CurseSchool คำสาปโรงเรียนผี
9.8
เขียนโดย WinnerShadow
วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 13.48 น.
14 chapter
23 วิจารณ์
20.36K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 14.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) นักเรียนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความChapter 7
New students.
ตั้งแต่เมื่อ 2 วันก่อนที่เกิดเรื่องจนฮินาตะนอนโรงพยาบาล และไม่ตื่นนั้นทำให้คลาวน์และยูยะเคลียดกันไปทั้งคู่ ท่ามกลางสายตาห่วงใยของเพื่อนทั้งห้องที่มองมาทางคลาวน์และยูยะที่เป็นเพื่อนสนิทนั้น กลับมีสายตาของวิญญาณเด็กสาวที่กำลังหัวเราะอย่างสะใจจนคลาวน์ที่กำลังนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างและยูยะที่กำลังกลบเกลื่อนความเคลียดด้วยการหนังสือถึงกับมือสั่นด้วยความโกรธกันทั้งคู่ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่โดนหัวเราะแบบนี้ตั้งแต่ที่ฮินาตะนอนโรงบาล
ทั้งคู่โกรธที่ต้องเสียนักเรียนร่วมโรงเรียน โกรธเพราะทำให้พวกเราหมดหนทางช่วย โกรธที่ฮินาตะต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะวิญญาณนั้น ที่ตอนนี้กำลังหัวเราะเพื่อตอกย้ำความด่อยความสามารถที่จะช่วยคนทั้งสามที่ตายไปในเมื่อวาน
“นี่..ฮินาตะคุงเป็นไงบ้างเหรอ?” ฮินะเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี นั้นคงเพราะฮินาตะนอนโรงพยาบาลและเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน
“หมอนั้นยังไม่ฟื้นเลย แถมยังช๊อคสุดๆ ด้วย” ยูยะตอบออกไปเพราะคิดว่า คลาวน์ในตอนนี้คงไม่พูดกับใครอีกนาน
“งั้นเหรอ? ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้สินะ” ฮินะหันไปมองนอกหน้าต่างและพูดออกมา สายตาของเพื่อนภายในห้องเริ่มเปลี่ยนมามองเพื่อนของตนและพูดถึงฮินาตะกันอย่างห่วงใย หมอนั้นคงดีใจได้เลยล่ะ ว่าถ้าหายแล้วก็คงมีคนมาแสดงความยินดีกันเยอะแย่ะแน่ๆ
“ไม่ใช่หรอกนะ แค่ฮินะจังเป็นกำลังใจ และรอฮินาตะกลับมาล่ะก็ แค่นั้นก็ช่วยได้เยอะเลยนะ” คำพูดของยูยะทำให้ฮินะที่ยืนอยู่ถึงกับยิ้มพลางหน้าแดง เคยมีข่าวลือว่าฮินะชอบฮินาตะแพร่ออกไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่ได้ชอบหรอกนะ ก็เลยกลายเป็นแค่ข่าวลือที่กะจะทำให้เสียหายเท่านั้น
ครืดดด
เสียงประตูห้องเรียนเคลื่อนเปิดออก พร้อมกับอาจารย์ที่เดินเข้ามาพลางยิ้มแต่ดูเหมือนจะเศร้าใจมากกว่า นักเรียนที่เห็นแบบนั้นก็กระจายไปนั่งประจำที่ของตัวเอง เพื่อเข้าโฮมรูม คลาวน์ผละออกจากการมองนอกหน้าต่างและมานั่งตัวตรงตั้งใจเช้นกับยูยะที่เก็บหนังสือลงใต้โต๊ะด้วยความเงียบอย่างเช่นคนอื่นๆ
“วันนี้จะมีนักเรียนใหม่มานะ เขาย้ายมาจากอิบารากิเมื่อไม่นานมานี้ เชิญ”
เด็กสาวผมสีออกเขียวแก่เดินเข้ามาภายในห้อง แต่นั้นก็สร้างเสียงซุบซิบขึ้นมา เพราะเธอใส่เสื้อฮู้ดทับเครื่องแบบโรงเรียนถึงยังไงนั้นก็เป็นเรื่องปกติแน่ แต่ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่ใบหน้าใต้เสื้อฮู้ดมากกว่า เพราะมันโผล่ให้เห็นแค่ผมของเธอที่ยาวออก และดวงตาที่คมของเธอเท่านั้น
“แนะนำตัวสิ เพื่อนๆ คงกำลังรอฟังอยู่”
“คานาเมะ โคโมะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เสียงของเธอดูเย็นชา แต่ก็ไพเราะจนทำให้ผู้ชายหลายคนภายในห้องกำลังใจเต้น เพราะจังหวะที่เธอมองไปทั่วห้องนั้นก็เงยหน้าขึ้นทำให้เห็นใบหน้าชัดขึ้น
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆ แต่ก็แค่ดูน่ากลัวเพราะดวงตาที่คมนั้นเท่านั้น หลายคนก็เริ่มคิดว่า ถ้าเธอคนนี้มองเขานานๆ หัวใจต้องฉีกขาดแน่
คลาวน์ที่นั่งนิ่งไม่ได้คิดอะไรก็เปลี่ยนความสนใจมาที่วิญญาณเด็กสาวที่กำลังทำหน้าไม่พอใจมองไปที่เด็กใหม่คนนั้นอย่างชัดเจน จนรู้สึกได้ และก็หายไป ไม่นานมากนักกระดาษที่พับไว้เรียบร้อยก็ส่งมาที่คลาวน์จากยูยะ คลาวน์คลี่กระดาษเปิดเพื่ออ่านสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น
‘ผู้หญิงคนนี้ เป็นเพื่อนฉันเอง ไม่ต้องห่วงนะ เธอเองก็รู้สึกได้ถึงวิญญาณเด็กสาวนั้นเหมือนกัน เพราะต้นตระกูลเธอเป็นเชมันยังไงล่ะ’
คลาวน์เงยหน้ามองเด็กใหม่คนนั้นอย่างเข้าใจ ก่อนอาจารย์จะบอกให้เธอมานั่งที่โต๊ะข้างๆ ฮินาตะที่ว่างไปตั้งสองวันแล้ว เธอนั่งลงก่อนจะมองมาทางยูยะที่โบกมือให้ และหันไปทางหน้าห้อง คลาวน์และยูยะหันไปมองตามก็ต้องตกใจ เมื่อข้างหลังอาจารย์ที่กำลังอบรมอยู่นั้นมีวิญญาณเด็กสาวนั้นมายืนด้วยสายตาอาฆาตมากๆ จนเลือดตาไหลออกมา
โคโมะหลับตาลง ซึ่งสร้างความสงสัยให้คลาวน์มาก แต่นั้นก้ได้เข้าใจเมื่อวิญญาณนั้นร้องออกมาอย่างทรมาณและหายไปเหมือนอากาศอีกครั้ง ยูยะหันมาทางโคโมะและยกนิ้วโป้งให้อย่างเงียบๆ ฝ่ายนั้นก็ยกนิ้วให้ตอบแบบนิ่งเงียบเช่นกัน และคลาวน์ก็ได้รู้ทันทีว่า พวกเราพอมีหนทางช่วยทุกคนที่อยู่ที่โรงเรียนนี้แล้วล่ะ
พักกลางวัน
“โคโมะจังๆ เธอไปทานข้าวกับพวกเรามั้ย?”
