Hexe
9.4
เขียนโดย Ejichiki
วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.28 น.
5 บทที่
2 วิจารณ์
8,664 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 12.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ ( Part 2 )
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รันเทสต้า
ภายในหอคอยดำสูงเสียดฟ้าใจกลางรันเทสต้า ในประตูชั้นบนสุดของหอคอย ในความมืดทมึนปกคลุมทั่วทุกท้องที่สุดลูกหูลูกตา หมู่ดาวน้อยใหญ่เรียงตัวไร้ระเบียบกระจายตัวรอบห้องที่ไม่น่าจะใหญ่นักเมื่อมองจากด้านหน้า แต่ภายในกลับกลายเป็นอาณาเขตจักรวาลกว้างใหญ่จนไม่สามารถเดินทางไปสุดขอบได้ กลุ่มดาวเคราะห์ดาวฤกษ์ที่เปรียบดั่งฉากหลังยังคงเคลื่อนไหว หากแต่ม่านสีดำดั่งความมืดของจักรวาลกลับนิ่งไม่ไหวติงไปกับความเคลื่อนไหวของดวงดาว
ม่านดำทั้ง 7 ต่างเรียงตัวกันเป็นรูปครึ่งวงกลม ล้อมรอบป้ายสุสานขนาดใหญ่กว่า 5 เมตร สูงอีกกว่า 15 เมตรเห็นจะได้ ม่านแต่ละอันต่างมีสัญลักษณ์วาดไว้ต่างๆกัน เป็นการแสดงตัวตนของแต่ละคน
ม่านทั้ง 6 จากใน 7 ยังคงปิดมิดชิดจนไม่อาจมองลอดทะลุถึงตัวตนเบื้องหลัง แต่ 1 ในนั้นกลับถูกแหวกออกเผยให้เห็นความว่างเปล่าภายใน
...ม่านที่มีสัญลักษณ์รูปปีกนกสีดำ
" เอมิเลียยยย !!? "
เสียงสะท้านอันเกรียวโกรธ บ่งบอกถึงอารมณ์ของผู้เอ่ยประโยคได้เป็นอย่างดี ม่านสีดำที่ปักสัญลักษณ์เปลวเพลิงสะบัดรุนแรงดุจมีลมพายุพัดผ่าน อีกทั้งสัญลักษณ์เปลวไฟเองก็ลุกไหม้โหมกระพือขึ้นเหมือนกัน
" เพราะแผนของแก ทำให้กิลเกียนูต้องตาย แกวางแผนแบบนี้ไว้แต่แรกแล้วใช่ไหม "
ผู้อยู่เบื้องหลังม่านตะคอกด้วยโทสะ สายตาของเขาแทบจะมองทะลุม่านของตัวเองผ่านเข้าไปถึงม่านที่ปักสัญลักษณ์นกกระเรียนกระดาษพับกันเลยทีเดียว แต่กระนั้นก็ยังไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกมาจากผู้อยู่เบื้องหลังม่านกระเรียนกระดาษอันนั้น
...ผู้อยู่หลังม่านยังคงนิ่ง
ภาพความทรงจำก่อนหน้าเริ่มผุดขึ้นมาเป็นรูปร่าง ภาพสายตาของกิลเกียนูที่มองมายังเจ้าของความทรงจำพร้อมสีหน้าละมัย
" ไม่มีทางอื่นแล้วสินะ ? " กิลเกียนูถาม
" ค่ะ ! ตอนนี้คนที่จะหยุดสองคนนั่นได้มีแต่ท่านเท่านั้น จริงอยู่ที่ [ เพลิงกาฬปฐพีพินาจ ] เองก็ไปด้วย แต่นางต้องเป็นคนคุ้มครองพี่น้องคนอื่นๆให้อยู่รอดปลอดภัยในกาลาเทม อนันตกาลคนอื่นๆก็ทำหน้าที่อยู่ ในตอนนี้ท่านเป็นคนเดียวที่แกร่งพอจะหยุดทั้งสองได้ "
" ..แม้ว่า "
เอมิเลียรู้สึกกระอักกระอ่วมที่จะพูดต่อ ซึ่งข้อนี้กิลเกียนูพอจะเข้าใจความหมายที่เธอรู้สึกแบบนั้น
" แม้ว่าเราจะต้องตายงั้นหรือ ? "
กิลเกียนูตอบได้ตรงประเด็นยิ่งนัก ตรงซะจนเอมิเลียต้องหลบตาเลยทีเดียว
" ถ้า 1-1 ข้ามั่นใจว่าท่านคงไม่แพ้พวกนางแน่ ข้ารู้จักพวกนางดี มันเป็นเรื่องน่าอายแต่ว่าเป็นความจริง พวกนางทั้งคู่เก่งกาจกว่าข้ามากนัก ถึงจะเป็นท่านรึว่า [ หมาป่า ] ตัวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะ "
" งั้นเราขอถามอะไรท่านสักข้อได้หรือไม่ ? "
" หากชีวิตของเรา........ "
ภาพความทรงจำเริ่มเลือนหายไปจากความนึกคิดของหญิงสาว กลับมาสู่ความจริงเบื้องหน้าที่คุกกรุ่นด้วยอารมณ์ของผู้อยู่หลังม่านอันลุกโชนด้วยเพลิงกาฬ หากแต่ช่วงเวลานี้ ไม่ใช่เวลาแก้ตัวกับคนผู้นี้ แล้วก็ไม่ใช่เวลามานั่งนึกใคร่ครวญกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วด้วย
" มันก็เป็นไปด้วยดีตามแผนที่วางไว้นั่นแหละ เหลือแต่ว่าเธอจะทำให้การเสียสละของท่านกิลเกียนูเสียเปล่าไม๊ เท่านั้นล่ะ "
" ว่าไงนะ !! "
ม่านเพลิงสะบัดดั่งถูกลมกรรโชกพัดผ่าน วาจาของเอมิเลียช่างแสบสันต์และเชือดเฉือนอารมณ์คุกกรุ่นของเธออย่างจัง ดั่งกองเพลิงลุกไหม้ถูกราดน้ำมันใส่ก็ไม่ปาน
" นี่แก.. "
หยุด!!?
น้ำเสียงราบเรียบดังแว่วออกมาจากด้านหลังป้ายสุสานสูงใหญ่อันเป็นดั่งสัญลักษณ์ของผู้นำ และเสียงคนผู้นั้นคือแม่มดผู้ถูกเรียกขานว่า วิชทูม (Witch Tomb [ ผู้เฝ้าสุสาน ] ) ผู้ก่อตั้งของแม่มดฝ่ายเหนือ ทำให้หญิงสาวทั้งสองซึ่งมีทีท่าว่าจะปะทะคารมกันจนหยุดยั้งไม่ได้เงียบลงไปทันควัน เมื่อสิ้นเสียงของทั้งคู่ ความเงียบสงบก็กลับมาครอบงำสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งมันหมายถึงความพร้อมนั่นเอง
" ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่ข้ามั่นใจว่าเราทุกคนที่นี่ หรือคนที่ไม่อยู่ร่วมในที่นี่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน "
" แต่ ! "
" ตอนนี้เราต้องการสิ่งที่เอมิเลียถามเจ้าไปเมื่อครู่ เจ้าทำสำเร็จหรือไม่ "
คำถามของวิชทูม ทำให้ความสนใจทั้งหมดพุ่งเป้ามาที่หญิงสาวผู้คุกกรุ่นด้วยอารมณ์ร้อนรุ่ม ในตอนนี้เธอยังไม่หายโมโหจากคำพูดของเอมิเลีย แต่ความกดดันของคนอื่นๆทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจำยอมส่งสิ่งที่เธอได้มาให้โดยดี
ม่านโบกสะบัดชั่วครู่ เปลวเพลิงที่อัดแน่นจนกลายเป็นลูกบอลถูกส่งออกมาจากด้านหลังม่าน มันลอยตุ๊บป่องเชื่องช้า ไปกลางวงล้อมของม่านทั้งหมด แล้วแตกกระเซนสลายหายไป เหลือเพียงกุญแจสีทองหนึ่งดอกลอยเด่นอยู่กลางวง
" นี่ใช่ไหมเอมิเลีย ? สิ่งที่ต้องการ "
เอมิเลียผู้อยู่ด้านหลังม่านนกกระเรียนกระดาษไม่ตอบกลับในทันที เธอพินิจกุญแจดอกนั้นอยู่นานพอสมควร
" นี่แหละ สิ่งที่ชั้นได้มาจากส่วนลึกสุดของกาลาเทม "
แม้จะมีคำยืนยันจากเจ้าตัว แต่มันก็ยังไม่พอจะโน้มน้าวจิตใจของเอมิเลียได้ เพราะสิ่งนี้หายสาบสูญไปนานแล้ว รูปร่างของมันเองก็มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็น แม่มดส่วนใหญ่นั้นอายุยืน แต่เจ้าสิ่งนี้กลับมีมานานกว่าอายุขัยแม่มดอาวุโสยุคนี้บางคนซะอีก เธอจึงต้องการความมั่นใจ ว่านี่คือสิ่งที่พวกเธอต้องการจริงๆ
" ว่ายังไงเอมิเลีย ? " วิชทูมถามเอมิเลียอีกครั้ง
