Hexe

9.4

เขียนโดย Ejichiki

วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.28 น.

  5 บทที่
  2 วิจารณ์
  8,606 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 12.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ ( Part 1 )

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      แสงไฟสีส้มสลัวจากดวงไฟดวงน้อยที่ลุกไหม้บนโต๊ะวางแจกันอันจ้อย ช่วยส่องสว่างให้ห้องที่เคยมืดทึมกลับมามองเห็นภายในได้ชัดถนัดตา ห้องแคบๆที่ประดับไปด้วยหนังสือเล่มน้อยใหญ่เรียงสลับกันไปตามชั้นหนังสือทั้งสี่ทิศตามกำแพงห้อง อีกทั้งยังมีบางเล่มถูกทิ้งให้วางระเกะระกะกระจายเกลื่อนไปทั่วห้อง ราวกับห้องทั้งห้องถูกทำให้กลายเป็นกองขยะหนังสือก็ไม่ปาน  ...หากแต่

     ในกองหนังสือกลับไม่ได้มีเพียงหนังสือเพียงเท่านั้น

     หนังสือเล่มใหญ่สีดำคล้ายความมืดภายในห้องถูกเปิดออกทีละหน้าอย่างเชื่องช้า เก้าอี้โยกเก่าแก่รูปแบบคลาสสิกโยกคลอนเคลื่อนไหวสอดคล้องกับหน้าหนังสือที่ถูกเปิด หญิงสาวผู้มีดวงตาสีครามกำลังนั่งนิ่งอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่อย่างสงบ ไม่มีใครทราบว่าเธอเป็นใครหรือมาอยู่ที่นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และตัวหญิงสาวเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งนั้นด้วย

     เพราะตอนนี้ !!

     เธอสนใจแค่สิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือมากกว่า

 

***********************************************

     ชายป่ากาลาเทม ดินแดนพันธะสัญญาของแม่มด

     กาลาเทม ดินแดนที่ถูกเรียกว่าดินแดนแห่งพันธะสัญญาของเหล่าแม่มดในอดีต  แม้กาลเวลาจะผ่านเนินนานเพียงใด ความเคารพนับถือต่อดินแดนที่เหล่าวีรชนผู้กล้าเหล่านั้นทอดกายฝังร่างเพื่อปกป้องดินแดนนี้ยังคงติดตรึงดวงใจเหล่าแม่มดรุ่นหลังๆไม่เสื่อมคลาย หากแต่บัดนี้ วินาทีนี้ ชายป่าด้านตะวันออกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กลับลุกไหม้โชติช่วงจากเปลวเพลิงแดงฉานด้วยฝีมือหญิงสาวเพียงหนึ่งคน

     เปลวเพลิงแดงฉานลุกไหม้จากมือของหญิงสาว ก่อนมันจะลุกลามใหญ่โตเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เป็นวงแหวนเพลิง พุ่งเข้าเผาไหม้ชายป่าด้านหน้า เพื่อช่วยเปลวไฟที่ไหม้อยู่แล้ว ให้โหมแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม

     " รู้สึกไม่ดีเลย ที่ต้องมาเผาทำลายดินแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วยมือของตัวเองแบบนี้ " 

     หญิงสาวเอ่ยขึ้นเบาๆราวกับพูดกับตัวเอง

     " อืม เราก็คิดเช่นท่านเหมือนกัน "

     เสียงหญิงสาวอีกคนดังก้องขึ้นมา แต่หญิงสาวคนแรกกลับไม่รู้สึกตกใจหรือแตกตื่นอะไร ซึ่งนั่นคงเป็นเพราะเธอรู้ดีอยู่แล้ว ว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องโผล่มาไม่ช้าก็เร็ว

     ใช่ !?  เพราะแผนการมันถูกวางไว้แบบนั้นนี่นา

 

     ขนนกสีดำจำนวนมากปรากฏขึ้นบนอากาศรอบๆบริเวณนั้น ก่อนจะร่างหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงอย่างแผ่วเบา ร่างของหญิงสาวผู้สวมอาภรณ์สีดำทั้งร่างปรากฏแก่สายตาหญิงสาวผู้มีเปลวเพลิงอยู่ในมือ ดวงตาเศร้าสร้อยของเธอจับจ้องไปยังชายป่าที่ถูกทำลายไปด้วยเปลวเพลิงร้อนแรง เธอถอดหมวกทรงสูงของตนลงมาทาบไว้กับอกแทนคำขอโทษและไว้อาลัยกับการกระทำนี้ครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างหญิงสาวอีก 4-5 คนจะปรากฏตัวตามมาจากขนนกสีดำที่ร่วงหล่นเหมือนเศษเถ้าภูเขาไฟที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ

     " ท่านกิลเกียนู "

     หญิงสาวผู้ถูกเรียกว่ากิลเกียนูเงยหน้ามองหญิงสาวคนแรก เธอจัดแจงสวมหมวกของตนแล้วพยักหน้าให้หญิงสาวผู้นั้น

     เปรี๊ยะ!?