“ไปกับพวกเราดีกว่าน่า ไม่ต้องห่วงว่าพวกเราจะทำอะไรหรอก”
“คุณคานาเมะมากับพวกฉันดีกว่าค่ะ”
คำชวนมากมายพูดกับโคโมะที่พึ่งย้ายเข้ามาเหมือนเป็นคนดัง แต่เจ้าตัวไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อยก่อนจะส่ายหน้าแล้วลุกเดินออกไป แต่ก็ส่งซิกให้คลาวน์และยูยะว่าให้ตามมา ทั้งสองคนที่รู้เรื่องก็เลยลุกออกไปเช่นกัน แต่ก็เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ สงสัยเลยต้องอ้อมกันนิดหน่อย แต่ยูยะคงจะรู้แล้วล่ะว่าซิกที่ส่งมาเมื่อกี้ให้ไปที่ไหนน่ะ
“โคโมะดูจะมีพลังหยุดวิญญาณนั้นสินะ”
“อื้ม อย่างที่ฉันบอกไง ว่าเธอมีต้นตระกูลเป็นเชมันน่ะ และนั้นก็ทำให้เธอมีพลังต่อต้านวิญญาณอย่างสุดยอดเลยนะ”
“แล้วไปรู้จักกันได้ไงล่ะ”
“พอดีว่าตอนนั้นยายนั้นไม่มีเพื่อน ฉันก็เลยเข้าไปทักน่ะ แห่ะๆ”
ว่าแล้วเชียว... นิสัยอย่างหมอนี้น่ะ เราน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ ไม่น่าถามเลย
คลาวน์ถอนหายใจและเดินตามยูยะต่อไป และไม่นานก็มาหยุดตรงที่โคโมะยืนรออยู่นั้นเอง โคโมะยืนล้วงกระเป๋าเสื้อฮู้ดอยู่นั้นช่างดูเป็นผู้หญิงที่เท่มากๆ และยังดวงตาคมคู่นั้นอีก
“โคโมะ เมื่อตอนเช้าเธอสุดยอดมากเลยนะ ไล่วิญญาณได้ด้วย เก่งมาเลยล่ะ” ยูยะวิ่งเข้าอย่างรวดเร็วและพูดออกมาจากใจจนทำให้โคโมะตาโตหันมองไปทางอื่น ไม่นานก็หันมามองคลาวน์ด้วยสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
“นายคือคลาวน์สินะ ยูยะบอกฉันหมดแล้วล่ะ ว่านายน่ะเป็นคนที่มีมองเห็นวิญญาณได้เหมือนกัน แถมยังมีวิญญาณติดตามที่ชื่อว่า เค อีกใช่มั้ย?” โคโมะพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมาจนคลาวน์อึ้งไปนิดหน่อยและกลับมาหน้านิ่งอีกครั้ง ยูยะแอบยิ้มนิดหน่อยเมื่อคลาวน์ที่เย็นชาจะอึ้งเป็นด้วย สัพักเคก็ออกมาจากพื้นจนทำให้ยูยะตกใจด้วยความไม่ชิน
“ว๊าก!”
“ยังไม่ชินอีกนะ” เคพูดพลางเหงื่อตกกับอาการตกใจนั้น
“พอทีเถอะขอร้องล่ะเค อย่าโผล่มาแบบนี้อีกเลย หัวใจจะวาย” ยูยะพูดก่อนจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
“หึหึหึ ไว้จะเก็บไว้พิจารณาแล้วกันนะ” ร่างของเคโผล่ให้เห็นเต็มๆ และลอยอยู่ข้างหลังคลาวน์แลพเอาแขนคล้องคอคลาวน์ แลดูเข้ากันมาก
“สาวน้อยคนนี้ใครล่ะ?” เคถาม
“เพื่อนฉันเอง เธอเป็นเชมันน่ะ”
“หืม..ไม่เลวนิ น่าตาก็น่ารักซะด้วย”
“ขอบคุณสำหรับคำชมนะ คุณวิญญาณที่หลุดออกมาจากโรงเรียนคำสาป”
“โอ้ย คำพูดนั้นเจ็บจังนะ เรียกว่าเค ดีกว่านะ”
โคโมะพยัคหน้าอย่างไม่ค่อยสนใจนัก แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้คลาวน์ตลกหรือร่วมสนุกด้วยหรอกนะ เพราะสำหรับเขาแล้ว ในเวลานี้มันเป็นประเด็นที่ว่า ยูยะเรียกให้เธอคนนี้มาทำไมมากกว่า คลาวน์หันไปทางยูยะก่อนจะถามว่า
“แล้วนายบอกให้เธอย้ายโรงเรียนมางั้นเหรอ?”
“แม่นแล้ว! เพราะนั้นเป็นทางเดียวที่จะช่วยฮินาตะจากวิญญาณที่เราไม่รู้จักได้ไงล่ะ”
วิญญาณที่เราไม่รู้จัก..ตัวยูยะเองก็รู้สึกเหมือนกันสินะ
“เรื่องนั้นฉันก็ได้ยินมาจากยูยะเช่นกัน ถ้ายังไงจะให้ฉันไปดูที่โรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้หน่อยได้มั้ย เพราะฉันเองก็พอมีวิธีบ้างแล้วล่ะ”
ทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏวิญญาณของเด็กสาวหมอกดำออกมาข้างหลังของโคโมะ ซึ่งทำให้พวกคลาวน์ตกใจเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าจะมาโผล่ในเวลาแบบนี้ วิญญาณนั้นจ้องมองมาทางโคโมะอย่างเขม็งเหมือนกำลังแค้นกับเรื่องเมื่อเช้า
“เธอ..ทำฉันไว้แสบมากนะ!!” เสียงของเธอแหลมและแสดงถึงความโกรธอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะเธอทำตัวเองมากกว่ามั้ง? ช่วยบอกทีได้มั้ยว่าจะทำให้คำสาปที่เคยเกิดกับโรงเรียนนั้นแล้ว จะให้มาเกิดที่นี้อีกทำไม?”
“เพราะอะไรน่ะเหรอ!? ก็เพราะฉันต้องการยังไงล่ะ!!” วิญญาณนั้นเริ่มปล่อยเงาดำมากมายออกมา จนเคผละออกจากคอของคลาวน์อย่างเสียดาย แต่นั้นก็ทำให้วิญญาณชะงักไปแว่บหนึ่ง ก่อนโคโมะจะหลับตาและเกิดดวงวิญญาณที่ไม่มีรูปร่าง และเป็นสีขาวบริสุทธิ์มากๆ ขึ้นรอบตัว จนดูยิ่งใหญ่มากๆ
คลาวน์กับยูยะที่ทำได้แค่ยืนดูก็ถึงกับอึ้งไป แน่นอนว่าถ้าไม่มีสัมผัสคงไม่ได้เห็นอะไรที่น่าตื่นเต้นขนาดนี้แน่นอน ร่างบางเด็กสาวเริ่มเดินตรงไปที่วิญญาณที่ดูจะตกใจกับภาพตรงหน้า ก่อนจะเอามือขึ้นไปเชิดคางของหลอนขึ้นมามองตากัน แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นยะเยือกเหมือนกับสามารถสะกดจิตได้
“เธอน่ะ รู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังฆ่าคนตายไปเยอะแค่ไหน และยังทำให้คนที่ชื่อ ฮินาตะ ต้องช๊อคจนเข้าโรงพยาบาลอีก เธอคิดว่ามันสนุกนักเหรอ?”
“นี่แก..จะมากไปแล้วนะ...!!” วิญญาณหมอกดำเริ่มเพิ่มจำนวนและมันก็ส่งผลให้เคเริ่มจะร่วมด้วยอีกคนด้วยพลังวิญญาณที่มีอยู่มากมายเพราะวิญญาณเขาก็เคยแค้นมาก่อน และตอนนี้เขาก็กำลังจะระเบิดความแค้นใส่วิญญาณเด็กสาวที่ตอนนี้ก็ตะลึงอีกครั้ง
จริงๆ คลาวน์กับยูยะก็ตกใจกับพลังของโคโมะเหมือนกัน แต่ก็ตกใจพลังของเคที่สัมผัสถึงความแค้นได้รุนแรง วิญญาณของเด็กสาวกัดฟันโกรธก่อนจะพูดด้วยความโมโหและหายไปอีกครั้งเพราะพลังของตนยังมีไม่มากพอ
“เค..นี่นาย...” คลาวน์พึมพำออกมา
“เขามีสัมผัสของความแค้นชัดมาก คงไม่ได้ตายดีสินะ” โคโมะตอบ เพราะเห็นว่าเคมีสีหน้าที่เย็นชาแต่ในตากลับเศร้า ก่อนมุมปากจะยกขึ้นและพูดออกมา
“พวกนายสงสัยกันแล้วสินะ แต่ฉันจะไม่เล่าจนกว่าเธอจะไปช่วยฮินาตะนะ เพราะตอนนี้ฉันเป็นห่วงเพื่อนคนสำคัญอย่างคลาวน์ที่ดันทำหน้าเศร้ามาสองวันเต็มๆ แล้วล่ะ รบกวนด้วยนะ..”