" อืมมม น่าจะใช่ ...มั้ง "
" ห๊าาาาา หมายความว่ายังไง!!! "
ผู้อยู่หลังม่านเพลิงร้องลั่นสะท้าน เสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วจากม่านสัญลักษณ์อื่นๆ ดูเหมือนพวกเธอจะชอบอัปกิริยาของผู้อยู่หลังม่านเพลิงที่แสดงออกมาซะเหลือเกิน บางครั้ง ในบทสนทนาตึงเครียด ก็ได้พวกเธอนี่แหละมาช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น แต่จะพูดให้ถูก ก็คงเป็นฝ่ายเอมิเลียซะมากกว่า ที่ชอบแหย่ผู้อยู่หลังม่านเพลิงอยู่ตลอด
เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ว่าแม่มดธาตุไฟส่วนใหญ่มีอารมณ์ไม่คงที่แน่นอน บางครั้งก็อารมณ์ร้อนดุจเปลวเพลิงซึ่งลุกโชติช่วง บางครั้งกลับนิ่งสงบน่ากลัวราวก้อนถ่านคุกกรุ่นที่รอวันลุกไหม้ และนั่นก็เป็นช่องว่างเล็กๆให้เอมิเลียแหย่เธอเล่นเป็นประจำ
" เอาล่ะๆ หมดธุระของชั้นแล้ว ขอตัวแค่นี้ล่ะนะ "
กุญแจสีทองที่ลอยเด่นอยู่กลางวงถูกดึงหายลับเข้าไปหลังม่านนกกระเรียนกระดาษของเอมิเลีย แต่ก่อนที่ลายประทับสัญลักษณ์ของเอมิเลียจะหายไป
" พวกเราได้กุญแจห้องหนังสือมาแล้ว แผนการต่อไปก็ใกล้เข้ามาทุกที หลังจากตอนนี้ชั้นบอกไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเรา จะมีพวกเราซักกี่คนที่รอดไปจนถึงวันที่คำทำนายของท่านเอลลามจะเป็นจริง แต่ชั้นขอสาบานด้วยชื่อของแม่มดดำ ว่าการเสียสละของท่านกิลเกียนูและทุกท่านในที่นี้ รวมถึงเหล่าพี่น้องของพวกเราจะไม่สูญเปล่า วันพรุ่งนี้ของเหล่าต้องมาถึงในไม่ช้า "
แล้วสัญลักษณ์ของเอมิเลียก็หายไป..
ความเงียบเข้าครอบคลุมสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง แต่เดิมมันก็เป็นเพียงอวกาศเคว้งคว้างล่องลอยไร้จุดหมายอยู่แล้ว ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก หากตัวป่วนอย่างเอมิเลียจากไปแล้วมันจะมีสภาพเป็นแบบนี้
สายตาของผู้อยู่หลังม่านเพลิงจับจ้องม่านที่เคยมีสัญลักษณ์ของเอมิเลียเขม็ง แต่เดิม เธอเองก็ไม่ได้ชอบใจแม่มดดำเท่าไหร่นัก จริงอยู่ แม่มดทั้งหมดนับถือกันดั่งพี่น้อง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแม่มดทุกคนจะต้องคุยกันถูกคอไปซะหมด ในกลุ่มอนันตกาลเองก็ไม่ใช่มีแค่เธอกับเอมิเลียที่ไม่ลงรอยกัน
แต่!
สำหรับเธอ มันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่ทำให้เธอไม่ชอบเอมิเลีย
สัญลักษณ์อีก 2 อันเลือนหายไปจากม่านทมิฬเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแม่มดผู้เข้าร่วมประชุมได้ไปจากสถานที่แห่งนี้เสียแล้ว หากไม่นับม่านของกิลเกียนูที่เปิดเผยให้เห็นด้านในซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการสูญสิ้นของเจ้าตัวกับม่านอีกสองอันที่ไม่มีสัญลักษณ์มาตั้งแต่แรก ก็เท่ากับว่าตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้นั้น
เหลือเพียงเธอกับวิชทูมเท่านั้น !?