     สะเก็ดไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วบริเวณรอบด้าน กิลเกียนูคว้าเอาขนนกสีดำขนหนึ่งที่ลอยคว้างอยู่ในอากาศไว้ในกำมือ เธอหลับตาพร้อมร่ายคาถาบางอย่างออกมา ก่อนจะกางมือออก ปล่อยให้ขนนกล่องลอยไปตามกระแสลม

     หญิงสาวทั้งหมดจ้องมองขนนกที่กิลเกียนูปล่อยไปอันนั้นเขม็ง พวกเธอทั้งหมดต่างรู้ดีถึงสิ่งที่กิลเกียนูกำลังทำ ขนนกของกิลเกียนูยังคงล่องลอยต่อไปเรื่อยๆ แต่น่าแปลกที่การเคลื่อนไหวของมันกลับดูผิดธรรมชาติไปหน่อย เพราะการเคลื่อนไหวของมันนั้น ราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่

     และเมื่อขนนกหยุดเคลื่อนไหว

     วูมมมม!!

     โพรงอากาศขนาดใหญ่ถูกเปิดออกโดยมีขนนกนั้นเป็นศูนย์กลาง เผยให้เห็นผืนป่าเขียวชอุ่มร่มรื่นดูมีมนต์ขลังสะกดความรู้สึกผู้พบเห็น ต่างกับป่าด้านนอกที่กำลังลุกไหม้ด้วยเพลิงกาฬ

     " นี่สินะ  ป่าศักดิ์สิทธิ์กาลาเทม "

     " ใช่ นั่นคือกาลาเทมดินแดงแห่งพันธะสัญญา พวกท่านจงระวังตัวให้มาก ด้านในนั้นเต็มไปด้วยอันตรายที่เหล่าวีรชนแม่มดผู้กล้าในอดีตร่ายมนต์กำกับไว้เพื่อปกป้องคุ้มครอง พวกท่านต้องดุแลกันและกันให้ดี ส่วนเราจะปกป้องพวกท่านอยู่ตรงนี้ เราจะไม่ยอมให้ผู้ใดผ่านประตูนี้เข้าไปเด็ดขาด "

     กิลเกียนูกล่าวหนักแน่น สีหน้าเธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนหากกลับแฝงไว้ด้วยความอาลัยเศร้า

     หญิงสาวคนอื่นๆต่างโค้งให้กับกิลเกียนูด้วยความเคารพ ก่อนจะทยอยเข้าไปในป่ากาลาเทมจนหมดทุกคน  เหลือไว้เพียงกิลเกียนูและหญิงสาวคนแรกที่ยังคงยืนอยู่ด้านนอก ไม่ได้เข้าไปตามคนอื่นๆ เธอยังคงยืนมองกิลเกียนูอยู่อย่างงั้น

     " เพื่อแสงสว่างแด่เหล่าพี่น้อง ขอให้ท่านนำมันกลับไปให้ได้นะ "

     " อืม !! "

     หญิงสาวรับปากกิลเกียนู เธอก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในประตู เธอเหลือบมองกิลเกียนูอีกครั้ง

     " รักษาตัวด้วย แล้วพบกันที่รันเทสต้า "

     แล้วหญิงสาวผู้นั้นก็พลันหายตามกลุ่มคนอื่นๆที่เข้าไปก่อนหน้า  กิลเกียนูทำได้เพียงส่งยิ้มให้หญิงสาวผู้นั้น ก่อนประตูที่เธอเปิดไว้จะปิดลง เธอไม่อาจตอบรับคำขอสุดท้ายของหญิงสาวได้ เพราะคำว่า แล้วพบกันที่รันเทสต้านั้น มันหมายถึงเธอต้องมีชีวิตรอดกลับไปเท่านั้น

     และมัน...