เสียงของเคค่อยๆ หายไปพร้อมกับวิญญาณที่ค่อยๆ หายไปอย่างกับหมอกที่กำลังเลือนหายไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางใบหน้าและความรู้สึกสงสัยของคลาวน์และยูยะ โคโมะเองก็ถอนหายใจออกมา เพราะวิญญาณที่มีปัญหาไม่ได้มีแค่ดวงเดียวซะแล้วล่ะ
ที่หอพักชาย
“ห้องน้ำว่างแล้วเพื่อน” ยูยะพูดหลังจากที่เดินออกมาด้วยชุดนอนและผ้าขนหนูที่เช็ดอยู่ที่หัว คลาวน์ที่อยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ไม่มีเน็คไทและปลดกระดุมอันหนึ่ง ช่างดูเท่ไปอีกแบบเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถอดเครื่อง MP3 ออกแล้ววางไว้ข้างๆ หมอนและลุกจากเตียง เพื่อไปอาบน้ำ
ผ่านไปไม่นาน คลาวน์ก็ออกมาด้วยเสื้อยืดและกางเกงขายาว แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ของคลาวน์ดังขึ้น และนั้นก็ทำให้คลาวน์ถอนหายใจออกมา ยูยะนั่งลงที่เตียงและหยิบโทรศัพท์ให้คลาวน์ที่ยืนอยู่
“พ่อนายสินะ”
“อ่า ถ้ายังไงฉันขอออกไปคุยข้างนอกนะ” คลาวน์ว่าพลางถือโทรศัพท์ออกไปข้างนอกระเบียงที่มีลมพัดสบาย ก่อนจะเปิดฝาออกเพื่อรับสายนั้น
“ครับ ผมเอง”
[นี่พ่อเอง ตอนนี้พ่ออยู่บ้านแล้วล่ะ ถ้ายังไงจะกลับมาหน่อยมั้ย เพราะแม่ก็กลับมาแล้วด้วยนะ ที่บ้านพวกพ่อทำความสะอาดแล้ว กลับมาเหอะนะ]
“....”
ผู้เป็นพ่อที่อยู่ปลายสายเริ่มกังวลเรื่องที่ลูกชายของตนไม่ตอบกลับมาแต่น้อย และน้ำตาของคลาวน์ก็ไหลออกมา คลาวน์ที่รู้สึกน้ำที่นองหน้าของตนก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่าน้ำตาจะไหลอีกครั้ง ตั้งแต่ที่ร้องออกมาเมื่อ 2 ปีก่อนจากการเสียหญิงสาวคนสำคัญไป
ภายในห้องมีเคที่พึ่งมากับยูยะที่มองมาทางคลาวน์อย่างเป็นห่วง คลาวน์หันมาตั้งใจคุยโทรศัพท์ทั้งน้ำต่อ แต่ไม่ได้คุยในแบบครอบครัวที่ห่วงใยเลยสักนิด
“แล้วตอนนี้รู้สึกยังไงครับ”
[เอ๋..?]
“พวกคุณพ่อรู้สึกยังไงครับ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วไม่เจอผมน่ะ”
[พ่อก็ต้องเป็นห่วงสิ แม่เองก็ด้วย แล้วนั้นอยู่ที่ไหนน่ะ พวกเราคิดถึงลูกนะ กลับมาได้แล้วล่ะ แม่เขาอยากเจอหน้าลูกจะแย่]
“แล้วผมล่ะ...” คลาวน์ถอยหลังไปพิงกำแพงด้วยความรู้สึกท้อเมื่อถามแบบนั้น น้ำตายังคงปล่อยให้ไหลต่อไปจนไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไร
[คลาวน์...ลูกรู้แล้วเหรอ?]
“ใช่..ผมรู้แล้ว และคุณพ่อเข้าใจมั้ย? ว่าผมน่ะต้องทนกับการอยู่คนเดียวถึงสามปี..น่ะ” เสียงของคลาวน์เริ่มสั่นเครือ
จริงๆ แล้ว พ่อกับแม่ของคลาวน์ออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน ในช่วงแรกก็ติดต่อมาบ่อยหรอก หลังจากนั้นก็เงียบหายไป และคลาวน์ก็ต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายอย่างโศกนาฏกรรมที่โรงเรียนเก่าอีก และเขาพึ่งจะมาได้ยินเสียงครอบครัวเมื่อสองวันก่อนนี้เอง มันช่างเป็นเวลาที่ทำให้คลาวน์เจ็บปวดจริงๆ
“พวกคุณพ่อน่ะ ไม่เข้าใจหรอก! ว่าผมต้องทนขนาดไหน เวลากลับจากโรงเรียนและไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่ยิ้มต้อนรับเหมือนคนอื่นๆ แถมยังนอนโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีครอบครัวมาเยี่ยมแม้แต่คนเดียว ผมต้องทนอยู่คนเดียวในบ้านหลังนั้น ที่ไม่มีแม้แต่เสียงหัวเราะ หรือความอบอุ่นมาตั้งสามปี! ผมทนไม่ไหวหรอกนะ...” น้ำตาไหลออกมาพร้อมกับสิ่งที่ระบายออกมาของคลาวน์ แต่ที่เจ็บปวดเพราะต้องทนกับการแสดงความเย็นชามากกว่า
[คลาวน์..พ่อขอ-]
“พอที!!”
คลาวน์พูดออกมาก่อนจะกดตัดสายและทรุดลงไปนั่งอยู่กับพื้นพลางกุมหน้าผากตัวเอง น้ำตาไหลออกมาเหมือนกำลังปลดปล่อย เพราะนี้เป็นน้ำตาของคนที่ไม่ได้รับความอบอุ่นมาสามปี แต่ถึงจะได้มันมาก็ไม่ได้ทำให้เขาดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย...
เด็กหนุ่มทรุดลงไปนอนกับพื้นจนยูยะกับเคตกใจแล้วเข้ามาหาทันที ยูยะก็พยุงตัวของคลาวน์เข้าและเช็ดน้ำตาให้ด้วยสีหน้าถดถ้อยเพราะไม่คิดว่าจะคุยกับพ่อด้วยคความรู้แย่ถึงขนาดร้องไห้เยอะขนาดนี้ จริงอยู่ว่ายูยะไม่ได้ยินสิ่งที่คลาวน์พูดเลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็พอจะเดาสถานการณ์เมื่อกี้ได้
“หมอนี้คงพูดสิ่งที่กักเก็บไว้ออกไปแล้วสินะ” ยูยะพูด ก่อนจะอุ้มเพื่อนขึ้นมาและวางลงที่เตียงฝั่งของคลาวน์อย่างช้าๆ เพราะคลาวน์ตัวเบาอยู่แล้วจากการที่ไม่ค่อยทานอะไร
“จริงๆ พวกเราทุกคนน่ะก็เป็นแบบนี้นั้นแหละ คงมีแค่นายเท่านั้นแหละที่ไม่มีช่วงเวลาแบบนั้นเลย” เคหันไปพูดกับยูยะด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“นั้นสินะ แต่ถ้านั้นเป็นแค่ฉันล่ะก็ ฉันก็แบ่งเบาความทุกข์ของเพื่อนคนสำคัญทั้งหมดให้ได้ จนกว่าเรื่องเหล่านี้จะจบลงแล้วกัน” ยูยะพูดออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างๆ แล้วเคก็ใช้พลังเอาผ้าห่มมาห่มให้ทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“โอ้ ขอบคุณนะ ราตรีสวัสดิ์” ยูยะพูด และเคก็ใช้พลังปิดไฟอีกครั้ง ก่อนจะหายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มองไปทางเพื่อนทั้งสองอย่างห่วงใยอย่างที่ไม่เคยทำ
คืนนั้น...
คลาวน์ก็ไข้ขึ้น...
--------------------------------------------
จบแบบพาจิ้นนะคับ แถมยังมีกลิ่นวายลอยมานิดหน่อยด้วยถ้าจะช่วยเม้นถึงฉากจบจะเป็นอะไรที่เยี่ยมมากคับ ผมแนะนำให้ฟังที่ผมตั้งไว้ ในตอนอ่านฉากจบดีกว่านะคับ มันได้อารมณ์มากๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