.
.
" วิชทูม ข้าไม่อยากเชื่อใจแม่มดดำคนนี้เลย "
ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากวิชทูม มีเพียงความเงียบสงัดวังเวงราวกับตอนนี้ ณ ที่นี้ มีเธออยู่เพียงผู้เดียว
" ถึงแผนการทั้งหมดตั้งแต่แรกจะเป็นไปด้วยดี แล้วนางก็ไม่ได้ทำเรื่องที่มีพิรุธอะไรออกมาก็เถอะ แต่ยังไงข้าก็ยังไม่เชื่อใจนางเต็มร้อยหรอก ยังไงนางก็เป็นหนึ่งในวีรชนแห่งกำแพงเหมันต์ ข้าไม่เชื่อหรอก ว่านางจะตัดขาดจากอีกสองคนนั่นได้จริงๆ "
ยังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรก สิ่งที่ตอบคำถามของเธอยังคงมีแค่ความเงียบสงัดเพียงเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวเหนื่อยหน่ายแต่ประการใด
..เธอยังคงครุ่นคิด
..และยังคงครุ่นคิดต่อไป
ม่านทมิฬที่ถูกย้อมด้วยสัญลักษณ์เปลวเพลิงค่อยๆเลือนหายไป อนันตกาลคนสุดท้ายจากไปจากสถานที่แห่งนี้แล้ว เหลือไว้เพียงม่านดำทั้ง 7 ที่ยังคงล่องลอยอยู่ตรงจุดเดิมไม่เปลี่ยนไป
แต่หากจะมีสิ่งใดเปลี่ยนไปบ้าง…
คงมีเพียงป้ายหลุมศพเท่านั้น ที่มีข้อความที่ยังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง หลอมหินแข็งแกร่งแท่งนั้นจนกลายเป็นตัวอักษรติดตรึงตลอดไป
แด่แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ กิลเกียนู
ภายในหอคอยดำสูงเสียดฟ้าใจกลางรันเทสต้า ในประตูชั้นบนสุดของหอคอย ในความมืดทมึนปกคลุมทั่วทุกท้องที่สุดลูกหูลูกตา หมู่ดาวน้อยใหญ่เรียงตัวไร้ระเบียบกระจายตัวรอบห้องที่ไม่น่าจะใหญ่นักเมื่อมองจากด้านหน้า แต่ภายในกลับกลายเป็นอาณาเขตจักรวาลกว้างใหญ่จนไม่สามารถเดินทางไปสุดขอบได้ กลุ่มดาวเคราะห์ดาวฤกษ์ที่เปรียบดั่งฉากหลังยังคงเคลื่อนไหว หากแต่ม่านสีดำดั่งความมืดของจักรวาลกลับนิ่งไม่ไหวติงไปกับความเคลื่อนไหวของดวงดาว
ม่านดำทั้ง 7 ต่างเรียงตัวกันเป็นรูปครึ่งวงกลม ล้อมรอบป้ายสุสานขนาดใหญ่กว่า 5 เมตร สูงอีกกว่า 15 เมตรเห็นจะได้ ม่านแต่ละอันต่างมีสัญลักษณ์วาดไว้ต่างๆกัน เป็นการแสดงตัวตนของแต่ละคน
ม่านทั้ง 6 จากใน 7 ยังคงปิดมิดชิดจนไม่อาจมองลอดทะลุถึงตัวตนเบื้องหลัง แต่ 1 ในนั้นกลับถูกแหวกออกเผยให้เห็นความว่างเปล่าภายใน
...ม่านที่มีสัญลักษณ์รูปปีกนกสีดำ
" เอมิเลียยยย !!? "