     คงเป็นอะไรที่ยากมากเมื่อต้องเจอกับหญิงสาวสองคนนี้

 

     ร่างของหญิงสาวผู้สวมชุดสุภาพสตรีชั้นสูงยุโรปปรากฏขึ้นต่อหน้ากิลเกียนู สองหญิงสาวผู้มีอาภรณ์ขาวและแดงเป็นจุดเด่น ก้าวเข้าหาเธอด้วยมาดมั่น แม้จะดูเชื่องช้าไม่รีบร้อนแต่กลับมั่นคงดั่งหินผา รูปร่างหน้าตาล้วนงดงามหมดจดแม้จะไม่เลิศเลอแต่สำหรับสายตาของกิลเกียนูแล้วนั้น ทั้งคู่กลับดูดียิ่งกว่ามวลผกาแมกไม้หรือจันทร์นวลที่สาดส่องอวดโฉมยามค่ำคืนเสียอีก อีกทั้งท่าทีลักษณะองอาจที่หญิงสาวทั้งสองแสดงออกมาให้เห็นมันทำให้เธอยิ้มน้อยๆออกมาได้

     ( ก็ต้องบอกว่าสมกับชื่อผู้กล้าล่ะนะ )

     กิลเกียนูเพียงแค่คิดในใจ ดวงตาเธอจังจับจ้องหญิงสาวทั้งสองไม่วางตา แล้วเมื่อหญิงสาวทั้งสองเข้ามาใกล้ในระยะที่พอเพียง

     .

     .

     เธอทั้งคู่ก็คุกเข่าลงไป !??

     " ยินดีที่พบท่านค่ะ ท่านกิลเกียนู ข้าเชอร์วูด ส่วนนั่นเซราฟีม พวกเราศรัทธาตัวท่านมานานแล้ว " หญิงสาวในชุดขาวแนะนำตัวกับกิลเกียนู พร้อมๆกับแนะนำหญิงสาวอีกคนไปด้วยกัน

     " ลุกขึ้นเถอะพี่น้องของเรา ท่านทำให้เราลำบากใจ "

     กิลเกียนูพยายามขอให้ทั้งคู่ลุกขึ้น แต่ทั้งคู่กลับยืนกรานว่าจะขอคุกเข่าอย่างงี้จนการเจรจาจะเสร็จสิ้น แล้วจนแล้วจนรอด กิลเกียนูก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวสองคนนี้ใจอ่อนได้ เธอจึงไม่เซ้าซี้ทั้งคู่อีก แล้วบทสนทนาของทั้งสามก็เริ่มขึ้น เชอร์วูดทำสีหน้าจริงจังมากขึ้น ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากถามกิลเกียนู

     " หากเราทั้งสองจะขอให้ท่านผู้เลิศล้ำหลีกทางให้ ท่านจะเห็นเป็นเช่นไร? "

     น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นราบเรียบและเคารพคู่สนทนาอย่างกิลเกียนูด้วยใจจริง แต่ก็แฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าวด้วยเช่นกัน

     " เราทำแบบนั้นไม่ได้ แม้เราจะชื่นชมท่านทั้งสองแค่ไหน แต่ที่เรายืนอยู่ตรงนี้ก็เพื่อการนั้น หากท่านทั้งสองยืนยันจะเข้าไปให้ได้ ก็ต้องผ่านเราให้ได้เท่านั้น "

     " ข้าขอถาม ทำไมแม่มดผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านผู้คอยส่งวิญญาณเหล่าแม่มดสู่แดนสวรรค์ ถึงได้เข้ากับแม่มดฝ่ายเหนือ ด้วยฐานะของท่าน สมควรอย่างยิ่งที่ท่านจะอยู่ตรงกลางไม่เข้ากับฝ่ายใด แล้วทำไม.. "

     บรรยากาศรอบด้านสงบลงทันทีเมื่อเชอร์วูดพูดจบ เปลวเพลิงยังคงลุกไหม้โหมกระหน่ำอยู่ สายลมยังคงพัดแรงหมุนวนไปทั่ว เศษเถ้าหรือใบไม้ที่กำลังลุกไหม้เองก็ยังคงล่องลอยไปตามสายลม หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสงบราบเรียบเป็นธรรมชาติอย่างน่าแปลก กิลเกียนูทำเพียงยิ้มและส่งสายตาเศร้าสร้อยให้กับหญิงสาวทั้งสองคนด้านหน้า

     " เราน่ะ!? เห็นความตายมามากนัก "

