังอาจทิ้งน้องไว้ตอนเช้าแถมหายหน้าหายตาไปไหนก็ไม่รู้ หึๆ แค้นนี้ต้องชำระ” จีนแสยะยิ้มที่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าภูตผีเสียอีก
(‘จ...จะทำยังไงดีล่ะมีจีนอยู่แบบนี้ก็ไปหายันต์ต่อไม่ได้นะสิ’) ไคกุมท้องมองจีนขณะคิด
โตก้มลงกระซิบที่ข้างหูของเด็กหนุ่ม “ไม่เป็นไรนายไปกับน้องสาวนายเถอะ ที่เหลือเดี๋ยวพี่หาต่อเอง” เขาลูบหัวเด็กหนุ่ม
“ข..ขอบคุณครับ” ไคพยักหน้าให้โตก่อนจะหันหน้าไปยังน้องสาว “ขอโทษละกันที่ออกมาก่อน แล้วจะเอาไงล่ะ เลี้ยงข้าว!?”
“ฮิฮ่า พี่ยาคงไม่คิดสินะคะว่าแค่เลี้ยงข้าวแล้วเรื่องจะจบ มางานเทศกาลทั้งทีพาหนูเที่ยวเลย!!” เธอคว้าแขนไคลากออกจากโต “หนูขอตัวพี่ยาไปก่อนนะคะ” และทิ้งท้ายไว้ให้ประธานหนุ่ม
โตยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนจะหันกลับไปเตรียมตัวหายันต์ต่อ
“แล้วจะเริ่มจากที่ไหนต่อล่ะรุ่นพี่” เอธรกระซิบข้างหูของประธานหนุ่ม
“ก็คงจะเป็น...ห้องดนตรีล่ะนะ” โตเกาคาง “ห้องนั้นล็อคเอาไว้ก็จริง แต่มีอยู่คนหนึ่งที่มีกุญแจล่ะนะ ฮิฮิฮิ” โตหยิบสมุดจากกระเป๋าออกมาอ่าน
..........................................................................................................................................................................
“พี่ยานี่ละก็...โธ่ เดินช้าจัง” จีนวิ่งอย่างรวดเร็วจูงมือพี่ชายมุ่งไปยังบ้านผีสิง
“แฮ่กๆ เธอก็อย่าเร็วมากนักสิ” ไคนั้นเดินขึ้นลงบันไดวิ่งไปวิ่งมาตลอดทั้งวัน ซึ่งนั่นทำให้เขาเหลือแรงอยู่ไม่มากนัก (‘บ้านผีสิงงั้นเหรอ..น่ากลัวจังแฮะ แต่ก็....เห็นอยู่ทุกวันอยู่แล้วนี่เนอะ’) เขาพยายามข่มความกลัวในใจ แม้จะช่วยไม่ค่อยได้ผลก็ตามที
“ค่ะๆ จ่ายค่าเข้าให้ด้วยล่ะ” จีนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วมุ่งไปยังโต๊ะพนักงาน “สองคนค่ะ”
พนักงานหนุ่มยิ้มขณะตอบ “คนละ 10 บาทครับ”
ไคค่อยๆ ล้วงกระเป๋าสตางค์ช้าๆ ก่อนจะปลงกับจำนวนเงินที่เหลือเพียงน้อยนิด (‘ล..เหลืออยู่ 50 บาท ย..แย่แล้วไม่พอเลี้ยงข้าวยัยนี่แหงๆ’) ไคถอนหายใจก่อนจะจ่ายไป 20 บาทค่าเข้าสำหรับสองคน
“เอาล่ะเข้าไปกันเถอะ” เด็กสาวมุ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มไม่ทันได้ทำใจ
“กรี๊ด!!” / “อ้าก!!” / “อ้าย!!” / “โหวๆ” / “กรี๊ด”
หลัง จากออกมาจากข้างในได้ในสภาพปางตาย ครบ 32 แต่ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม การแสดงของคนที่รับบทเป็นผีนั้นแนบเนียนมากจนเสมือนจริง ซึ่งแม้แต่เด็กหนุ่มยังไม่มีเวลาพอที่จะคิดอะไรได้เลย ทั้งสองหยุดยืนอยู่ที่ประตูทางออก
“อ่า..เหมือนจนเกินคาดแฮะ” เด็กหนุ่มก้มลงย่อเข่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า แค่นี้ก็กลัวแล้วพี่ยายังอ่อนหัดอยู่นะ”
“เหอะๆ เธอน่ะกรี๊ดคนแรกเลยนะ”
“เอาล่ะไปต่อกันที่ไหนดีน้า...อ๊ะบูทปาลูกโป่งนี่...ตุ๊กตาน่ารักจัง” เธอรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“เอ่อ...ขออนุญาตครับคุณจีน..” เด็กหนุ่มพูดเสียงค่อย
“มีอะไรเหรอยาบัสเตียน” เธอต่อมุขให้เด็กหนุ่ม
“คือ..กระผมเหลือเงินอยู่ 30 บาทขอรับเกรงว่า...”
“หา...!!” เธอทำหน้าเคร่งเครียดมองเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจ “นี่พี่จนขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็แบบ..ค่าดูหนัง สาธิตการทำอาหาร เข้าสวนพฤกษศาสตร์ ขนมปัง ล่ะนะ” เด็กหนุ่มก้มหน้าหลบสายตาที่ลุกเป็นไฟของน้องสาว
“หึๆ ไปเดินเที่ยวขณะที่น้องตามหาเอาเป็นตาย” ชิ้ง! สายตาเย็นเฉียบเสียดแทงกลางใจของไคพาหนาวไปยังสันหลัง “ให้อภัยไม่ได้!!”
“ข..ขอโทษก๊าบ!!” เด็กหนุ่มวิ่งฉิว แต่ก็ไม่อาจสู้จีนได้เลยแม้แต่เพียงน้อย เพราะในไม่ช้าเธอก็วิ่งตามมาทัน
“ไม่ยอมให้หนีหรอก ซิสเตอร์คิก!!” จีนกระโดนถีบกลางแผ่นหลังของเด็กหนุ่มเต็มเท้า พาให้เขาล้มกลิ้งไปหลายตลบ
“ฝ...ฝากไว้ก่อนเถอะ อ่อก” แต่หนุ่มทิ้งท้ายก่อนสลบอย่างสนิท
“พี่ยา! ม่าย!!!!”
…………………………………………………………………………………………………………….
เด็กหนุ่มคืนสติบนตักของน้องสาวที่ห้องพยาบาล เขารู้สึกหายเหนื่อยที่ได้นอนพักและนี่คือข้อดีที่เด็กหนุ่มค้นพบ “อ...โอย..น..นี่กี่โมงแล้ว!!?”
“พ..พี่ยาฟื้นแล้วหรือคะ! ต..ตอนนี้..เอ่อ...เที่ยงครึ่งค่ะ”
“ว..เวลาเปิดห้องโถงให้เข้าไปรอกิจกรรมบนเวทีนี่นา... ต้องรีบไปแล้ว” เด็กหนุ่มพยายามดันตัวลุกขึ้น
“ไหวแน่นะคะ เห็นพยาบาลเขาบอกว่าพี่ซี่โครงหักแหนะค่ะ!” จีนทำหน้าเป็นห่วง
เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินดังนั้น “ฮะ!!” ไคคลำดูบริเวณหน้าอก
“คิก! ล้อเล่นค่ะ! คราวหลังจะทำอะไรก็อย่าลืมบอกน้องบ้างสิคะ” เด็กสาวทำหน้าบูด
(‘นี่ตูผิดใช่มั้ยเนี่ย?’) ไคยิ้มแหยๆ “ครับๆ ไว้คราวหลังจะบอกแล้วกันนะ”
เด็ก หนุ่มรีบลุกขึ้นทันทีหวังไปให้ทันก่อนงานเริ่ม ห้องโถงการแสดงอยู่ที่ชั้นสองของอาคารซึ่งใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนโดยส่วนใหญ่จะเป็นการแสดงมากเสียกว่า เพราะด้านพิธีการจะจัดในหอประชุม
เด็กหนุ่มมาถึงห้องโถงพร้อมกับน้องสาว ซึ่งห้องกว้างพอจะจุคนได้พันกว่าคน เวทีขนาดกลาง และเก้าอี้นับร้อยกว่าตัววางเรียงรายภายให้ห้อง มีผู้คนมานั่งจับจองกันอยู่บ้างแล้ว (‘เอาล่ะ จะเริ่มหาจากจุดไหนก่อนดีล่ะ’)
“เย้ การแสดงของโรงเรียนพี่ยาจะเป็นยังไงกันน้าอยากดูไวๆ จังเลย” เด็กสาวผู้ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ดูเริงร่าขณะมองหาเก้าอี้ว่าง
ทั้งสองได้ที่นั่งกลางๆ ไคขอตัวไปเดินเล่นรอบห้องโถงโดยบอกให้จีนเฝ้าที่ไว้ ดูเป็นความคิดที่เข้าท่าที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามเขาดันลืมเรื่องสำคัญไปว่าต่อให้เขาหายันต์พบก็ไม่อาจคลาย มนต์ของยันต์เองได้อยู่ดี และในตอนนี้เอธรก็ไปอยู่กับโตแล้วด้วย
………………………………………………………………………………………………………………..
ทาง ด้านของอีฟ โซเฟีย และแทงค์ที่รอการผลัดเวรของไค ซึ่งขณะนี้ก็ได้เวลาเหมาะสมในการผลัดเวรกันแล้ว แต่มีเพียงโจที่มาเข้าเวรรับช่วงต่อ
“นี่หมอนั่นไปทำอะไรที่ไหนฟระเนี่ย!” โจดูจะหงุดหงิดที่สุดในกลุ่ม
“เอ่อ..ใจเย็นก่อนน่าโจ ไคเขาคงมีเหตุผลนั่นแหละ” ในขณะเดียวกันอีฟดูเป็นคนที่ใจเย็นที่สุด
“น...นั่นสิเนอะ” เขาไม่กล้าที่จะเถียงใส่หญิงสาวเพราะรู้ดีถึงความน่ากลัวของเธอ
“อีกเดี๋ยวครูที่ปรึกษาจะมาเยี่ยมชมรมของเรา ฝากด้วยนะโจ!” อีฟฝากงานที่เหลือให้โจสานต่อ “เดี๋ยวฉันจะพาเด็กๆ ไปเลี้ยงข้าวที่บูทแถวๆ นี้แล้วกัน ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะ” เธอทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับโซเฟียและแทงค์
“ครูที่ปรึกษาเหรอ...จะว่าไปหมอนั่นแทบจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลยนี่นา..” โจเกาศีรษะคิดหาคำพูดที่จะรับมือกับการพรีเซนต์ให้อาจารย์ฟัง
“อย่าใช้คำว่า ‘หมอนั่น’ กับอาจารย์สิยะ” อีฟหันกลับมาตักเตือนขณะเดินออกจากบูท
“จ้าๆ ขอโทษจ้า”
…………………………………………………………………………………………………………..........
ทางด้านของโตที่ยืนอยู่เบื้องหน้าห้องดนตรี เขากำลังยืนรอใครบางคนอยู่ พลางเปิดสมุดบันทึกอ่านเล่นทีละหน้า
“นี่นายบอกว่าจะมาหาที่ห้องดนตรีใช่มั้ย? แล้วนี่มัวยืนนิ่งไม่ไหวติงอะไรอยู่หน้าห้องฟระ!!” เอธรทำน้ำเสียงไม่พอใจ
“ก็เพราะจะเข้าไปหานั่นแหละ ถึงต้องมายืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่นี่ไง” โตพลิกหน้าสมุด “จะว่าไปนายเป็นกายทิพย์ไม่ใช่เหรอทำไมไม่ทะลุเข้าไปหาเล่า”
“นึกว่าพี่โตจะรู้ซะอีกแฮะ! ถึงจะเป็นกายทิพย์แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่นะ ต่อให้ผมจะเข้าไปได้แต่ก็หยิบจับสิ่งของไม่ได้ ถ้ามันถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดผมก็หาเผินๆ ไม่ได้นะสิ”
“ฮิฮิฮิ... อ๋อ เหรอ!”
“ฮึ่ม!”
“ข...ขอโทษที่ให้รอค่ะ!” เด็กสาววิ่งมาจนถึงหน้าห้องดนตรี “แต่แปลกจังนะคะ..ม..ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะยัง..จำหนูได้ด้วย”
“ย..ยัยนี่มัน...” แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้ได้ว่าเอธรกำลังตกใจ
“ฮิ ฮิฮิ อันที่จริงก็ลืมไปแล้วล่ะ แต่พอมานึกๆ ดูอีกทีแล้วไล่เปิดอ่านสมุดที่บันทึกไว้ก็เลยนึกออกอยู่ลางๆ ล่ะนะ....แม่สาว...จากดวงจันทร์” โตปิดหนังสือแล้วเดินเข้ามาใกล้แอนนา
“ป...ไปนัดกันช่วงไหนฟระ”
“ก็ก่อนที่จะไปหาพวกนายที่ศาลเจ้ากลางแจ้งนั่นล่ะ อาจเป็นเพราะยันต์ถูกแกะออกไปบ้างแล้วฉันถึงรู้ได้ว่ามีกลิ่นไอลอยมาจากห้องนี้…ส่วนวิธีนัดก็แค่หาตัวเธอแถวๆ ดาดฟ้านี่นะ” โตอธิบาย
“ขอโทษนะคะที่ไม่ได้พกกุญแจติดตัวไว้ เลยต้องวิ่งกลับไปเอาที่บ้านของกริยาก่อน...ให้รอนานไปรึเปล่า..” เด็กสาวดูเกรงใจโตมากกว่าเมื่อก่อน
“ฮิฮิฮิ..ไม่เลยๆ เอาล่ะขอยืมใช้กุญแจหน่อยนะ”
……………………………………………………………………………………………………………
“ไม่เจอเลยแฮะ” เสียง คอนเสิร์ตเปิดตัวบนเวทีดังสนั่น เด็กหนุ่มหาจนทั่วก็ไม่พบร่องรอยของยันต์แม้แต่เพียงน้อย เขาเงยหน้ามองนาฬิกาเหนือประตูห้องโถงพลางนึกเรื่องสำคัญออก “ชิปหายแล้ว! งานที่บูท!”
เขารีบวิ่งแทรกผู้คนผ่านเข้าไปหาน้องสาว ซึ่งเธอกำลังสนุกอยู่กับกิจกรรมบนเวที “จีน!! พี่ขอลงไปเฝ้าบูทก่อนนะ”
“ฮะ! ว่าอะไรนะ!” เธอไม่ได้ยินเสียงของพี่ชายเนื่องจากถูกกลบด้วยเสียงเครื่องดนตรี
“พี่ไปเฝ้าบูทนะ” ไคตะโกนดังขึ้น
“อ้อ! อื้อ โชคดีค่ะพี่!!” บางทีเธออาจสนุกจนลืมความโกรธที่มีต่อเด็กหนุ่มไปแล้วก็เป็นได้ นี่จึงนับเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของเขา
เด็กหนุ่มวิ่งออกจากห้องโถงการแสดง ตรงไปยังบันไดเพื่อลงไปยังบูท ซึ่งเขาเดาภาพของโจที่กำลังหน้ามุ่ยเฝ้าบูทอยู่คนเดียวไม่ออกเลยสักนิด
“เหวอๆ !!” โครม!! เด็กหนุ่มชนเข้ากับชายที่เดินลงบันไดเข้าอย่างจัง ทำให้ตกลงไปอยู่สองสามขั้น ถึงจะไม่รุนแรงมากแต่ก็เจ็บอยู่พอควร
“โอยๆ” เด็กหนุ่มนอนทับอยู่บนตัวของอาจารย์หนุ่มท่านหนึ่ง
“นี่เธอ! อย่าวิ่งบันไดสิมันอันตรายนะ!” อาจารย์ค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นนั่งในสภาพแขนซ้ายมีแผลถลอกเล็กน้อย เขามองหน้าเด็กหนุ่ม “น..นี่เธอ! เด็กที่เจอเมื่อเช้า!”
“ค..ครูก้าน!!” ไคค่อยๆ ลุกขึ้นพลางตรวจดูแขนขาของตนว่ามีแผลหรือไม่ ซึ่งก็ดูปกติดีทุกส่วน “เธอนี่ซุ่มซ่ามมากจนน่าเป็นห่วงแล้วนะ เมื่อเช้าก็ชนครูไปทีหนึ่งแล้ว”
“ข..ขอโทษครับ” ไคพนมมือโค้งตัวไหว้
“อาๆ ไม่เป็นไรหรอกแล้วนี่จะรีบไปไหนอีกล่ะ” อาจารย์หนุ่มค่อยๆ ลุกขึ้นพลางจัดชุดของตนให้เรียบร้อย
“อ๊ะ! จริงด้วยผมต้องรีบไปเฝ้าบูท สายมาหนึ่งชั่วโมงแล้วด้วย” ไคพนมมือไหว้ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปต่อ “ขอตัวนะครับครู”
เด็ก หนุ่มวิ่งสุดฝีเท้ามาจนถึงบูทจัดแสดงของชมรมทำงานบ้าน พลางเห็นโจกำลังรับมือกับลูกค้าจำนวนหนึ่ง เขารีบใส่เครื่องแบบขายของประจำชมรมที่แขวนอยู่หลังบูทเป็นเสื้อคลุมสีขาว ตัวหนึ่ง แล้วเข้าไปข้างในบูททันที
“ขอโทษที่มาสายครับ!!” เด็กหนุ่มเหงื่อตก
“อาๆ ไม่มีเวลาจะมาถามหาสาเหตุแล้วนายรีบมาจัดการตรงนี้ทีสิ พี่จะไปหยิบสินค้าตัวอย่างมาให้ลูกค้าดู” โจออกคำสั่งพลางปาดเหงื่อที่หน้าผาก
“ครับ!!” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างหนักแน่น
หลังจากที่ขายสินค้าให้กับเหล่าลูกค้ากลุ่มนี้เสร็จ เด็กหนุ่มถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ...!”
“หึๆ เหนื่อยใช่มั้ยล่ะ นี่แหละที่นายปล่อยฉันทำอยู่คนเดียว” โจออกท่าทีงอนเล็กน้อยแต่ก็พอให้อภัย พลางยื่นขวดน้ำให้
“ข..ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มขอโทษซ้ำอยู่หลายครั้ง แล้วรับขวดน้ำจากมือโจมาดื่ม
“อ่า..มันผ่านไปแล้วล่ะนะ แต่อย่าเพิ่งวางใจไปล่ะของจริงมันต่อจากนี้ต่างหาก” โจพูดตัดกำลงใจได้เก่งยิ่งกว่าเอธรเสียอีกเด็กหนุ่มคิดเช่นนั้น
“ม..มีอะไรจะมาอีกงั้นเหรอครับ!?”
“มันก็คือ....” โจทำทีให้ไคลุ้น
“มันก็คือ...” เด็กหนุ่มอ้าปากหวอสงสัย
“สิ่งที่เรียกว่าอาจารย์ยังไงล่ะ!?”
“อ๋อ! คณะอาจารย์เหรอครับ แหมน่าตื่นเต้นเหมือนกันนะครับ”
“หึๆ มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก ที่โรงเรียนของเรานั้นต่างกับที่อื่นๆ อ่านะ ในการตรวจบูทของแต่ละห้องส่วนใหญ่เขาจะให้คณะอาจารย์ไปตรวจบูทใช่มั้ยล่ะ แต่ของโรงเรียนเราจะให้ครูประจำชั้นนั้นๆ เป็นคนตรวจ ชมรมก็เช่นกันจะใช้ครูที่ปรึกษาเป็นคนตรวจ ส่วนคณะอาจารย์มีหน้าที่แค่ให้คะแนน” โจอธิบายถึงหลักการของโรงเรียนตนเอง
“หรือก็คือให้อาจารย์ที่ปรึกษามาตรวจความพร้อมของบูทก่อนที่คณะอาจารย์จะมาให้คะแนนสินะครับ” ไคสรุปเรื่องทั้งหมด
“ประมาณ นั้น และมันก็น่ากลัวตรงที่ว่าถ้าครูที่ปรึกษายังไม่ตรวจให้ผ่าน คณะอาจารย์ก็จะไม่ตรวจบูทเรา ซึ่งบางครั้งถ้าบูทอยู่ในสภาพที่แย่มากอาจารย์ที่ปรึกษาไม่ให้ผ่านพอไม่มีคน ให้คะแนนเราก็จะตกอันดับไปอยู่ที่โหล่และส่อแววโดนยุบชมรม”
“ฮะ!! ถึงขนาดยุบชมรมเลยหรือครับ!” ไคตะลึงกับคำพูดของรุ่นพี่
“ก็ประมาณว่าถ้าทำแค่บูทดีๆ ยังไม่ได้แล้วจะไปสร้างประโยชน์อะไรให้โรงเรียนได้กัน ล่ะนะ” โจยักไหล่
“น..น่ากลัวจัง!”
โจสังเกตเห็นชายคนหนึ่งเดินตรงมายังบูทขณะอธิบายเรื่องต่างๆ ให้ไคฟัง “ชิ! กำลังพูดถึงอาจารย์ที่ปรึกษา อยู่ดีๆ เจ้าตัวก็โผล่มาเลยแฮะ”
“โอ๊ะ! นั่นมันโจนี่ แล้วโต อีฟ กับเจ้าแทงค์ไม่อยู่เหรอ”
“อีฟกับแทงค์ผลัดเวรกันน่ะครับ ส่วนพี่โตเห็นอีฟบอกว่าจะมาช่วยช่วงเก็บบูทครับ” โจอธิบายให้อาจารย์ฟัง
“โอ๊ะ! นั่นสมาชิกใหม่ที่โตพูดถึงเหรอ” อาจารย์ชี้ไปยังไคซึ่งนั่งหันหลังให้เขาอยู่ “ไหนขอดูหน้าหน่อยซิ”
“ค..ครับ” เด็กหนุ่มค่อยๆ หันหน้าไปยังอาจารย์ตามคำสั่ง และนั่นก็ทำให้เขาตกใจครั้งใหญ่
“ค..ครูก้าน!!”
“โอ๊ะ! โย่ว!” อาจารย์ฉีกยิ้มร่าส่งให้เด็กหนุ่มผู้แสนซุ่มซ่าม “ได้เจอกันอีกแล้วนะ”
จบตอน
โปรดติดตามตอนต่อไป
ใครรอไม่ไหว..ติดตามได้ในเด็กดีครับ เพราะผมจะอัพที่เว็บนั้นก่อน =w=!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