เสียงสะท้านอันเกรียวโกรธ บ่งบอกถึงอารมณ์ของผู้เอ่ยประโยคได้เป็นอย่างดี ม่านสีดำที่ปักสัญลักษณ์เปลวเพลิงสะบัดรุนแรงดุจมีลมพายุพัดผ่าน อีกทั้งสัญลักษณ์เปลวไฟเองก็ลุกไหม้โหมกระพือขึ้นเหมือนกัน
" เพราะแผนของแก ทำให้กิลเกียนูต้องตาย แกวางแผนแบบนี้ไว้แต่แรกแล้วใช่ไหม "
ผู้อยู่เบื้องหลังม่านตะคอกด้วยโทสะ สายตาของเขาแทบจะมองทะลุม่านของตัวเองผ่านเข้าไปถึงม่านที่ปักสัญลักษณ์นกกระเรียนกระดาษพับกันเลยทีเดียว แต่กระนั้นก็ยังไม่มีคำตอบใดๆหลุดออกมาจากผู้อยู่เบื้องหลังม่านกระเรียนกระดาษอันนั้น
...ผู้อยู่หลังม่านยังคงนิ่ง
ภาพความทรงจำก่อนหน้าเริ่มผุดขึ้นมาเป็นรูปร่าง ภาพสายตาของกิลเกียนูที่มองมายังเจ้าของความทรงจำพร้อมสีหน้าละมัย
" ไม่มีทางอื่นแล้วสินะ ? " กิลเกียนูถาม
" ค่ะ ! ตอนนี้คนที่จะหยุดสองคนนั่นได้มีแต่ท่านเท่านั้น จริงอยู่ที่ [ เพลิงกาฬปฐพีพินาจ ] เองก็ไปด้วย แต่นางต้องเป็นคนคุ้มครองพี่น้องคนอื่นๆให้อยู่รอดปลอดภัยในกาลาเทม อนันตกาลคนอื่นๆก็ทำหน้าที่อยู่ ในตอนนี้ท่านเป็นคนเดียวที่แกร่งพอจะหยุดทั้งสองได้ "
" ..แม้ว่า "
เอมิเลียรู้สึกกระอักกระอ่วมที่จะพูดต่อ ซึ่งข้อนี้กิลเกียนูพอจะเข้าใจความหมายที่เธอรู้สึกแบบนั้น
" แม้ว่าเราจะต้องตายงั้นหรือ ? "
กิลเกียนูตอบได้ตรงประเด็นยิ่งนัก ตรงซะจนเอมิเลียต้องหลบตาเลยทีเดียว
" ถ้า 1-1 ข้ามั่นใจว่าท่านคงไม่แพ้พวกนางแน่ ข้ารู้จักพวกนางดี มันเป็นเรื่องน่าอายแต่ว่าเป็นความจริง พวกนางทั้งคู่เก่งกาจกว่าข้ามากนัก ถึงจะเป็นท่านรึว่า [ หมาป่า ] ตัวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะ "
" งั้นเราขอถามอะไรท่านสักข้อได้หรือไม่ ? "
" หากชีวิตของเรา........ "
ภาพความทรงจำเริ่มเลือนหายไปจากความนึกคิดของหญิงสาว กลับมาสู่ความจริงเบื้องหน้าที่คุกกรุ่นด้วยอารมณ์ของผู้อยู่หลังม่านอันลุกโชนด้วยเพลิงกาฬ หากแต่ช่วงเวลานี้ ไม่ใช่เวลาแก้ตัวกับคนผู้นี้ แล้วก็ไม่ใช่เวลามานั่งนึกใคร่ครวญกับสิ่งที่ผ่านไปแล้วด้วย
" มันก็เป็นไปด้วยดีตามแผนที่วางไว้นั่นแหละ เหลือแต่ว่าเธอจะทำให้การเสียสละของท่านกิลเกียนูเสียเปล่าไม๊ เท่านั้นล่ะ "
" ว่าไงนะ !! "
ม่านเพลิงสะบัดดั่งถูกลมกรรโชกพัดผ่าน วาจาของเอมิเลียช่างแสบสันต์และเชือดเฉือนอารมณ์คุกกรุ่นของเธออย่างจัง ดั่งกองเพลิงลุกไหม้ถูกราดน้ำมันใส่ก็ไม่ปาน
" นี่แก.. "
หยุด!!?
น้ำเสียงราบเรียบดังแว่วออกมาจากด้านหลังป้ายสุสานสูงใหญ่อันเป็นดั่งสัญลักษณ์ของผู้นำ และเสียงคนผู้นั้นคือแม่มดผู้ถูกเรียกขานว่า วิชทูม (Witch Tomb [ ผู้เฝ้าสุสาน ] ) ผู้ก่อตั้งของแม่มดฝ่ายเหนือ ทำให้หญิงสาวทั้งสองซึ่งมีทีท่าว่าจะปะทะคารมกันจนหยุดยั้งไม่ได้เงียบลงไปทันควัน เมื่อสิ้นเสียงของทั้งคู่ ความเงียบสงบก็กลับมาครอบงำสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งมันหมายถึงความพร้อมนั่นเอง
" ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่ข้ามั่นใจว่าเราทุกคนที่นี่ หรือคนที่ไม่อยู่ร่วมในที่นี่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน "
" แต่ ! "
" ตอนนี้เราต้องการสิ่งที่เอมิเลียถามเจ้าไปเมื่อครู่ เจ้าทำสำเร็จหรือไม่ "
คำถามของวิชทูม ทำให้ความสนใจทั้งหมดพุ่งเป้ามาที่หญิงสาวผู้คุกกรุ่นด้วยอารมณ์ร้อนรุ่ม ในตอนนี้เธอยังไม่หายโมโหจากคำพูดของเอมิเลีย แต่ความกดดันของคนอื่นๆทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจำยอมส่งสิ่งที่เธอได้มาให้โดยดี
ม่านโบกสะบัดชั่วครู่ เปลวเพลิงที่อัดแน่นจนกลายเป็นลูกบอลถูกส่งออกมาจากด้านหลังม่าน มันลอยตุ๊บป่องเชื่องช้า ไปกลางวงล้อมของม่านทั้งหมด แล้วแตกกระเซนสลายหายไป เหลือเพียงกุญแจสีทองหนึ่งดอกลอยเด่นอยู่กลางวง
" นี่ใช่ไหมเอมิเลีย ? สิ่งที่ต้องการ "
เอมิเลียผู้อยู่ด้านหลังม่านนกกระเรียนกระดาษไม่ตอบกลับในทันที เธอพินิจกุญแจดอกนั้นอยู่นานพอสมควร
" นี่แหละ สิ่งที่ชั้นได้มาจากส่วนลึกสุดของกาลาเทม "
แม้จะมีคำยืนยันจากเจ้าตัว แต่มันก็ยังไม่พอจะโน้มน้าวจิตใจของเอมิเลียได้ เพราะสิ่งนี้หายสาบสูญไปนานแล้ว รูปร่างของมันเองก็มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเห็น แม่มดส่วนใหญ่นั้นอายุยืน แต่เจ้าสิ่งนี้กลับมีมานานกว่าอายุขัยแม่มดอาวุโสยุคนี้บางคนซะอีก เธอจึงต้องการความมั่นใจ ว่านี่คือสิ่งที่พวกเธอต้องการจริงๆ
" ว่ายังไงเอมิเลีย ? " วิชทูมถามเอมิเลียอีกครั้ง
" อืมมม น่าจะใช่ ...มั้ง "
" ห๊าาาาา หมายความว่ายังไง!!! "
ผู้อยู่หลังม่านเพลิงร้องลั่นสะท้าน เสียงหัวเราะคิกคักดังแว่วจากม่านสัญลักษณ์อื่นๆ ดูเหมือนพวกเธอจะชอบอัปกิริยาของผู้อยู่หลังม่านเพลิงที่แสดงออกมาซะเหลือเกิน บางครั้ง ในบทสนทนาตึงเครียด ก็ได้พวกเธอนี่แหละมาช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น แต่จะพูดให้ถูก ก็คงเป็นฝ่ายเอมิเลียซะมากกว่า ที่ชอบแหย่ผู้อยู่หลังม่านเพลิงอยู่ตลอด
เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ว่าแม่มดธาตุไฟส่วนใหญ่มีอารมณ์ไม่คงที่แน่นอน บางครั้งก็อารมณ์ร้อนดุจเปลวเพลิงซึ่งลุกโชติช่วง บางครั้งกลับนิ่งสงบน่ากลัวราวก้อนถ่านคุกกรุ่นที่รอวันลุกไหม้ และนั่นก็เป็นช่องว่างเล็กๆให้เอมิเลียแหย่เธอเล่นเป็นประจำ
" เอาล่ะๆ หมดธุระของชั้นแล้ว ขอตัวแค่นี้ล่ะนะ "
กุญแจสีทองที่ลอยเด่นอยู่กลางวงถูกดึงหายลับเข้าไปหลังม่านนกกระเรียนกระดาษของเอมิเลีย แต่ก่อนที่ลายประทับสัญลักษณ์ของเอมิเลียจะหายไป
" พวกเราได้กุญแจห้องหนังสือมาแล้ว แผนการต่อไปก็ใกล้เข้ามาทุกที หลังจากตอนนี้ชั้นบอกไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเรา จะมีพวกเราซักกี่คนที่รอดไปจนถึงวันที่คำทำนายของท่านเอลลามจะเป็นจริง แต่ชั้นขอสาบานด้วยชื่อของแม่มดดำ ว่าการเสียสละของท่านกิลเกียนูและทุกท่านในที่นี้ รวมถึงเหล่าพี่น้องของพวกเราจะไม่สูญเปล่า วันพรุ่งนี้ของเหล่าต้องมาถึงในไม่ช้า "
แล้วสัญลักษณ์ของเอมิเลียก็หายไป..
ความเงียบเข้าครอบคลุมสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง แต่เดิมมันก็เป็นเพียงอวกาศเคว้งคว้างล่องลอยไร้จุดหมายอยู่แล้ว ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นัก หากตัวป่วนอย่างเอมิเลียจากไปแล้วมันจะมีสภาพเป็นแบบนี้
สายตาของผู้อยู่หลังม่านเพลิงจับจ้องม่านที่เคยมีสัญลักษณ์ของเอมิเลียเขม็ง แต่เดิม เธอเองก็ไม่ได้ชอบใจแม่มดดำเท่าไหร่นัก จริงอยู่ แม่มดทั้งหมดนับถือกันดั่งพี่น้อง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าแม่มดทุกคนจะต้องคุยกันถูกคอไปซะหมด ในกลุ่มอนันตกาลเองก็ไม่ใช่มีแค่เธอกับเอมิเลียที่ไม่ลงรอยกัน
แต่!
สำหรับเธอ มันมีเหตุผลมากกว่านั้น ที่ทำให้เธอไม่ชอบเอมิเลีย
สัญลักษณ์อีก 2 อันเลือนหายไปจากม่านทมิฬเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าแม่มดผู้เข้าร่วมประชุมได้ไปจากสถานที่แห่งนี้เสียแล้ว หากไม่นับม่านของกิลเกียนูที่เปิดเผยให้เห็นด้านในซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการสูญสิ้นของเจ้าตัวกับม่านอีกสองอันที่ไม่มีสัญลักษณ์มาตั้งแต่แรก ก็เท่ากับว่าตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้นั้น
เหลือเพียงเธอกับวิชทูมเท่านั้น !?
.
.
" วิชทูม ข้าไม่อยากเชื่อใจแม่มดดำคนนี้เลย "
ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากวิชทูม มีเพียงความเงียบสงัดวังเวงราวกับตอนนี้ ณ ที่นี้ มีเธออยู่เพียงผู้เดียว
" ถึงแผนการทั้งหมดตั้งแต่แรกจะเป็นไปด้วยดี แล้วนางก็ไม่ได้ทำเรื่องที่มีพิรุธอะไรออกมาก็เถอะ แต่ยังไงข้าก็ยังไม่เชื่อใจนางเต็มร้อยหรอก ยังไงนางก็เป็นหนึ่งในวีรชนแห่งกำแพงเหมันต์ ข้าไม่เชื่อหรอก ว่านางจะตัดขาดจากอีกสองคนนั่นได้จริงๆ "
ยังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรก สิ่งที่ตอบคำถามของเธอยังคงมีแค่ความเงียบสงัดเพียงเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวเหนื่อยหน่ายแต่ประการใด
..เธอยังคงครุ่นคิด
..และยังคงครุ่นคิดต่อไป
ม่านทมิฬที่ถูกย้อมด้วยสัญลักษณ์เปลวเพลิงค่อยๆเลือนหายไป อนันตกาลคนสุดท้ายจากไปจากสถานที่แห่งนี้แล้ว เหลือไว้เพียงม่านดำทั้ง 7 ที่ยังคงล่องลอยอยู่ตรงจุดเดิมไม่เปลี่ยนไป
แต่หากจะมีสิ่งใดเปลี่ยนไปบ้าง…
คงมีเพียงป้ายหลุมศพเท่านั้น ที่มีข้อความที่ยังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิง หลอมหินแข็งแกร่งแท่งนั้นจนกลายเป็นตัวอักษรติดตรึงตลอดไป
แด่แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ กิลเกียนู
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