     " ไม่ว่าจะเป็นแม่มดระดับไหน ขั้นอะไร สุดท้ายสิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงขนนกสีดำที่ให้ไว้แทนค่าจ้าง ความยิ่งใหญ่ และรอยยิ้มที่ตราตรึงความทรงจำ เราไม่อยากให้สิ่งนั้นเป็นเพียงแค่ความทรงจำของเราเพียงผู้เดียว เราไม่ได้ต้องการพิธีใหญ่โตเอิกเกริกสมศักดิ์ศรี เราเพียงต้องการส่งวิญญาณเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ภายใต้แสงอาทิตย์แห่งอิสระเสรี ไม่ใช่ภายใต้เงามืดที่ต้องหลบซ่อนตามหลืบซอกประวัติศาสตร์ "

     เชอร์วูดกับเซราฟีมอ้าปากเหวอเมื่อได้รับรู้ความตั้งใจจริง มันทำให้พวกเธอยิ่งศรัทธาในตัวกิลเกียนูมากขึ้นไปอีก แต่ยังไงซะ พวกเธอทั้งคู่ก็ได้รับรู้แล้ว ว่าความต้องการของกิลเกียนูกับสิ่งที่พวกเธอเชื่อมั่นนั้นสวนทางกัน

     "…"

     " ข้าทั้งสองเคารพการตัดสินใจของท่าน "

     หญิงสาวทั้งคู่ลุกขึ้นมาหลังจากนั่งคุกเข่าอยู่นาน บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง อักษรโน๊ตดนตรีสีแดงปรากฏขึ้นไปทั่วบริเวณ พร้อมๆกันกับโซ่สีขาวที่ถูกลากจากโพรงอากาศโพรงหนึ่งสู่โพรงอากาศอีกโพรงหนึ่ง ซึ่งปรากฏขึ้นมามากมาย

     " สุดท้ายนี้ข้าขอถาม "

     " หากการต่อสู้นี้พวกเราพลาดทุกสิ่งคงไม่เปลี่ยนแปลงไป แต่หากท่านพลาดพลั้งจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราเหล่าแม่มด "

     " เมื่อถึงเวลานั้น ผู้สืบทอดนาม [ ปีกผู้วายชนม์ ] จะปรากฏตัว ขอให้พวกท่านพานางไปยังตะวันออก นั่นคือคำขอจากเรา "

     เชอร์วูดกับเซราฟีมโค้งเล็กน้อยเป็นการแสดงออกว่ายอมรับในคำขอนั้น กิลเกียนูยิ้มอ่อนโยนให้ทั้งคู่

 

     พลัน !!

     ขนนกสีดำทมิฬก็ร่วงหล่นลงมากจากฟากฟ้า อีกทั้งยังครอบคลุมไปทั่วบริเวณราวกับจะยื้อแย่งพื้นที่กับโน๊ตเพลงสีแดงและโซ่สีขาวที่ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้า  มันเริ่มมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะถมพื้นดินให้ท่วมเต็มด้วยสีดำของมัน และยังคงร่วงหล่นต่อไปเหมือนหิมะร่วงพรู

     " ...ปีกผู้วายชนม์ !!   ระวังตัวด้วย เชอร์วูด ถ้าสัมผัสขนนกพวกนี้มากๆวิญญาณจะถูกชำระล้างสู่สวรรค์ "

     เซราฟีมเอ่ยปากเตือนเชอร์วูด จากที่เคยเงียบนิ่งเป็นผู้เฝ้าดูอยู่นาน เชอร์วูดพยักหน้ารับว่าเข้าใจสิ่งที่เซราฟีมบอก แต่เธอกลับไม่มีอาการใดๆมากไปกว่ายืนประจันหน้ากับกิลเกียนู แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ผู้คอยชี้นำทางวิญญาณสู่สวรรค์ เชอร์วูดเอื้อมมือสัมผัสขนนกสีดำที่กำลังร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าเบาๆ แม้จะเพียงเล็กน้อยของส่วนสัมผัส แต่เธอกลับรู้สึกได้ชัดเจน ถึงอณูวิญญาณที่สลายไปทันทีเมื่อสัมผัสมัน

     " แม่มดขั้นเหนือขอบเขต ..เชอร์วูด !! "

     " แม่มดผู้สูงส่ง เซราฟีม !? "

     " แม่มดเหนือระดับ กิลเกียนู "

     ทั้งสามประกาศชื่อของตนให้กันและกันได้รับรู้ ก่อนเปลวเพลิงที่ลุกไหม้จะโหมกระหน่ำบ้าคลั่งราวกับเย้ยหยันการต่อสู้ของแม่มดทั้งสาม ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวินาทีถัดมา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา